-
IRC ยางรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ โชว์เทคโนโลยียางรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ ยางอุตสาหกรรม ในงาน FTI EXPO 2025 ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย
บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC บริษัทร่วมทุน ไทย-ญี่ปุ่น กว่า 55 ปีในการนำความปลอดภัยสู่ผู้ขับขี่ในประเทศไทยและนานาชาติ ด้วยเทคโนโลยีทุกมิติของการขับขี่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางนอก ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงมาตรฐานระดับโลก ผ่านการจัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนในงาน ‘FTI EXPO 2025 : Empowering Thai Industry, Elevating Thailand’s Future เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน’ โดยบูธของ IRC จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “IRC 55 ปี แห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน”
นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “IRC มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมประเทศไทย ผ่านการพัฒนานวัตกรรมยางและผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงที่สอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยและนานาชาติ การที่ภาคการผลิตในประเทศขยายตัว ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม IRC พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตไปสู่เวทีโลก ผ่านการนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG”
ภายในบูธของ IRC ได้จัดแสดงนวัตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IRC Green Tube ยางในแห่งอนาคต ที่ผลิตจากยางธรรมชาติและวัสดุที่ยั่งยืน ยาง IZ Series ยางรถจักรยานยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย ยางที่ใช้ในการแข่งขันประเภทต่างๆ ยาง on-off road, ยางวิบาก (Motocross) ยางวีลแชร์สำหรับแข่งขัน ยางสำหรับแข่งขันจักรยานระดับโลก ไปจนถึงยางสำหรับพื้นถนนที่มีหิมะ ที่เป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกันในกลุ่มบริษัทที่ขยายกิจการไปมากกว่า
40 ประเทศนอกจากนี้ IRC ยังได้แสดงผลิตภัณฑ์จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่าง พื้นยางนวัตกรรม Vi-Pafe ยางรองรางรถไฟฟ้า และเสาจราจรล้มลุกจากยางธรรมชาติ พร้อมจัดแสดงรถประหยัดพลังงานที่ชนะการแข่งขันกิจกรรม Honda Eco Mileage Challenge 2025 และเครื่อง Riding Trainer ที่ได้รับความร่วมมือจากไทยฮอนด้า เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้เข้าชมงานอีกด้วย
“IRC เป็นยางรถจักรยานยนต์มีชื่อเสียงมากจากประเทศญี่ปุ่นที่นำความปลอดภัยบนท้องถนนสู่ผู้ขับขี่ในไทยมายาวนานกว่า 55 ปี เราให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานเสมอมา
และยังคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) จากการได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) การรับรองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีคุณค่าต่อสังคม จากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Award และได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงผ่านการประเมิน CGR (Corporate Governance Report) ระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ) นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ IRC ให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง” นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้ายภายในงาน FTI EXPO 2025 บูธของ IRC ยังได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดบูธพร้อมผู้ทรงคุณวุฒิมากมายมาร่วมเยี่ยมชมและพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับเกียรติจาก ท่านพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย คุณทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด
คุณอภิชาติ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) คุณพรทิพย์ เศรษฐีวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค อินดัสตรีย์ (ไทยแลนด์) จำกัด คุณมาซาฮิโตะ ฮอนดะ Executive Advisor INOAC CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น และ คุณ Dave Jen จาก Pandrol ฝรั่งเศส และในงานนี้คณะผู้บริหารของ IRC ซึ่งประกอบไปด้วย นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ นายอาคิระ โทโคโระ กรรมการผู้จัดการ และ นายณัฐ ผาติบัณฑิต ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัยและพัฒนา ได้เข้าร่วมเสวนาพิเศษแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจและทิศทางของอุตสาหกรรมยางไทยสู่ความยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมปล่อย GWM HAVAL H6 รุ่นใหม่ล่าสุด! อัปเกรดเต็มพิกัด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ใหม่สุดล้ำ
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เตรียมเขย่าวงการรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์หลังจากยืนยันการนำ GWM TANK 300 ขุมพลังดีเซลเข้ามาให้ชาวไทยได้สัมผัส ล่าสุดเตรียมเปิดตัว New GWM HAVAL H6 รุ่นปี 2025 ตามมาติด ๆ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด และปลั๊กอิน-ไฮบริด ที่มีการแปลงโฉมใหม่ให้ดูล้ำสมัย อัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ที่สุดเร้าใจ เหนือชั้นกับสมรรถนะสุดเร้าใจที่ให้มาแบบจัดเต็ม และยังตอบรับเสียงของผู้บริโภคชาวไทยกับการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความชื่นชอบและการขับขี่ของคนไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์ที่ยังคงเป็นรถยนต์เอสยูวีระบบปลั๊กอิน-ไฮบริดมีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในทุกมิติ ตอบโจทย์เหล่าครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อทุกการเดินทางที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น ปลอดภัย และคุ้มค่าคุ้มราคาจากแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์
เตรียมนับถอยหลังสู่สุดยอดประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต กับการพลิกโฉมครั้งสำคัญของ GWM HAVAL H6 ที่อัปเกรดมาอย่างครบครัน ตอบความต้องการอย่างครอบคลุม พร้อมปฏิวัตินิยามใหม่ของรถยนต์เอสยูวีในประเทศไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เร็ว ๆ นี้!
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบแห่งใหม่ เตรียมความพร้อมสู่การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปีหน้า
• เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ณ โรงงาน เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ
• ศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบแห่งใหม่เป็นส่วนสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกในปี 2569 ตามแผนกลยุทธ์ Beyond100+
• อาคารศูนย์ความเป็นเลิศประกอบด้วยพื้นที่สำหรับทดสอบการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและห้องปฏิบัติการแห่งใหม่(ครูว์ 11 กุมภาพันธ์ 2568) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบแห่งใหม่ที่ทันสมัยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย Gunnar Kilian กรรมการบริหารจาก Volkswagen AG และคณะกรรมการบริหารจากเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ โดยศูนย์ความเป็นเลิศแห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมความพร้อมของแบรนด์สำหรับการเปิดตัวรถยนต์เบนท์ลีย์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกในปี 2569 ซึ่งจะถือเป็นการเปิดตัว ‘The World’s First Urban Luxury SUV’ รุ่นแรกของโลก สำหรับการเปิดศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่นี้ได้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์สที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 85 ปีแห่งนี้ให้พร้อมสู่ยุคใหม่ของการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบในอนาคต
กลยุทธ์ Beyond100+ ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่จะทำให้เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับอนาคตของการใช้พลังงานไฟฟ้า ดังนั้น ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตและคุณภาพจะพร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ระดับหรูที่ดีที่สุดของโลกในอนาคต
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 8,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่การผลิตและสายการประกอบขนาดเล็กสำหรับทดสอบการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีศูนย์เทคนิคสำหรับการตรวจสอบวัสดุ การวัดขนาดที่มีความแม่นยำสูง และการวิเคราะห์ยานยนต์ โดยทั้งหมดนี้มุ่งเน้นที่คุณภาพ ประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของรถยนต์เบนท์ลีย์พลังงานไฟฟ้าทุกคัน
Andreas Lehe คณะกรรมการฝ่ายการผลิต เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยเกี่ยวกับการพัฒนาครั้งสำคัญนี้ว่า
“ศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบถือเป็นส่วนสำคัญในการสานต่อกลยุทธ์ Beyond100+ ให้ประสบความสำเร็จ การพัฒนาศูนย์แห่งนี้ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานในเมืองครูว์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยนตรกรรมหรูที่ยั่งยืนชั้นนำของโลก”
“ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่นี้จะเป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันของทั้งทีมงานคุณภาพและทีมงานส่งมอบที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพ ความแม่นยำ และงานฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้อันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์เพื่อการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของเรา”
ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เร่งเครื่องบุกตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ เปิดตัว 2 รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ New Trident 660 และ New Tiger Sport 660 มาพร้อมเทคโนโลยีอัปเกรด เพิ่มความคล่องตัว ขี่สนุก ตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่
กรุงเทพฯ 21 กุมภาพันธ์ 2568 – ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เดินหน้าในการเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ ประเดิมความร้อนแรงแต่ต้นปีด้วยการเปิดตัว 2 รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ New Trident 660 รถจักรยานยนต์ตระกูล Roadsters ที่ได้อัปเกรดให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นเพื่อผู้ขับขี่มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมทั้งปรับปรุงระบบกันสะเทือนเพื่อความคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยมี 3 สีใหม่และธีมกราฟิกสุดโดดเด่นให้เลือก ต่อด้วย New Tiger Sport 660 รถจักรยานยนต์ตระกูล Sport มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์และการควบคุมที่คล่องตัวยิ่งขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก ส่งมอบความสนุกสนานให้กับทุกการเดินทาง ซึ่งทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ
นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์
(ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับไทรอัมพ์ New Trident 660 เป็นรถจักรยานยนต์ Roadsters ที่ได้พัฒนาให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น โดยมาพร้อมขุมกำลังเครื่องยนต์สามสูบขนาด 660 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 81 แรงม้า ที่ 10,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ทำให้ได้เสียงเครื่องยนต์สามสูบที่ทรงพลังและเร้าใจ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นเพื่อผู้ขับขี่มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ Optimised Cornering ABS ระบบ Triumph Shift Assist ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ และ Cruise Control ที่ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ไปจนถึงจอแสดงผลแบบ TFT ที่ได้รับการติดตั้งระบบ MyTriumph Bluetooth Connectivity เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมโทรศัพท์ เพลง และสามารถใช้ระบบนำทางแบบ Turn-by-turn ได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ที่เพิ่มโหมด Sport ใหม่ เป็นต้นในขณะที่การควบคุมรถส่งมอบความมั่นใจ ตั้งแต่ตำแหน่งการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติด้วยความสูงของเบาะที่เข้าถึงได้ง่ายที่ 805 มม. และความกว้างของเบาะที่แคบทำให้เท้าของผู้ใช้งานสามารถสัมผัสพื้นได้ ขณะที่ความสมดุลของตัวรถ ระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรง Slip & Assist รวมถึงระบบส่งกำลังที่นุ่มนวล ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองที่หนาแน่น ด้านระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงและเบรกอันทรงพลัง มาพร้อมโช้คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 41 มม. ซึ่งได้รับการอัปเกรดด้วยระบบกันสะเทือน Showa SFF-BF แบบลูกสูบใหญ่ เพื่อความสบายและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น และระบบกันสะเทือนหลัง Showa แบบปรับพรีโหลดได้ รวมถึงจานเบรกคู่ Nissin ขนาด 310 มม. และยาง Michelin Road 5 ที่เกาะถนนได้ยอดเยี่ยม
ส่วนด้านการออกแบบมาในสไตล์ Retro-modern อันเป็นเอกลักษณ์ของ Trident ผสานความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ไร้ที่ติของไทรอัมพ์ ทำให้รถรุ่นนี้แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายและรูปลักษณ์ที่ทรงพลังอัน นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งที่ได้รับการอัปเกรด รวมถึงประกับแฮนด์อะลูมิเนียม และแป้นเบรกอะลูมิเนียม ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเพิ่มการปกป้อง ความสะดวกสบาย สไตล์ สัมภาระ และความปลอดภัยได้ ด้วยอุปกรณ์เสริมแท้ไทรอัมพ์ที่มีให้เลือกถึง 45 รายการอีกด้วยทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ New Trident 660 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 319,000 บาท มีสีและธีม
กราฟิกใหม่ให้เลือก ได้แก่ สี Cosmic Yellow, Cobalt Blue และ Diablo Red ซึ่งมาพร้อมสี Sapphire Black และคาดแถบเฉียงสีขาว รวมถึงมีสี Jet Black ให้จับจองเป็นเจ้าของ
ต่อกันด้วย New Tiger Sport 660 รถจักรยานยนต์ตระกูล Sport รุ่นล่าสุด ที่ได้พัฒนาเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเดินทางทั้งในเมืองและแบบทัวร์ริ่ง โดยมาพร้อมสมรรถนะสไตล์สปอร์ตจากเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ขนาด 660 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 81 แรงม้าที่ 10,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที มอบกำลังที่นุ่มนวล การตอบสนองฉับไว และต่อเนื่องในทุกครั้งที่บิดคันเร่ง อีกทั้งได้เพิ่มเทคโนโลยีขั้นสูงติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งปกติจะมีเฉพาะในกลุ่มรถจักรยานยนต์ความจุขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Cruise Control ระบบ Triumph Shift Assist ระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction controlพร้อมกันนี้ New Tiger Sport 660 ยังได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกล และการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีตำแหน่งการขี่ที่ตั้งตรง กระจกบังลมที่ปรับได้ และเบาะนั่งที่นุ่มสบายสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมการปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์เพิ่มเติม เสริมด้วยที่จับสำหรับคนซ้อน รวมถึงการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายตลอดทั้งวัน ด้วยโช้คหัวกลับจาก Showa ขนาด 41 มม. และระบบกันสะเทือนหลังที่ปรับพรีโหลดได้ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะขับขี่คนเดียวหรือมีผู้ซ้อนท้าย ขณะที่ถังน้ำมันขนาด 17.2 ลิตร ให้ระยะทางที่เพียงพอสำหรับการผจญภัยที่ยาวนาน ด้านยาง Michelin Road 5 ให้การยึดเกาะที่เหนือกว่าในทุกสภาพถนน และจานเบรกขนาด 310 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรกจาก Nissin ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความคล่องตัว อีกทั้งน้ำหนักที่รวมของเหลวแล้วเพียง 207 กก. เบาะนั่งที่แคบและมีความสูงเพียง 835 มม. จึงมีน้ำหนักที่เบาและคล่องตัว ทำให้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่นหรือถนนคดเคี้ยวได้อย่างง่ายดาย
รวมทั้งยังมีโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Road Rain และ Sport ที่เพิ่มเติมเข้ามา คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและควบคุมได้ดี รวมถึงระบบไฟ LED เต็มรูปแบบ ตั้งแต่ไฟหน้าที่สว่างสดใส และไฟท้าย LED ที่เพรียวบาง สะดวกสบายด้วยหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ที่รวมหน้าจอ TFT สีเต็มรูปแบบ เชื่อมต่อระบบ My Triumph Connectivity ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยให้สามารถนำทางแบบ Turn-by-turn จัดการสายโทรศัพท์ และควบคุมเพลงได้ หรือหากผู้ขับขี่ต้องการปรับแต่ง New Tiger Sport 660 ตามสไตล์เฉพาะตัวยังมีอุปกรณ์เสริมแท้ให้เลือกมากกว่า 40 รายการ
สำหรับรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ New Tiger Sport 660 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 359,000 บาท มีให้เลือกทั้งสี Sapphire Black หรืออีก 3 สีสุดพรีเมียม ได้แก่ Roulette Green, Carnival Red และ Crystal White
นอกจากสเปคและเทคโนโลยีที่อัปเกรดจัดเต็มมาให้ทั้งใน New Trident 660 และ New Tiger Sport 660 ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ โดยมีระยะเวลาเข้ารับบริการที่อยู่ที่ 16,000 กม. หรือ 12 เดือนอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน ซึ่งถือเป็นผู้นำในรถจักรยานยนต์ในคลาสเดียวกัน และการรับประกันไม่จำกัดระยะทาง 2 ปี ครอบคลุมทั่วโลกและครอบคลุมไปถึงอุปกรณ์เสริมแท้ของไทรอัมพ์อีกด้วย นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) เตรียมเผยโฉม ‘Porsche at Jewel’ ที่จะตั้งอยู่ที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
สิงคโปร์. หลังจากที่ได้ผลิกโฉมรูปแบบการค้าปลีกยานยนต์ด้วยการเปิดตัว Porsche Studio Singapore ที่สร้างสรรค์และล้ำสมัยแล้วนั้น ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิกได้ประกาศพัฒนาโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้น ‘Porsche at Jewel’ ที่จะเปิดตัวที่สนามบินชางงี (Changi Airport) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โครงการใหม่นี้จะมีการแสดงรถยนต์ปอร์เช่แบบหมุนเวียนให้ผู้มาเยือนได้ชม พร้อมทั้งมีคาเฟ่ ที่เสิร์ฟอาหารและขนมจากร้าน Baker & Cook รวมถึงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์จาก Porsche Design ที่จะมีให้เลือกซื้อทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์ผู้มาเยือนห้างสรรพสินค้า
โครงการ ‘Porsche at Jewel’ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างปอร์เช่และสนามบินชางงี (Changi Airport Group) ที่เคยร่วมสร้างความประทับใจมากมายผ่านกิจกรรมต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาทิ การจัดกิจกรรม “Driving Tomorrow” แบบพิเศษในปี 2021, การแสดงรถคอนเซ็ปต์ Vision Gran Turismo ที่ทาสีด้วยลวดลาย Vexx ณ น้ำพุ Jewel Rain Vortex เมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากปอร์เช่ในแคมเปญ ‘Changi Millionaire Experiences’ ซึ่งเป็นแคมเปญส่งเสริมการขายของสนามบินชางงี
จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม 2025 จำนวนผู้มาเยือนศูนย์การค้าอันโดดเด่นอย่าง Jewel Changi Airport แห่งนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้ทำลายสถิติใหม่ โดยมีผู้มาเยือนมากกว่า 80 ล้านคน
ด้วยการเปิด ‘Porsche at Jewel’ ปอร์เช่มีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวหรูหราระดับโลก และศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าและแฟน ๆ ของปอร์เช่ในสิงคโปร์ ควบคู่ไปกับนวัตกรรมด้านการค้าปลีก เช่น Porsche Studio Singapore และ Porsche Privilege Programme ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้
“ที่ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เราภูมิใจที่ได้มีโอกาสสร้างสถานที่แห่งใหม่ที่ล้ำสมัยกับโครงการ ‘Porsche at Jewel’ ที่สนามบินชางงี เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระดับเวิร์ลคลาส สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างการบูรณาการแบรนด์ของเราให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้มีรสนิยมสูง พื้นที่แห่งนี้ยังสอดคล้องกับชื่อเสียงของสนามบินชางงีในฐานะศูนย์กลางการเดินทางระดับโลก ซึ่งจะเป็นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งให้กับชุมชนปอร์เช่ ทั้งในสิงคโปร์และทั่วโลก” ฮานเนส รูออฟ (Hannes Ruoff) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ
ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวเจมส์ ฟง (James Fong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Jewel Changi Airport Development กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ยกระดับความร่วมมือกับปอร์เช่สู่จุดสูงสุดใหม่และยกระดับประสบการณ์ของผู้มาเยือนที่ Jewel และสนามบินชางงี เราได้ร่วมมือกับปอร์เช่ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านกิจกรรม pop-up ที่น่าสนใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และการเพิ่มพื้นที่ประสบการณ์ถาวรแห่งแรกของปอร์เช่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับภูมิทัศน์การค้าปลีกของ Jewel แต่ยังเสริมสร้างความหรูหราของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อ ‘Porsche at Jewel’ เปิดให้บริการในปีนี้ ผู้ที่มาเยือนจะได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่และยกระดับยิ่งขึ้น”
‘Porsche at Jewel’ คือสถานที่แห่งใหม่ของปอร์เช่ที่จะตั้งอยู่ที่ Jewel Changi Airport ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เป็นต้นไป
เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป
ปอร์เช่ ประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต (AAS Auto Import Co., Ltd.) เป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 แบรนด์ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูชั้นนำจากเมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อเสียงจากรุ่นในตำนานอย่าง 911, 718, Cayenne, Macan, Panamera และ Taycan รถยนต์สปอร์ตไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 2019 ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 5 แห่ง ได้แก่ Porsche Centre Bangkok (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Pattanakarn (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Bangna (บริหารงานโดย บริษัท สตุทการ์ต ออโต้โมทีฟ (ประเทศไทย)), Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) และในอนาคตอันใกล้นี้ ยังมีแผนขยายเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ Porsche Centre Pattaya (บริหารงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ตส จำกัด) และ Porsche Centre Kalaprapruk (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด)
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
สัมผัสสุดยอดยนตรกรรมหรูจากเลกซัสหลากหลายรุ่น
ที่ EMQUARTIER ในงาน “LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE”
พบกันอีกครั้งกับกิจกรรม LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASE โดยครั้งนี้เลกซัสยกขบวน ยนตรกรรมหรูหลากหลายรุ่นมาให้คุณได้สัมผัสถึงใจกลางเมือง ณ Emquartier โซน Quartier Avenue ชั้น G ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568ภายในงานคุณจะได้สัมผัสยนตรกรรมสุดหรูจากเลกซัสถึง 7 รุ่น อาทิ The New Lexus LBX Bespokeรถคอมแพคครอสโอเวอร์ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับไลฟ์สไตล์เมือง Lexus LM รถตู้อเนกประสงค์สุดหรูที่ออกแบบมาเพื่อผู้นำระดับไอคอนิก และเลกซัสอีกหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น Lexus RX / NX / UX / ES และ IS พร้อมทดลองขับภายในงานพิเศษ เมื่อจองรถที่ร่วมรายการภายในงาน รับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมรับ EM DISTRICT LIFESTYLE VOUCHER มูลค่า 20,000 บาท และสำหรับเจ้าของรถเลกซัสที่เป็นสมาชิก Lexus Elite Club เพียงแสดงหน้าแอปฯ รับเลยของที่ระลึกสุดพิเศษจากเลกซัสภายในงานข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมที่งาน LEXUS ELECTRIFIED SHOWCASEรับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อม LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้นหนึ่ง (1 ปี) ฟรี* เมื่อดาวน์ที่ 30% และผ่อนชำระ 48 เดือน1. สำหรับรถยนต์เลกซัส IS 300h และ UX 300hรับดอกเบี้ย 0% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)2. สำหรับรถยนต์เลกซัส ES 300h เกรด Luxury และ Premiumรับดอกเบี้ย 0% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท3. สำหรับรถยนต์เลกซัส LBX เกรด Luxury และ Premiumรับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)4. สำหรับรถยนต์เลกซัส NX 350h และ NX 450h+รับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)5. สำหรับรถยนต์เลกซัส RX 350h / RX 450h+ และ RX 500h F SPORTรับดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรี LXP Standard มูลค่า 50,000 บาท และประกันภัยชั้น 1 (1 ปี)หมายเหตุ– เฉพาะลูกค้าที่จองรถภายในงาน และรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น– เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ ยกเว้นรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถขาย Fleet– สอบถามเงื่อนไขได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่ง เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด1. เลกซัส กรุงเทพ2. เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (รามอินทรา กม.2)3. เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (สุขุมวิท ซอย 18)– รายละเอียดการเช่าซื้อ เงินดาวน์ ค่างวด และอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัททางการเงินและธนาคารที่ร่วมโครงการ– เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กำหนด
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 พาไปจิบกาแฟพร้อมบรรยากาศสุดชิลที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมมีตติ้งสำหรับชาวคาวาซากิ กับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 1 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ จ.นนทบุรี ครั้งนี้คาวาซากิจึงขนขบวนยกทัพมาเอาใจแฟนสายเขียวแถบภาคเหนือ พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน
จบไปแล้วกับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งล่าสุด ที่พาไปจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ภายในงานมีกิจกรรมบนเวทีมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความสนุกสนาน แถมของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน พร้อมดนตรีฟังสบายท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน
นอกจากนี้ในงานคาวาซากิยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLX230 Sherpa รถจักรยานยนต์ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่ Kawasaki ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007 คำว่า Sherpa คือ คำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัย และชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน “จากเมืองสู่ธรรมชาติ” ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA
พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 134 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Rideology the App ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย
และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งานได้อีกด้วย
สำหรับสีที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยคือ Medium Smoky Green สีเขียวเอิร์ธโทน สุดเท่KLX230 Sherpa มาพร้อมกับราคาขายปลีกแนะนำที่159,000 บาท และพิเศษโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวกับคูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
หมวกกันน็อค iD ภูมิใจที่ได้ร่วมผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท เอส วาย เค ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ INDEX, ID, RANDOM, PROTO, LINK สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการจัดงานเซ็นสัญญานักแข่งจากโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ไทยถึง 34 คน จาก 5 ทีม ภายใต้ชื่อ 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 พร้อมเผยเบื้องหลังการถ่ายทำสุดพิเศษที่สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของนักแข่ง ภายใต้คอนเซ็ป “หมวกไทยมาตรฐานโลก”
การถ่ายทำในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงคุณภาพของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ซึ่งออกแบบและผลิตโดยโรงงานคนไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก ทีมโปรดักชั่นจัดเต็ม และมุมกล้องที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักแข่งมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
34 นักแข่งที่ได้รับเลือกในปีนี้ มาจากหลากหลายรายการแข่งขัน โดยแต่ละคนมีความสามารถโดดเด่น อาทิ นพพร สุทธิการปลูก แชมป์ประจำปี Superbike 1000cc. Rookies รายการ SuperBikemag Trophy 2024, กฤษฎา พรมนิกร แชมป์ประจำปี CBR650 Class A รายการ Honda CBR Trophy 2024 และทัพนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ที่พร้อมลุยการแข่งขันเพื่อคว้าโพเดี้ยมตลอดทั้งปี
“นี่คืออีกก้าวสำคัญของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคไทย ที่สามารถก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักแข่งไทยและเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า” คุณองอาจ ฉัตรวรชัย(ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด)กล่าวถึงการสนับสนุนในครั้งนี้
ติดตามโมเมนต์สำคัญของนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ได้เร็วๆ นี้ทาง Random helmet & ID helmet* แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปด้วยกัน!
#TeamiD #iDHELMETS #iDmadeinthailand
#iDหมวกไทยมาตรฐานโลก #หมวกกันน็อคไอดี #หมวกกันน็อคสัญชาติไทย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ปี 2568 เดินหน้าธุรกิจลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ
พร้อมประเดิมเปิดตัว Mercedes-AMG กว่า 3 รุ่นในงาน Motor Show 2025• เมอร์เซเดส-เบนซ์ กวาดยอดขายทั่วโลก 2,389,000 คัน ในปี 2567 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 1,983,400 คัน และรถแวน 405,600 คัน
• เปิดตัวรถยนต์รวมกว่า 25 รุ่น ในปี 2567 ชูความสำเร็จของ The new E-Class
ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 65% พร้อมเสริมไลน์อัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทย
• เฉลิมฉลองการประกอบรถยนต์ในประเทศไทยครบ 200,000 คัน ในเดือนมกราคม 2567
ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยยอดการผลิตสะสมสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ลักชัวรี
• เดินหน้าวิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งความสำเร็จของรถยนต์นั่งจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์
แบรนด์ระดับโลกที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
• ผลักดันตลาดอีวีด้วย “EV Worry-Free Package” ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยข้อเสนอพิเศษกับค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาทต่อเดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้าย
• ต่อยอดโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” และเสริมศักยภาพในการแข่งขันในตลาดด้วยการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา (Pricing Strategy) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการคงมูลค่า
ในระยะยาวของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น
• ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีที่มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนตัวแทนจำหน่ายกว่า 33 แห่ง และศูนย์บริการรวม 41 แห่ง
• ผสานแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) เพื่อยกระดับขีดความสามารถของตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติมร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขัน
ที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี แต่เรายังคงสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง และเดินหน้าพัฒนา
แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เราพร้อมก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ที่จะยกระดับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การขับเคลื่อนผลประกอบการทางธุรกิจ และการขยายไลน์อัพรถยนต์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่ไปกับสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์
และยกระดับมอบประสบการณ์ของผู้บริโภคในทุกมิติ”ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวยนตรกรรมใหม่กว่า 25 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่เซกเมนต์ Entry Luxury ไปจนถึงรถยนต์ระดับ Top-End Luxury โดยโมเดลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ The new E-Class ที่มีการเติบโตของยอดขายกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
และสามารถคว้ารางวัล “Best Performer” ประจำปี 2567 จากสถาบัน Euro NCAP แสดงให้เห็นถึงความเป็นที่สุดของยนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากนี้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดลักชัวรี ด้วยการนำเสนอโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง นำโดยรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นประกอบในประเทศอย่าง
EQS 450 4MATIC SUV ที่เปิดตัวพร้อมกับ EQE 300 Sedan ต่อด้วย Mercedes-Maybach EQS 680 SUV และ G 580 with EQ Technology ในขณะที่รถสปอร์ต 2 ประตู รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมด้วยการครองสัดส่วนยอดขายกว่า 30% จากยอดขายทั้งหมดของแบรนด์ Mercedes-AMGโดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เริ่มต้นด้วยการต่อยอดความสำเร็จของโมเดลล่าสุดอย่าง The new E-Class, CLE Coupé, EQE 300 Sedan, EQS 450 4MATIC SUV และอีกหลากหลายรุ่นจากทุกเซกเมนต์ของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จาก Mercedes-AMG พร้อมกันถึง 3 รุ่น ในงาน Motor Show 2025 เพื่อสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี
สำหรับโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องของราคาจำหน่ายที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ ความโปร่งใสในขั้นตอนการซื้อรถ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติสำหรับลูกค้าทุกคน รวมถึงการนำแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาและออกแบบศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์
มาปรับใช้ในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้านการยกระดับช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Touchpoints) การพัฒนาบุคลากรและกระบวนการ (People & Process)
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) และการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture)
โดยในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 50% ที่เริ่มดำเนินงานภายใต้แนวคิด MAR20X และในปีนี้จะขยายสู่ 60% จนไปถึงในปี 2570 ที่บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งหมด
ในประเทศไทยนอกจากนี้ ในด้านของกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะมีการจัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มด้วยกิจกรรมที่จัดร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างเป็นทางการอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลับ
(ประเทศไทย) ในการรวมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสสิก ในตำนานไว้มากกว่า 10 คัน มาขับขี่กันใน Road Trip สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ประจำปีอย่าง Mercedes-Benz Driving Events และ SUV Driving Events รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง โดยมีทั้งการขับขี่ในบนถนนและบนสนามแข่ง (On Road/On Track) รวมถึงการกลับมาในรอบ 5 ปี ของ “MercedesTrophy” รายการการแข่งขันกอล์ฟ ที่มีนักกอล์ฟผู้ร่วมแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 7 รอบการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคนนายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จในด้านการบริการลูกค้าในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีเครือข่ายศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งหมด 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP
มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion เพื่อช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมพัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้
าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ StarParts รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ด้านดิจทัลด้วยบริการ Digital Extras ที่จะมีแพ็คเกจเสริมอย่าง Entertainment Package Plus ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์วิดีโอสตรีมมิงและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อมอบการบริการและการดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก“ทุกการลงทุนและความมุ่งมั่นของเรา ล้วนสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์
ในประเทศไทย เรามองเห็นถึงโอกาสการเติบโตที่มั่นคง และศักยภาพอันแข็งแกร่งของตลาด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่และไลฟ์สไตล์ของ
ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี ผ่านการบริการและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับธุรกิจรีเทลและภาพรวมอุตสาหกรรม
ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
RIDDARA จัดงาน “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING”
รับฟังประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย
ประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปีนี้RIDDARA (ริดดารา) จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA และสร้างสังคมผู้ใช้งานรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานจริงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานในประเทศไทยครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การลงทุน และการดูแลลูกค้าด้วยการบริการหลังการขายที่เข้มแข็ง และการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 50 แห่งทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 10,000 คัน
กิจกรรม “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เป็นการเชิญชวนกลุ่มลูกค้าเจ้าของ RIDDARA RD6 มาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากบริษัทฯ ได้ประกาศจัดตั้งกลุ่ม RIDDARA OWNERS CLUB และเริ่มส่งมอบรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA RD6 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ SILVERSKIN BISTRO & CAFÉ ร้านกาแฟสุดพรีเมียมย่านลำลูกกาคลอง 11 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนอกจากลูกค้า RIDDARA ได้สนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษที่บริษัทฯ ตั้งใจจัดขึ้นแล้วยังได้ร่วมพูดคุยกับกลุ่มผู้ใช้ RIDDARA อย่างเป็นอันเอง รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานจริงกับผู้บริหารของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
“RIDDARA ขอขอบคุณลูกค้าคนไทยทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA เราพร้อมจะเป็นพันธมิตรที่ยี่งยืนและแบ่งปันประสบการณ์อันดีร่วมกันกับลูกค้าคนไทยทุกคนในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ สำหรับการจัดตั้ง RIDDARA OWNERS CLUB สังคมของผู้ใช้งานรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างเจ้าของ RIDDARA โดยเราพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าทุกท่านซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยและนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว (Liu Haizhou) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ในขณะที่ลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ต่างประทับใจ RIDDARA RD6 ทั้ง ในด้านอัตราเร่งที่ทันใจและช่วงล่างที่นุ่มนวลซึ่งแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังชื่นชมในเรื่องของความประหยัดพลังงานอีกด้วย
RIDDARA เร่งการขยายตลาดในไทยเพิ่มทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์ เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมอบการบริการลูกค้าที่เหนือกว่า โดยตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คันภายในปีนี้
มร. หลิว ไห่โจว กล่าวเสริมถึงภาพรวมการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยว่า หลังจาก RIDDARA ได้เปิดตัวรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น RIDDARA RD6 ในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 คัน โดยมีแผนจะแนะนำรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม และขยายทางเลือกด้านพลังงานใหม่ให้มีความหลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเป็นฐานการผลิตรถกระบะไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่สำคัญของ RIDDARA“เรากำลังพิจารณาการลงทุนสร้างโรงงาน KD ในประเทศไทยเพื่อผลิต PHEV และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว กล่าวย้ำ
ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานลูกค้า RIDDARA เปิดรับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจร่วมขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานจาก 15 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาค เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ RIDDARA ได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการรถทดลองขับถึงหน้าบ้าน
ยิ่งไปกว่านั้น RIDDARA ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ RIDDARA CARE ที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ด้วยทีมงานมืออาชีพ พร้อมจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และมีบริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน RIDDARA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความอุ่นใจและมั่นใจในการใช้งาน RIDDARA ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นRIDDARA ผู้นำด้านรถกระบะพลังงานไฟฟ้า
RIDDARA เป็นแบรนด์รถกระบะพลังงานไฟฟ้าในเครือ GEELY AUTO GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ โดย RIDDARA ได้นำความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยี การผลิต รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพของกลุ่ม GEELY มาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์กระบะพลังงานไฟฟ้าที่จะมาสร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ด้วยการผสานศักยภาพของรถกระบะที่สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบในสภาพถนนที่มีความแตกต่างไปพร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายแบบรถยนต์ SUV เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าตามแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมอันทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยปัจจุบัน RIDDARA สามารครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศจีนRIDDARA RD6
RIDDARA RD6 โดดเด่นด้วยนวัตกรรม M.A.P (Multiplex Attached Platform) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรถยนต์ที่พัฒนาเอาจุดเด่นของรถกระบะและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาผสมผสานกัน ทำให้ RIDDARA RD6 มีความโดดเด่นทั้งในด้านของการออกแบบ สมรรถนะและความอัจฉริยะในแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยโครงสร้างตัวถังขนาดใหญ่และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย และติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยในการขับขี่ที่ครบครัน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับทั้งการเดินทาง และการทำกิจกรรมแบบเอาท์ดอร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่น้อยกว่ารถกระบะสันดาปทั่วไปRIDDARA RD6 ให้สมรรถนะที่โดดเด่นด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และแรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร มาพร้อมช่องจ่ายกระแสไฟตามมาตรฐานยุโรปขนาด 6KW ที่กระบะท้าย รวมไปถึงการเชื่อมต่อและควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทำให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน
RIDDARA RD6 มอบความความสะดวกสบายระดับ SUV ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่เงียบสงบด้วยเทคโนโลยี Pure Electric NVH Silent พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายขนาด 50W ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ CN95 filter PM 2.5และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหนังคุณภาพสูงดีไซน์เอกลักษณ์สามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะโดยสาร เบาะหน้าเอนได้แบบ 180 องศา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกครบครัน
RIDDARA RD6 ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 แบบอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ 7 โหมด สำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน (Sand / Mud / Off-road / Wading / Economy / Comfort / Sport) อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุด 815 มิลลิเมตร มีพื้นที่บรรทุกกระบะท้ายขนาด 1,200 ลิตร ช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 70 ลิตร และพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังอีก 48 ลิตร อีกทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัม
RIDDARA RD6 มีระบบความปลอดภัยรอบคัน ซึ่งรวมถึงระบบช่วยในการขับขี่ ADAS (Advanced Driving Assistance Systems) สูงสุด 14 ระบบ และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 540 องศา รวมไปถึงถุงลมนิรภัย 6 จุดช่วยปกป้องทั่วทั้งห้องโดยสาร ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของโครงสร้างรถ
สำหรับ RIDDARA RD6 มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมี 4 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายดังนี้
● RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
● RIDDARA RD6 2WD 73kWh ราคา 999,000 บาท
● RIDDARA RD6 4WD 73kWh ราคา 1,149,000 บาท
● RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาทสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของ RIDDARA RD6 ได้ที่โชว์รูมทุกสาขาทั่วไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า RIDDARA Call Center ที่หมายเลข 02-039-5777
ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ RIDDARA ได้ที่ Website : http://th.riddara.com/ Facebook : Riddara Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine