-
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ นำเสนอหนัง Heritage Leather สะท้อนความคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลาในสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์เจนใหม่

เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ (Bentley Mulliner) นำเสนอตัวเลือกการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนังแบบ Heritage Leather ที่มีต้นแบบมาจากในรถยนต์คลาสสิกรุ่น Blower และ Speed Six ในอดีต ตัววัสดุหนังได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกโดยแผนกออกแบบพิเศษของเบนท์ลีย์ โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นล่าสุดได้ผ่านตัวเลือกการปรับแต่งเฉพาะบุคคล สำหรับหนังแบบ Heritage Leather ที่คัดสรรโดย Bridge of Weir มอบรูปลักษณ์และสัมผัสแบบเดียวกับรถยนต์คลาสสิกในยุค 1930s ให้กับภายในห้องโดยสารของยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในยุคปัจจุบันที่มาพร้อมกับการตกแต่งแบบทูโทนและลายไม้แบบ Haircell Grain กับตัวเลือก 2 เฉดสีตามแบบฉบับดั้งเดิมของรถยนต์เบนท์ลีย์ในยุคนั้น อันได้แก่ สีแดง Ox Blood Red และสีเขียว Parsons Napier Green

เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้สั่งผลิตรถยนต์ตัวอย่าง รุ่น Bentley Continental GT Mulliner เจเนอเรชันล่าสุดด้วยเบาะโดยสารแบบ Heritage Leather ตามแบบยนตรกรรมคลาสสิกในอดีตอย่างรุ่น Speed Six Continuation Series ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีวิวัฒนาการที่ยาวนานกว่า 95 ปี โดยการพัฒนาในครั้งนี้ได้ใช้เวลาเพียงสองปี สำหรับยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่นได้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเฉดสีเทา Bedford Grey พร้อมด้วยเบาะโดยสารหนังแบบ Heritage Leather ในเฉดสีแดง Ox Blood Red


ในระหว่างการพัฒนาและการทดสอบรุ่น Blower Continuation Series หนังแบบ Heritage Leather ได้มอบสัมผัสที่ดีเยี่ยมและเทคนิคการผลิตแบบดั้งเดิมในการพัฒนารุ่น Mulliner Continuation Series ด้วยระดับความคงทนเช่นเดียวกับยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในยุคปัจจุบัน
ตัวเลือกเฉดสีเป็นสีแบบดั้งเดิมในช่วงทศวรรษ 1920 และ 1930 จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์ยานยนต์แห่งชาติ ณ เมืองโบลิเยอ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสีเหล่านี้ได้รวมถึงเฉดสีแดง Ox Blood Red และเฉดสีเขียว Parsons Napier Green
รถยนต์เบนท์ลีย์หลายรุ่นในยุคคริกเกิลวูดและยุคก่อนสงครามยังคงใช้วัสดุทำเบาะโดยสารแบบดั้งเดิมที่มีคุณสมบัติด้านความคงทนอันถือเป็นคุณสมบัติของวัสดุจากธรรมชาติที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

เบาะโดยสารของรถยนต์คลาสสิกรุ่น Speed Six ยังคงรักษาเทคนิคการทำเบาะโดยสารแบบดั้งเดิมในยุค 1920 และ 1930 ไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยโลโก้รูปตัว B แบบนูนที่เรียบง่าย ส่วนภายในห้องโดยสารของรุ่น Continental GT ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะอันหลากหลายของเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนพนักพิงของเบาะโดยสารที่เย็บและปักลาย การเจาะรูเป็นลวดลายเพชร การปักและการเดินเส้นแบบตัดกัน

ในยุคของ Speed Six รุ่นดั้งเดิม เบาะโดยสารหนังมักได้รับการเคลือบด้วยน้ำมันธรรมชาติ แว็กซ์ หรือแม้แต่สารเคลือบเงาเพื่อให้ได้พื้นผิวที่เรียบเนียนและเงางาม เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จึงได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์เพื่อจำลองความเงางามบนเบาะโดยสารหนังสำหรับยนตรกรรมทั้งสองรุ่นที่เข้าคู่กัน โดยเฉดสีที่ต่างกันเล็กน้อยจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของหนังที่ผ่านการขัดสีเก่า
Bridge of Weir ได้ให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ และผลิตวัสดุหนังที่ผ่านกระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำด้วยการจัดหาจากแหล่งที่ยั่งยืน ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ และกระบวนการผลิตแบบหมุนเวียน ซึ่งส่งผลให้มีระดับการประเมินวงจรชีวิตที่ผ่านการตรวจสอบแบบอิสระที่ 8 กิโลกรัม ต่อ CO2e/m2 (คาร์บอนที่สะสมต่อตารางเมตรของพื้นที่อาคาร) โดยเฉลี่ย ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุหนัง
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการขยะ และการควบคุมสารเคมี ทีมช่างฝีมือของเบนท์ลีย์ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อให้ผลงานของพวกเขาคงอยู่ได้นานหลายทศวรรษ ซึ่งหนังถือเป็นวัสดุทำเบาะโดยสารที่ยั่งยืน ทนทาน สวยงาม และเหนือสิ่งอื่นใดคือคุณภาพที่เป็นคุณสมบัติของยนตรกรรมเบนท์ลีย์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
จ่ายครั้งเดียว วอลโว่ คุ้มครองตลอดการเป็นเจ้าของรถ กับโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถวอลโว่กับโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ที่พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าวอลโว่ทั่วประเทศผ่านตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการมอบประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพ มอบความอุ่นใจว่าวอลโว่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดระยะการใช้รถ พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถวอลโว่
โปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty เป็นบริการรับประกันหลังการขายเพื่อดูแลผู้ใช้งานรถวอลโว่เพิ่มเติมจากการรับประกันที่ผู้ใช้งานได้รับเมื่อซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นการมอบความอุ่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแม้เมื่อรถหมดประกัน
สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ:
- อะไหล่แท้วอลโว่ที่ซื้อหลังจากครบกำหนดระยะเวลาการรับประกันรถยนต์และที่ติดตั้งโดยศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของวอลโว่ทั่วประเทศ จะมีสิทธิ์ในการรับประกันอะไหล่ชิ้นที่เปลี่ยนตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ
- หากอะไหล่ชิ้นดังกล่าวเกิดความบกพร่อง วอลโว่จะทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่รับประกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของอะไหล่และค่าแรง
เงื่อนไขการรับสิทธิโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ลูกค้าต้องซื้อรถจากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายวอลโว่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมพ.ศ. 2563 เป็นต้นไป, เป็นเจ้าของรถบุคคลเดิม และมีการซื้อและติดตั้งอะไหล่แท้วอลโว่จากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยมีหลักฐานการซื้อ อาทิ ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีที่ระบุชื่อตรงกับชื่อผู้ครอบครองรถ และมีการนำรถเข้ารับการบำรุงรักษา ณ ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการ ตามที่วอลโว่แนะนำอย่างต่อเนื่องตลอดการใช้งาน โดยหากมีการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถ สิทธิ์การรับประกัน Volvo Genuine Parts Extended Warranty จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ

คุณคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ”ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ การรับประกันอะไหล่ตลอดอายุการเป็นเจ้าของรถ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวอลโว่ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าในระยะยาว, ยกระดับการบริการซึ่งมาพร้อมมาตรฐานระดับสากลของวอลโว่ และมอบความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าว่าเราจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดการเป็นเจ้าของแม้ว่ารถจะพ้นระยะเวลาการรับประกันไปแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจุบัน วอลโว่ คาร์ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โปรแกรมดังกล่าวจึงเป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากวอลโว่ตลอดระยะเวลาที่ในการเป็นของเจ้าของรถ”
ลูกค้าที่สนใจสามารถตรวจสอบชิ้นส่วนอะไหล่ที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมในโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ได้ที่ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่เว็บไซต์ https://www.volvocars.com/th-th/l/service-and-maintenance/
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่
เว็บไซต์ – www.volvocars.com/th
Facebook – https://www.facebook.com/volvocarsth
Youtube – https://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand
LINE – https://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=trueเยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไป กรุณาโทร 02-544-0446
สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบันสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าได้ที่ https://bit.ly/459u6HD
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
กรุงศรี ออโต้ ชวนสัมผัสประสบการณ์ “ทดลองขับขี่” ยานยนต์แบบครบจบทุกสไตล์
ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ครั้งที่ 2
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) เชิญชวนเคนที่กำลังมองหารถป้ายแดงมาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนตัดสินใจซื้อรถ ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” งานทดลองขับขี่รถสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวี กว่า 29 แบรนด์ 70 รุ่น ไว้ในที่เดียว พร้อมจัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในงาน ลุ้นรับสิทธิ์ถึง 3 ต่อ และโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 500 บาท และรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เฉพาะภายในงานระหว่างวันที่ 16–17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK)
กรุงศรี ออโต้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในบริการสินเชื่อยานยนต์ ด้วยบริการทดลองขับขี่แบบครบวงจร เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ด้วยการให้ลูกค้าได้ทดลองขับขี่จริงก่อน
เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ ผ่านการจัดงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในครั้งนี้ กรุงศรี ออโต้ กลับมาในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่ผ่าน 4 โซนหลัก เพื่อเชื่อมต่อผู้บริโภคกว่า 3,000 คน และพันธมิตรยานยนต์กว่า 29 แบรนด์ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองขับขี่กันอย่างจุใจ โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย- Test Drive & Ride Zone ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อรถได้สัมผัสประสบการณ์ทดลองขับขี่ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มากกว่า 70 รุ่น จากกว่า 29 แบรนด์ชั้นนำ บนเส้นทางทดสอบที่ออกแบบมาให้สามารถสัมผัสสมรรถนะจริงของรถ เพื่อให้ผู้ทดลองสามารถพิจารณาก่อนตัดสินใจ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกทดลองได้สูงสุดถึง 3 คันต่อคน
- Krungsri Auto Advisory Zone พบกับทีมที่ปรึกษาด้านการเงินจาก กรุงศรี ออโต้ ที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนการผ่อนชำระให้เหมาะกับอาชีพ รายได้ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
- Market Zone รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักรถและการเดินทาง อาทิ หมวกกันน็อคที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Glancing Off ที่ช่วยเบี่ยงเบนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MUFU กล้องติดหมวกกันน็อค อันดับ 1 จากประเทศไต้หวัน ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพอัตโนมัติ
PT Maxnitron น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% คุณภาพสูง เกรดพรีเมียม พร้อมด้วยสินค้าและอุปกรณ์เสริมอื่นอีกมากมาย - Fill the Tank Zone อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดจากร้านดัง ที่ขนทัพมาเสิร์ฟถึงหน้างานให้ลิ้มลองอย่าง
ร้านสุกี้พรศิริ ร้านคั่วไก่ไอ้เครา ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านอาหารชื่อดังอื่น ๆ ที่น่าลิ้มลอง
ทั้งนี้ พลาดไม่ได้กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ! กรุงศรี ออโต้ ยังได้ขนทัพผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อ รวมถึงรางวัลมากมายสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025 ไม่ว่าจะเป็น
แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อรถใหม่ ‘กรุงศรี นิว คาร์’ รับสิทธิ์ 3 ต่อ
- ต่อที่ 1: ลูกค้าที่ร่วมงานและสมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 70 รางวัล มูลค่าสูงสุด 10,990 บาทต่อสัญญา รวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท
- ต่อที่ 2: ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 รับเพิ่มบัตรของขวัญกรุงศรี (Krungsri Gift Card) มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท
- ต่อที่ 3: ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเก่าที่ปิดบัญชีไม่เกิน 5 ปี (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ประกันภัย) รับสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 สัญญาเช่าซื้อ จากแคมเปญ ‘Welcome Back กรุงศรี นิว คาร์ รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อ ‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ และ ‘กรุงศรี บิ๊ก ไบค์’
- ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 จะได้รับของสมนาคุณตามประเภทรถ ได้แก่
- Big Bike ขนาด 250 ซีซี. ขึ้นไป รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 500 บาท
- Normal Bike และ Junior Bike ขนาดไม่เกิน 250 ซีซี. รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 200 บาท
- EV Bike รับบัตรกำนัล Lotus’s มูลค่า 200 บาท
- รับเพิ่ม! กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับลูกค้าที่จองและทำสัญญาภายในงาน และได้รับอนุมัติภายใน 90 วัน
ลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ได้ระหว่างวันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK) โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าเตรียมเปิดตัว “The M.O.V.E. by Honda” Immersive Experience Center แห่งแรกของแบรนด์ในกรุงเทพฯ เปิดมุมมองใหม่สู่อนาคตแห่งการเดินทางผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
ภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy”

บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด เตรียมเปิดตัว “The M.O.V.E. by Honda” ศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ โดยตั้งอยู่ที่โซน EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์สู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 พร้อมนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดจากฮอนด้า ทั้งในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์การขับเคลื่อนล้ำสมัยอย่าง eVTOL
ฮอนด้า ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ในฐานะผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ โดยประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางการจำหน่ายที่สำคัญของฮอนด้า อีกทั้งเป็นตลาดหลักของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และนวัตกรรมแห่งอนาคตของภูมิภาค ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้โกลบอลแบรนด์สโลแกน “The Power of Dreams – How we move you.”
The M.O.V.E. by Honda จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy” ที่สื่อถึงการผสานพลังระหว่างปรัชญาแห่งฮอนด้า และโลกยานยนต์แห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยภายในงาน ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตผ่านทุกมิติของความรู้สึก พร้อมเปิดมุมมองใหม่ของการเดินทางในอนาคตตามแบบฉบับของฮอนด้า
โซนจัดแสดงภายในศูนย์ฯ
นิทรรศการแบ่งออกเป็นโซนอินเทอร์แอกทีฟที่หลากหลาย สะท้อนแนวคิดของฮอนด้าที่ว่า “การเคลื่อนที่”
ไม่เพียงแต่หมายถึงการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ “ขับเคลื่อนหัวใจ” ของผู้คนผ่านองค์ประกอบอย่าง แสง เสียง กลิ่น สัมผัส และรสชาติ โดยมีหลากหลายนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดง
เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ดังนี้:▸รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
- EV Fun Concept* 1: รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทรงพลัง เสียงเงียบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง
- EV Urban Concept* 1: รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแสดงวิสัยทัศน์ของฮอนด้า ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเดินทางในเมืองในอนาคตอันใกล้
▸รถยนต์ไฟฟ้า
- Honda 0 SALOON (Prototype)* 1: รถยนต์ซีดานไฟฟ้า Flagship Model ที่มอบความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูง
- Honda 0 SUV (Prototype)* 1: รถยนต์ SUV อเนกประสงค์ไฟฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในชีวิตประจำวัน และกิจกรรมเอาท์ดอร์
▸เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต
- eVTOL* 1: อากาศยานส่วนบุคคลที่จะพลิกโฉมการคมนาคมในเมือง
- Motocompacto: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด พับเก็บได้ เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น
หมายเหตุ: รายการจัดแสดงอาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม
* 1: จัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
▸The M.O.V.E. Café – สัมผัสรสชาติแห่งความทันสมัย
เติมเต็มประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 กับ The M.O.V.E. Café คาเฟ่ที่ผู้เยี่ยมชมจะได้ลิ้มรสอนาคต
ที่สะท้อนผ่านอาหาร นำเสนอผ่านเมนูขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่รังสรรค์ขึ้นผ่านแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของฮอนด้า ในการขยายขอบเขตการเดินทางทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดย เชฟเดช คิ้วคชา ผู้ได้รับรางวัล Asia’s Best Pastry Chef 2025 จากเวที Asia’s 50 Best Restaurants คาเฟ่แห่งนี้จึงไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่สำหรับการพักผ่อน
แต่เป็นจุดหมายปลายทางด้านประสาทสัมผัสที่ถ่ายทอดพลังแห่งการผสานรวมของการเดินทางในรูปแบบใหม่อย่างมีชีวิตชีวา ในแบบฉบับของฮอนด้าอย่างแท้จริงThe M.O.V.E. by Honda ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของฮอนด้า ในการเดินหน้าสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและอนาคตของความยั่งยืน ฮอนด้าขอเชิญชวนลูกค้า ผู้หลงใหลในนวัตกรรม และประชาชนทั่วไปมาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ศูนย์การค้า EMSPHERE กับอิมเมอร์ซีฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์แห่งแรกของฮอนด้าที่จะพาไปสัมผัสมิติใหม่ของการเดินทางอย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อนผ่านนิทรรศการสุดล้ำ พร้อมเข้าถึงแนวคิด Sense the Synergy ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของฮอนด้าอย่างเต็มรูปแบบ
ชื่อกิจกรรม: The M.O.V.E. by Honda
สถานที่: EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE
628 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
วันเปิดให้เข้าชม: 15 สิงหาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2569
เวลาเปิดให้เข้าชม:
- วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 19:00 – 22:00 น.
- ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
LINE Official Account: @TheM.O.V.E.byHonda
จัดโดย: บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL จัดสรรอุปกรณ์ใหม่ เพิ่มรุ่นเริ่มต้น
ปรับไลน์อัพใหม่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน ราคาใหม่ 899,000 บาท คุ้มค่าเกินราคา

มาสด้าเผยโฉมอีกหนึ่งยนตรกรรมภายใต้ ESSENTIAL COLLECTION ครอสโอเวอร์เอสยูวีสปอร์ตพรีเมี่ยม NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL ภายใต้แนวคิด “LIVE A LIFE OF VALUE” เติมเต็มชีวิตให้คุ้มค่ากับเอสยูวีที่ใช่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สง่างามด้วย โคโดะ ดีไซน์ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวและทรงพลัง มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เหนือระดับด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบสนองดีที่สุดให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการควบคุมการขับขี่ที่แม่นยำและสมดุล ด้วยสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 899,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุด ลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์ www.mazda.co.th
ทั้งนี้ New Mazda CX-30 Essential ได้มีการปรับเพิ่มออพชันและฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกรุ่น ซึ่งปัจจุบัน Mazda CX-30 มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย
- CX-30 Carbon Edition ราคาจำหน่าย 1,211,000 บาท
- CX-30 SP ราคาจำหน่าย 1,199,000 บาท
- CX-30 S ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท
- CX-30 C ราคาจำหน่าย 989,000 บาท
สำหรับ New Mazda CX-30 Essential ได้มีปรับไลน์อัพใหม่ ประกอบด้วย
- รุ่น PRIME ราคาจำหน่าย 899,000 บาท รุ่นเริ่มต้นใหม่ ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- รุ่น ULTRA ราคาจำหน่าย 999,000 บาท ปรับอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น C
- ร่น SIGNATURE ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท ปรับเพิ่มอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น S ในราคาเท่าเดิม
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร มีประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานมากกว่า 74 ปี ด้วยการเป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อให้รถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความสุขและเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ผู้คน และสังคม อันเป็นปณิธานสูงสุดของเรา ทั้งนี้ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์มาสด้ายังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก คือ การคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของแบรนด์ในทุกยนตรกรรม ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานรูปแบบใดก็ตาม มาสด้ายังคงคุณค่าหลัก 5 ประการ หรือ 5 Common Values ในการพัฒนารถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ประกอบด้วย
- Artful Design การออกแบบสร้างสรรค์ดุจงานศิลปะชิ้นเอก Car As Art ถ่ายทอดภายใต้คอนเซ็ป KODO: Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดดเด่นด้วยความสวยงามต้องตาต้องใจผู้พบเห็น ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงสีภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาสด้าที่ผลิตขึ้นด้วยแนวทาง “ทาคุมินูริ” ที่หมายถึงการเพ้นท์สีโดยช่างผู้ชำนาญการ
- Japanese Mastery ความเชี่ยวชาญ พิถีพิถันในแบบฉบับของญี่ปุ่น คุณค่าระดับสูง สัมผัสได้จากคุณภาพอันประณีตพิถีพิถัน และมีเสน่ห์เฉพาะของชาวญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดลงในทุกองค์ประกอบของรถมาสด้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตัดเย็บและการคัดสรรวัสดุภายในที่ประณีตดุจงานทำมือ แบบสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น
- Human-Centricity การออกแบบโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงการใช้งานตามหลักสรีรศาสตร์ของมนุษย์เป็นหลัก ทั้งในเรื่องตำแหน่งผู้ขับขี่ การจัดวางอุปกรณ์ความสะดวกต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร รวมถึงการจัดวางตำแหน่งเบาะนั่งที่ช่วยรักษากระดูสันหลังให้มีรูปทรงตัว S ทำให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่
- Effortless Joyful Driving ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและควบคุมง่ายดั่งใจ กับระบบการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล มั่นใจทุกการเข้าโค้ง พร้อมรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsense ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องและโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟช่วยลดการบาดเจ็บให้น้อยที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- Ingenious Solution นวัตกรรมอัจฉริยะขั้นสูง อาทิ เครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า SKYACTIV-G และเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE โดดเด่นด้วยการรวมทุกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติจากทุกระบบเข้ามาไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว
ครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม New Mazda CX-30 Essential ได้รับการออกแบบตามสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ ภายใต้ KODO Design, Soul of Motion มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นถึงความเรียบง่ายแต่งดงาม ถือเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมขึ้นไปอีกขั้น เพราะปรัชญาการออกแบบมาสด้า คือรถยนต์เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก “Car As Art” ที่บรรจงสรรสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ และยังคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านเทคโนโลยี SKYACTIV และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย i-Activsense ที่ให้ทั้งสะดวกสบายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน
Mazda CX-30 คือครอสโอเวอร์เอสยูวีเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของมาสด้า ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์เหล่านี้ไว้อย่างลงตัวในทุกองค์ประกอบ ทั้งยังได้รับการการันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม Thailand Car of the year 2020 เป็นรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัล World Car of the Year 2020, คว้ารางวัล Golden Steering Wheel Award 2019 ประเภท Compact SUV จากประเทศเยอรมนี, รางวัล RedDot Award 2020 ประเภท Product Design จากประเทศเยอรมนี, รางวัล Design Trophy 2020 ประเภท SUV และ ประเภท “Champion of all Classes” จากประเทศเยอรมนี และยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย รถรุ่นนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สร้างศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดให้กับแบรนด์มาสด้ามาจนถึงปัจจุบัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “Mazda CX-30 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ในช่วเดียวกันกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้ว่าการเปิดตัวจะเจอกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่ทำให้ความนิยมรถยนต์รุ่นนี้ลดลง กลับทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบันมีรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยไปแล้วกว่า 25,000 คัน และยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดตัว New Mazda CX-30 Essential ภายใต้กลุ่ม ESSENTIAL COLLECTION ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ และปรับราคาใหม่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น โดยรุ่นเริ่มต้นใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีราคาให้เข้าถึงได้ง่ายเพียง 899,000 บาท ทางมาสด้าได้พัฒนาและออกแบบรุ่นย่อยใหม่ โดยคัดสรรอุปกรณ์ให้เหมาะสมและจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกรูปแบบ พร้อมราคาใหม่ที่ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีสไตล์ใหม่ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของชีวิตคู่ หรือเป็นครอบครัวเริ่มต้นขนาดเล็กที่ต้องการความอเนกประสงค์จากรถเอสยูวีที่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม”
นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus หนึ่งในเทคโนโลยี Skyactiv-Vehicle Dynamic ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
- รุ่น PRIME คุ้มสุด รุ่นเริ่มต้นใหม่ที่ออกแบบมาให้เป็นเจ้าของได้ง่าย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน กับราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม เพียง 899,000 บาท
โดยรวบรวมทุกเอกลักษณ์ของดีเอ็นเอรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่มาไว้อย่างลงตัว กับสมรรถนะเหนือระดับของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 13.0:1 ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมัน E85 ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร* ให้อัตราเร่งและการตอบสนองดีเยี่ยม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold และฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าปรับอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm ระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เบาะนั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 6 ทิศทาง พนักพิงด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว พนักพิงเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 กล้องมองหลัง พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
- รุ่น ULTRA สบายสุด มอบความสบายในราคาคุ้มค่ากว่าเคย ราคาจำหน่าย 999,000 บาท
มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต ทั้งระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด ผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่ออกแบบตามแนวคิดมนุษย์เป็นศูนย์กลางเอกลักษณ์ของมาสด้า ภายในตกแต่งอย่างประณีตมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายให้กับการใช้งานกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
*สำหรับ Android เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป สามารถเชื่อมต่อได้ทันที
- รุ่น SIGNATURE ครบทั้งสไตล์และฟังก์ชั่นที่ใช่ วางราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท

โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความครบครันในทุกฟังก์ชั่น มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟท้ายแบบ LED Signature กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน ขับสนุกได้อย่างใจด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และมอบความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC, ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS, ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC รบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยลัง ตอบรับความสุนทรีย์ได้ครบทุกจุดสัมผัสกับการออกแบบภายในห้องโดยสารที่พิถีพิถันเสมือนงานทำมือ เรียบหรูด้วยเบาะหนังสีดำ และเพิ่มอรรถรสให้การเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ประกอบด้วย
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature
- ไฟท้ายแบบ LED Signature
- กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
- ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-lighting System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนเนิน HLA (Hill Launch Assist)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- พวงมาลัยยุบตัวแปรผันตามการทำงานของถุงลมนิรภัย พร้อมแป้นเบรกยุบตัวได้
- คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
- หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
- ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
หมายเหตุ: สีแดง โซล เรด คริสตัล เพิ่ม 17,000 บาท สีเทา แมชชีน เกรย์ เพิ่ม 15,000 บาท และ สีขาว สโนเฟลค ไวท์เพิร์ล เพิ่ม 10,000 บาท
มาสด้าต้องการให้รถยนต์มาสด้าเข้ามาเติมเต็มวิถีการดำรงชีวิตของลูกค้า เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง ก่อเกิดเป็นความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-30 Essential จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ด้วยองค์ประกอบที่ใส่มาครบครัน พร้อมส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่และดีไซน์ที่สง่างาม ที่สำคัญมีการปรับราคาใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ลูกค้าที่สนใจสามารถแวะชมและสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
Honda Academy Thailand 2025 ปฐมบทก่อนทะยานสู่ระดับโลก ฝึกจริง ทักษะครบ สนามที่ 5 จ.นครปฐม

โครงการ “Honda Academy Thailand 2025” มุ่งมั่นพัฒนานักบิดเยาวชนไทยรุ่นใหม่อย่างเข้มข้น ขับเคลื่อนผ่านแนวทาง “ฝึกจริง ทักษะครบ ควบปีกนกสู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก” ในสนาม 5 ระหว่างวันที่ 26–27 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามไทยแลนด์เซอร์กิต จ.นครปฐม


สนามนี้ได้รับการฝึกโดย Mr. Shinichi Ito หัวหน้าโค้ชจาก HRC ประเทศญี่ปุ่น ประกบทีมโดยโค้ชจากไทยฮอนด้า ได้แก่ “โค้ชมุกข์” มุกข์ลดา สาระพืช “โค้ชดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง “ผู้ช่วยโค้ชมิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ผู้ช่วยโค้ชข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร โดยเน้น Physical Training เพิ่มขีดความสามารถของร่างกายและความทนทานในระยะการวิ่ง 11.5 กิโลเมตรและยังต้อง Circuit Training 4 ฐานฝึกที่เน้นสมาธิในขณะร่างกายเหนื่อยล้า การทรงตัวและปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย เพื่อให้ผ่านการประเมินของโค้ชแต่ละฐาน นักแข่งที่ผ่านการประเมินจะได้ก้าวขึ้นไปฝึกด้วยรถ Honda CBR150R ซึ่งมีความแตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับรถแข่ง Honda NFS100 ทั้งในด้านการควบคุมรถที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักรถ การใช้ร่างกายและการควบคุมคันเร่ง เบรก โดยมี Mr. Shinichi Ito ชี้จุดเป็นรายบุคคลในแต่ละจุดที่ต้องพัฒนา เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าควรจะปรับปรุงอย่างไร และอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับมาตรฐานระดับสากล
ทั้งนี้ “Honda Academy Thailand 2025” สนามที่ 6 จะเป็นการ Race Program เต็มรูปแบบ ระหว่างวันที่ 6–7 กันยายน 2568 ณ สนามพีระเซอร์กิต จ.ชลบุรี
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaAcademy #ThaiHonda #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #HondaRacingThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
LAMBORGHINI SHOWCASE 2025 THE FUTURE UNLEASHED การปรากฎตัวของลัมโบร์กินีขุมพลังไฮบริดแบบครบไลน์ ครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2568 ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ ยกทัพลัมโบร์กินีขุมพลังไฮบริดแบบครบไลน์ ครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงในงาน LAMBORGHINI SHOWCASE 2025 อาทิ Lamborghini Temerario, Lamborghini Urus SE, Lamborghini Revuelto พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแห่งตำนาน เครื่องยนต์ N/A อย่าง Lamborghini Tecnica ภายในงานพบกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่พร้อมให้ทุกคนในครอบครัวได้ร่วมสนุกกัน ระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2568 ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น G
เรนาสโซ มอเตอร์ มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์การขับขี่และบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับท่านเจ้าของรถลัมโบร์กินี ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารงานด้านการบริการลูกค้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดของรถลัมโบร์กินีทุกคันก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้าคนสำคัญเสมอ
ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 2568 ยอดขายรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% คาดการณ์ตลาดปี 2568 อยู่ที่ 600,000 คัน

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 117,482 คัน ลดลง 1.5% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 185,212 คัน ลดลง 1.8% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 94,715 คัน ลดลง 12.7%
สำหรับยอดขายประจำเดือนมิถุนายน 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 9.4% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 2.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 15,307 คัน ลดลง 8.2%
- ประเด็นสำคัญ
- ตลาดรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 มียอดขาย 302,694 คัน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายสะสม 117,482 คัน ลดลง 1.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขายลดลง 1.8% ด้วยยอดขาย 185,212 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 94,715 คัน ลดลงถึง 12.7% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.8% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 21.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV อยู่ที่ 67,202 คัน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 56,529 คัน เติบโตขึ้น 54.5 %
- ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน 2568 มียอดขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 9.4% ด้วยยอดขาย 19,397 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 2.5% ด้วยยอดขาย 30,682 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 21,915 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.7% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 30.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 11.6% ด้วยยอดขาย 11,034 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 9,743 คัน เพิ่มขึ้น 59.9%
- ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนอาจลดหรือชะลอการลงทุนและการใช้จ่ายออกไป เพื่อรอความชัดเจนด้านต่างๆ จากสถานการณ์ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า รวมถึงความไม่แน่นอนระหว่างสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา
นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก โตโยต้ามียอดขายรถยนต์รวมที่ 113,889 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 37.6% โดยเฉพาะ ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up + รถกระบะดัดแปลง PPV) มียอดขายรวมอยู่ที่ 42,430 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์เซกเมนต์นี้ถึง 44.8% สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 39,644 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 33.7% อีกทั้งโตโยต้ายังมียอดขายรถยนต์ไฮบริดถึง 31,793 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 24% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มตลาด xEV ทั้งหมด
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในครึ่งปีแรก 2568 เริ่มส่งสัญญาณมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขยอดขายรวมครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 302,694 คัน หรือลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 1.7% เมื่อเทียบกับปี 2567 โตโยต้ายังคงคาดการณ์ระดับตลาดในปี 2568 ที่ระดับ 600,000 คัน สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% สร้างส่วนแบ่งทางการตลาด เท่ากับ 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยในครึ่งปีหลัง โตโยต้ามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่น ทั้งในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย เพื่อร่วมส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน”
- ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2568
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,105 คัน เพิ่มขึ้น 3% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,625 คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,149 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,575 คัน เพิ่มขึ้น 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,130 คัน ลดลง 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 16.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 876 คัน ลดลง 48.3% ส่วนแบ่งตลาด 4.5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,530 คัน ลดลง 4.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,625 คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 2,019 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.6%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,099 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 4,756 คัน ลดลง 22.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,399 คัน ลดลง 14.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,032 คัน
โตโยต้า 1,258 คัน – อีซูซุ 988 คัน – ฟอร์ด 578 คัน – มิตซูบิชิ 129 คัน – นิสสัน 33 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,269 คัน ลดลง 9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,841 คัน ลดลง 16% ส่วนแบ่งตลาด 51.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 3,768 คัน ลดลง 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 821 คัน ลดลง 23.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%
- สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 302,694 คัน ลดลง 7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 113,889 คัน ลดลง 2.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 37,506 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 35,355 คัน ลดลง 18.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 117,482 คัน ลดลง 5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 39,644 คัน เพิ่มขึ้น 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 19,672 คัน ลดลง 20.1% ส่วนแบ่งตลาด 16.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,915 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 185,212 คัน ลดลง 8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 74,245 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 37,506 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 20.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 15,683 คัน เพิ่มขึ้น 16.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 94,715 คัน ลดลง 12.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 42,430 คัน ลดลง 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 44.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 32,804 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 9,400 คัน ลดลง 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 20,714 คัน
โตโยต้า 7,294 คัน – อีซูซุ 6,183 คัน – ฟอร์ด 3,717 คัน – มิตซูบิชิ 888 คัน – นิสสัน 269 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 73,995 คัน ลดลง 4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 35,136 คัน ลดลง 17.7% ส่วนแบ่งตลาด 47.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 26,621 คัน ลดลง 23.2% ส่วนแบ่งตลาด 36%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,683 คัน ลดลง 19% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%
าง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
นิสสันร่วมพัฒนาทักษะเยาวชน บริจาคเครื่องยนต์ อี-พาวเวอร์ เพื่อการศึกษา ให้แก่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธร

นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บริจาคเครื่องยนต์ อี-พาวเวอร์ ให้แก่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธรสำหรับใช้ในการเรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะวิชาชีพ
ความร่วมมือดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสังคมที่นิสสันดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีประสบการณ์ตรง และพัฒนาทักษะความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์อันทันสมัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพต่อไป
ทาคาอากิ ยานางิ รองประธานอาวุโส นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่นิสสัน มอเตอร์ เรามีวิสัยทัศน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านนวัตกรรม และมีความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทย เราได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาทักษะของเยาวชน นิสสันเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าการมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนคือการลงทุนที่มีคุณค่าที่สุด เราหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็น และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เป็นกำลังสำคัญของประเทศไทยในอนาคต”

เครื่องยนต์ระบบขับเคลื่อน อี-พาวเวอร์ ของนิสสันที่ส่งมอบให้แก่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธรครั้งนี้ เป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบพิเศษที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบเหมือนรถไฟฟ้า โดยไม่ต้องชาร์จไฟ เครื่องยนต์ดังกล่าว ติดตั้งในรถรุ่นหลักๆ ของนิสสัน ได้แก่ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และนิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ รวมถึงรุ่นอื่น ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต
เครื่องยนต์ อี-พาวเวอร์ ถือเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสอดคล้องกับแนวโน้มเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน
นิสสัน ได้เริ่มให้การสนับสนุนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยได้บริจาคเครื่องยนต์หลากหลายประเภท อาทิ เครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อให้เยาวชนได้ใช้ในการเรียนและฝึกฝนทักษะ ตลอดจนได้มีการจัดเวิร์คช็อปสำหรับครูผู้สอน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ของนิสสัน
ความร่วมมือที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยนี้ ยังตอกย้ำความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างประเทศญี่ปุ่นและไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะส่งเสริมการพัฒนาชุมชนและสังคมในระยะยาว ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาผ่านการศึกษาและนวัตกรรม
มร. ทาคาอากิ ยานางิ รองประธานอาวุโส นิสสัน ประเทศไทย พร้อม มร. ทัตสึชิ นิชิโอกะ อัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย และ คุณนลินนาถ ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมกันมอบเครื่องยนต์ อี-พาวเวอร์ ให้แก่ คุณวัชริน แม่นยำ ผู้อำนวยการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธร
าง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” บิดไล่แซงสุดมันส์ คว้าแต้ม 2 เรซติด “จูเนียร์จีพี” สนาม 4 อารากอน

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สวมใจสู้ไล่แซงสุดมันส์เก็บ 3 คะแนนล้ำค่าจากศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนาม 4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน
การแข่งขันสนามนี้ดวลกันทั้งสิ้น 2 เรซ โดย “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ดาวรุ่งเลือดใหม่เจ้าของหมายเลข 85 จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำเวลาในรอบควอลิฟายเป็นอันดับ 15 แต่โดนปรับให้ออกตัวจากกริดที่ 30 ในเรซแรก แต่นักบิดไทยไม่ยอมแพ้ ค่อยๆ ไล่แซงคู่แข่งอย่างดุดัน ขึ้นมาคว้าอันดับ 15 ด้วยเวลารวม 26 นาที 5.163 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 22.526 วินาที

จากนั้นเรซที่ 2 ซึ่งแข่งขันในวันเดียวกัน “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ได้กลับไปออกตัวจากกริดที่ 15 และต่อสู้ในกลุ่มกลางอย่างสุดมันส์ ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 14 ด้วยเวลา 25 นาที 57.905 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 16.698 วินาที เก็บเพิ่ม 3 คะแนน จากทั้ง 2 เรซ รั้งอันดับ 20 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 7 คะแนน
ทั้งนี้ การแข่งขัน “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนามที่ 5 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 กันยายนนี้ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี ประเทศอิตาลี
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #JuniorGP #RookiesCup #Maikiw #Maikiw85 #KS85
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

























































