START & STOP..!!..ให้ถูกวิธีช่วยยืดอายุรถคุณ

START & STOP..!!..ให้ถูกวิธีช่วยยืดอายุรถคุณ

st1

           เพราะว่ารถคือปัจจัยหนึ่งในการดำเนินชีวิต คอลัมน์เกร็ดความรู้จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถในชีวิตประจำวัน แหม…..!!!เปิดมาก็เข้าข้างตัวเองกันเลยทีเดียว แต่มันก็คือเรื่องจริงนั่นแหละครับ เรื่องบางเรื่องเจออยู่ทุกวัน ทำอยู่ทุกวันแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าที่ทำอยู่นั้นมันผิดวิธี เพราะฉะนั้นถ้าได้อ่านคอลัมน์นี้แล้วก็คงจะไม่สายเกินไปอย่างแน่นอน ในยุคสมัยนี้เศรษฐกิจก็ยังคงไม่ค่อยจะสู้ดีมากนักจึงต้องดูแลรถคันโปรดให้มีค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดได้ก็จะดีมากครั[

อย่างที่เกริ่นกันไปตั้งแต่ตอนต้นนั่นแหละครับ เรื่องบางเรื่องที่ทำกันอยู่ทุกวันโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยมันผิดวิธี เหมือนอย่างที่เค้าว่ากันนั่นแหละครับว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าทำผิดวิธีเป็นเวลานานๆมันก็จะก่อให้เกิดความเสียหายได้เหมือนกัน นั่นก็คือเรื่องของการสตาร์ทรถและการดับเครื่องรถนั่นเองครับ หลายคนอาจมองว่า ก็แค่สตาร์ทรถและดับเครื่องทำไมต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย จริงๆแล้วบอกได้เลยครับว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญประมาณนึงเลยแหละครับ จริงๆแล้วมันก็คงไม่ต่างกับเวลาเราลุกขึ้นจากที่นอนแล้ววิ่งทันที มันก็จะงงๆมึนๆหน่อยใช่มั้ยละครับ เปรียบเทียบซะเห็นภาพกันเลยทีเดียว เราไปดูกันครับว่าขั้นตอนของการสตาร์ทรถที่ถูกต้องนั้นควรจะทำอย่างไรครับ

เสียบกุญแจเข้าไป เมื่อเราเสียบกุญแจเข้าไปตำแหน่งแรกคือ Lock ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เวลาเราดับเครื่องยนต์สนิท จากนั้นบิดไปทางขวาที่ตำแหน่ง ACC ตำแหน่งนี้เป็นการเปิดระบบไฟฟ้าในรถให้ทำงาน คุณสามารถเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องเสียงได้ในตำแหน่งนี้ บิดไปทางขวาอีกครั้งคือ On เตรียมพร้อมในการ สตาร์ทรถ และการบิดสุดท้ายคือตำแหน่ง Start เครื่องยนต์จะทำงาน ขณะที่เครื่องยนต์ทำงานไม่ควรกดกุญแจลงไป เพราะเครื่องยนต์จะเสียหายได้

st2

          เมื่อรถสตาร์ทติดแล้ว อุ่นเครื่องยนต์ 5 -10 นาทีกำลังดีหลังจากที่ สตาร์ทรถแล้วไม่ควรขับทันที เพราะระบบไฟฟ้า ระบบน้ำมันเครื่อง และระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ การขับรถทันทีหลังจากสตาร์ทบ่อยครั้งเป็นบ่อเกิดของการเสียหายของรถอย่าง ลูกสูบติด หัก หรืออาจงอได้ และไม่ควรเหยียบคันเร่งขณะสตาร์ทเพราะจะทำให้เครื่องยนต์กระตุกเครื่องอาจสำลักน้ำมัน เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ ฉะนั้นแล้วเราควรวอร์มเครื่องยนต์ประมาณ 5 -10 นาทีก่อนขับ หรือให้สัญญาณเตือน ไฟรูปเทอร์โมมิเตอร์บนหน้าปัทม์หายไป แสดงว่าตอนนี้อุณหภูมิเครื่องยนต์วอร์มเต็มที่แล้วพร้อมขับได้ หรือดูที่เกจ์วัดค่าความร้อน ถ้าค่าความร้อนเริ่มขยับก็ค่อยเคลื่อนรถได้

           เมื่อถึงที่หมายแล้วไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาไปก่อนสัก2-3นาทีเเล้วค่อยดับเครื่องยนต์หลังจากถึงที่หมาย เนื่องจากในช่วงที่เราขับรถมา เครื่องยนต์ทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงมีความร้อนสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ในช่วงเวลาที่เราปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาอยู่นั้น จะช่วยทำให้ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ยังคงทำงานอยู่และช่วยลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

st3

            เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องราวใกล้ตัวที่เชื่อว่าหลายคนมองข้าม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆที่ได้อ่านคอลัมน์นี้แล้วจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และช่วยให้รถคันโปรดอยู่กับเราไปได้นาน เสื่อมสภาพช้าลง คอลัมน์ต่อไปจะเป็นเรื่องราวอะไรนั้นต้องคอยติดตามดูกันต่อไปครับ