เชลล์ หนุนเด็กไทยออกแบบและผลิตนวัตกรรมยานยนต์ประหยัดพลังงาน ทะยานไกลสู่เวทีสากล ในการแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย 2018 ที่สิงคโปร์

เชลล์ หนุนเด็กไทยออกแบบและผลิตนวัตกรรมยานยนต์ประหยัดพลังงาน ทะยานไกลสู่เวทีสากล ในการแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย 2018 ที่สิงคโปร์

เชลล์ เผยโฉม 13 ทีมเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกระดับประเทศ เพื่อไปแข่งขัน “เชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย 2018” ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8 – 11 มีนาคม 2561 โดยจะแข่งขันกับทีมนักศึกษาจากทั่วทั้งเอเชียกว่า 151 ทีม จาก 19 ประเทศ ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ และกรรมการบริหารธุรกิจการตลาดค้าปลีก ภูมิภาคตะวันออก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมเปิดงาน และแสดงความยินดีกับทีมตัวแทนจากประเทศไทย

การแข่งขัน “เชลล์ อีโค-มาราธอน” เฟ้นหารถที่วิ่งได้ไกลที่สุดด้วยเชื้อเพลิง 1 ลิตร จัดการแข่งขันขึ้นในภูมิภาคเอเชีย อเมริกา และยุโรป ซึ่งผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกพลังงานการขับเคลื่อนตามความถนัด
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal combustion) ได้แก่ เอทานอล 100 และ ดีเซล หรือเครื่องยนต์ระบบไฟฟ้า ได้แก่ ไฮโดรเจน และ แบตเตอรี่ไฟฟ้า โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทรถต้นแบบแห่งอนาคต (Prototype) และ ประเภทรูปแบบใกล้เคียงกับรถยนต์ในปัจจุบัน (Urban) ซึ่งผู้ที่สามารถทำสถิติใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด 3 ลำดับแรกในการแข่งขันประเภทเออร์เบินจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก Drivers’ World Championship 2018 ณ กรุงลอนดอน

ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ กล่าวว่า “สิ่งที่กระทรวงฯ มุ่งหวังจากการแข่งขันนี้ ไม่ได้มองหานวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการสร้างบุคลากรอันมีค่าของประเทศ ในด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์และประหยัดที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน
รถทั่วไปสามารถวิ่งได้ประมาณ 15 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าไฮบริดอาจจะวิ่งได้ไกลถึง 25 กิโลเมตรต่อลิตร แต่จากการแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน จะเห็นได้ว่าเยาวชนไทยสามารถสร้าง
ยานยนต์ที่วิ่งได้ระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตรต่อลิตร สะท้อนให้ความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

“เชลล์พร้อมสนับสนุนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 ในทุกๆ มิติ ซึ่ง
การแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน สามารถตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ได้ใน 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ 1. การพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจากการวิจัย เปลี่ยนประเทศไทยจากประเทศผู้ประกอบชิ้นส่วน เป็นประเทศที่วิจัยและคิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น 2. การพัฒนาบุคลากร เยาวชนชาวไทย ให้มีจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานและมีจิตอาสาที่พร้อมจะช่วยเหลือคนอื่น 3. การร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อผลักดันให้สองสิ่งแรกเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม” นายอัษฎา กล่าวและเสริมว่า “หลายปีที่ผ่านมาเด็กไทยเก่งมากในการแข่งขันประเภทรถต้นแบบ แต่สำหรับรถเออร์เบินประเทศอื่นจะทำได้ดีกว่าเรา เพราะได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรเป็นจำนวนมาก เชลล์ ตั้งใจว่าในอนาคตประเทศไทยจะส่งทีมเข้าแข่งขันได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ ป้อนให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์และบริษัทไอทีในประเทศ”

ทีมวิทยาลัยการอาชีพอัมพวา

นายเกียรติศักดิ์ รักษาสุรสาล นักศึกษาเทคนิคยานยนต์ ตัวแทนทีมวิทยาลัยการอาชีพอัมพวา กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีแรกที่วิทยาลัยของเราสามารถผ่านการคัดเลือกและเข้าไปแข่งขัน ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่สามารถเอาวิชาที่เรียนมาประยุกต์ใช้ได้ ทั้งในเรื่องของการออกแบบโครงสร้าง และการทำเครื่องยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้มีทักษะในการทำงานจริง มีความรู้ ทำงานอย่างรอบคอบ และสามัคคีกัน”

ทีมวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา

ในส่วนของทีมแชมป์ปี 2559 ปีนี้ส่งเข้าแข่งขันทั้งประเภทรถต้นแบบและรถเออร์เบิน โดยนายจุมพล สิทธิรส ครูวิชาชีพสาขางานยานยนต์ ผู้ดูแลโครงการกล่าวว่า “เราเคยเป็นแชมป์มาแล้วในประเภท
รถต้นแบบ ดังนั้นเป้าหมายของเด็กๆ คือจะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาแชมป์ไว้ให้ได้ เรียกว่าเป็นแชมป์มันง่าย แต่รักษาแชมป์มันยาก และปีนี้เพิ่มความท้าทายส่งรถเออร์เบินเข้าแข่งขันด้วย เป็นคันแรกของทีมเรา ความตั้งใจคือต้องการให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในฐานะครูที่ดูแลโครงการผมดีใจมากที่เห็นเด็กร่วมกันทำอย่างสุดฝีมือ”

ทีมมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปาเอทานอล จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ซึ่งเคยทำสถิติประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 2,903 กิโลเมตรต่อลิตรจากเชื้อเพลิงเอทานอลในปี 2555 ทั้งนี้นายกฤฏิ์ นวนแก้ว นักศึกษาตัวแทนทีม กล่าวว่า “การแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ทำให้เราได้มาคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างรถที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดและยังเป็นการทดสอบความสามารถของเราอีกด้วย โดยในปีนี้ เราค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้ดีมาก และน่าจะคว้าชัยชนะกลับไปได้ เพียงแค่จะสามารถทำลายสถิติที่เคยทำไว้ได้หรือเปล่า เท่านั้นเอง ซึ่งในปีนี้ทีมได้พัฒนาหัวฉีด และลูกสูบให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่ง 2 สิ่งนี้เป็นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะ”