• ยามาฮ่าเปิดอาณาจักรแห่งโลกยานยนต์ “FEEL The Unique Experience” เปิด 2 โมเดลใหม่สุดซูเปอร์สปอร์ต และ 3 รุ่นสีสันใหม่สุด ลิมิเต็ด ในงานมอเตอร์โชว์

    1 Min Read

    ยามาฮ่าเปิดอาณาจักรแห่งโลกยานยนต์ “FEEL The Unique Experience” เปิด 2 โมเดลใหม่สุดซูเปอร์สปอร์ต และ 3 รุ่นสีสันใหม่สุด ลิมิเต็ด ในงานมอเตอร์โชว์

    นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดบูธ YAMAHA “FEEL The Unique Experience” ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 อย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้ ยามาฮ่าเปิด 2 โมเดลสายพันธุ์ R-Series รุ่นใหม่กับ New YAMAHA R9 รถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ CP3 890 ซีซี และ New YAMAHA R3 สปอร์ตไบค์มิดเดิลคลาสกับขุมพลังเครื่องยนต์ 321 ซีซี พร้อมกันนี้ ยามาฮ่าเปิด New YAMAHA SR 400 กับตำนานของรถสปอร์ตเฮอริเทจ ที่คงความคลาสสิกตลอดกาล กับรุ่น Final Edition และ New YAMAHA R15 และ New YAMAHA EXCITER 2 รุ่นที่มาพร้อมกับสีสันใหม่ พร้อมโปรโมชันแบบจัดเต็มครบทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่รถสแตนดาร์ดไบค์ถึงรถบิ๊กไบค์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป เครื่องแต่งกายแท้ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแท้จากยามาฮ่า ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

    สนใจเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าพร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษ พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษต่างๆ ที่ บูธ YAMAHA “FEEL The Unique Experience” มาค้นหาความเป็นตัวคุณไปพร้อมกับยามาฮ่า ระหว่าง วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี สามารถติดตาม และชมรายละเอียดของบูธยามาฮ่าได้ที่ www.yamaha-motor.co.th หรือที่ Facebook: Yamaha Society Thailand

    #Yamaha #ยามาฮ่า #RevsyourHeart #FeelTheUniqueExperience #MotorShow2025 #มอเตอร์โชว์2025


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ริเวิร์ธ เรซซิ่ง เปิดตัว AERO X-25 ชุดอัพเกรดแอโรพาร์ทสำหรับ Ranger Raptor & MS-RT

    1 Min Read

    ริเวิร์ธ เรซซิ่ง เปิดตัว AERO X-25 ชุดอัพเกรดแอโรพาร์ทสำหรับ Ranger Raptor & MS-RT

    ริเวิร์ธ เรซซิ่ง บริษัทที่เกิดจากการรวมตัวกันของ 2 ผู้บริหาร ที่เปี่ยมด้วย Passion ด้วยประสบการณ์กว่า 28 ปี จากนักแข่งในเวทีระดับสากล ทั้งในรูปแบบทางเรียบ (Racing) และทางฝุ่น (Rally) ของ คุณ นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ ผนึกไอเดียในการออกแบบกับ คุณ ธนพล หาญพัฒนพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนยานยนต์ สู่ธุรกิจแอโร่ดีไซน์เต็มรูปแบบในชื่อ Reworth Racing Aero หรือ RWR

    ด้วยการรวมตัวของบุคคลที่เปี่ยมด้วย Motorsport DNA กลายมาเป็นที่มาของแอโร่พาร์ทคุณภาพระดับแข่งขัน ประเดิมด้วย AERO X-25 ชุดแต่งที่จะมาช่วยยกระดับของปิคอัพสมรรถนะสูงอย่าง Ford Ranger Raptor รวมถึง Ranger MS-RT ให้มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น โดยชุดแต่ง AERO X-25 นับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัพเกรดเสถียรภาพการขับขี่ ภายใต้ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตาตั้งแต่หัวจรดท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ของผู้ครอบครอง รวมถึงยกระดับสมรรถนะ ทั้งกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขับขี่ในสนามแข่งได้อย่างลงตัว

    Reworth Racing Aero รุ่น AERO X-25 สำหรับ Ford Ranger Raptor และ Ranger MS-RT ผ่านสรรค์สร้างภายใต้จิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน โดยมาในรูปแบบ Limited Edition เพียง 168 ชุด พร้อมตัวเลขระบุลำดับการผลิต โดยชุดแต่ง AERO X-25 เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทำจาก เพียวคาร์บอน (Pure Carbon) ซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียงไม่เกิน 9 กก. เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน และมีความแข็งแรงสูงกว่าชิ้นงานคาร์บอนทั่วๆ ไป สามารถสร้าง Downforce ให้กับตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถเพิ่มแรงกดได้ถึง 61 กก. เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. (ตามมาตรฐานการทดสอบในระดับนานาชาติ) นอกจากนี้ AERO X-25 ยังสามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องดัดแปลงชิ้นส่วนของตัวรถ

    นอกจากจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์และประสิทธิภาพด้านแอโร่ไดนามิคส์ของตัวรถแล้ว แนวความคิด และ ประสบการณ์ที่มอบให้ลูกค้า Reworth Racing Aero รุ่น AERO X-25 ยังนับว่าเป็นกุญแจสู่ Motorsport Lifestyle ที่ผู้ครอบครอง จะได้ทลายข้อจกัดของตัวรถที่มีตั้งแต่หัวจรดท้าย พร้อมสัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก จากผลของความตั้งใจในการออกแบบชิ้นงาน ที่ใช้เวลารวมกว่า 2 ปี ในการสรรสร้าง นอกจากนี้แล้ว…ผู้ครอบครองพาร์ท AERO X-25 จะได้สิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม Motorsport ของ Reworth Racing เช่น Pro Rally Experience, Circuit Racing Experience จาก คุณ เอส นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเวิร์ธ เรซซิ่ง จำกัด ผู้มีประสบการด้านมอเตอร์สปอร์ตทุกรูปแบบกว่า 28 ปี

    เร็วๆ นี้ บริษัทยังมีแผนจะสร้าง Academy Speed Rally หรือคอร์สการเรียนรู้ทักษะการขับขี่ในรูปแบบแรลลี่ โดยเริ่มจากกลุ่มผู้ครองชุดแต่ง RWR เพื่อสร้างประสบการณ์และการตอบแทนที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยหลักสูตรดังกล่าว เป็นการถ่ายทอดสุดยอดประสบการณ์จากโรงเรียนที่สร้างนักแข่งในรายการ World Rally Championship จากประเทศสเปนสู่ลูกค้าชาวไทย เพื่อสร้างทักษะขั้นสูงในการขับขี่รูปแบบแรลลี่ นอกจากนี้ RWR ยังมีแผนที่จะเปิดโครงการ 1 Day Racing เปิดประสบการณ์การใช้ชีวิตเสมือนนักแข่ง เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ในสนามด้วยรถที่ใช้ในการแข่งขันจริงแบบตัวต่อตัว เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมได้เห็นว่า ใน 1 วันของนักแข่ง จะต้องทำอะไร มีมุมมองอย่างในต่อการแข่งขัน และยกระดับขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อให้รู้ว่า “การแข่งขัน” เป็นความชอบหรือเป็นกิจกรรมที่ต้องการจะเดินไปทางนี้อย่างจริงจังหรือไม่ ?

    คุณสมบัติที่เด่นของ RWR AERO X-25 (Full Carbon)

    วัสดุ : คาร์บอนไฟบอร์คุณภาพสูง โดย P1 Composites Co., Ltd. ผู้ผลิตคาร์บอนคอมโพสิตส์มาตรฐานโลก, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Motorsport และยานยนต์ โดยมีวัสดุคาร์บอนให้เลือกถึง 3 ประเภท

    1. Gloss/Wet carbon
    2. Satin/Dry carbon
    3. Forge Carbon

    สมรรถนะหลังจากอัพเกรดชุด RWR AERO X-25

    1. สร้างแรงกดจากลม (Downforce) สูงถึง 61.12 กก. ที่ความเร็ว 160 กม./ชม.
    2. ไม่สร้างแรงต้าน (Drag) เพิ่มใดๆ ที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองสำหรับการขับขี่ในความเร็วปกติ อันเป็นผลจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยการลดพื้นที่หน้าตัด และระเบียบการไหลของทิศทางลม
    3. RWR AERO X-25 มีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 8.15 กก. เท่านั้น

    ดีไซน์อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ RWR

    1. 1.ดีไซน์ให้กลมกลืนไปกับเส้นสายของตัวรถ
    2. 2.ได้แรงบัลดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตระดับสูง ทั้ง Dakar Rally, WRC Rally Car และ Formula 1
    3. 3.ผ่านการคำนวณและจำลองการออกแบบด้วย CFD Software ทางวิศวกรรม การันตีทั้งสมรรถนะ รวมถึงความแข็งแรงในทุกย่านความเร็ว
    4. 4.ติดตั้งกับจุดยึดเดิมจากโรงงาน โดยไม่มีการเจาะหรือต้องติดตั้งชิ้นส่วนเพิ่มเติม

    กลุ่มเป้าหมาย และแผนการตลาด

    Stage I : ประเทศไทย, มาเลเซีย

    Stage II : ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์

    Stage III : อเมริกาเหนือ, ยุโรป

    กระบวนการผลิตปัจจุบัน : 1เดือน

    สถานะสิทธิบัตร : ยื่นจดภายใต้บริษัท Reworth Racing Co., Ltd.


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “Repsol Honda HRC” ผงาดแชมป์โลก X-Trial 2025 “โทนี่ โบ” คะแนนสะสมขาดลอย ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 19 ครอง 37 ไทรอัล เวิลด์ แชมป์เปี้ยน

    1 Min Read

    “Repsol Honda HRC” ผงาดแชมป์โลก X-Trial 2025 “โทนี่ โบ” คะแนนสะสมขาดลอย ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 19 ครอง 37 ไทรอัล เวิลด์ แชมป์เปี้ยน

    “โทนี่ โบ” ยอดนักขับไต่เขาชาวสเปนจาก Repsol Honda HRC ปิดเกมคว้าแชมป์โลกในศึก X-Trial 2025 โดยไม่ต้องลุ้นผลแข่งขันในสนามสุดท้าย หลังบิดคว้าโพเดียม ในการแข่งขันสนามที่ 7 ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา สร้างผลงานคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 19 ในประเภทอินดอร์ รวมถึงแชมป์โลก 37 สมัยในการแข่งขันไทรอัล

    X-Trial 2025 สนามที่ 7 รายการ X-Trial France ไปดวลกันที่คาฮอร์ส ในประเทศฝรั่งเศส (Cahors, France) “โทนี่ โบ” เจ้าของหมายเลข 1 จาก Repsol Honda HRC ยังคงทำผลงานยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก ทำคะแนนหล่นไปเพียง 7 คะแนนเท่านั้น จาก 6 โซน ลอยลำเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ตามคาด ขณะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง “กาเบียล มาเซลลี่” หมายเลข 38 ก็สามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เช่นกัน

    การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ “โทนี่ โบ” ถึงแม้จะขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 เก็บคะแนนสะสมรวมเพิ่มเป็น 130 คะแนน ซึ่งก็เพียงพอต่อการเป็นแชมป์โลก X-Trial 2025 ด้วยคะแนนสะสมที่ขาดลอย ได้ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 19 ในรายการนี้ และรวมเป็นแชมป์โลก 37 สมัยในการแข่งขันไทรอัล ทางด้าน “กาเบียล มาเซลลี่” รั้งอันดับที่ 3 บนโพเดียม บวกแต้มเพิ่มรวมเป็น 75 คะแนน รั้งท็อป 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ

    ทั้งนี้ การแข่งขันศึก X-Trial 2025 สนามที่ 8 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล ในรายการ X-Trial Estonia ที่ทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย (Tallinn, Estonia) จะมีขึ้นในวันที่ 26 เมษายน นี้

    #ThaiHonda #HRC #RaceToTheDream #HondaRacingThailand #MotorSport #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaRacingCorporation #FIMTrailGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว วอลโว่ XC90 ปลั๊กอินไฮบริด โฉมใหม่ พร้อมจัดแสดงรถไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุด วอลโว่ EX90 ที่งาน Motor Show 2025

    1 Min Read

    วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว วอลโว่ XC90 ปลั๊กอินไฮบริด โฉมใหม่ พร้อมจัดแสดงรถไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุด วอลโว่  EX90 ขนาด 6 ที่นั่ง ที่งาน Motor Show 2025

    วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มอบทางเลือกที่ครอบคลุมให้ผู้สนใจในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ด้วยการ เปิดตัว วอลโว่  XC90 รถปลั๊กอินไฮบริด โฉมใหม่ล่าสุด สไตล์เอสยูวีขนาด 7 ที่นั่ง ภายใต้ดีไซน์การออกแบบใหม่ล่าสุดทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเผยโฉม วอลโว่ EX90 รถไฟฟ้า 100% ขนาด 6 ที่นั่ง และพิเศษภายในงานกับสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนออีกมากมาย สำหรับผู้สนใจจองและซื้อรถภายในงาน ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน พ.ศ.2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ที่วอลโว่ คาร์ บูธ A13

    ทำสิ่งที่ดีที่สุด ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย วอลโว่ XC90 รถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นปรับโฉมใหม่ ที่มาพร้อมการออกแบบใหม่ล่าสุดทั้งภายนอกและภายใน

    ใน งาน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยมตลอดกาล วอลโว่ XC90 ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ แต่ยังมาพร้อมความพรีเมียม ความสบายในการขับขี่และโดยสาร รวมถึงความปลอดภัยที่ยกระดับให้ดียิ่งกว่าเดิม  วอลโว่ XC90 โฉมใหม่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เปลี่ยนโฉมทั้งภายนอกและภายใน ตั้งแต่กระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้นและลายดีไซน์ใหม่ด้วยเส้นโครเมียมแบบเฉียงซ้าย-ขวา พร้อมตราวอลโว่ Iron mark ทรง 3 มิติใหม่, ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s hammer อันเป็นเอกลักษณ์ ถูกออกแบบให้มีความเรียว และกว้างมากขึ้น เสริมด้วยเทคโนโลยีไฟเมทริกซ์ LED ใหม่ จึงให้แสงไฟที่ส่องสว่างครอบคลุม และไกลขึ้นกว่าเดิม, กันชนหน้ามาพร้อมการออกช่องดักลมด้านข้างแบบแนวตั้ง และแนวนอนดีไซน์เรียวยาวบริเวณส่วนล่างของกันชน, ฝากระโปรงหน้าถูกปรับให้รับกับโฉมหน้าใหม่ของรถเพื่อเพิ่มความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น, ท้ายรถมาพร้อมกับไฟท้ายที่มีการออกแบบให้เข้มขึ้น โดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนโครเมียมภายในทั้งหมดเป็นสีดำ ทำให้เส้นแนวตั้งของการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นและให้รูปลักษณ์ที่ทันสมัย

    ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบควบคุมอินโฟเทนเม็นต์ที่ถูกปรับให้อัจฉริยะยิ่งขึ้นผ่านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายเหมือนการใช้งานในรถไฟฟ้า 100% อย่างในรุ่น EX30 และ EX90 บนหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้ง ความละเอียดสูง ไร้กรอบ  ขนาดใหญ่ถึง 11.2 นิ้ว นอกจากนี้ยังออกแบบที่วางแก้วใหม่แบบ 2 +1 นอกจากนี้ยังได้มีการย้ายตำแหน่งแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายไปอยู่ระหว่างช่องคอนโซลด้านหน้าเพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น ภายในรถยังมาพร้อมชุดเครื่องเสียงจากแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Bowers & Wilkins กับลำโพงคุณภาพเสียง Hi-Fi 19 ตำแหน่ง ให้กำลังขับ 1,410 วัตต์

    วอลโว่ XC90 ปลั๊กอินไฮบริดใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Drive E เบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 462  แรงม้า  แรงบิดรวมสูงสุดที่ 709 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.3 วินาที1 ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ตัวรถมาพร้อมพลังการขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถใช้งานทั้งในแบบการขับขี่ด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 18.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางขับสูงสุดถึง 76.7 กิโลเมตร1 ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมระยะที่เพิ่มขึ้นเมื่อขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ให้การขับขี่และโดยสารที่สบายด้วยระบบช่วงล่างแบบถุงลม สามารถปรับความหนืด ปรับการตอบสนองได้ตามสภาพถนน โดยทำงานร่วมกับแชสซีด้วยความถี่ระดับ 500 ครั้งต่อวินาที เพิ่มคุณภาพการขับขี่ให้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยในการทรงตัวและการเข้าโค้ง เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับ และเพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารในทุกที่นั่ง

    สัมผัสสไตล์แห่งการออกแบบ และความสบายในการโดยสารกับ วอลโว่  EX90 แบบ 6 ที่นั่ง

    พร้อมกันนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังได้นำ วอลโว่  EX90 รถไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถวอลโว่ที่ปลอดภัยที่สุด ในแบบ 6 ที่นั่งมาจัดแสดง เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ในใจในรถไฟฟ้า 100%     สไตล์เอสยูวีขนาดใหญ่ ที่มองหาความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นในแง่ของการโดยสารเนื่องจากมีพื้นที่ในการเข้าออกที่นั่งแถวหลังได้สะดวกขึ้น และการใช้งานซึ่งตอบโจทย์ในทุกโอกาสด้วยดีไซน์อันเรียบหรูในแบบสแกนดิเนเวียน และความพรีเมียมในการออกแบบและวัสดุตกแต่งที่นำมาใช้ในรถ

    วอลโว่  EX90 รุ่น Ultra Twin Performance แบบ 6 ที่นั่ง มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังสูงสุด 517 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 910 นิวตันเมตร ทำให้มีสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ให้ระยะทางสูงสุดถึง 7451 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง และรองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 250 กิโลวัตต์ โดยสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที ภายในมีห้องโดยสารที่กว้างขวางและทันสมัย พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว, Google built-in และระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Nvidia Drive AI นอกจากนี้ EX90 ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มอบการเดินทางที่พรีเมียม เช่น เบาะนวดด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมเพื่อการขับขี่ที่สบาย

    คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “วอลโว่   XC90 คือหนึ่งในรถรุ่นยอดนิยมตลอดกาลของวอลโว่ตั้งแต่เปิดตัว ด้วยคุณสมบัติที่ครบครันทั้งในด้านความสบายในการขับขี่และโดยสาร ขนาดของรถในสไตล์เอสยูวีไซส์ใหญ่ ความเรียบหรูในดีไซน์การออกแบบ ความเอนกประสงค์ในการใช้งาน หรือจะเป็นพลังการขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเมื่อนำมาทำตลาดควบคู่กับ วอลโว่ EX90 ซึ่งเป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% ก็ยิ่งเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าทั้งในกลุ่มผู้ที่มีความพร้อมในการใช้งานรถไฟฟ้าแบบ 100% และกลุ่มที่สนใจทดลองใช้งานแต่ยังต้องการการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเผื่อเป็นแผนสำรอง โดยเราเชื่อว่าการนำเสนอรถทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าในปัจจุบันจะช่วยให้เราก้าวสู่เป้าหมายการเปลี่ยนสู่การเป็นบริษัทรถไฟฟ้าได้ในอนาคต”

    สิทธิประโยชน์และข้อเสนอ2สำหรับงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 46  ทั้งในรุ่นรถไฟฟ้า 100% และรุ่นปลั๊กอินไฮบริด

    ภายในงาน วอลโว่ คาร์ ได้เตรียมสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนออีกมากมาย อาทิ

    รับสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 1,000,000 บาท เมื่อจองและซื้อรถ XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright หรือรับสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 700,000 บาท สำหรับรุ่น XC90 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark พร้อมรับ

    • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลา 3 ปี
    • บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
    • รับฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง รับประกันอายุการใช้งาน 18 เดือน พร้อมบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าภายในบ้านพร้อมติดตั้ง

    รับข้อเสนอพิเศษเมื่อจองและซื้อรถไฟฟ้า 100% อาทิ รุ่น EX90, EC40, EX40 EX30 หรือรถปลั๊กอินไฮบริด S90, S60, XC60 หรือ V60 โดยตัวอย่างข้อเสนอพิเศษ อาทิ

    • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สูงสุดเป็นเวลา 3 ปี
    • ฟรี Volvo Premium Service Package – Pro (VPSP Pro) ซึ่งประกอบด้วย บริการรับประกันคุณภาพ, บริการบำรุงรักษา และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง หรือ ฟรีบริการหลังการขาย ซึ่งประกอบด้วย บริการรับประกันคุณภาพ และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
    • บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง
    • ฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนังและการรับประกัน และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง

    ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: จุดสมดุลของนวัตกรรมและความรับผิดชอบ

    สานต่อจุดยืนในการออกแบบบูธที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน ลดขยะ เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวมต่อจากปีที่ผ่านมาด้วยดีไซน์ของบูธที่ยังคงเน้นใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยในปีนี้บูธของ     วอลโว่ คาร์ ได้คงทำเจตนารมย์เดิม ผ่านคอนเซ็ปต์การออกแบบที่แม้ดีไซน์จะเปลี่ยนไปเพื่อสร้างความน่าสนใจสำหรับผู้มาเยือน แต่รากฐานทางแนวคิดของการออกแบบยังคงเน้นย้ำถึงการนำเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยในปีนี้ 90% ของวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างบูธ วอลโว่ คาร์ คือวัสดุที่มาจากงานในครั้งก่อนหน้า อาทิ พื้นเดิมซึ่งทำขึ้นจากวัสดุวีว่าบอร์ด ตัวโครงเหล็กในบูธเป็นการถอดและนำมาประกอบกลับเพื่อใช้ซ้ำในงาน ผ้าและเฟอร์นิเจอร์เดิมที่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อตกแต่งบูธ ทุกองค์ประกอบของตัวบูธได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความสวยงาม การใช้งาน และการมีส่วนสร้างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอกย้ำจุดยืนที่ไม่ใช่เพียงแค่คำโฆษณา แต่คือการมุ่งปฎิบัติจริงเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายผ่านการใช้นวัตกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น

    าคา

    XC90 Ultra – T8 Plug-in Hybrid Bright                           4,690,000 บาท
    EX90 Ultra Twin Motor Performance 6 ที่นั่ง                  4,890,000 บาท

    ร่วมสัมผัสนวัตกรรมจาก วอลโว่ คาร์ ที่ผสานความปลอดภัย ความยั่งยืน และดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน ได้ที่บูธ วอลโว่ คาร์ หมายเลข A13 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2568


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เอ็มจี จัดข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมในช่วงมอเตอร์โชว์ กับ NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG IM6

    1 Min Read

    เอ็มจี จัดข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมในช่วงมอเตอร์โชว์ กับ NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG IM6

    บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ส่งข้อเสนอพิเศษเสิร์ฟความคุ้มค่าให้ลูกค้าเป็นเจ้าของยนตรกรรม อีวีคุณภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นำโดย NEW MG IM6 ยนตรกรรมอีวีอัจฉริยะระดับเรือธงรุ่นล่าสุด เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ากับ Motor Show 2025 Package และโกลบอลอีวีรุ่นยอดนิยมอย่าง NEW MG4 ELECTRIC ในราคาสุดว้าว กับรุ่น D เริ่มต้นเพียง 559,900 บาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน เฉพาะช่วงมอเตอร์โชว์ภายในวันที่ 6 เมษายนนี้เท่านั้น

    ข้อเสนอทางเลือกพิเศษกับการเป็นเจ้าของพรีเมียมอีวีที่ดีที่สุดในตลาด  NEW MG IM6

    แคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะช่วงงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น!!! เพิ่มทางเลือกพิเศษในการเป็นเจ้าของ NEW MG IM6 รุ่น Premium 2WD ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 1,299,900 บาท และ รุ่น PERFORMANCE AWD จัดจำหน่าย ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 1,699,900 บาท


    Prime Package                                                                  

    Premium 2WD 1,399,900 บาท
    Performance AWD 1,799,900 บาท

    • MG SHIELD ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 2 ปี
    • ฟรี รับ IM MAG HUB SET PACKAGE
    • ฟรี MG HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง
    • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนระดับพรีเมียม

    นาน 5 ปี

    • ฟรี ค่าบริการระบบปฏิบัติการ i-SMART นาน 5 ปี
    • ฟรี บริการค่าจดทะเบียน กรอบป้ายทะเบียน และชุดพรมปูพื้น
    • สิทธิพิเศษ การบริการ MG PREMIUM FAST LANE
    • สิทธิพิเศษ การบริการ MG PREMIUM CALL CENTRE
    • ดอกเบี้ยพิเศษ 99% นาน 48 เดือน
    • รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน

    และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน


    Motor Show 2025 Package

    Premium 2WD 1,299,900 บาท
    Performance AWD 1,699,900 บาท

    • MG SHIELD ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี
    • ฟรี MG HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง
    • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนระดับพรีเมียม นาน 5 ปี
    • ฟรี ค่าบริการระบบปฏิบัติการ i-SMART นาน 5 ปี
    • ฟรี บริการค่าจดทะเบียน กรอบป้ายทะเบียน และชุดพรม ปูพื้น
    • สิทธิพิเศษ การบริการ PREMIUM FAST LANE
    • สิทธิพิเศษ การบริการ PREMIUM CALL CENTRE
    • ดอกเบี้ยพิเศษ 99% นาน 48 เดือน
    • รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน

    และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน

    รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)


    ความคุ้มค่าครั้งใหม่กับ NEW MG4 ELECTRIC โกลบอลโมเดลรุ่นยอดนิยม

    นอกจากนี้ NEW MG4 ELECTRIC จัดข้อเสนอพิเศษเพิ่ม โดย STANDARD RANGE รุ่น D จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 559,900 บาท จากราคาปกติ 709,900 บาท และ LONG RANGE รุ่น D จัดจำหน่ายในราคาเพียง 664,900 บาท จากราคาปกติ 769,900 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษในช่วงงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น ได้แก่

    • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
    • ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง
    • รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุ          

    การใช้งาน

    • ฟรี ชุดพรมปูพื้น

     

    ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมทุกรุ่น พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษของ เอ็มจี ได้ที่งานบางกอก  อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 6 เมษายน นี้ ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A08   อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่โชว์รูม เอ็มจี ทั้ง 140 แห่งทั่วประเทศ

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจี ได้ที่

    Hashtag #MGThailand #MGCarsTH #PassionDrives #EVPIONEER #NEWMGIM6 #MG4ELECTRIC


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • OMODA & JAECOO เผยโฉมยนตรกรรมสุดล้ำ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) พร้อมประกาศแผนเตรียม Chery บุกตลาดไทย ปลุกพลังแห่ง New Energy เพื่ออนาคตใหม่ของวงการยานยนต์ ในงาน Motor Show 2025

    2 Min Read

    OMODA & JAECOO เผยโฉมยนตรกรรมสุดล้ำ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) พร้อมประกาศแผนเตรียม Chery บุกตลาดไทย ปลุกพลังแห่ง New Energy เพื่ออนาคตใหม่ของวงการยานยนต์ ในงาน Motor Show 2025

    OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมสุดล้ำของ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) นวัตกรรม Super HEV + EV เอสยูวีสุดล้ำที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย ไปจนถึงภาพรวมการตลาดของ OMODA & JAECOO และแผนการนำ Chery แบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาการทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “NEW ENERGY, NEW ECO, NEW ERAสะท้อนความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างระบบนิเวศพลังงานใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืน พร้อมยกทัพเทคโนโลยียนตรกรรมสุดล้ำและดีไซน์ทันสมัยจากโมเดลใหม่ล่าสุดหลากหลายรุ่นทั้งจาก OMODA & JAECOO และ Chery มาจัดแสดงให้ทุกท่านได้สัมผัส รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี บูธ OMODA & JAECOO หมายเลข A23

    OMODA & JAECOO มุ่งเน้นที่การสร้างการรับรู้แบรนด์ที่แข็งแกร่งและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างตรงจุด โดยได้นำเสนอยนตรกรรมที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล อย่าง OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV (หรือ iCAR 03 ในประเทศจีน) จากความสำเร็จของ OMODA & JAECOO ในตลาดไทยที่ผ่านมา ได้เป็นแรงผลักดันสำคัญให้บริษัทแม่อย่าง Chery Automobile ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยจะเข้ามาเพิ่ม ฐานลูกค้าและเครือข่ายการตลาดที่ OMODA & JAECOO สร้างไว้ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

    “จากความสำเร็จของ OMODA & JAECOO ในตลาดไทยที่ผ่านมา ทำให้เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเตรียมนำแบรนด์ Chery ที่เป็นแบรนด์แม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle) ที่มีคุณภาพสูงและเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในทุกกลุ่ม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับลูกค้าผ่านการบริการที่เป็นเลิศและเครือข่าย ผู้จำหน่ายที่ครอบคลุม การเข้ามาของ Chery ในครั้งนี้จะถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราพร้อมที่จะนำประสบการณ์จากการเป็นผู้นำการส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของจีน มาปรับใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในตลาดไทยอย่างยั่งยืน รวมถึงโรงงานการผลิตที่จังหวัดระยองที่เริ่มรันการผลิตได้ภายในไตรมาส 3 ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในประเทศไทย” ฉี เจี๋ย ประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าว

    โดยในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งนี้ Chery จะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 3 รุ่นมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ได้แก่ Chery Arrizo 8L รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดสุดลักชัวรี่, Chery Tiggo 9 เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดสำหรับครอบครัว และ Chery Tiggo Cross คอมแพคเอสยูวีไฮบริดสำหรับคนรุ่นใหม่ การขยายตลาดในประเทศไทยของ Chery นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ผ่านหลักการ “Green, Technology, Family, Companionship” และให้ความสำคัญ
    กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

    เปิดตัว JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) อย่างยิ่งใหญ่อลังการด้วยออเครสตราจากวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ

    ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ OMODA&JAECOO ได้เปิดตัว JAECOO 7 SHS อย่างอลังการด้วยบทเพลงบรรเลงออเครสตราจาก วงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ สมศักดิ์ศรีแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำ ด้วยนิยาม Classic Beyond Classic สร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นไฮไลท์สำคัญของงานได้อย่างน่าชื่นชม

    JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ) นวัตกรรม Super HEV + EV รถปลั๊กอินไฮบริดเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและดีไซน์ทันสมัย เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile ตอบสนองทุกความต้องการด้วยสมรรถนะและคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ที่พลิกโฉมการทำงานของระบบ Plug in Hybrid ให้เปลี่ยนไปจากเดิม ประหยัดกว่าด้วยค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่า เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) ทำให้การทำงานระหว่างระหว่าง EV และ HEV เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. เมื่อมีแบตเตอรี่มากกว่า 25% พละกำลังสูงสุด 347 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 525 นิวตัน-เมตร ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง (Thermal Efficiency) ช่วยให้เครื่องยนต์ยังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานหนัก และมอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมมากกว่า 21.28 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยระบบที่สามารถปรับการจ่ายเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่แบบเรียลไทม์ ทำให้การใช้พลังงานทุกหยดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ JAECOO 7 SHS มอบสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ที่ไกลกว่า 1,300 กิโลเมตร โดยมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน 106 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) และแบตเตอรี่ของ JAECOO 7 SHS มีความปลอดภัยสูงด้วยระบบป้องกันแบตเตอรี่รอบด้าน ทั้งการทนทานต่อความร้อน แรงกระแทก และกันน้ำ พร้อมระบบป้องกันด้วยการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาทีหลังเกิดการชน ช่วยตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์ รองรับการใช้งานที่หลากหลาย

    พิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “JAECOO 7 SHS เป็นยนตรกรรมที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของรถปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป เรามอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานจุดเด่นของทั้งรถไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดไว้ในคันเดียว ไม่ว่าผู้ใช้จะต้องการความเงียบและประหยัดพลังงานสำหรับการเดินทางในเมือง หรือสมรรถนะอันทรงพลังสำหรับการเดินทางไกล JAECOO 7 SHS พร้อมตอบสนองทุกความต้องการอย่างลงตัว นี่คือตัวอย่างชัดเจนของปรัชญาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นนวัตกรรม
    ล้ำสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ในราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ เรายังใส่ใจไปจนถึง After sale service ด้วยค่าบำรุงรักษาระยะยาวที่มีค่าใช้จ่ายเข้าถึงได้ง่ายกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด”

    OMODA & JAECOO นำเสนอยนตรกรรมใหม่ล่าสุดภายในงาน (เฉพาะวันที่ 24-25 มีนาคมเท่านั้น)

    นอกจากนี้ภายในงาน แบรนด์ยังได้นำเสนอ JAECOO 5 EV ที่มาพร้อมกับการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด “จุดกำเนิดจากธรรมชาติ” ผสานความแข็งแกร่งและความสวยงามในทุกเส้นสาย โดดเด่นด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม “Human – Pet Friendly Travel” สร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ทั้งผู้โดยสารและสัตว์เลี้ยง โดยมีระบบกันสะเทือนอิสระ ที่ติดตั้งมาด้วยความเข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริง พร้อมซันรูฟพาโนรามาขนาด 1.45 ตารางเมตร และจอแสดงผลอัจฉริยะ 13.2 นิ้ว ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะโลดแล่นบนถนนในเมืองใหญ่ หรือผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติ JAECOO 5 EV จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหายานยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ที่ผสานนวัตกรรมและการออกแบบอย่างลงตัว (สเปคนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อนำเข้ามาในประเทศไทย)

    อีกรุ่นที่นำมาจัดแสดงได้แก่ OMODA C7 SHS การออกแบบภายใต้แนวคิด “Global Co-creation, Unlimited Enjoyment” ที่จะนำผู้บริโภคก้าวสู่ยุคใหม่ของการออกแบบยนตรกรรมแห่งยุค ด้วยการ
    ร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่ข้ามพรมแดนตลอดจนแรงบันดาลใจจากอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด โดยยึดหลักปรัชญา “ART IN MOTION” ผสมผสานความนิ่งสงบของงานศิลป์และพลังแห่งการเคลื่อนไหวเข้าด้วยกัน ผลงานดีไซน์ของ C7 สะท้อนความคมชัดในทุกมุม ด้วยแนวหน้าตะแกรง X-shaped ที่แตกต่างอย่างโดดเด่น ด้วยการเล่นแสงเงาอย่างลงตัวจากเส้นโค้งและพื้นผิวที่ถูกสลักอย่างประณีต รวมถึงระบบไฟจังหวะอัจฉริยะที่ค่อยๆ ส่องประกาย เปรียบเสมือนพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมเหล่านี้สื่อถึงการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย New LOHAS ผู้ที่รักแฟชั่นล้ำสมัยและเทคโนโลยีแห่งอนาคต OMODA C7 SHS  ไม่เพียงเปลี่ยนมาตรฐานความงามของ SUV เท่านั้น แต่ยังเปิดประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความสะดวกสบาย เทคโนโลยีและสไตล์เข้าด้วยกันอย่างลงตัวกว่าใคร

    OMODA & JAECOO ขยายกลุ่มผู้บริโภคให้เข้าถึงรถ JAECOO 6 EV ด้วยรถรุ่นเริ่มต้น

    หลังจากที่ได้ส่งมอบ JAECOO 6 EV ให้ทุกคนเป็นเจ้าของตั้งแต่สิงหาคม 2567 และได้รับการตอบรับอย่างดี ในปีนี้ได้ JAECOO ได้นำเสนอรุ่นเริ่มต้น JAECOO 6 EV Long Range 2WD PRO เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนในเมืองที่หลงใหลในรูปทรง One Box Style และต้องการขับรถที่ลดมลภาวะทางอากาศ ด้วยราคาคาดการณ์ 899,000 บาท และสีใหม่ Cyber Yellow ที่สร้างความโดดเด่นสะดุดตาบนท้องถนน

    OMODA & JAECOO เตรียมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้าที่จองรถยนต์ภายในงาน Motor Show 2025

    OMODA C5 EV Model Year 2025 รถไฟฟ้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่โลกอนาคต สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต ผสมผสาน การออกแบบที่ทันสมัยและเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับส่วนลดสูงสุด 220,000 บาท (จำนวนจำกัด)

    OMODA C5 EV Long Range Ultimate Model Year 2025 ราคาหลังหักส่วนลด 729,000 บาท (จาก 949,000 บาท)

    OMODA C5 EV Long Range Plus Model Year 2025 ราคาหลังหักส่วนลด 679,000 บาท (จาก 899,000 บาท)

    พร้อมรับข้อเสนออื่นๆ เพียงจอง ตั้งแต่ 24 มีนาคม – 6 เมษายน และออกรถ OMODA C5 EV ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2568

    โปรโมชั่นพิเศษ Motor Show Deal สำหรับ JAECOO J6 EV (หรือ iCAR 03 ในจีน) รถพลังงานไฟฟ้าสไตล์ออฟโรดโดดเด่นด้วยดีไซน์ “ONE BOX STYLE” ควบคู่ไปกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย ทำให้ได้รับรางวัล “BEST OFF ROAD EV” มาพร้อมกับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

    JAECOO 6 EV มีให้เลือก 2 รุ่น

    • รุ่น Long Range 4WD: สมรรถนะ 279 แรงม้า ระยะทางขับขี่ 418 กม. (NEDC) พร้อม 9 โหมดการขับขี่ (Eco, Normal, Sport, Custom, All road, Slippery, Beach, Muddy, Bumpy) ราคาหลังส่วนลด 1,149,000 บาท (จาก 1,249,000 บาท)
    • รุ่น Long Range 2WD: สมรรถนะ 184 แรงม้า ระยะทางขับขี่ 426 กม. (NEDC) พร้อม 4 โหมดการขับขี่ (Eco, Normal, Sport, Custom) ราคาหลังส่วนลด 999,000 บาท (จาก 1,099,000 บาท)
    • ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี*
    • ฟรี! Home Charger พร้อมติดตั้ง มูลค่า 25,000 บาท*

    เพียงจองและออกรถ JAECOO 6 EV (หรือ iCAR 03 ในจีน) ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2568

    พร้อมรับข้อเสนออื่นๆ

    *หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

    *เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และบางข้อเสนอพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการโปรโมชันอื่นๆ ได้

    จากคอนเซปต์ ONE BOX TRENDY ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากมาย JAECOO ได้จัดแคมเปญ “ONE BOX DESIGN” Contest สำหรับแฟนๆ ผู้ชื่นชอบแต่งรถ JAECOO 6 EV ร่วมประกวดชุดแต่งที่ถูกใจมหาชนมากที่สุด ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้งาน โดยมีรางวัลที่ 1 มูลค่า 100,000 บาท, รางวัลที่ 2 มูลค่า 50,000 บาท, รางวัลที่ 3 มูลค่า  25,000 บาท และ รางวัลที่ 4-10 อีก 7 รางวัล มูลค่า 10,000 บาท ต่อรางวัล โดยเริ่มส่งรูปเข้าประกวดตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2568 และ เริ่ม Vote วันที่ 1-26 สิงหาคม 2568 ประกาศผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของ OMODA & JAECOO ในวันที่ 27 สิงหาคม

    และเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานใหม่ และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ที่ยั่งยืน OMODA & JAECOO จึงนำเสนอแคมเปญใหม่ล่าสุด “Eco Bonus” Campaign โดยมอบเงินสนับสนุน 10,000 บาท เพียงนำเล่ม
    จดทะเบียนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปหรือ HEV มาแสดงเมื่อซื้อรถไฟฟ้ารุ่น OMODA C5 EV หรือ JAECOO 6 EV ตั้งแต่ 24 มีนาคม
    – 30 เมษายนนี้ และ JAECOO 7 SHS ตั้งแต่ 24 มีนาคม – 6 เมษายนนี้  ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้าในงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น

    “การเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ไม่เพียงแค่นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราในการผลักดันประเทศไทยสู่ยุคแห่งการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ฉี เจี๋ย ประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าว “เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ แต่ยังร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน”

    พบกับกองทัพยนตรกรรมสุดล้ำและโปรโมชั่นพิเศษจาก OMODA & JAECOO ได้ที่บูธหมายเลข A23 ในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 และที่ผู้แทนจำหน่าย 34 แห่งทั่วประเทศ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • เอ็มจี เปิดตัว NEW MG S5 EV ตอบโจทย์ SUV มหาชน ชูจุดเด่น คุ้มค่า พร้อมความมั่นใจ ใช้ยาว ไร้กังวล

    1 Min Read

    เอ็มจี เปิดตัว NEW MG S5 EV ตอบโจทย์ SUV มหาชน ชูจุดเด่น คุ้มค่า พร้อมความมั่นใจ ใช้ยาว ไร้กังวล

    บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย นำเสนอทางเลือกที่คุ้มค่าให้กับผู้บริโภค พร้อมเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์อีวี เปิดตัวโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 ของปี ด้วย NEW MG S5 EV บุกตลาดและสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่ม B-SUV ไฟฟ้า กับจุดเด่น  “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” ตอกย้ำการเป็น e-SUV ที่คุ้มค่าและครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย ด้วยยนตรกรรมไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ

     

    NEW MG S5 EV นับเป็น e-SUV รุ่นแรกที่พัฒนาบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่รองรับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเริ่มใช้งานครั้งแรกใน NEW MG4 ELECTRIC และได้รับการพัฒนาช่วงล่างให้เหมาะกับรูปแบบ SUV มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและมั่นใจในทุกเส้นทาง ภายใต้แนวคิด “Make Anywhere Possible” ที่เข้ามายกระดับมาตรฐานรถ e-SUV ในประเทศไทยให้ก้าว ไปอีกขั้น ซึ่งรถรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง “โกลบอลโมเดล” ที่จะทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รถรุ่นนี้ยังเป็นยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่ เอ็มจี ได้เริ่มเดินสายการผลิตในประเทศไทย (CKD) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล รองรับทั้งตลาดในประเทศและแผนการส่งออกในอนาคตอีกด้วย

    NEW MG S5 EV มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร กับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 6.1 วินาที ถือเป็น e-SUV ที่มีการตอบสนองที่ฉับไว ขับสนุก นุ่มนวล ทั้งยังให้การควบคุมที่แม่นยำด้วยระบบพวงมาลัย Dual Pinion ที่ทำให้การควบคุมการขับขี่มีความคล่องตัว ผสานการทำงานของระบบช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า และ 5-Link Suspension ด้านหลัง ที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษ ทำให้เกาะถนนดียิ่งขึ้น  ลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างการขับขี่ พร้อมเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมแม้ในความเร็วสูง มีการออกแบบให้ กระจายน้ำหนักที่สมดุลระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา 50:50 ควบคู่กับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ลดอาการโคลง และเสริมความมั่นคงขณะเข้าโค้ง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ One Pedal ที่ให้คุณเร่งและชะลอความเร็วได้ในแป้นคันเร่งเดียว มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด ช่วยการใช้งานสั่งการต่าง ๆ ภายในรถเป็นเรื่องง่าย และยังมีจุดเด่นที่ขับได้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยแบตเตอรี่ NMC ขนาดความจุ 64 kWh  ให้ระยะทางการขับขี่ 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ ยังมาพร้อมความมั่นใจในการใช้งานในระยะยาวด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน ทั้งหมดนี้ ทำให้ NEW MG S5 EV เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ e-SUV ที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสามารถตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม

     

    นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “NEW MG S5 EV ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญของ เอ็มจี ในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยี และความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคชาวไทย โดย เอ็มจี มีกำหนดส่งมอบรถให้ลูกค้าภายในเดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป และเนื่องจากรถรุ่นนี้เป็น “โกลบอลโมเดล” หลังจากที่เปิดตัวและประกาศราคาที่ประเทศไทย จะมีการทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในสหราชอาณาจักร ประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป เป็นต้น การเข้ามาทำตลาดของ NEW MG S5 EV รุ่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ที่ต้องการให้คนไทยได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ควบคู่กับการสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของ เอ็มจี ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ตรงจุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยและยกระดับยนตรกรรมไฟฟ้าให้มีทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังตอกย้ำถึงภาพความเอาจริง เอาจังของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังให้ความพร้อมในเรื่องระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและดูแลลูกค้าในระยะยาว”

     

    ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและทดลองขับเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ e-SUV ในมุมมองใหม่ กับ NEW MG S5 EV  ได้ที่บูธ เอ็มจี ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 หรือ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพของ เอ็มจี ทั้ง 140 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    No Comment
  • โรยัล เอ็นฟีลด์ ยกทัพรุ่นเก๋า Classic 350 ไว้ในงาน Bangkok International Motor Show 2025

    1 Min Read

    โรยัล เอ็นฟีลด์ ยกทัพรุ่นเก๋า Classic 350 ไว้ในงาน Bangkok International Motor Show 2025

    โรยัล เอ็นฟีลด์ (Royal Enfield) ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก ยกขบวนสีใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์อันมีเสน่ห์เหนือกาลเวลารุ่นที่ขายดีที่สุด และเป็นไอคอนของแบรนด์ นั่นคือ Classic 350 ฉบับปรับโฉมและฟีเจอร์ใหม่มาไว้ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568 ด้วยความสำเร็จอันโดดเด่นจากการคว้ารางวัลล่าสุดถึง 3 รางวัลอันทรงเกียรติจาก Bike of The Year 2025 และ 2 รางวัลอันทรงคุณค่าจาก Asia’s Prestigious Brand Honor โรยัล เอ็นฟีลด์ พร้อมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านการออกแบบเหนือกาลเวลา การขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่เข้าถึงได้ และนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมด้วยการจับมือกับแบรนด์อุปกรณ์สื่อสารอย่าง SENA 50S Mesh Communicator เป็นครั้งแรกในประเทศไทย!

    โรยัล เอ็นฟีลด์ Classic 350 โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เหนือกาลเวลา ที่มาพร้อมกับสัดส่วนที่ลงตัว ทำให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์โรยัล เอ็นฟีลด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ลูกค้าชาวไทย ด้วยการออกแบบที่ไร้เทียมทาน สไตล์ที่โดดเด่น งานฝีมือที่เหนือชั้น และเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก อีกทั้งการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมสมัยใหม่และงานฝีมือแบบดั้งเดิม Classic 350 จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงทริปสั้น ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์

    ภายในงานจะได้สัมผัสกับการเปิดตัวสีสันใหม่สุดตื่นตาตื่นใจสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไอคอนิกอย่าง Classic 350 ด้วยการสานต่อตำนานแห่งความสง่างามและเสน่ห์ Classic 350 จะมาพร้อมกับ 5 เฉดสีใหม่ ได้แก่ Medallion Bronze, Commando Sand, Gun Grey, Stealth Black และ Emerald โดยผสานรวมการอัปเกรดคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพอย่างลงตัว เช่น ไฟ LED รอบคัน ไฟบอกตำแหน่งเกียร์บนแผงหน้าปัด ก้านคลัตช์และเบรกที่ปรับได้เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้นและช่องชาร์จ USB Type C ในขณะที่ยังคงรักษาความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ รุ่นท็อปอย่างสี Emerald, Gun Grey และ Stealth Black จะมาพร้อมระบบนำทางTripper เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และไฟLED รอบคัน

    นอกจากนี้จะมีการเปิดตัวสีใหม่ของ Super Meteor 650 ที่ทุกคนรอคอย รถมอเตอร์ไซค์ครูซเซอร์เรือธงที่ทรงพลังและมีสไตล์ เปิดตัวสีใหม่อีก 2 สีและพร้อมที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโรยัล เอ็นฟีลด์ในเซกเมนต์ 650cc

    พบกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ ที่บูธ M8 ในงาน Bangkok International Motor Show 2025 เพื่อสัมผัสเฉดสีใหม่ของ Classic 350 อย่างใกล้ชิด พร้อมพบกับความร่วมมือสุดพิเศษ Royal Enfield x SENA และเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่จะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณให้เหนือชั้น

    วางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาดังนี้:

    สี ราคา (บาท)
    Medallion Bronze 147,500.-
    Commando Sand 152,500.-
    Gun Grey, Stealth Black 160,500.-
    Emerald 161,500.-
    No Comment
  • DARE TO LIVE MORE: LAMBORGHINI URUS SE REDEFINES LUXURY SUPER SUV DYNAMIC DRIVE EXPERIENCE ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ปลุกแพชชั่นชาวกระทิงดุ กับกิจกรรม Test Drive สัมผัสความทรงพลังครั้งแรกของ Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจากลัมโบร์กินี

    1 Min Read

    DARE TO LIVE MORE: LAMBORGHINI URUS SE REDEFINES LUXURY SUPER SUV DYNAMIC DRIVE EXPERIENCE ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ปลุกแพชชั่นชาวกระทิงดุ กับกิจกรรม Test Drive สัมผัสความทรงพลังครั้งแรกของ Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจากลัมโบร์กินี

    ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งปี DARE TO LIVE MORE: LAMBORGHINI URUS SE REDEFINES LUXURY SUPER SUV DYNAMIC DRIVE EXPERIENCE เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่พร้อมปลุกแพชชั่นของเหล่าแฟนพันธุ์แท้กระทิงดุในประเทศไทยให้ร้อนระอุ กับกิจกรรม Test Drive เพื่อสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของจ้าวแห่งสมรรถนะที่มาพร้อมความทรงพลังเหนือระดับครั้งแรกของ Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจากลัมโบร์กินี หลังเปิดตัวให้ยลโฉมอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยสถานที่ทดสอบจัดขึ้นบนพื้นที่สุดชิลบริเวณอิมแพ็ค เลคไซด์ 1 ริมทะเลสาบเมืองทองธานี ซึ่งยังได้รับการสนับสนุนขนมและเครื่องดื่มสุดอร่อยจาก 6 Zero Garage & Roaster และโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย (Lenôtre Culinary Arts School Thailand) ซึ่งนับเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเหล่าเซเลบริตี้แฟนพันธุ์แท้ลัมโบร์กินีเข้าร่วมสัมผัสความทรงพลังอย่างคับคั่ง อาทิ วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์, ทนง ลี้อิสสระนุกูล, ธีระ ซอโสตถิกุล, ปริญ มาลากุล ณ อยุธยา, วสุ วิรัชศิลป์, ฐิตวัฒน์ วัชโรทัย, ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์, เอกชัย สุขุมวิทยา, ณวพรรณ พรประภา, แพรวปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา เมื่อเร็วๆ นี้

    โดยภายในงานผู้ร่วมกิจกรรมต่างเอ็นจอยและผ่อนคลายไปกับการต้อนรับแสนอบอุ่นอีกทั้งบรรยากาศวิวทะเลสาบ ณ บริเวณโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย ก่อนได้เวลาออกไปสัมผัสสมรรถนะอันเยี่ยมยอดของ URUS SE ที่การันตีความสนุกแบบครบครันและความปลอดภัยสูงสุดโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์
    ลัมโบร์กินี หรือ Lamborghini Instructor ที่คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทดสอบเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้ URUS SE นับเป็นรถยนต์ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์ในเวอร์ชั่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา นำเสนอดีไซน์รถยนต์แนวใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ที่เหนือชั้น และระบบส่งกำลัง 800 CV ที่ไร้คู่แข่ง ผสานหัวใจสำคัญทั้ง 2 ด้านของแบรนด์อย่างระบบการเผาไหม้และระบบไฟฟ้าเพื่อให้ได้แรงบิดและกำลังเครื่องสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพและพลศาสตร์ของยานยนต์ให้โลดแล่นได้อย่างเต็มกำลังบนทุกเส้นทางและการขับขี่ทุกรูปแบบ มาพร้อมเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.0 ที่ถูกนำมาพัฒนาใหม่เพื่อให้สามารถทำงานกับระบบส่งกำลังไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 312 กม./ชม. มีมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร ซึ่งติดตั้งอยู่ในระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 ระดับ ช่วยบูสต์เครื่องยนต์สันดาป V8 ทำให้ Urus SE เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบไฟฟ้า 100% ที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 60 กม.เมื่อขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้า (EV Mode) เพียงอย่างเดียว

    ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ล่าสุดได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ETON GROUP ขนขบวนรถนำเข้าสุดหรู MPV – SUV ลุยงานมอเตอร์โชว์ 2025 อัดแคมเปญแน่น แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl ชื่อดังจากญี่ปุ่น

    1 Min Read

    ETON GROUP ขนขบวนรถนำเข้าสุดหรู MPV – SUV ลุยงานมอเตอร์โชว์ 2025 อัดแคมเปญแน่น แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl ชื่อดังจากญี่ปุ่น

    ETON GROUP (อีตั้น กรุ๊ป) ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมนำเข้าสำหรับครอบครัวและผู้บริหาร พร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร นําโดย คุณพีรศุษม์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการและ คุณอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อํานวยการฝ่ายขายและการตลาด ขนขบวนรถนำเข้าสุดหรู ลุยงานโชว์ครั้งใหญ่ต้นปี กับงาน Bangkok International Motor Show 2025 เริ่มแล้วตั้งแต่ – 6 เมษายน นี้ ณ Forum Hall 4 เมืองทองธานี อัดแคมเปญแน่น แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl ชื่อดังจากญี่ปุ่น

    ETON GROUP (อีตั้น กรุ๊ป) ลุยงานโชว์ครั้งใหญ่ต้นปี กับงาน Bangkok International Motor Show 2025 ยกขบวนรถยนต์นำเข้า พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมาย ภายใต้แคมเปญมอเตอร์โชว์ 2025 ที่สุดของความคุ้มค่า ยนตกรรมสำหรับครอบครัว ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสำหรับรถยนต์ทุกคันที่จองในช่วงแคมเปญดังกล่าว รับทันที…

    • รถ MPV ราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท
    • ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 2 ปีเต็ม (Alphard / Vellfire)
    • ฟรี ชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น
    • รับประกัน ETON HYBRID WARANTY แบตเตอรี่ไฮบริด 5 ปี ระบบไฮบริด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
    • ฟรี! เข้าร่วมเป็นสมาชิก ETON FAMILY
    • มีรถพร้อมส่งมอบทุกรุ่น

    พิเศษ! เมื่อท่านจองรถกับอีตั้น ไม่ว่าจะรุ่นใด ภายในงาน มอเตอร์โชว์ 2025 รับ ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. หรือเลือกรับ POPMART THE MONSTERS LABUBU-I FOUND YOU Zimomo

    โดยรถที่นำเข้าร่วมงานนั้น อีตั้น  กรุ๊ป  จะเป็นรถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ครอบครัวทุกขนาด ทั้งครอบครัวใหญ่และครอบครัวขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ SUV สไตล์สปอร์ต งานนี้ อีตั้น กรุ๊ป ได้มอบสิทธิพิเศษทั้งลด ทั้งแถม กับราคาสุดว้าว  อาทิเช่น

    กลุ่ม MPV – รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดใหญ่

    • Toyota Alphard 40 MPV ยอดนิยม สะท้อนความสมบูรณ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความสง่างาม หรูหรา ภายในห้องโดยสารติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 3.xx ล้านบาท แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น
    • Toyota Vellfire 40 รถยนต์ MPV คู่แฝด Alphard ที่หรูหราผสมผสานความสปอร์ต ด้วยกระจังหน้าที่ให้ความสปอร์ต รูปลักษณ์ภายนอกดูเท่ สวยทรงพลัง แต่ภายในตกแต่งแบบ Luxury ให้ความสะดวกสบายและครอบคลุมทุกการใช้สอย ราคาพิเศษเฉพาะในงาน แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น

    กลุ่ม MINI MPV – รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดกลาง

    • Honda Step Wagon รถครอบครัวสไตล์มินินอลทรงกล่อง เรียบง่าย แต่ดูโดดเด่น เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้น ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 21.3 กม. ประตูข้างแบบสไลด์ไฟฟ้า ขับขี่คล่องตัว ช่วงล่างเยี่ยม พร้อมออฟชั่นความปลอดภัยแบบจัดเต็ม และยังมีสีพิเศษให้เลือกมากมาย ผ่อนเริ่มต้นเพียง 17,xxx บาท แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น
    • Toyota Voxy รถครอบครัวขนาดกลาง ให้ลุคเท่ สปอร์ต โฉบเฉี่ยว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน ผ่อนเริ่มต้นเพียง 17,xxx บาท แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น
    • Toyota Noah รถครอบครัวขนาดกลาง รุ่นเริ่มต้น ในราคาประหยัดไม่ถึง 2 ลบ. เป็นรถขนาด 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับหรับครอบครัวขนาดกลาง ที่มาในรูปโฉมแบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยของการก้าวขึ้นห้องโดยสารด้วยบันได Universal Step ยื่นออกมาโดยอัตโนมัติ ขับปลอดภัย Toyota Safety Sense ราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท แถมฟรีชุดแต่ง Black Pearl แบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น หรือเลือกเป็นล้อแม็กสุดเท่

    ทั้งหมดนี้ ETON GROUP (อีตั้น กรุ๊ป) พร้อมรอให้ท่านจะได้พิสูจน์ ได้ที่งาน Bangkok International Motor Show 2025 เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ – 6 เมษายน นี้ ณ Forum Hall 4 เมืองทองธานี หรือสอบถามรายละเอียด โทร. 02-7899998 หรือ www.eton-import.com, https://www.facebook.com/ETONIMPORTGROUP, Instargram: etongroup และ Line: @etongroup


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment