• ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) เตรียมเผยโฉม ‘Porsche at Jewel’ ที่จะตั้งอยู่ที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    1 Min Read

    ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) เตรียมเผยโฉม ‘Porsche at Jewel’ ที่จะตั้งอยู่ที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    สิงคโปร์. หลังจากที่ได้ผลิกโฉมรูปแบบการค้าปลีกยานยนต์ด้วยการเปิดตัว Porsche Studio Singapore ที่สร้างสรรค์และล้ำสมัยแล้วนั้น ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิกได้ประกาศพัฒนาโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้น ‘Porsche at Jewel’ ที่จะเปิดตัวที่สนามบินชางงี (Changi Airport) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โครงการใหม่นี้จะมีการแสดงรถยนต์ปอร์เช่แบบหมุนเวียนให้ผู้มาเยือนได้ชม พร้อมทั้งมีคาเฟ่ ที่เสิร์ฟอาหารและขนมจากร้าน Baker & Cook รวมถึงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์จาก Porsche Design ที่จะมีให้เลือกซื้อทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์ผู้มาเยือนห้างสรรพสินค้า

    โครงการ ‘Porsche at Jewel’ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างปอร์เช่และสนามบินชางงี (Changi Airport Group) ที่เคยร่วมสร้างความประทับใจมากมายผ่านกิจกรรมต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาทิ การจัดกิจกรรม “Driving Tomorrow” แบบพิเศษในปี 2021, การแสดงรถคอนเซ็ปต์ Vision Gran Turismo ที่ทาสีด้วยลวดลาย Vexx ณ น้ำพุ Jewel Rain Vortex เมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากปอร์เช่ในแคมเปญ ‘Changi Millionaire Experiences’ ซึ่งเป็นแคมเปญส่งเสริมการขายของสนามบินชางงี

    จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม 2025 จำนวนผู้มาเยือนศูนย์การค้าอันโดดเด่นอย่าง Jewel Changi Airport แห่งนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้ทำลายสถิติใหม่ โดยมีผู้มาเยือนมากกว่า 80 ล้านคน

    ด้วยการเปิด ‘Porsche at Jewel’ ปอร์เช่มีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวหรูหราระดับโลก และศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าและแฟน ๆ ของปอร์เช่ในสิงคโปร์ ควบคู่ไปกับนวัตกรรมด้านการค้าปลีก เช่น Porsche Studio Singapore และ Porsche Privilege Programme ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้

    “ที่ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เราภูมิใจที่ได้มีโอกาสสร้างสถานที่แห่งใหม่ที่ล้ำสมัยกับโครงการ ‘Porsche at Jewel’ ที่สนามบินชางงี เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระดับเวิร์ลคลาส สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างการบูรณาการแบรนด์ของเราให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้มีรสนิยมสูง พื้นที่แห่งนี้ยังสอดคล้องกับชื่อเสียงของสนามบินชางงีในฐานะศูนย์กลางการเดินทางระดับโลก ซึ่งจะเป็นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งให้กับชุมชนปอร์เช่ ทั้งในสิงคโปร์และทั่วโลก” ฮานเนส รูออฟ (Hannes Ruoff) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ
    ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว

    เจมส์ ฟง (James Fong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Jewel Changi Airport Development กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ยกระดับความร่วมมือกับปอร์เช่สู่จุดสูงสุดใหม่และยกระดับประสบการณ์ของผู้มาเยือนที่ Jewel และสนามบินชางงี เราได้ร่วมมือกับปอร์เช่ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านกิจกรรม pop-up ที่น่าสนใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และการเพิ่มพื้นที่ประสบการณ์ถาวรแห่งแรกของปอร์เช่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับภูมิทัศน์การค้าปลีกของ Jewel แต่ยังเสริมสร้างความหรูหราของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อ ‘Porsche at Jewel’ เปิดให้บริการในปีนี้ ผู้ที่มาเยือนจะได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่และยกระดับยิ่งขึ้น”

    ‘Porsche at Jewel’ คือสถานที่แห่งใหม่ของปอร์เช่ที่จะตั้งอยู่ที่ Jewel Changi Airport ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เป็นต้นไป

    เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป
    ปอร์เช่ ประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต (AAS Auto Import Co., Ltd.) เป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 แบรนด์ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูชั้นนำจากเมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อเสียงจากรุ่นในตำนานอย่าง 911, 718, Cayenne, Macan, Panamera และ Taycan รถยนต์สปอร์ตไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 2019 ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 5 แห่ง ได้แก่ Porsche Centre Bangkok (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Pattanakarn (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Bangna (บริหารงานโดย บริษัท สตุทการ์ต ออโต้โมทีฟ (ประเทศไทย)), Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) และในอนาคตอันใกล้นี้ ยังมีแผนขยายเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ Porsche Centre Pattaya (บริหารงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ตส จำกัด) และ Porsche Centre Kalaprapruk (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด)


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • สัมผัสสุดยอดยนตรกรรมหรูจากเลกซัสหลากหลายรุ่น ที่ EMQUARTIER ในงาน “LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE”

    1 Min Read

    สัมผัสสุดยอดยนตรกรรมหรูจากเลกซัสหลากหลายรุ่น

    ที่ EMQUARTIER ในงาน “LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE”

    พบกันอีกครั้งกับกิจกรรม LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE โดยครั้งนี้เลกซัสยกขบวน     ยนตรกรรมหรูหลากหลายรุ่นมาให้คุณได้สัมผัสถึงใจกลางเมือง ณ Emquartier โซน Quartier Avenue ชั้น G ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568
    ภายในงานคุณจะได้สัมผัสยนตรกรรมสุดหรูจากเลกซัสถึง 7 รุ่น อาทิ The New Lexus LBX Bespokeรถคอมแพคครอสโอเวอร์ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับไลฟ์สไตล์เมือง Lexus LM รถตู้อเนกประสงค์สุดหรูที่ออกแบบมาเพื่อผู้นำระดับไอคอนิก และเลกซัสอีกหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง           ไม่ว่าจะเป็น Lexus RX / NX / UX / ES และ IS พร้อมทดลองขับภายในงาน
    พิเศษ เมื่อจองรถที่ร่วมรายการภายในงาน รับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมรับ EM DISTRICT LIFESTYLE VOUCHER มูลค่า 20,000 บาท และสำหรับเจ้าของรถเลกซัสที่เป็นสมาชิก Lexus Elite Club เพียงแสดงหน้าแอปฯ รับเลยของที่ระลึกสุดพิเศษจากเลกซัสภายในงาน
    ข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมที่งาน LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE
    รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อม LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้นหนึ่ง (1 ปี) ฟรี* เมื่อดาวน์ที่ 30% และผ่อนชำระ 48 เดือน
    1. สำหรับรถยนต์เลกซัส IS 300h และ UX 300h
    รับดอกเบี้ย 0% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)
    2. สำหรับรถยนต์เลกซัส ES 300h เกรด Luxury และ Premium
    รับดอกเบี้ย 0% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท
    3. สำหรับรถยนต์เลกซัส LBX เกรด Luxury และ Premium
    รับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)
    4. สำหรับรถยนต์เลกซัส NX 350h และ NX 450h+
    รับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)
    5. สำหรับรถยนต์เลกซัส RX 350h / RX 450h+ และ RX 500h F SPORT
    รับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)
    หมายเหตุ
    – เฉพาะลูกค้าที่จองรถภายในงาน และรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น
    – เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ ยกเว้นรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถขาย Fleet
    – สอบถามเงื่อนไขได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่ง เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
    1. เลกซัส กรุงเทพ
    2. เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (รามอินทรา กม.2)
    3. เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (สุขุมวิท ซอย 18)
    – รายละเอียดการเช่าซื้อ เงินดาวน์ ค่างวด และอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัททางการเงินและธนาคารที่ร่วมโครงการ
    – เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กำหนด

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 พาไปจิบกาแฟพร้อมบรรยากาศสุดชิลที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    1 Min Read

    Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 พาไปจิบกาแฟพร้อมบรรยากาศสุดชิลที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมมีตติ้งสำหรับชาวคาวาซากิ กับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 1 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ จ.นนทบุรี ครั้งนี้คาวาซากิจึงขนขบวนยกทัพมาเอาใจแฟนสายเขียวแถบภาคเหนือ พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน

    จบไปแล้วกับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งล่าสุด ที่พาไปจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ภายในงานมีกิจกรรมบนเวทีมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความสนุกสนาน แถมของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน พร้อมดนตรีฟังสบายท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน

    นอกจากนี้ในงานคาวาซากิยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLX230 Sherpa รถจักรยานยนต์ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่ Kawasaki ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007 คำว่า Sherpa คือ คำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัย และชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน “จากเมืองสู่ธรรมชาติ” ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA

    พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 134 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Rideology the App ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย

    และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งานได้อีกด้วย
    สำหรับสีที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยคือ Medium Smoky Green สีเขียวเอิร์ธโทน สุดเท่

    KLX230 Sherpa มาพร้อมกับราคาขายปลีกแนะนำที่159,000 บาท และพิเศษโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวกับคูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • หมวกกันน็อค iD ภูมิใจที่ได้ร่วมผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า

    1 Min Read

    หมวกกันน็อค iD ภูมิใจที่ได้ร่วมผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท เอส วาย เค ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ INDEX, ID, RANDOM, PROTO, LINK สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการจัดงานเซ็นสัญญานักแข่งจากโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ไทยถึง 34 คน จาก 5 ทีม ภายใต้ชื่อ 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 พร้อมเผยเบื้องหลังการถ่ายทำสุดพิเศษที่สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของนักแข่ง ภายใต้คอนเซ็ป “หมวกไทยมาตรฐานโลก”

    การถ่ายทำในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงคุณภาพของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ซึ่งออกแบบและผลิตโดยโรงงานคนไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก ทีมโปรดักชั่นจัดเต็ม และมุมกล้องที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักแข่งมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ

      

    34 นักแข่งที่ได้รับเลือกในปีนี้ มาจากหลากหลายรายการแข่งขัน โดยแต่ละคนมีความสามารถโดดเด่น อาทิ นพพร สุทธิการปลูก แชมป์ประจำปี Superbike 1000cc. Rookies รายการ SuperBikemag Trophy 2024, กฤษฎา พรมนิกร แชมป์ประจำปี CBR650 Class A รายการ Honda CBR Trophy 2024 และทัพนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ที่พร้อมลุยการแข่งขันเพื่อคว้าโพเดี้ยมตลอดทั้งปี

    “นี่คืออีกก้าวสำคัญของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคไทย ที่สามารถก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักแข่งไทยและเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า” คุณองอาจ ฉัตรวรชัย(ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด)กล่าวถึงการสนับสนุนในครั้งนี้

    ติดตามโมเมนต์สำคัญของนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ได้เร็วๆ นี้ทาง Random helmet & ID helmet* แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปด้วยกัน!

    #TeamiD #iDHELMETS #iDmadeinthailand
    #iDหมวกไทยมาตรฐานโลก #หมวกกันน็อคไอดี #หมวกกันน็อคสัญชาติไทย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ปี 2568 เดินหน้าธุรกิจลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ พร้อมประเดิมเปิดตัว Mercedes-AMG กว่า 3 รุ่นในงาน Motor Show 2025

    2 Min Read

    เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ปี 2568 เดินหน้าธุรกิจลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ
    พร้อมประเดิมเปิดตัว Mercedes-AMG กว่า 3 รุ่นในงาน Motor Show 2025

    • เมอร์เซเดส-เบนซ์ กวาดยอดขายทั่วโลก 2,389,000 คัน ในปี 2567 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 1,983,400 คัน และรถแวน 405,600 คัน
    • เปิดตัวรถยนต์รวมกว่า 25 รุ่น ในปี 2567 ชูความสำเร็จของ The new E-Class
    ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 65% พร้อมเสริมไลน์อัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทย
    • เฉลิมฉลองการประกอบรถยนต์ในประเทศไทยครบ 200,000 คัน ในเดือนมกราคม 2567
    ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยยอดการผลิตสะสมสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ลักชัวรี
    • เดินหน้าวิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งความสำเร็จของรถยนต์นั่งจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์
    แบรนด์ระดับโลกที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
    • ผลักดันตลาดอีวีด้วย “EV Worry-Free Package” ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยข้อเสนอพิเศษกับค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาทต่อเดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้าย
    • ต่อยอดโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” และเสริมศักยภาพในการแข่งขันในตลาดด้วยการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา (Pricing Strategy) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการคงมูลค่า
    ในระยะยาวของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น
    • ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีที่มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนตัวแทนจำหน่ายกว่า 33 แห่ง และศูนย์บริการรวม 41 แห่ง
    • ผสานแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) เพื่อยกระดับขีดความสามารถของตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

    มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขัน
    ที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี แต่เรายังคงสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง และเดินหน้าพัฒนา
    แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เราพร้อมก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ที่จะยกระดับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การขับเคลื่อนผลประกอบการทางธุรกิจ และการขยายไลน์อัพรถยนต์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่ไปกับสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์
    และยกระดับมอบประสบการณ์ของผู้บริโภคในทุกมิติ”

    ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวยนตรกรรมใหม่กว่า 25 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่เซกเมนต์ Entry Luxury ไปจนถึงรถยนต์ระดับ Top-End Luxury โดยโมเดลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ The new E-Class ที่มีการเติบโตของยอดขายกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    และสามารถคว้ารางวัล “Best Performer” ประจำปี 2567 จากสถาบัน Euro NCAP แสดงให้เห็นถึงความเป็นที่สุดของยนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากนี้
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดลักชัวรี ด้วยการนำเสนอโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง นำโดยรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นประกอบในประเทศอย่าง
    EQS 450 4MATIC SUV ที่เปิดตัวพร้อมกับ EQE 300 Sedan ต่อด้วย Mercedes-Maybach EQS 680 SUV และ G 580 with EQ Technology ในขณะที่รถสปอร์ต 2 ประตู รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมด้วยการครองสัดส่วนยอดขายกว่า 30% จากยอดขายทั้งหมดของแบรนด์ Mercedes-AMG

    โดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เริ่มต้นด้วยการต่อยอดความสำเร็จของโมเดลล่าสุดอย่าง The new E-Class, CLE Coupé, EQE 300 Sedan, EQS 450 4MATIC SUV และอีกหลากหลายรุ่นจากทุกเซกเมนต์ของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จาก Mercedes-AMG พร้อมกันถึง 3 รุ่น ในงาน Motor Show 2025 เพื่อสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี

    สำหรับโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องของราคาจำหน่ายที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ ความโปร่งใสในขั้นตอนการซื้อรถ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติสำหรับลูกค้าทุกคน รวมถึงการนำแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาและออกแบบศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์
    มาปรับใช้ในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้านการยกระดับช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Touchpoints) การพัฒนาบุคลากรและกระบวนการ (People & Process)
    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) และการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture)
    โดยในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 50% ที่เริ่มดำเนินงานภายใต้แนวคิด MAR20X และในปีนี้จะขยายสู่ 60% จนไปถึงในปี 2570 ที่บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งหมด
    ในประเทศไทย

    นอกจากนี้ ในด้านของกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะมีการจัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มด้วยกิจกรรมที่จัดร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างเป็นทางการอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลับ
    (ประเทศไทย) ในการรวมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสสิก ในตำนานไว้มากกว่า 10 คัน มาขับขี่กันใน Road Trip สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ประจำปีอย่าง Mercedes-Benz Driving Events และ SUV Driving Events รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง โดยมีทั้งการขับขี่ในบนถนนและบนสนามแข่ง (On Road/On Track) รวมถึงการกลับมาในรอบ 5 ปี ของ “MercedesTrophy” รายการการแข่งขันกอล์ฟ ที่มีนักกอล์ฟผู้ร่วมแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 7 รอบการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน

    นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จในด้านการบริการลูกค้าในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีเครือข่ายศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งหมด 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง
    ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP
    มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion เพื่อช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

    ทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมพัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้
    าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของ
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ StarParts รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ด้านดิจทัลด้วยบริการ Digital Extras ที่จะมีแพ็คเกจเสริมอย่าง Entertainment Package Plus ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์วิดีโอสตรีมมิงและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อมอบการบริการและการดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก

    “ทุกการลงทุนและความมุ่งมั่นของเรา ล้วนสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์
    ในประเทศไทย เรามองเห็นถึงโอกาสการเติบโตที่มั่นคง และศักยภาพอันแข็งแกร่งของตลาด
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่และไลฟ์สไตล์ของ
    ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี ผ่านการบริการและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับธุรกิจรีเทลและภาพรวมอุตสาหกรรม
    ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • RIDDARA จัดงาน “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” รับฟังประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย ประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปีนี้

    2 Min Read

    RIDDARA จัดงาน “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING”
    รับฟังประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย
    ประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปีนี้

    RIDDARA (ริดดารา) จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA และสร้างสังคมผู้ใช้งานรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานจริงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานในประเทศไทยครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การลงทุน และการดูแลลูกค้าด้วยการบริการหลังการขายที่เข้มแข็ง และการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 50 แห่งทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 10,000 คัน

    กิจกรรม “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เป็นการเชิญชวนกลุ่มลูกค้าเจ้าของ RIDDARA RD6 มาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากบริษัทฯ ได้ประกาศจัดตั้งกลุ่ม RIDDARA OWNERS CLUB และเริ่มส่งมอบรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA RD6 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ SILVERSKIN BISTRO & CAFÉ ร้านกาแฟสุดพรีเมียมย่านลำลูกกาคลอง 11 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนอกจากลูกค้า RIDDARA ได้สนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษที่บริษัทฯ ตั้งใจจัดขึ้นแล้วยังได้ร่วมพูดคุยกับกลุ่มผู้ใช้ RIDDARA อย่างเป็นอันเอง รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานจริงกับผู้บริหารของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

    “RIDDARA ขอขอบคุณลูกค้าคนไทยทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA เราพร้อมจะเป็นพันธมิตรที่ยี่งยืนและแบ่งปันประสบการณ์อันดีร่วมกันกับลูกค้าคนไทยทุกคนในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ สำหรับการจัดตั้ง RIDDARA OWNERS CLUB สังคมของผู้ใช้งานรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างเจ้าของ RIDDARA โดยเราพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าทุกท่านซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยและนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว (Liu Haizhou) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
    ในขณะที่ลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ต่างประทับใจ RIDDARA RD6 ทั้ง ในด้านอัตราเร่งที่ทันใจและช่วงล่างที่นุ่มนวลซึ่งแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังชื่นชมในเรื่องของความประหยัดพลังงานอีกด้วย

    RIDDARA เร่งการขยายตลาดในไทยเพิ่มทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์ เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมอบการบริการลูกค้าที่เหนือกว่า โดยตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คันภายในปีนี้
    มร. หลิว ไห่โจว กล่าวเสริมถึงภาพรวมการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยว่า หลังจาก RIDDARA ได้เปิดตัวรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น RIDDARA RD6 ในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 คัน โดยมีแผนจะแนะนำรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม และขยายทางเลือกด้านพลังงานใหม่ให้มีความหลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเป็นฐานการผลิตรถกระบะไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่สำคัญของ RIDDARA

    “เรากำลังพิจารณาการลงทุนสร้างโรงงาน KD ในประเทศไทยเพื่อผลิต PHEV และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว กล่าวย้ำ
    ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานลูกค้า RIDDARA เปิดรับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจร่วมขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานจาก 15 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาค เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ RIDDARA ได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการรถทดลองขับถึงหน้าบ้าน
    ยิ่งไปกว่านั้น RIDDARA ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ RIDDARA CARE ที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ด้วยทีมงานมืออาชีพ พร้อมจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และมีบริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน RIDDARA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความอุ่นใจและมั่นใจในการใช้งาน RIDDARA ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

     

    RIDDARA ผู้นำด้านรถกระบะพลังงานไฟฟ้า
    RIDDARA เป็นแบรนด์รถกระบะพลังงานไฟฟ้าในเครือ GEELY AUTO GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ โดย RIDDARA ได้นำความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยี การผลิต รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพของกลุ่ม GEELY มาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์กระบะพลังงานไฟฟ้าที่จะมาสร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ด้วยการผสานศักยภาพของรถกระบะที่สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบในสภาพถนนที่มีความแตกต่างไปพร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายแบบรถยนต์ SUV เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าตามแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมอันทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยปัจจุบัน RIDDARA สามารครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศจีน

    RIDDARA RD6
    RIDDARA RD6 โดดเด่นด้วยนวัตกรรม M.A.P (Multiplex Attached Platform) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรถยนต์ที่พัฒนาเอาจุดเด่นของรถกระบะและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาผสมผสานกัน ทำให้ RIDDARA RD6 มีความโดดเด่นทั้งในด้านของการออกแบบ สมรรถนะและความอัจฉริยะในแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยโครงสร้างตัวถังขนาดใหญ่และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย และติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยในการขับขี่ที่ครบครัน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับทั้งการเดินทาง และการทำกิจกรรมแบบเอาท์ดอร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่น้อยกว่ารถกระบะสันดาปทั่วไป

    RIDDARA RD6 ให้สมรรถนะที่โดดเด่นด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และแรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร มาพร้อมช่องจ่ายกระแสไฟตามมาตรฐานยุโรปขนาด 6KW ที่กระบะท้าย รวมไปถึงการเชื่อมต่อและควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทำให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน

    RIDDARA RD6 มอบความความสะดวกสบายระดับ SUV ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่เงียบสงบด้วยเทคโนโลยี Pure Electric NVH Silent พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายขนาด 50W ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ CN95 filter PM 2.5และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหนังคุณภาพสูงดีไซน์เอกลักษณ์สามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะโดยสาร เบาะหน้าเอนได้แบบ 180 องศา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกครบครัน

    RIDDARA RD6 ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 แบบอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ 7 โหมด สำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน (Sand / Mud / Off-road / Wading / Economy / Comfort / Sport) อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุด 815 มิลลิเมตร มีพื้นที่บรรทุกกระบะท้ายขนาด 1,200 ลิตร ช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 70 ลิตร และพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังอีก 48 ลิตร อีกทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัม

    RIDDARA RD6 มีระบบความปลอดภัยรอบคัน ซึ่งรวมถึงระบบช่วยในการขับขี่ ADAS (Advanced Driving Assistance Systems) สูงสุด 14 ระบบ และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 540 องศา รวมไปถึงถุงลมนิรภัย 6 จุดช่วยปกป้องทั่วทั้งห้องโดยสาร ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของโครงสร้างรถ

    สำหรับ RIDDARA RD6 มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมี 4 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายดังนี้

    ● RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 2WD 73kWh ราคา 999,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 4WD 73kWh ราคา 1,149,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาท

    สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของ RIDDARA RD6 ได้ที่โชว์รูมทุกสาขาทั่วไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า RIDDARA Call Center ที่หมายเลข 02-039-5777
    ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ RIDDARA ได้ที่ Website : http://th.riddara.com/ Facebook : Riddara Thailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • เรนาสโซ มอเตอร์ ยกทัพ LAMBORGHINI THE LAST NA (Naturally Aspirated) ในงาน LAMBORGHINI SELEZIONE SHOWCASE 2025 ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ

    1 Min Read

    เรนาสโซ มอเตอร์ ยกทัพ LAMBORGHINI THE LAST NA (Naturally Aspirated)
    ในงาน LAMBORGHINI SELEZIONE SHOWCASE 2025
    ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ

    บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ ยกทัพ Lamborghini Selezione Certified Pre-owned กว่า 30 คัน เผยโฉมลัมโบร์กินี Pre-owned ที่ผ่านการตรวจเช็คประวัติรถและ 153 รายการ ตามมาตรฐานโรงงาน Lamborghini และพร้อมส่งมอบทันที ซึ่งเป็นโอกาสทองที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะได้พบกันโดยตรง มาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน ที่เรียกได้ว่าเป็นดีลที่คุ้มที่สุดและดีที่สุดแห่งปี

    สำหรับแฟนพันธุ์แท้ค่ายวัวกระทิงดุเตรียมพบกับรถลัมโบร์กินีหลากหลายรุ่น อาทิ ตระกูล Aventador ,Huracan และ Urus พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษของงาน Lamborghini Diablo วัวกระทิงดุสุดคลาสสิก ปี 1993 ที่หาชมได้ยาก รวมถึง Lamborghini Revuelto รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูงรุ่นแรก ของแบรนด์ ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมเรนาสโซ มอเตอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต

    ข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน
    > รถลัมโบร์กินี ราคาเริ่มต้นที่ 16.xx ล้านบาท
    > รับทันที! สิทธิพิเศษจาก Renazzo Detailing Lab และ Lamborghini Bangkok
    > โปรแกรมทางการเงินจาก TTB ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ต่อปี (48 เดือน) อนุมัติภายใน 1 วัน *
    > โอกาสสุดท้ายที่จะเป็นเจ้าของรถ Lamborghini เครื่องยนต์ N/A ที่พร้อมส่งมอบทันที

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

    ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประกาศเซ็นสัญญา แซม ซันเดอร์แลนด์ ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัย

    1 Min Read

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประกาศเซ็นสัญญา แซม ซันเดอร์แลนด์
    ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัย

    • ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เซ็นสัญญากับ แซม ซันเดอร์แลนด์ นักบิดชาวอังกฤษแชมป์การแข่งขันระดับโลก เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ
    • แซม ซันเดอร์แลนด์ จะร่วมงานกับไทรอัมพ์ในโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ครอบคลุมในส่วนตลาดรถจักรยานยนต์แอดแวนเจอร์และรถจักรยานยนต์ออฟโรด

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้เซ็นสัญญากับแซม ซันเดอร์แลนด์ (Sam Sunderland) นักบิดแชมป์การแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัยและแชมป์การแข่งขัน FIM World Rally Raid เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยพัฒนาและสนับสนุนในส่วนโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ของรถจักรยานยนต์แอดแวนเจอร์และออฟโรด
    ภายหลังจาก แซม ซันเดอร์แลนด์ อำลาวงการแข่งขันในเดือนกรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา นักแข่งชาวอังกฤษจากทีม Red Bull ก็ได้เริ่มทำงานกับทั้งทีม Red Bull และ Triumph เพื่อร่วมกันหาโอกาสต่าง ๆ สำหรับการผจญภัยครั้งต่อไปของเขา ซึ่งจะต่อยอดจากประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาในรายการแข่งขัน Dakar Rally ซึ่งเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ขั้นสูงสุด
    แซม ซันเดอร์แลนด์ กล่าวว่า “การร่วมมือกับไทรอัมพ์ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวต่อไปอันน่าตื่นเต้นในอาชีพการงานของผม และผมตั้งตารอที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมอังกฤษ ที่จะมาเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ ร่วมกับผม และทีม Red Bull แน่นอนว่าผมแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้นแล้ว”

    มร.พอล สเตราท์ ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เผยว่า “เราได้เห็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มรถ Adventure ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาด้วยความสำเร็จทั่วโลกของรถจักรยานยนต์ Tiger และ Scrambler ของเรา รวมถึงการตัดสินใจเปิดตัวสู่ตลาด Motocross และ Enduro เป็นครั้งแรก ดังนั้นการได้ร่วมงานกับ แซม ซันเดอร์แลนด์ ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally ในการผจญภัยครั้งใหม่ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเรารู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับแซมเข้าสู่ครอบครัวไทรอัมพ์”

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ลงทุนในตลาดรถจักรยานยนต์ออฟโรด โดยประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์โมโตครอสขนาด 250 ซีซี ที่มีการแข่งขันสูงด้วยรุ่น TF 250-X และ TF 450-RC Edition ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

    ด้วยอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักระดับชั้นนำ ทำให้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์โมโตครอส TF 250-X ได้พิสูจน์ศักยภาพในการคว้าตำแหน่งโพเดียมด้วยชัยชนะครั้งสำคัญโดย ทีม Triumph Factory Racing ในการแข่งขัน AMA Supercross นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังเตรียมลงแข่งขันในปี 2025 ด้วยโมเดล Enduro ใหม่ ภายใต้การนำทีมของ Paul Edmondson ผู้จัดการทีมและอดีตแชมป์โลก
    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่น Tiger 900 และ Tiger 1200 ที่ได้รับรางวัลทั้งสองรุ่นได้รับการอัปเดตในปี 2024 โดยมีเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และปรับแต่งเครื่องยนต์ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ของไทรอัมพ์ดูได้ที่ www.triumphmotorcycles.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เร่งเครื่องรับปี 2568 เผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่พร้อมแผนขยายธุรกิจ ต่อยอดความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียม

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เร่งเครื่องรับปี 2568 เผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่พร้อมแผนขยายธุรกิจ ต่อยอดความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียม

    • หลังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดพรีเมียมได้ 5 ปีซ้อน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมกระตุ้นตลาดต่อเนื่องด้วยยานยนต์สมรรถนะสูง
    • เผยโฉม 9 รุ่นใหม่จากทั้งสามแบรนด์ จุดพลังขับเคลื่อนให้ตลาดด้วยนวัตกรรมที่ส่งตรงจากสนามแข่งสู่ท้องถนน
    • อีกหนึ่งก้าวประวัติศาสตร์ของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กับการกลับมาประกอบ มินิ คันทรีแมน ในประเทศอีกครั้ง
    • บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย พร้อมต่อยอดความพึงพอใจของลูกค้าและประสิทธิภาพทางธุรกิจ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จในการครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน พร้อมเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่รวม 9 รุ่น จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานแถลงข่าวประจำปี 2568 ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
    (ในภาพจากซ้าย) มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
    คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดฉากปี 2568 อย่างแข็งแกร่งด้วยการประกาศกลยุทธ์สำคัญระลอกแรก หลังจากที่รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยไว้ได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยจากเสียงตอบรับที่ดีของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยตลอดรอบปีที่ผ่านมา บริษัทจึงพร้อมที่จะสานต่อกระแสตลาดด้วยการเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่รวม 9 รุ่นในช่วงต้นปีนี้ เพื่อนำสมรรถนะและนวัตกรรมสุดตื่นตาจากสนามแข่งมาให้สัมผัสกันบนท้องถนนในไทย ก่อนจะเดินหน้าเปิดตัวรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกตลอดปี 2568

    สำหรับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดรถยนต์เซกเมนต์พรีเมียมในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน บีเอ็มดับเบิลยูและมินิทำยอดส่งมอบรถยนต์รวมกันอยู่ที่ 13,659 คันในปี 2567 ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 45% ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ 12,208 คันของบีเอ็มดับเบิลยูในปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำยอดจดทะเบียนรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่การเปิดตัวรุ่นใหม่ในตระกูล New MINI Family ส่งผลให้มินิมียอดส่งมอบรถเพิ่มสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 7.6%

    นอกเหนือจากยอดส่งมอบรถยนต์ที่มั่นคงในภาพรวมแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังทำผลงานในตลาดรถยนต์สำหรับลูกค้าองค์กรได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่แล้ว หลังจากที่ส่วนแบ่งตลาดฟลีทในกลุ่มรถยนต์หรูของบีเอ็มดับเบิลยูขยายตัวขึ้นมาเป็น 70% ในปี 2567 หรือโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 27% ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่กลุ่มธุรกิจการโรงแรมมีให้ต่อบีเอ็มดับเบิลยู

    มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราได้ก้าวเข้าสู่ปี 2568 อย่างเต็มตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้ายิ่งขึ้นในการยกระดับทั้งนวัตกรรมการขับขี่และความพึงพอใจของลูกค้า ในปีที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรุ่นสมรรถนะสูงของเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในตลาด เราจึงพร้อมสนองความต้องการของลูกค้าทันทีด้วยทัพรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 ใหม่ พร้อมด้วยมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และซูเปอร์ไบค์ บีเอ็มดับเบิลยู

    S 1000 RR ที่ผ่านการปรับโฉมอีกครั้ง นอกจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ทั้งหมดนี้แล้ว เรายังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายที่จะนำแนวคิด ‘Retail Next’ เข้าไปเป็นหัวใจของโชว์รูมบีเอ็มดับเบิลยูทุกแห่งทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับ
    ความพึงพอใจของลูกค้าทั้งในด้านการขายและบริการ ผ่านความร่วมมือกับผู้จำหน่ายตลอดทั้งปี 2568″
    รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น เสริมรากฐานที่แข็งแกร่งให้อนาคตวงการยานยนต์ไทย

    ในปี 2567 ภารกิจการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูดำเนินอย่างต่อเนื่องด้วยไลน์รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 6 รุ่นในประเทศไทย หลังจากที่ได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i5 และ iX2 เข้ามาเสริมทัพรุ่น iX3, i4, i7 และ iX ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่แล้ว โดยพุ่งขึ้นจาก 13.5% ในปี 2566 มาเป็น 22.6% ในปี 2567 และมีส่วนช่วยผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39.9% ส่วนการเปิดตัวมินิในเจเนอเรชันใหม่ New MINI Family ในปีที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของมินิไฟฟ้าโฉมใหม่ได้ ทั้งในรุ่นคูเปอร์ คันทรีแมน และ น้องใหม่ล่าสุดอย่างเอซแมน จึงทำให้ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของมินิเติบโตขึ้นกว่า 44% จากปีก่อนหน้า

    สำหรับตลาดไทย แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู M ยังคงให้การต้อนรับรุ่นใหม่อย่างบีเอ็มดับเบิลยู M5 และ M4 CS อย่างอบอุ่น หลังจากที่เปิดตัวไปในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา และปี 2568 ก็จะตื่นเต้นเร้าใจ
    ยิ่งกว่าเดิม ด้วยรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance ที่จ่อคิวรอเปิดตัวเพิ่มเติมอีกตลอดปี

    สถิติและผลการดำเนินงานในตลาดไทยทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและตลาดที่มอบให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตลอดปี 2567 บริษัทได้พิสูจน์ถึงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการยอมรับสูงสุดโดยผู้บริโภคไทย ด้วยรางวัลจากเวที “Thailand’s Most Admired Company” สาขาอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยนิตยสาร BrandAge และรางวัลสาขาตลาดรถยนต์พรีเมียมจากเวที “No.1 Brand Thailand” โดยนิตยสาร Marketeer ส่วนในวงการยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ก็ได้รับเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และ i5 ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีและรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปีด้วยเช่นกัน เครือข่ายผู้จำหน่ายพร้อมต่อยอดประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และสานต่อการขยายแนวคิด ‘Retail Next’ ทั่วประเทศ ผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในปี 2567 เผยให้เห็นว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำผลงานได้ดีขึ้นทั้งในด้านการขายและการบริการ ด้วยคะแนน Net Promoter Score (NPS) ด้านการขายที่ 95 คะแนน (เพิ่มขึ้น 1 คะแนนจากปี 2566) และด้านการบริการที่ 93 คะแนน (เพิ่มขึ้น 2 คะแนนจากปี 2566) โดยนับเป็นสถิติสูงสุดสำหรับทั้งสองด้าน

    ในปี 2568 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นในทุกจุดสัมผัส แนวคิด “Retail Next” ที่มุ่งเน้นการผสานนวัตกรรมดิจิทัลและงานออกแบบที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จะขยายตัวครอบคลุมโชว์รูมและศูนย์บริการกว้างขวางขึ้นในปีนี้ ภายใต้เป้าหมายที่จะเพิ่มอัตราส่วนของโชว์รูมแบบ Retail Next จาก 60% เป็น 100% ทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวโชว์รูม เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส อยุธยา ในช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการรวม 8,800 ตารางเมตรที่ครบครันด้วยประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ และงานออกแบบที่สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมของอยุธยา เพื่อตอบสนองต่อกระแสความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยการรับรองโชว์รูม “M Certified” เพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่

    ยุโรปา มอเตอร์ (สาขาสำนักงานใหญ่), อมร เพรสทีจ รังสิต และบาร์เซโลนา มอเตอร์ บางแค ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยูมีโชว์รูม M Certified พร้อมมอบประสบการณ์สุดตื่นตาตื่นใจในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู M ให้กับลูกค้าในกว่า 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ

    ทางด้านมินิ ก็เตรียมเดินเกมรุกต่อยอดความคึกคักจากปีที่ผ่านมา ด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายมินิอย่างเป็นทางการ ทั้งที่บาร์เซโลนา มอเตอร์ บางแค, เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์ และยุโรปา มอเตอร์ สำนักงานใหญ่ ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรแล้วเช่นกันด้วยการเปิดตัวโชว์รูมใหม่ของ
    โมโตกรุ๊ปในย่านพระราม 5 มินิเตรียมกลับสู่สายการผลิตในไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โรงงานและสายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง นับเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายสายการผลิตทั่วโลก ในปีนี้ โรงงานแห่งนี้จะได้ต้อนรับมินิ ในโอกาสที่มินิ คันทรีแมน รุ่นล่าสุด จะหวนคืนสู่สายการผลิตในประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของมินิรุ่นใหญ่ตัวนี้กันได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกลับมาของมินิยังทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นสายการผลิตแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่สามารถประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมยกระดับบริการทางการเงินด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ต่อยอดความไว้วางใจของลูกค้า ท่ามกลาง ความท้าทายตลอดปี 2567

    บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ทำผลงานได้อย่างมั่นคงในปี 2567 ด้วยยอดลูกค้าใหม่ที่ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยท่ามกลางการหดตัวของตลาดรวมในประเทศไทย อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาเสริมประสบการณ์ให้กับลูกค้า สามารถสร้างเสียงตอบรับได้ดีไม่น้อย และส่งผลให้ครึ่งหนึ่งของลูกค้าใหม่ที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จากทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด วางใจในบริการทางการเงินของบริษัท ขณะที่ 1 ใน 3 รายก็เลือกจัดการข้อตกลงทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ myBMW / MINI Finance
    นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่มประกันภัยรถยนต์และกลุ่มลูกค้าองค์กรล้วนทำผลงานได้ดีในปี 2567 ด้วยอัตราการเข้าถึงตลาดที่เพิ่มขึ้นเป็น 64% และ 68% ตามลำดับ

    คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เรามีเป้าหมายที่จะยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า สอดคล้องกับทิศทางในภาพรวมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งเป็นผลให้ในปีที่แล้ว เราทำคะแนน Net Promoter Score ได้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 78 คะแนน เรายังคงยกให้ลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการทำงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบีเอ็ม
    ดับเบิลยู มินิ หรือบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด คันใหม่อย่างง่ายดายและสบายใจที่สุดด้วยข้อเสนอทางการเงิน ของเรา หรือประสบการณ์พิเศษมากมายสำหรับลูกค้า เช่น การแข่งขัน BMW Golf Cup หรือกิจกรรม BMW Driving Experience ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2568 เราก็จะสานต่อภารกิจเหล่านี้ด้วยนวัตกรรมที่มี AI เป็นแรงขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และเข้าถึงบริการทางการเงินของเราได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก”

    ในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้นำระบบอัตโนมัติแบบ Robotic Process Automation (RPA) เข้ามาใช้งานรวม 12 ระบบ ซึ่งส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อของลูกค้าราว 13% สามารถทำได้แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขณะที่การแนะนำเทคโนโลยีลายเซ็นแบบดิจิทัลที่ปลอดภัยก็
    ทำให้ 36% ของสัญญาใหม่ในปีที่แล้วผ่านการเซ็นรับรองแบบดิจิทัล


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ หอการค้าอังกฤษ – ไทย จัดแสดง Bentayga Hybrid กับเสน่ห์และความหรูหราแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ หอการค้าอังกฤษ – ไทย จัดแสดง Bentayga Hybrid กับเสน่ห์และความหรูหราแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025

    (กรุงเทพฯ 17 กุมภาพันธ์ 2568) เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (BCCT) จัดแสดง Bentley Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid สะท้อนเสน่ห์และความหรูหราในแบบฉบับยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025 ณ สมาคมสโมสรอังกฤษ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    ในส่วนของการจัดแสดงยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษภายในงาน เบนท์ลีย์ แบงค็อก ได้นำเสนอ เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด (Bentley Bentayga Hybrid) อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid ในเฉดสีเทา “เอ็กซ์ตรีม ซิลเวอร์” (Extreme Silver) ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันเต็มเปี่ยมจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเดินทางได้สูงสุดถึง 40 กิโลเมตรในโหมด EV พร้อมสัมผัสแห่งการขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเร้าใจในการขับขี่แบบออฟโรดจากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินอันทรงสมรรถนะที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยพละกำลังกว่า 443 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 247 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.9 วินาที พร้อมด้วยการออกแบบภายนอกและภายในห้องโดยสารที่เผยให้ถึงความประณีตและความละเอียดลออของงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์งานแบรนด์หรูจากเมืองผู้ดี จัดแสดงให้แขกผู้มีเกียรติในงานได้สัมผัสเสน่ห์และความหรูหราของอัครยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพิ่มสีสันและเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของงาน ดึงดูดความสนใจจากแขกผู้ร่วมงานได้จำนวนไม่น้อย โดยมี มร. เกร็ก วัตคินส์ (Greg Watkins) ผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าอังกฤษ – ไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารให้เกียรติมาเยี่ยมชม และกล่าวขอบคุณสำหรับการร่วมงานในครั้งนี้

    สำหรับกิจกรรมภายในงานฯ แขกทุกท่านยังได้เพลิดเพลินกับเมนูอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติจากภัตตาคารและโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ สมาชิกสภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (BCCT) ที่มาจัดบูทและรังสรรค์เมนูสุดพรีเมียมให้กับแขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มลองท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นเสมือนการพบปะสังสรรค์ภายในสวนที่ขับกล่อมด้วยดนตรีแจ๊สจากไลฟ์มิวสิคแบรนด์ในค่ำคืนสุดพิเศษ

    สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดกับราคาเริ่มต้นที่ 14.6 ล้านบาท พร้อมรับเอกสิทธิ์พิเศษที่เหนือกว่าด้วยการรับประกันมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี

    ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment