-
OMODA & JAECOO ผนึกกำลังจัดทัพผู้บริหารระดับแนวหน้า พร้อมนำแบรนด์ Chery มุ่งสู่การแข่งขันในตลาดไทยอย่างเต็มตัว
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ประกาศความพร้อมเต็มร้อยในการนำทัพยนตรกรรมชั้นนำมาสู่ตลาดประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์จากผู้บริหารระดับแนวหน้า นำโดย นายฉี เจี๋ย ประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเปิดตัวทีมผู้บริหารใหม่อย่างเป็นทางการ เตรียมผลักดัน แบรนด์ OMODA & JAECOO และ Chery สู่การแข่งขันอย่างเต็มตัว
หลังจากที่ได้ประกาศความพร้อมในการขยายเข้าสู่ตลาดรถยนต์ประเทศไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ที่ผ่านมา ล่าสุด OMODA & JAECOO และ Chery ได้ผนึกกำลังโดยทีมผู้บริหารระดับแนวหน้า ร่วมขับเคลื่อนแบรนด์สู่การแข่งขันอย่างเต็มศักยภาพ นำทัพโดย ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและประสบการณ์มากมายในการขยายตลาดยานยนต์ไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆ พร้อมด้วย พิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ขุนพลคู่ใจที่จะเข้ามาร่วมวางกลยุทธ์การตลาดและกำหนดทิศทางของแบรนด์ เสริมกำลังด้วย บิล จาง ผู้อำนวยการ แบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ผู้นำที่ได้สั่งสมประสบการณ์ในวงการยานยนต์ในประเทศจีนมาอย่างยาวนาน และ จิม ลี ผู้อำนวยการ แบรนด์ เชอรี ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ผู้เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์การทำงานกับ Chery International มาอย่างยาวนาน
Chery Automobile คือตัวอย่างที่แท้จริงของการพัฒนานวัตกรรมยนตกรรมอย่างไร้ขีดจำกัด จากการก่อตั้งในปีค.ศ. 1997 จนกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก บริษัทฯไม่เพียงแต่ผลิตรถยนต์ หากแต่สร้างสรรค์อนาคตด้วยปรัชญาที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ความยั่งยืน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยพนักงานกว่า 25,000 คน กับการดำเนินงานใน 110 ประเทศ และผู้ใช้มากกว่า 15 ล้านคน Chery
ได้พิสูจน์แล้วว่า รถยนต์สัญชาติจีนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างอิทธิพลในระดับสากลได้อย่างแท้จริง การันตีด้วยความสำเร็จจากการส่งมอบรถยนต์ 2.6 ล้านคันทั่วโลกในปีพ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยสำหรับประเทศไทย Chery Automobile ได้ส่งมอบนวัตกรรมผ่านแบรนด์ลูกอย่าง OMODA และ JAECOO เพื่อบุกเบิกตลาดเป็นการนำร่อง โดยเฉพาะการเปิดตัว OMODA C5 EV, JAECOO 6 EV (หรือ iCAR 03 ในประเทศจีน) ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างเกินความคาดหมาย ตลอดจน JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ที่เปิดตัวล่าสุดในงาน Motor Show 2025 นับเป็นยนตรกรรมที่จะมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งภูมิภาค ซึ่งในช่วงระหว่างงาน Bangkok Motor Show 2025 ที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจ ด้วยยอดจองถึง 2,568 คัน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จ ตามที่แบรนด์ได้รับยกย่องว่า OMODA & JAECOO เป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก การเสริมทีมผู้บริหารระดับแนวหน้า
ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า การก้าวเข้าสู่ประเทศไทยของ OMODA & JAECOO ไม่เพียงแต่เป็นการขยายตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการกรุยทาง
ให้ Chery กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นสร้างอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างล้ำสมัยและยั่งยืน“วันนี้ เราไม่เพียงแค่รวมตัวกัน แต่เรากำลังปฏิวัติอนาคตแห่งยานยนต์ OMODA, JAECOO และ Chery เชื่อในพลังของการทำงานร่วมกัน จึงได้รวบรวมนักคิด นวัตกร และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงจากทั่วโลกมาร่วมบุกเบิกอนาคต หลอมรวมความคิด พลังสร้างสรรค์ และวิสัยทัศน์ เราเชื่อในพลังของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการท้าทายขีดจำกัดเดิมๆ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราพร้อมที่จะสร้างประสบการณ์การเคลื่อนที่แห่งอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยความมุ่งมั่น นวัตกรรม และความกล้าที่จะคิดนอกกรอบ เราพร้อมพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า OMODA, JAECOO และ Chery ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่เป็นขุมพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง” ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าว
การผนึกกำลังครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ OMODA & JAECOO และ Chery ในการขยายตลาดสู่ประเทศไทย พร้อมนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ด้วยความสำเร็จที่ผ่านมา บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไทยอย่างแท้จริง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ชวนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน DGR 2025 ผู้ระดมทุนสูงสุดมีโอกาสรับรถจักรยานยนต์ SCRAMBLER 1200 ICON EDITION
เมื่องาน The Distinguished Gentleman’s Ride หรือ DGR ประจำปี 2025 ได้เริ่มต้นขึ้น ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เชิญชวนนักบิดทุกคนมาร่วมระดมทุนให้ได้มากที่สุด โดยผู้ที่ระดมทุนสูงสุด 3 อันดับแรก และผู้ชนะรางวัล Gentlefolk จะได้รับรางวัลสุดพิเศษเป็นรถจักรยานยนต์ ไทรอัมพ์ โมเดิร์นคลาสสิก
โดยการลงทะเบียนเข้าร่วมงาน เดอะ ดิสธิงกวิช เจนเทิลแมน ไรด์ (The Distinguished Gentleman’s Ride) ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว งานนี้นับเป็นงานการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์คลาสสิกและวินเทจโดยจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2025
สำหรับไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้สนับสนุนงานนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน และเตรียมมอบรางวัลสุดพิเศษสำหรับผู้ที่ระดมทุนสูงสุดซึ่งจะได้รับรางวัลเป็น Scrambler 1200 Icon Edition โดยผู้ชนะสามารถเลือกระหว่าง Scrambler 1200 X Icon Edition หรือ Scrambler 1200 XE Icon Edition รถจักรยานยนต์โมเดิร์นคลาสสิกรุ่นพิเศษที่พร้อมดึงดูดทุกสายตาในงาน DGR สำหรับ Scrambler 1200 Icon Edition มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรูหราเหนือกาลเวลา ด้วยการนำโลโก้ Triumph สีทองจากปี 1907 มาประดับตกแต่งบนถังน้ำมัน มอบความรู้สึกสไตล์วินเทจ ผสานสีสันที่ลงตัวระหว่างสี Sapphire Black และสี Aluminum Silver อันโดดเด่น พร้อมด้วยลายเส้นสีทองที่วาดด้วยมือและลายเซ็นของศิลปิน ทำให้รถจักรยานยนต์คันนี้ผสานสไตล์และความคลาสสิกในแบบของ Scrambler ไว้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ผู้ระดมทุนสูงสุดอันดับที่ 2 และ 3 รวมถึงผู้ชนะรางวัล Gentlefolk จะได้รับรางวัลรถจักรยานยนต์ ไทรอัมพ์ โมเดิร์นคลาสสิก ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น และสง่างาม สร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
อีกทั้งยังมีการเปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง DGR และ Triumph เพื่อสนับสนุนการขับขี่ในปีนี้ โดย 15% ของรายได้จากทุกการสั่งซื้อจะนำไปบริจาคให้กับ DGR เพื่อสนับสนุนมูลนิธิโมเวมเบอร์ (Movember)
รวมถึงผู้เข้าร่วมที่ร่วมใน Team Triumph จะได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ระดับโลกของไทรอัมพ์ พร้อมทั้งร่วมระดมทุน เพื่อการกุศล และผู้ที่ระดมทุนสูงสุด 5 อันดับแรกของกลุ่ม Triumph DGR Riders จะได้รับรางวัลคอลเลกชัน DGR & Triumph ประจำปีนี้
มร.พอล สเตราท์ ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า “ในปีนี้เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัลพิเศษให้กับผู้ที่ระดมทุนสูงสุด นั่นก็คือ Scrambler 1200 Icon Edition และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยรางวัลเหล่านี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถรวมตัวนักบิดที่หลงใหลไทรอัมพ์จากทั่วโลก มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Team Triumph พร้อมแต่งตัวในสไตล์ Dapper ระดมทุนเพื่อการกุศล และสนุกไปกับการขับขี่ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Car
เชลล์ รีชาร์จ ฉลองครบ 100 หัวชาร์จทั่วไทย แจกฉ่ำรับซัมเมอร์ ฟรี!…เครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากเชลล์ คาเฟ่
1 Min Readเชลล์ รีชาร์จ ฉลองครบ 100 หัวชาร์จทั่วไทย แจกฉ่ำรับซัมเมอร์ ฟรี!…เครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากเชลล์ คาเฟ่
เชลล์ รีชาร์จฉลองครบ 100 หัวชาร์จทั่วไทย พร้อมชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์ การเดินทางที่สดชื่นและเต็มพลังในซัมเมอร์นี้ เพียงชาร์จครบ 250 บาทต่อใบเสร็จ รับฟรีทันที…เครื่องดื่มขนาด 16 ออนซ์ 1 แก้วจากเชลล์ คาเฟ่ เลือกดื่มด่ำกับอเมริกาโน่มะพร้าวเย็นชื่นใจ หรือจิบมัทฉะมะพร้าวหอมหวาน มูลค่า 70 บาท ชาร์จพลังรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมชาร์จความสดชื่นในทุกการเดินทางช่วงซัมเมอร์ มาร่วมฉลองกันได้แล้ววันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2568 ที่สถานีเชลล์ รีชาร์จ ในปั๊มเชลล์ ทั่วประเทศ ซัมเมอร์นี้ ให้เชลล์ รีชาร์จดับร้อนให้คุณ
นางสาวคณาขวัญ วงศ์ชูศิริ รองกรรมการบริหารฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาสถานีบริการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์มีความภูมิใจกับอีกก้าวของความสำเร็จ ในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเชลล์ รีชาร์จครบ 100 หัวชาร์จทั่วไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเชลล์ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจอง ชาร์จ และการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันที่วางใจได้ มั่นใจทุกการชาร์จที่สถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากเครื่องชาร์จสมรรถนะสูง 180 – 360 กิโลวัตต์ ควบคู่ไปกับการส่งมอบน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงจากเชลล์ เพื่อยกระดับทุกการเดินทางให้ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น”
ในโอกาสพิเศษนี้ เชลล์ขอมอบโปรโมชันต้อนรับซัมเมอร์ให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากเชลล์ คาเฟ่ที่เย็นฉ่ำ ช่วยคลายร้อนให้ทุกการเดินทาง สำหรับลูกค้าที่ชาร์จครบ 250 บาทต่อใบเสร็จ ที่เชลล์ รีชาร์จในปั๊มเชลล์กว่า 46 สถานีทั่วประเทศ รับฟรีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ซัมเมอร์ คลายร้อนสูตรพิเศษ ขนาด 16 ออนซ์ มูลค่า 70 บาท มีให้เลือกถึง 2 เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาโน่มะพร้าวที่ให้สัมผัสรสชาติกาแฟที่นุ่มละมุน หอมกรุ่น สกัดจากเมล็ดกาแฟอะราบิกาแท้ 100% ผสานกับความหอมหวานของมะพร้าว หรือมัทฉะมะพร้าว ให้ได้ลิ้มรสมัทฉะเข้มข้นเกรดพรีเมียมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เติมความสดชื่นด้วยกลิ่นหอมของมะพร้าวแท้ให้การเดินทางสู่ทุกจุดหมายเต็มไปด้วยความสดชื่นและมั่นใจไปกับเชลล์ รีชาร์จ เพียงจองใช้บริการง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน RECHARGE หรือ REVERSHARGER
“เชลล์พร้อมเติมพลังและมอบความสุขในทุกการเดินทางของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนนี้ เราตั้งใจคัดสรรเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ผสานความหอมของมะพร้าว ซึ่งเป็นผลไม้ไทยกับรสชาติเครื่องดื่มระดับพรีเมียม เพื่อดับกระหายและเติมพลังให้ผู้ขับขี่รู้สึกสดชื่นตลอดการเดินทาง เราไม่เพียงแค่ส่งมอบพลังงานคุณภาพ แต่ยังใส่ใจในทุกรายละเอียด และมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ ณ สถานีบริการน้ำมันเชลล์ทุกสาขา” นางสาวคณาขวัญ กล่าวทิ้งท้าย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เชฟรอน จัดสัมมนา Green Manufacturing & Lubricants โรงงานสีเขียวกับการเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง
บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน และคาลเท็กซ์ เดโล่ นำโดยนางสาวระพีพรรณ ฉัตรชัยมงคล ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม (ที่ 3 จากขวา) จัดงานสัมมนา Green Manufacturing & Lubricants โรงงานสีเขียวกับการเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง ให้แก่กลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์และผู้ที่สนใจในเขตพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแนะนำข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) พร้อมชี้แนะแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากเชฟรอนให้ข้อมูลในการเลือกใช้สารหล่อลื่นและวางแผนซ่อมบำรุงที่มีผลต่อการทำงานและสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ยังได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Clarity® Bio EliteSyn™ AW น้ำมันไฮดรอลิคคุณภาพสูงเกรดพรีเมียม ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม ณ โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อเร็ว ๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
GWM รุกตลาดส่งออกเต็มพิกัด สู่อาเซียน ลาตินอเมริกา และออสเตรเลีย เพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสสอง ณ โรงงานอัจฉริยะ จังหวัดระยอง เดินหน้าผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก
GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด เดินหน้าขับเคลื่อนแผนการผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่นครอบคลุมทุกประเภทพลังงานจากโรงงานอัจฉริยะ (GWM Smart Factory) ในจังหวัดระยอง เพื่อขยายการส่งออกสู่ตลาดโลก โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 นี้ GWM (Thailand) เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มประเทศต่าง ๆ ทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และลาตินอเมริกา
โดยจะส่งรถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียม GWM TANK 500 HEV ไปยังประเทศมาเลเซีย ในขณะที่จะยังคงส่งออกรถยนต์ GWM TANK 300 HEV สู่ประเทศอินโดนีเซีย และ GWM HAVAL H6 HEV รวมถึงเจ้าสิงโตอารมณ์ดี GWM HAVAL JOLION HEV ไปรุกตลาดในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนเมษายนนี้ GWM (Thailand) เตรียมส่งออกเจ้าเหมียวไฟฟ้า NEW GWM ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทยสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรก โดยจะส่งออกไปยังประเทศบราซิล ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์อีกด้วย ก่อนหน้านี้ GWM (Thailand) ได้มีการส่งออกรถยนต์เอสยูวีไปยังประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามมาแล้ว โดยได้ส่งออกรถยนต์รุ่น GWM TANK 300 HEV, GWM TANK 500 HEV และ GWM HAVAL H6 HEV ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่ประเทศเวียดนาม ได้ส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ GWM HAVAL H6 HEV และ GWM HAVAL JOLION HEV ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประเทศดังกล่าว ทั้งหมดนี้ คือ การสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ GWM (Thailand) ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานสู่ตลาดโลก สร้างงาน สร้างรายได้ และนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย ด้วยการผลิตรถยนต์คุณภาพที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่ผลิตในประเทศไทย โดยคนไทย สู่การมอบประสบการณ์เพื่อการเดินทางที่ “เหนือกว่า” ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ผ่านกลยุทธ์ “GWM Go With More”
เจมส์ หยาง รองประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “GWM และทีมงานชาวไทยทุกคนล้วนภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมสร้างการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลิตและส่งออกรถยนต์ GWM หลากหลายรุ่น ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และลาตินอเมริกา ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะที่เป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาคอาเซียน โดยการส่งออกรถยนต์ GWM ในไตรมาส 2/2568 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการผลิตและมาตรฐานระดับโลกของโรงงานของเราที่จังหวัดระยอง โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้ GWM TANK ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในประเทศอินโดนีเซีย ส่วน GWM HAVAL ก็ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากประเทศเวียดนาม ที่สำคัญในปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราจะส่งออก NEW GWM ORA Good Cat ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากโรงงานผลิตขนาดใหญ่ของเรา โดยโรงงานที่จังหวัดระยองถือเป็นโรงงานการผลิตเต็มรูปแบบแห่งที่ 2 ของ GWM นอกประเทศจีน (ถัดจากประเทศรัสเซีย) ทั้งนี้ GWM จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ระดับโลกของ GWM เราพร้อมเติบโตไปในระยะยาวกับลูกค้ารวมถึงพาร์ทเนอร์ชาวไทย และสังคมไทยอย่างยั่งยืน”
ปัจจุบัน โรงงานอัจฉริยะของ GWM ในจังหวัดระยองสามารถรองรับกำลังการผลิตสูงสุดถึง 80,000 คันต่อปี โดย GWM (Thailand) ได้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยรถยนต์ทุกรุ่นและทุกคันที่จำหน่ายในประเทศไทยล้วนผลิตจากโรงงานในประเทศไทยโดยฝีมือคนไทยทั้งสิ้น (ยกเว้นรุ่น GWM ORA 07 ที่นำเข้าจากประเทศจีน) โดยล่าสุด ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้งรุ่นไฮบริด และปลั๊กอิน-ไฮบริด และ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่เพิ่งเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2025 เมื่อปลายเดือนมีนาคม ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ชาวไทยและเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยไปแล้วนั้น ก็ผลิตจากสายการผลิตที่โรงงาน GWM จังหวัดระยองเช่นเดียวกัน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญกว่า 1,100 คน ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับสากล พร้อมทั้งใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ในสัดส่วนประมาณ 45 – 50% ซึ่งในอนาคต GWM (Thailand) ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารจัดการซัพพลายเชน รวมถึงการบริหารจัดการอะไหล่สำหรับการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าทั่วทุกมุมโลกได้สามารถเข้าถึงยนตรกรรมอัจฉริยะในทุกรูปแบบพลังงานของ GWM ได้ง่ายขึ้น คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมรับประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าในทุกด้านอย่างแท้จริง
GWM (Thailand) เดินหน้าอย่างมั่นคงและต่อเนื่องในการผลิตรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานในหลากหลายเซกเมนต์จากหลากหลายตระกูล ครอบคลุม GWM TANK, GWM HAVAL และ GWM ORA เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกสู่ตลาดโลก และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
TTA คว้าสิทธิ์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU เดินหน้าลงทุน 100 ล้านบาทเปิดสายการผลิตในไทย ตั้งทีมวิจัยและพัฒนาสร้างสินค้าที่เหมาะสม เตรียมเปิดตัวรถที่พัฒนาสำหรับประเทศไทย 4 รุ่นภายใน 3 ปี ขยายตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละ 1 แห่ง ตั้งเป้าหมายการขาย 1 หมื่นคันต่อปีภายในปี 2572 ขึ้นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทยพร้อมขยายตลาดส่งออกในอาเซียน
คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้คว้าสิทธิ์ในการทำตลาดและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ‘นิว’ (NIU) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากประเทศจีน เนื่องจากมองเห็นว่ารถจักรยายนต์ไฟฟ้าเป็นพาหนะแห่งอนาคต ด้วยความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษาที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานทุกกลุ่มในวันนี้ แต่เชื่อมั่นว่าการเติบโตของจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นภาพที่คุ้นตาบนท้องถนนภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการทำตลาด ในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมในประเทศไทย ที่หากใครนึกถึง รถกลุ่มนี้จะต้องนึกถึง NIU
“เราเลือกเป็นพันธมิตรกับ NIU เพราะนอกจากเทคโนโลยีสมาร์ทฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่แล้ว NIU ยังเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทำตลาดครอบคลุมทั้งยุโรป อเมริกาและเอเชีย ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด”
ตั้งโรงงานผลิต พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาสร้างสินค้าสำหรับประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าการที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เติบโตเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพัฒนาสินค้าที่อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ TTA จึงเตรียมที่จะลงทุน 100 ล้านบาทในการเปิดสายการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย รวมถึงการตั้งทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ในประเทศ โดยจะเริ่มผลิตได้ภายในช่วงปลายปี 2568
การพัฒนาสินค้าสำหรับประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจาก NIU International สำนักงานใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดตัวสินค้าที่ทำการคิดค้นสำหรับประเทศไทย 2 รุ่นในช่วงปลายปี 2568 และอีก 2 รุ่น ในปี 2570 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในประเทศ รวมถึงมีแผนที่จะเริ่มการส่งออกรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2571
จับมือพันธมิตรสร้างระบบนิเวศสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
คุณเฉลิมชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทฯ จะเริ่มสร้างเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านช่องทางจำหน่าย สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจรถจักรยานยนต์มือสอง เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดรับสินค้ากลุ่มนี้ได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากอัตราการเติบโตของยอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100% ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งสิ่งที่จะผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ จะต้องมีทั้งเรื่องของสมรรถนะของตัวรถ ราคาจำหน่ายที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยการทำโครงสร้างราคาที่ชัดเจนและมั่นใจได้มากกว่าที่ผ่านมา”
ขณะที่เป้าหมายการตั้งตัวแทนจำหน่ายนั้น จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละอย่างน้อย 1 แห่ง และหากเป็นจังหวัดใหญ่ อย่างเช่น ชลบุรี ก็อาจจะมีตัวแทนจำหน่ายได้ 2 ราย ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายตามเขต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเยี่ยมชมตัวรถ โดยตัวแทนของเราในแต่ละพื้นที่สามารถดำเนินกิจกรรมด้านการขายและการตลาดในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 90 ราย
ตั้งเป้าขึ้นที่ 1 ในประเทศไทย ทั้งด้านยอดขายและความเชื่อมั่น
การเข้ามาทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU ในครั้งนี้ TTA ได้เดินหน้าลงทุนทั้งเรื่องการเปิดสายการผลิตและการพัฒนารถสำหรับตลาดในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตลาดประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมาย ที่จะมียอดจำหน่ายระดับ 1 หมื่นคันต่อปีในปี 2572 ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม ในประเทศไทย รวมถึงยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับตราสินค้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแบรนด์ NIU เคยเข้ามาในประเทศไทย ด้วยการเป็นรถจักรยานยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูป ส่งผลให้ราคาขายปลีกสูงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างจำกัด แต่ภายใต้การบริหารของ TTA นอกจากการผลิต การพัฒนาสินค้าแล้ว ยังจะมีการทำราคาจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดย TTA มั่นใจว่า NIU จะเป็นแบรนด์ที่เติบโตเคียงคู่กับผู้บริโภคชาวไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน
ไม่ใช่แค่ขายในไทย แต่มองไกลถึงอาเซียน
คุณเฉลิมชัย กล่าวว่า การเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ มองไปถึงการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่ที่ผ่านมามีอุปสรรคในด้านกำแพงภาษีนำเข้าจาก ประเทศจีนที่ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่หากมีการเปิดสายการผลิตในประเทศไทย ก็จะทำให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การที่ NIU มีพันธมิตรและมีโรงงานในประเทศไทย จะทำให้สามารถส่งออกรถจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังอาเซียนด้วยข้อตกลงเขตการค้าเสรี และทำให้ภาษีนำเข้ารถจักรยานยนต์ในหลายประเทศ ที่เคยสูงถึง 40-50% จะลดลงเหลือ 0% ทันที ซึ่งตอนนี้ได้มีตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศเริ่มติดต่อมาที่ TTA เพื่อจะนำรถไปจำหน่าย โดยเรามีแผนที่จะส่งออกในช่วงปลายปี 2571”
ชี้แบรนด์จีนไม่ใช่ปัญหา แต่ขึ้นกับตัวสินค้าต้องเหมาะสม
สำหรับการทำตลาดรถจากประเทศจีนนั้น มองว่าไม่ได้เป็นปัญหาทั้งในเรื่องภาพลักษณ์และคุณภาพของสินค้า เนื่องจากในประเทศจีนมีการใช้งานรถจักรยานยานต์ไฟฟ้าที่แพร่หลายมานาน แต่มองว่าอยู่ที่การเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดมากกว่า ซึ่งข้อที่ได้เปรียบของ NIU ก็คือการเป็นแบรนด์ที่ทำตลาดมาหลายประเทศทั่วโลก จึงมีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จากมุมมองของ TTA รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตั้งคำถามในแง่ของคุณภาพหรือภาพลักษณ์ เพราะจริงๆ แล้ว ผู้ผลิตจากประเทศจีนหลายรายสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานในระดับสากล แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือการเลือกตัวสินค้าที่จะเข้ามาทำตลาด ว่าตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยหรือไม่
“สิ่งที่เราจะต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษก็คือ การบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรถที่มีคุณสมบัติและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาด การพัฒนาด้านการให้บริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพราะความสำเร็จของจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่ตอบโจทย์และบริการที่เหนือความคาดหมายหรือไม่”
บริษัทฯ มั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สามารถทดแทนรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในอนาคต TTA พร้อมที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมหากเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ตามที่ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“เติ้น-ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” ฝ่าสนามสุดท้าทายที่บาห์เรน ในศึก FIA Formula 3 Championship 2025 – Round 2
จบเกมการแข่งขันชิงแชมป์ความเร็วระดับโลกในศึก FIA Formula 3 Championship 2025 สนามที่ 2 ของ “เติ้น-ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” นักแข่งฟอร์มูล่าทรีชาวไทยหนึ่งเดียวในรายการ จาก AAS Motorsport ภายใต้สังกัดทีมคัมโปส เรซซิ่ง (Campos Racing) ณ สนามบาห์เรน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองซาเคียร์ ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 11-13 เมษายนที่ผ่านมา โดยเติ้น ทัศนพล เปิดฉากพารถสูตรหมายเลข 11 ลงสนามซ้อม (Practice) ก่อนจะควอลิฟาย (Qualifying) เพื่อจัดอันดับออกสตาร์ท ซึ่ง เติ้น ทัศนพล ทำเวลาต่อรอบดีสุด 1:50.217 นาที จัดอยู่ในอันดับที่ 17 แต่ดูเหมือนสนามบาห์เรนจะไม่เป็นใจให้นักแข่งไทย เพราะหลังออกสตาร์ทในรอบสปรินท์เรซ (Sprint Race) ไปได้ไม่นาน รถสูตรคู่ใจของนักแข่งไทย ก็โดนกระแทกเข้าอย่างจังกับรถหมายเลข 6 ของ Charlie Wurz จนยางแตกและปีกด้านหน้าเสียหาย ทำให้ เติ้น ทัศนพล ที่ทำความเร็วอยู่ในอันดับที่ 13 ต้องวนกลับเข้า PIT อย่างน่าเสียดาย ก่อนจะกลับลงไปบู๊ต่อ ขยับไต่อันดับขึ้นมาจากท้ายแถวอย่างไม่ลดละฝ่าธงหมากรุก จบการแข่งขันในรอบนี้ไปในอันดับที่ 18 (P18) อย่างดุเดือด แม้จะพลาดคะแนนเก็บในเรซนี้ แต่สิ่งที่แฟน Motorsport ได้เห็นคือ ฝีมือ และหัวใจนักสู้ของ เติ้น ทัศนพล ที่ชัดเจนทุกนาทีการแข่งขัน
ขยับเข้าสู่การแข่งขันในรอบฟีเจอร์ เรซ (Feature Race) ที่ทำท่าจะไปได้สวย หลัง “เติ้น-ทัศนพล” โชว์ฟอร์มไล่ทำความเร็วไต่อันดับขึ้นมาจากที่ 20 โค้งต่อโค้ง นาทีต่อนาที กับทุกการตัดสินใจที่เด็ดขาด จนสามารถแซงขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 12 ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะเจองานหินในช่วงท้ายเรซ เมื่อนักแข่งไทยโดน Push อย่างหนัก จนเสียจังหวะหลุดออกจาก Track และทำให้โดนบวกเวลาตามโทษปรับ ทำให้เรซนี้จึงจบลงด้วยผลงานในอันดับที่ 16 (P16) พลาดโอกาสเก็บแต้มคะแนนสะสมไปอีกเรซอย่างน่าเสียดาย
สำหรับ FIA Formula 3 – สนามถัดไป จะจัดขึ้น ณ สนามเอาโตโดรโม เอนโซ เอ ดิโน เฟอร์รารี (Autodromo Enzo e Dino Ferrari) หรือ อิโมลาเซอร์กิต ประเทศอิตาลี ในวันที่ 16-18 พฤษภาคมนี้ เพื่อไม่พลาดทุกข่าวสารรายงานความมันส์ส่งตรงจากทางเพจก่อนใคร แฟนความเร็วและ Fc. เติ้น ทัศนพล สามารถร่วมส่งกำลังใจและติดตามเชียร์นักแข่งไทยได้ โดยกดติดตามและถูกใจ ได้ที่เพจ Facebook & Instagram : AAS Motorsport และเว็บไซต์หลัก https://www.aasautoservice.com/
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ซาร์โก” คว้าท็อป 4 โมโตจีพี กาตาร์ “ก้อง-สมเกียรติ” เดินหน้าเก็บประสบการณ์ สังเวียนกรังด์ปรีซ์โลก 4 สนามแรก
“ก้อง-สมเกียรติ” ต้องทำงานอย่างหนักกับรถแข่ง Honda RC213V เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ร่วมกับต้นสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ และทีมวิศวกร HRC เข้าสู่สนาม 4 ที่กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ เรซนี้ก้องที่ต้องออกตัวจากกริดที่ 22 สามารถยกระดับความเร็วต่อรอบใน “สปรินต์เรซ” จาก 1 นาที 54.458 วินาที มาเป็น 1 นาที 54.208 วินาที ในเมนกรังด์ปรีซ์ และรักษาความเร็วได้อย่างคงที่ตลอดทั้งเรซ ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 18 มาครอง
นักบิดขวัญใจชาวไทย เจ้าของหมายเลข 35 กล่าวหลังจบเรซว่า “ผมและทีมรู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่สามารถยืนเวลาที่ดีตั้งแต่รอบแรกจนรอบสุดท้าย แม้จะเป็นเรซที่ยาก ซึ่งระห่างจากหัวแถวต่างกันอยู่ประมาณ 3.8 วินาที แต่เรายังคงทำงานหนักเพื่อเดินหน้าพัฒนาผลงาน ซึ่งมีความคืบหน้าไปทีละขั้น ผมแทบรอไม่ไหวที่จะไปถึงการแข่งขันที่ เฮเรซ และเริ่มต้นสนามแรกในยุโรป”
ด้านทีมเมทชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 “โยฮันน์ ซาร์โก” ยกระดับผลงานอย่างน่าประทับใจ สตาร์ตจากกริดที่ 7 ก่อนบิดคว้าอันดับ 4 ตามหลังผู้ชนะ 6.668 วินาที ตามด้วย “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียน หมายเลข 10 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี สตาร์ตจากกริดที่ 15 จบในอันดับ 10 ขณะที่ “โจอัน เมียร์” ทีมเมทชาวสแปนิช หมายเลข 36 ไม่จบการแข่งขัน
ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดรุ่นน้องในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากสนามที่แล้ว ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 18 บิดคว้าอันดับ 19 เวลารวม 33 นาที 46.620 วินาที
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามต่อไปจะโยกไปดวลความเร็วกันที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ-อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน ในรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายนนี้
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ และนักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม: https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #HondaHRCCastrol #JM36 #LM10 #LCRHondaTeam #LCRHonda #JZ5 #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP #HondaTeamAsia #TB5 #Gonz #QatarGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ร่วมเปิดศูนย์อำนวยการฯ ลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 2568 ย้ำจุดยืนสนับสนุนความปลอดภัยทางถนน
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ไทยฮอนด้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายภาคีที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี
ในโอกาสนี้ ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นตัวแทนเข้าร่วมพิธีเปิดศูนย์ฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วน โดยได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
การจัดตั้งศูนย์อำนวยการฯ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ อำนวยการ ติดตาม และสนับสนุนการดำเนินงานในทุกระดับ ภายใต้แนวคิด “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยเน้นการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนตามแนวทาง “ยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach)” เพื่อควบคุมและลดปัจจัยเสี่ยงจากคน ถนน ยานพาหนะ และสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด โดยกำหนดช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11–17 เมษายน ให้สอดคล้องกับช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
มาตรการหลักของศูนย์ฯ ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ 1) การบริหารจัดการในส่วนกลางและภูมิภาค 2) การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3) การควบคุมดูแลยานพาหนะและพนักงานขับรถ 4) การรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมาย และ 5) การเตรียมความพร้อมด้านการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการสนับสนุนในครั้งนี้ ไทยฮอนด้าร่วมผลักดันและรณรงค์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการถ่ายทอดทักษะการขับขี่ที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมทั้งส่งเสริมจิตสำนึกในการขับขี่อย่างปลอดภัย เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยให้เป็นเมืองแห่งการขับขี่ปลอดภัยในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญที่มีปริมาณการเดินทางหนาแน่นทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารจากไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: fb.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
โออาร์ สนับสนุนโครงการรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568
โออาร์ เดินหน้าสนับสนุนโครงการรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ สำหรับพนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันและก๊าซหุงต้มทุกคน ผ่านการอบรมพนักงานขับรถ ให้ตระหนักถึงความปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
นางกาญจนี อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า โออาร์ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันและก๊าซหุงต้ม รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2568 – 17 เมษายน 2568 เพื่อเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ให้พนักงานขับรถทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยคลังน้ำมันและก๊าซทั้ง 16 พื้นที่ทั่วประเทศ ได้จัดอบรมเพิ่มเติมเรื่องความปลอดภัยและกฎจราจรให้พนักงานขับรถขนส่งปิโตรเลียม พร้อมมอบกาแฟคาเฟ่ อเมซอน เพื่อตอกย้ำเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย
ทั้งนี้ โออาร์มีมาตรฐานการตรวจสภาพรถและความพร้อมของพนักงานขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ โออาร์ยังได้นำระบบ IVMS (In Vehicle Monitoring System) มาใช้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีระบบแจ้งเตือนและระบบติดตามในการขับขี่ เรามุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีให้เพียงพอต่อความต้องการแก่ผู้บริโภคตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุด
โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโออาร์ ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วไป อันเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของ โออาร์ ในการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสังคมไทย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine