• ZEEKR 009 เสริมทัพรุ่น Standard ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Luxury EV MPV ที่ให้ครบจบทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมส่งต่อพลังแห่งความมั่นใจ ผ่านแคมเปญ “Your Exclusivity is Here” ร่วมกับทัพนักกีฬาเหรียญทองทีมชาติไทย

    2 Min Read

    ZEEKR 009 เสริมทัพรุ่น Standard ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Luxury EV MPV ที่ให้ครบจบทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมส่งต่อพลังแห่งความมั่นใจ ผ่านแคมเปญ “Your Exclusivity is Here” ร่วมกับทัพนักกีฬาเหรียญทองทีมชาติไทย

    ZEEKR Thailand ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด Luxury EV MPV ด้วยการเปิดตัว ZEEKR 009 รุ่น Standard (7 ที่นั่ง มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า) รุ่นล่าสุด มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถหรูของไทยภายใต้แนวคิด “The New Standard of Premium Mobility MPV” ที่หลอมรวมงานดีไซน์หรูหราเหนือระดับ ฟังก์ชันความสะดวกสบายครบครัน มาตรฐานความปลอดภัยสูง และสมรรถนะเหนือชั้นที่วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 712 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ

    ปัจจุบัน ZEEKR Thailand ส่งมอบรถทั้งหมดรวมแล้วกว่า 3,000 คัน ทั่วประเทศ ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อแบรนด์จากกลุ่มลูกค้าได้อย่างงดงาม ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ทางแบรนด์มุ่งมั่นนำเสนอสิ่งที่ดีแก่ผู้บริโภคชาวไทย ทั้งนี้จากที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลด้านความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ พบว่าตลาดนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางแบรนด์จึงได้มีการเปิดตัว ZEEKR 009 6-Seater Luxury MPV รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้าหรู แบบ 6 ที่นั่งสู่ตลาดเมืองไทยช่วงเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา นับเป็นการเขย่าวงการ Luxury MPV ที่สร้างสีสันและกระแสการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูงที่ชื่นชอบในยนตรกรรมอีวีระดับลักชูรีที่มาตรฐานความปลอดภัยสูง พร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำ และลักชูรีดีไซน์ที่บ่งบอกตัวตนและสถานะได้ชัดเจน

    ZEEKR 009 ตกแต่งห้องโดยสารหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยสูงสุดทุกที่นั่ง ด้วยเบาะแถว 2 แบบ Sofaro First Class Airline Seats พร้อมโหมดการปรับแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับเอนนอนได้เพียงปุ่มเดียว และโต๊ะแบบพับเก็บได้ เบาะนั่งบุด้วยหนัง Soft Nappa แบบนุ่มสบาย เพิ่มเติมด้วยระบบนวดไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งแถวหนึ่ง และเบาะนั่งแถวสอง ตัวรถถูกติดตั้งหน้าจอ OLED แบบสัมผัสขนาด 15.05 นิ้ว และหน้าจอ AR HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมหน้าจอเพดานสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบสัมผัส OLED ขนาด 17 นิ้ว เสริมประสิทธิภาพด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวน 2 ชุด รองรับคำสั่งได้ 60 ล้านครั้งต่อวินาที ระบบไฟตกแต่ง Ambient Light และระบบเสียงรอบทิศทาง YAMAHA พร้อมลำโพง 30 ตัว ทั้งนี้ ในด้านสมรรถนะที่เหนือชั้น  ZEEKR 009 รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 603 แรงม้า (450 kW) แรงบิดสูงสุด 693 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 116 kWh ระยะทางขับขี่สูงสุด 686 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนระบบช่วงล่างของ ZEEKR 009 เป็นแบบถุงลมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบกันสะเทือน CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสาร ขณะที่โครงสร้างด้านท้าย ผลิตจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียวที่มีความแข็งแรงสูงพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน

    ต่อมา ZEEKR 009 รุ่น 7 ที่นั่ง ได้เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิดเดียวกัน “Every Journey Shines, Every Seat Matters” นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายและเหนือระดับ โดยยกระดับมาตรฐานยนตรกรรมหรูสำหรับครอบครัว ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับความหรูหรา ทำให้ ZEEKR 009 ไม่ใช่เพียงแค่พาหนะสำหรับการเดินทาง แต่เป็นนิยามใหม่ของความพรีเมียมที่มอบทั้งสมรรถนะเหนือชั้น ห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาส และวัสดุคุณภาพสูงที่สะท้อนถึงความประณีตในทุกรายละเอียด และยังคงไว้ซึ่งฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์อย่างครบครัน

     

    ตลอดระยะเวลาร่วมหนึ่งปีที่ ZEEKR 009 เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ทางแบรนด์รับฟังเสียงตอบรับของลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อการเข้าถึงความต้องการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดตัว ZEEKR 009 รุ่น Standard 7-Seater The Premium Mobility MPV ในวันนี้ นับเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับตลาดรถเอ็มพีวีสุดหรูในตลาดประเทศไทยที่มอบระยะทางขับขี่ไกลกว่าเดิมถึง 712 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) และมีการดึงเอาจุดเด่นจาก ZEEKR 009 ทั้ง 2 รุ่น มาไว้ด้วยกันอย่างครบครัน ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าที่ต้องการเดินทางที่มีระยะไกลเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงครอบคลุมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยรถรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางและพื้นที่เก็บสัมภาระที่เพียงพอ เหมาะสำหรับครอบครัว กลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่ ลูกค้าองค์กร กลุ่มการบริการ หรือการเดินทางที่มีผู้โดยสารและสัมภาระจำนวนมาก หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเดินทางท่องเที่ยว หรือต้องการเดินทางระยะไกลในขณะที่ยังได้รับความสะดวกสบาย
    ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น

     

    Luxury Design

    การตกแต่งภายในที่มาพร้อมกับเบาะ NAPPA ที่นุ่มสบาย มีโหมดการปรับที่นั่งแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับที่นั่งแบบเอนนอนอัตโนมัติเพื่อการผ่อนคลายตลอดการเดินทาง เสริมด้วย
    Dual Glass Roofs ขนาดใหญ่พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า ช่วยปกป้องแสงแดดยามกลางวัน และสามารถเปิดดูดาวยามค่ำคืน

     

    Intelligent Technology

    ความอัจฉริยะของภายในตัวรถที่มาพร้อมกับจอแสดงผล 5 ส่วน ทั้ง หน้าจอมาตรวัดแบบ Full HD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอกลาง Touch Screen ขนาด 15.05 นิ้ว แบบ OLED หน้าจอเพดานสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว หน้าจอ AR HUD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 35.95 นิ้ว และพิเศษยิ่งขึ้นกับหน้าจอ Smart Door Panel Screens ที่สามารถปรับตั้งค่า พร้อมระบบควบคุมด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon จำนวน 2 ชุด เพิ่มสุนทรียภาพการเดินทางด้วยลำโพงจาก YAMAHA 30 จุด

     

    Next Level of Performance

    ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เดี่ยวที่ให้กำลังสูงถึง 335 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 116 kWh และช่วงล่างแบบ High Performance Air Suspension Package หรือช่วงล่างแบบถุงลมประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบกันสะเทือน CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงกระแทกที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารเพื่อให้ทุกการเดินทางนุ่มนวล และผ่อนคลาย

     

    All Round Safety Protection

    และสำหรับความปลอดภัย คือมาตรฐานขั้นสูงที่ทาง ZEEKR ใส่ใจเป็นอันดับแรก ดังนั้น ZEEKR 009 รุ่นใหม่นี้ ยังมาพร้อมกับระบบ ZEEKR AD หรือระบบช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ มอบการปกป้องแบบ 720 องศา ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตัวรถด้านท้ายที่เป็นอะลูมิเนียม มีการออกแบบให้เป็นชิ้นเดียว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

    ZEEKR 009 รุ่น Standard 7-Seater ราคาเปิดตัวที่ 2,399,000 บาท มีสีภายนอก 3 สีคือ

    สีขาว Crystal White
    สีเขียว Mineral Green
    สีดำ Phantom Black
    และทุกสีมาพร้อมภายในสีดำ Stone Black

    โดย ZEEKR 009 Standard 7-Seater มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดังนี้

    • ฟรี Wallbox ขนาด 11 kW พร้อมแพ็กเกจติดตั้ง*
    • ฟรี สายชาร์จฉุกเฉิน*
    • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครองเป็นระยะเวลา 1 ปี*
    • ฟรี ค่าจดทะเบียนรถยนต์*
    • การรับประกันรถยนต์ เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
    • การรับประกันมอเตอร์ขับเคลื่อนและแบตเตอรี่แรงดันสูง เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
    • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี

     

    อนึ่ง ZEEKR Thailand ยังได้จัดแคมเปญ “ZEEKR  009 | Your Exclusivity is Here” ในการสะท้อนแนวคิด การเดินทางที่ไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนที่ แต่คือการค้นพบคุณค่าที่แท้จริงของความพิเศษเฉพาะตนระหว่าง การเดินทางบนเส้นทางชีวิตของตนเอง และการเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนกล้าที่จะก้าวข้ามข้อจำกัด เดินสู่เป้าหมายด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ เพราะ “ความพิเศษ” สำหรับแต่ละคนไม่เคยมีคำจำกัดความเดียวกัน บางคนหมายถึงความสำเร็จในสนามแข่งขัน บางคนหมายถึงความสุขกับครอบครัว หรืออาจเป็นเพียงช่วงเวลาสงบสบายระหว่างการเดินทาง ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของนักกีฬาหญิงทีมชาติไทยทั้ง 5 คน ที่ต่างเดินบนเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุ่มเท ความฝัน ความมุ่งมั่น และการฝ่าฟันอุปสรรค จนสุดท้ายสามารถก้าวสู่ความสำเร็จในระดับสากลได้อย่างสง่างาม และนี่คือสิ่งที่ ZEEKR 009 ตั้งใจมอบให้ – ยนตรกรรมที่เป็นเสมือน “ประตูสู่มาตรฐานใหม่ของชีวิต” ที่สามารถโอบรับและบรรทุกเรื่องราวความพิเศษของแต่ละคน และพร้อมพาคุณก้าวข้ามทุกข้อจำกัด ไปให้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยความสะดวกสบายเหนือระดับ ความปลอดภัยขั้นสูง และเทคโนโลยีรอบคันที่มอบประสบการณ์แบบ First Class ในทุกตำแหน่งที่นั่ง และนี่คือการถ่ายทอดพลังแห่งความพิเศษเฉพาะตน ที่ไม่เพียงสร้างพลังใจแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนกล้าที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางของตัวเอง

     

    ซึ่ง ZEEKR Thailand ต่อยอดความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำภายใต้แนวคิด Local Spirit ของ ZEEKR 7X ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนที่ผ่านมา และครั้งนี้ได้ร่วมกับทัพนักกีฬาเหรียญทองทีมชาติไทยมาร่วมถ่ายทอดเส้นทางแห่งมุ่งมั่น และความมั่นใจ ผ่านเรื่องราวที่แสดงถึงความทุ่มเท ความพยายาม การไม่ย่อท้อ และพลังของการทำงานร่วมกันเป็นทีม จนสามารถสร้างความมั่นใจ และสามารถคว้าชัยชนะมาครอง ซึ่งสอดรับกับคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์ที่ต้องการจะสื่อสารในมิติของความรู้สึกร่วมของการเดินทาง บนเส้นทางแห่งอิสรภาพ ความปลอดภัย ความมั่นใจ ความสุขในทุกตำแหน่งที่นั่งภายในรถ และปลายทางที่สร้างรอยยิ้ม และความสุขร่วมกัน

     

    ZEEKR 009 Standard 7-Seater พร้อมเผยโฉม ณ ลานปาร์คไซด์ ฮอลล์ ชั้น G ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค โดยจะมีการจัดแสดงยานยนต์รุ่นอื่นร่วมด้วยตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 23 กันยายนนี้ ผู้สนใจสามารถจองสิทธิ์เป็นเจ้าของภายในงาน หรือ ZEEKR House ทั้ง 16 สาขา ทั่วประเทศได้แล้ววันนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ZEEKR Call Centre โทร.02-086-9999

     

    ติดตามข่าวสาร และความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของ ZEEKR ได้ที่
    Website: https://www.zeekrlife.com/th-th/
    Facebook: https://www.facebook.com/ZEEKRTHA/


    No Comment
  • GAC Thailand ฉลองครบรอบ 2 ปี นวัตกรรม EV สู่อนาคต พร้อมจัดกิจกรรมทดสอบขับ “2nd DRIVE 2GETHER WITH YOU” สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

    2 Min Read

    GAC Thailand ฉลองครบรอบ 2 ปี นวัตกรรม EV สู่อนาคตพร้อมจัดกิจกรรมทดสอบขับ “2nd DRIVE 2GETHER WITH YOU” สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

    GAC เฉลิมฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 2 ปีในประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา GAC ประเทศไทย ได้นำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น GAC AION Y Plus, GAC AION ES, GAC HYPTEC HT, GAC AION V, GAC AION UT และ GAC M8 PHEV และยังได้ลงทุนสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการผลิต, การพัฒนาบุคลากร, การขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมจัดกิจกรรม “2nd DRIVE 2GETHER WITH YOU” ให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับรถยนต์พลังงานใหม่จาก GAC

     

    GAC Thailand จัดกิจกรรมทดลองขับ DRIVE 2GETHER WITH YOU

    เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 2 ปี GAC ประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรม “DRIVE 2GETHER WITH YOU” ในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 ณ โรงแรมโพธาลัย กรุงเทพ (Phothalai Bangkok Hotel) ภายในงาน ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การทดลองขับรถยนต์พลังงานใหม่จาก GAC อย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมกิจกรรมสนุกๆ และลุ้นรับของรางวัลมากมายตลอดวัน พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ GAC ภายในงาน จะได้รับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟทันที พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีคว้ารางวัลใหญ่ภายในงานอีกด้วย

    ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จำหน่าย GAC Thailand ใกล้บ้านท่าน เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม DRIVE 2GETHER WITH YOU

     

    ย้อนรอย 2 ปีแห่งความสำเร็จ: การเดินทางของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า GAC ในไทย

    GAC ประเทศไทย เริ่มต้นเส้นทางในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 โดยได้สร้างความตื่นตัวให้กับตลาด EV ของไทยอย่างต่อเนื่องผ่านการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

     

    GAC AION Y Plus

    ประเดิมตลาดด้วย GAC AION Y Plus รถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยแนวคิด “Fancy Electric SUV” ชูจุดเด่นด้านพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในคลาส สามารถปรับเปลี่ยนเบาะโดยสารให้กลายเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Magazine Battery ที่ปลอดภัย และระยะทางวิ่งที่ไกลถึง 490 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ความสำเร็จของ GAC AION Y Plus สะท้อนได้จากยอดจองถล่มทลายกว่า 4,500 คันภายในงาน Motor Expo 2023 ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวที่สวยงามและเป็นการประกาศการมาถึงของแบรนด์ GAC ในตลาดประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่

    GAC AION ES

    ต่อเนื่องความสำเร็จด้วยการส่ง GAC AION ES รถซีดานไฟฟ้า ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรและกลุ่มผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ ด้วยจุดเด่นด้านความทนทาน, ความคุ้มค่า, ต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำ และระยะทางวิ่งที่เพียงพอต่อการใช้งานตลอดวัน ทำให้ GAC AION ES ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่การคมนาคมด้วยพลังงานสะอาดของประเทศไทย

    GAC HYPTEC HT

    ยกระดับแบรนด์สู่ตลาดพรีเมียมด้วยการเปิดตัว GAC HYPTEC HT ภายใต้แบรนด์ HYPTEC (ไฮป์-เทค) ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าลักชัวรีในเครือ GAC สร้างความฮือฮาด้วยดีไซน์อันโดดเด่นอย่างประตูหลังแบบปีกนก (Gull-wing Doors) พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ, สมรรถนะอันทรงพลัง และความหรูหราสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร การมาถึงของ GAC HYPTEC HT เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีของ GAC และความมุ่งมั่นของ GAC ประเทศไทย ที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย

    GAC AION V

    GAC สร้างกระแสฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว GAC AION V รถ SUV ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ซึ่งเป็น Global Model ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตลาดโลก ชูจุดเด่นด้านความสะดวกสบายครบครัน อาทิ ตู้เย็นอเนกประสงค์อัจฉริยะ, เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า, เบาะหลังปรับเอนได้ 137 องศา, โต๊ะทำงานอเนกประสงค์, พร้อมด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง, พร้อมด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 602 กิโลเมตร

     

    GAC AION UT

    GAC ประเทศไทย ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว GAC AION UT รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของ GAC ที่มุ่งรุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับ B-Segment ครั้งแรกในไทย ตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ที่มองหารถยนต์เพื่อการใช้งานที่ทนทาน, มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น และมีระยะทางวิ่งที่ไกลสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)

    GAC M8 PHEV

    และเพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอทางเลือกด้านพลังงานที่หลากหลาย GAC ประเทศไทย ได้ประกาศเปิดตัว GAC M8 PHEV รถ MPV ระดับลักชัวรีขุมพลัง Plug-in Hybrid รุ่นแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ากลุ่มผู้บริหารและครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบายสูงสุด ควบคู่ไปกับความยืดหยุ่นในการเดินทางด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยระยะทางวิ่งรวมสูงสุด 1,032 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)

    ตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างสรรค์อนาคต

    ในช่วงปีที่ผ่านมา GAC ประเทศไทย ได้บรรลุเป้าหมายและความร่วมมือครั้งสำคัญมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในคุณภาพและเทคโนโลยีของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ยกระดับบริการเดินทางระดับชาติ จับมือ AOT Limousine: GAC ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus เพื่อเข้าร่วมให้บริการในระบบ AOT Limousine ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะ, ความปลอดภัย, และความสะดวกสบายของตัวรถที่ได้รับความไว้วางใจในบริการระดับพรีเมียม แต่ยังเป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ Green Airport ของท่าอากาศยานไทยอย่างเป็นรูปธรรม ผลักดันให้เกิดการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงประเทศไทย

    ผนึกกำลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) พัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จ: เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค GAC ประเทศไทย และบริษัทในเครือ GAC Energy ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันศึกษาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ความร่วมมือนี้จะช่วยเร่งการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อและทดสอบความเข้ากันได้ระหว่างเครื่องชาร์จของ GAC Energy กับแพลตฟอร์ม PEA VOLTA ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งและอำนวยความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ

    เดินหน้าขยายเครือข่ายบริการเพื่อความอุ่นใจทั่วประเทศ: ปัจจุบัน GAC ประเทศไทย มีศูนย์บริการและโชว์รูมที่เปิดให้บริการแล้ว กว่า 50 แห่ง ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วประเทศไทย และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมกว่า 80 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2569 เพื่อให้การบริการทั้งด้านการขายและหลังการขายเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูงสุด

    วางรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

    ความสำเร็จในปัจจุบันต่อยอดมาจากรากฐานที่มั่นคงซึ่ง GAC ประเทศไทย ได้วางไว้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการลงทุนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนมากมาย

    การลงทุนโรงงานผลิตในจังหวัดระยอง: GAC ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศจีน โรงงานแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศ แต่ยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค

    ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน: GAC ประเทศไทย ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับมอบรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus จำนวน 1 คัน เพื่อพัฒนาและถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักศึกษาและบุคลากรในอุตสาหกรรม รองรับการเติบโตของตลาด EV ที่ต้องการแรงงานฝีมือคุณภาพสูง ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพื่อการพัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

    การจัดตั้ง GAC Energy เพื่อสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จ: เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำ GAC ประเทศไทย ได้จัดตั้งบริษัท GAC Energy ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างและบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จเร็ว (Fast-Charging Station) ภายใต้แบรนด์ของ GAC เอง

    หัวใจของการบริการ ยึดมั่นในแนวคิด “Customer Centric”

    GAC ประเทศไทย เชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงมาจากการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Customer Centric” บริษัทฯ ได้ริเริ่มกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับเจ้าของรถยนต์ GAC AION อาทิ กิจกรรมเฉลิมฉลองการส่งมอบรถ ที่สร้างความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่ได้เป็นเจ้าของ และ กิจกรรมทริปท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำและสร้างชุมชนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า GAC ที่แข็งแกร่ง

    ในโอกาสครบรอบ 2 ปี GAC ประเทศไทย ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านสำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนที่ดีเสมอมา บริษัทฯ ขอยืนยันที่จะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการยกระดับบริการหลังการขายที่จะสร้างความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยต่อไป

     

    ผู้ที่สนใจรถยนต์ GAC สามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.aionauto.com/th-th/

    และลงทะเบียนเพื่อทดลองขับได้ที่ www.aionauto.com/th-th/test-drive/AION%20V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • EnCo จับมือ OR ลงนามสัญญาโครงการสถานีชาร์จ EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดของ EV Station PluZ ณ EnCo Terminal

    1 Min Read

    EnCo จับมือ OR ลงนามสัญญาโครงการสถานีชาร์จ EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดของ EV Station PluZ ณ EnCo Terminal เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า

    บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมลงนามสัญญาให้ใช้สถานที่เพื่อโครงการสถานีชาร์จ EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดของ EV Station PluZ ณ EnCo Terminal (EnTer) โดยโครงการนี้จะทำให้ EnTer กลายเป็นหนึ่งในจุดให้บริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าของ EV Station PluZ ที่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างสะดวกสบายและมั่นใจในทุกการเดินทาง

     

     โครงการสถานีชาร์จ EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดของ EV Station PluZ ณ EnCo Terminal (EnTer) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวามต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งอำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากร ผู้มาติดต่อ และประชาชนทั่วไป ได้ใช้งานอย่างมั่นใจและปลอดภัย ภายใต้แบรนด์ EV Station PluZ ของ OR สำหรับการติดตั้งในครั้งนี้ เป็นเครื่องชาร์จ รูปแบบ Quick Charge ขนาด 120 กิโลวัตต์, 180 กิโลวัตต์ และ 200 กิโลวัตต์ ที่รองรับการชาร์จเร็วและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง มีกำลังไฟรวมถึง 940 กิโลวัตต์ ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งการจองเวลาชาร์จล่วงหน้า หรือเข้ามาใช้บริการแบบ Walk-in ผ่านแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน

    คุณศิรศักดิ์ จันเทรมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) กล่าวว่า EnCo ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสององค์กรยึดมั่นมาโดยตลอด เพื่อเสริมศักยภาพองค์กรทั้งด้านนวัตกรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม การเปิดบริการ EV HUB ในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย พร้อมยกระดับมาตรฐานการบริหารอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้ EnCo Terminal ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานสะอาด ที่พร้อมรองรับการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม

     

    คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมันบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวเสริมว่า OR เดินหน้าสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า  EV Station PluZ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่นใจด้วยการขยายสถานีชาร์จมากกว่า 1,250 แห่ง โดยครั้งนี้ได้ร่วมมือกับ EnCo ในการขยายจุดบริการชาร์จสู่อาคารสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ และเป็นพื้นที่มีความต้องการหนาแน่น ด้วยการขยายสถานีชาร์จ EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดของ EV Station PluZ ที่มีกำลังไฟรวมถึง 940 กิโลวัตต์ และยังช่วยอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ผ่านการให้บริการบนแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ที่สามารถค้นหาสถานีชาร์จ จอง ชาร์จ จ่าย พร้อมสะสมคะแนนบลูพลัส ได้ในแอปเดียว OR พร้อมขยายโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดให้ครอบคลุม และตอบโจทย์การเดินทางแห่งอนาคตของคนไทย

    EnCo มุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้วยมาตรฐานระดับสูง พร้อมยึดหลักความปลอดภัยในการทำงาน ควบคู่กับการดูแลบุคลากร พันธมิตร และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรคุณภาพที่เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

     

    #EnCo #Energycomplex #เอนโก้ #ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ #EVCharger #EnTer #EVStationPluZ

     #EVStationPluZApplication #EVHUB


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บริดจสโตนรุดหน้าสร้างความยั่งยืนสู่อนาคตการเดินทาง ผ่านการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge เสมือน “ห้องทดลองเคลื่อนที่” ส่งเสริมความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า จากวัตถุดิบสู่การรีไซเคิล

    2 Min Read

    บริดจสโตนรุดหน้าสร้างความยั่งยืนสู่อนาคตการเดินทาง ผ่านการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge เสมือน “ห้องทดลองเคลื่อนที่” ส่งเสริมความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า จากวัตถุดิบสู่การรีไซเคิล

    บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก รายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge (BWSC)*1
    ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 24 – 31 สิงหาคม 2568 โดยบริดจสโตนได้สนับสนุนยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® *2 พร้อมกับการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมากกว่า 65%*3 โดยเป็นครั้งแรกที่บริดจสโตนนำคาร์บอนแบล็ครีไซเคิลและเหล็กรีไซเคิลมาใช้
    ซึ่งพัฒนาและผลิตจากความร่วมมือกับพันธมิตร นอกจากการช่วยลดจำนวนการใช้ยางรถยนต์ในระหว่างการแข่งขันแล้ว บริดจสโตนยังได้จัดการขนส่งคาร์บอนต่ำ และส่งเสริมการรีไซเคิลหลังการใช้งาน
    บริดจสโตนยกระดับความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าของยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน โดยทีมผู้เข้าแข่งขัน
    ที่ใช้ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN สามารถคว้าชัยชนะได้ทั้งในประเภท Challenger Class และ Cruiser Class


    [แผนดำเนินงานด้านความยั่งยืนในการแข่งขันรายการ
    2025 Bridgestone World Solar Challenge]

    1.วัตถุดิบและการจัดซื้อ: เพิ่มสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมากกว่า 65% ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร

    คาร์บอนแบล็ครีไซเคิล

    ผ่านความร่วมมือกับ ENEOS Corporation บริดจสโตนได้พัฒนาเทคโนโลยีไพโรไลซิสเพื่อฟื้นฟูการใช้วัสดุอย่างคาร์บอนแบล็คจากยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน และเป็นครั้งแรกที่คาร์บอนแบล็ค
    จาก Bridgestone Innovation Park (เมืองโคไดระ กรุงโตเกียว) ซึ่งถูกนำมาใช้สำหรับยางรถยนต์ที่ใช้
    ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge*4*5

    เหล็กรีไซเคิล

    บริดจสโตนได้นำยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานซึ่งรวบรวมจาก Bridgestone Tire Recycle Center Osaka Corporation มาผลิตเป็นเหล็กรีไซเคิลด้วยการใช้เตาไฟฟ้าที่ Sanyo Special Steel Co., Ltd. จากนั้นเหล็กดังกล่าวถูกรีดและผ่านกระบวนการอบความร้อนโดย Nippon Steel Corporation เพื่อนำไปผลิตเป็นขอบลวด (วัสดุเสริมความแข็งแรงของยางรถยนต์) ซึ่งถูกนำมาใช้สำหรับยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge เป็นครั้งแรก

    2.การพัฒนา: ส่งมอบยางรถยนต์สมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยี ENLITEN

    ด้วยการนำ ENLITEN ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของบริดจสโตนในการออกแบบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์มาใช้บริษัทจึงสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังตอบโจทย์สมรรถนะของรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแรงต้านทานการหมุนต่ำ น้ำหนักเบา และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะให้รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้สภาพการแข่งขันสุดท้าทาย และช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยในระยะทางที่ไกลกว่า 3,000 กม. นอกจากนี้ บริดจสโตนยังได้ผสานการใช้ Twaron Next® *6 วัสดุอะรามิดชนิดใหม่ที่มีส่วนประกอบเป็นวัสดุหมุนเวียน พัฒนาโดย Teijin Aramid เพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์
    และส่งเสริมความยั่งยืน

    3.การผลิตและการขนส่ง: บรรลุเป้าหมายการจัดการขนส่งคาร์บอนต่ำ

    บริดจสโตนได้ใช้โซลูชั่น GoGreen Plus ของ DHL สำหรับการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน รายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge โดยการใช้เชื้อเพลิงทางทะเลที่ยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 85% ตลอดทั้งวัฏจักรของเชื้อเพลิง นับตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การจัดเก็บ ไปจนถึงการใช้งานบนเรือ (Well-to-Wake) ซึ่งช่วยให้ลดคาร์บอนในการขนส่ง

    4.การใช้งาน: ส่งเสริมการลดจำนวนยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge

    ด้วยความทนทานต่อการสึกหรอที่ดียิ่งขึ้นของยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ทำให้สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ดี และยังช่วยลดจำนวนยางรถยนต์ที่จัดสรรให้แต่ละทีมผู้เข้าแข่งขันลงจาก 24 เส้น เหลือ 16 เส้น

    5.การรีไซเคิล: ส่งเสริมการรีไซเคิลยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน

    ผ่านความร่วมมือกับ RubberGem บริษัทจากออสเตรเลีย โดยยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานจะถูก
    รีไซเคิลเป็นยางปูพื้นคุณภาพสูงสำหรับฟาร์มทั่วโลก

    ขับเคลื่อนการเดินทางระยะไกลกว่า 3,000 กิโลเมตร ด้วยนวัตกรรม

    “ทีมผู้เข้าแข่งขันที่ใช้ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ของบริดจสโตน คว้าชัยชนะ
    ทั้งในประเภท Challenger Class และ Cruiser Class นับเป็นการคว้าชัยชนะติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ของทีมประเภท Challenger Class ตั้งแต่ปี 2562 และติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ของประเภท Cruiser Class ตั้งแต่ปี 2560 การสนับสนุนการแข่งขันในครั้งนี้ บริดจสโตนมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญต่ออนาคตแห่งการเดินทาง ด้วยการรุดหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนสู่อนาคตการเดินทาง และการบ่มเพาะวิศวกรรุ่นใหม่

     

    ความคิดเห็นจากทีมผู้ชนะและผู้บริหารจากบริดจสโตน

    ผู้ชนะประเภท Challenger Class : คุณ Elias Wawoe – ทีม Brunel Solar (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์)

    “ครั้งสุดท้ายที่เราชนะการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge คือเมื่อแปดปีก่อน
    และตั้งแต่นั้นมาเราก็ทุ่มเทเพื่อกลับมาคว้าแชมป์โลกอีกครั้ง ยางรถยนต์ของบริดจสโตนมอบสมรรถนะ
    ได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะความทนทานซึ่งสนับสนุนการเดินทางสู่ชัยชนะของเรา นับเป็นตัวอย่างของ
    ยางรถยนต์ที่ดีเยี่ยมสู่การรุดหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยางรถยนต์ผ่านการแข่งขันในครั้งนี้
    และทีมของเราก็แสดงให้เห็นถึงการผสานระหว่างนวัตกรรมและการมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน”

    ผู้ชนะประเภท Cruiser Class: คุณ Kelvin To – ทีม VTC Solar Car (สถาบันการศึกษาอาชีวศึกษาแห่งฮ่องกง)

    “พวกเราทุ่มเทให้กับการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge มานานกว่าสิบปีแล้ว
    และการคว้าชัยชนะในครั้งนี้มีความหมายกับพวกเราเป็นอย่างยิ่ง นักศึกษาของเราจากสายวิศวกรรม
    และการออกแบบได้นำทักษะจากห้องเรียนมาประยุกต์ใช้จริงในการแข่งขันตลอดระยะทาง 3,000 กิโลเมตร เราเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแสดงให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้านพลังงานหมุนเวียนและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน ยางรถยนต์บริดจสโตนมีคุณภาพที่เชื่อถือได้สูงมากเพราะยางไม่รั่วถึงแม้จะวิ่งบนทราย กรวด หรือหลุมบ่อ และยังช่วยให้เราประหยัดพลังงานได้มากตลอดการแข่งขัน”

    ผู้ชนะประเภทรางวัล Bridgestone E8 Commitment Award : คุณ Joel Pitts – ทีม Iron Lions Solar Car (โรงเรียน Greenville High School)

    “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Bridgestone E8 Commitment Award ทีมนักเรียนและอาจารย์ของเราได้ตั้งเป้าหมายสร้างรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกที่สามารถผ่านการคัดเลือกและลงแข่งขันในประเภท Challenger Class การได้รับรางวัลในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นและแรงผลักดันของเราในการก้าวสู่การเป็นทีมรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก”

    Hiroshi Imai รองประธานและผู้บริหารอาวุโส รับผิดชอบด้านมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น

    “บริดจสโตนขอขอบคุณผู้เข้าแข่งขันทุกทีม รวมถึงทีมงาน ครอบครัว คณะผู้จัดงาน และอาสาสมัครทุกท่านที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ที่ผ่านมา การได้เห็นทุกฝ่ายผสานพลังและความมุ่งมั่นร่วมกันให้กับการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงคุณค่า เราภาคภูมิใจที่ยางรถยนต์ของเราที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ไม่เพียงแต่สนับสนุน
    ทีมผู้ชนะเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนผู้เข้าแข่งขันอีกหลายทีมตลอดการแข่งขัน ในฐานะผู้จัดหายางรถยนต์และผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน บริดจสโตนยังคงยึดมั่นส่งเสริมการสร้างสังคมการเดินทาง
    สู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาวิศวกรและผู้นำรุ่นใหม่ผ่านเวทีการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge

    เรายังคงก้าวข้ามขีดจำกัดร่วมกับผู้เข้าแข่งขันทุกทีม และมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจาก ‘ห้องทดลองเคลื่อนที่’ นี้ ไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกที่ยั่งยืนในอนาคต”

    *1 เว็บไซต์ทางการของการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge:
    https://www.bridgestone.com/bwsc/ และ เว็บไซต์ผู้จัดงาน: https://worldsolarchallenge.org/

    *2 ENLITEN คือ เทคโนโลยีที่ยกระดับสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม สมรรถนะพื้นฐาน และสมรรถนะทั้งหมดของยาง
    รถยนต์ รวมถึง “การออกแบบขั้นสูงสุด” เพื่อเพิ่มสมรรถนะของยางรถยนต์ให้ตอบสนองไม่เพียงแค่ความ
    ต้องการและความคาดหวังของตลาดและลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสร้างคุณค่าใหม่ ๆ โดยอ้างอิงจากลักษณะของ
    ยานพาหนะและเงื่อนไขการใช้งานที่หลากหลาย

    *3 วัสดุรีไซเคิล คือ วัสดุที่ผ่านการแปรรูปใหม่จากวัสดุเหลือใช้ด้วยกระบวนการผลิตและถูกนำมาใช้
    ทำเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย หรือเป็นชิ้นส่วนสำหรับประกอบเข้ากับสินค้าหรือบริการ วัสดุหมุนเวียน คือ วัสดุ
    ที่ประกอบด้วยชีวมวลจากสิ่งมีชีวิตและสามารถฟื้นฟูได้อย่างต่อเนื่อง วัสดุดังกล่าวต้องมาจากแหล่งที่สามารถ
    ฟื้นฟูได้ในอัตราที่เท่ากับหรือมากกว่าอัตราการใช้หมดไป (คำจำกัดความเหล่านี้อ้างอิงจาก ISO 14021:2016)

    *4 2023/06/08 Bridgestone Commences Pyrolysis Test of Used Tire Recycling

    *5 ความสำเร็จที่กล่าวถึงในข้อความนี้ เกิดจากโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนโดยองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และ
    เทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO)

    *6 Twaron Next® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Teijin Aramid


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • แข่งเดือด ลุ้นมันส์ กับ Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 3 และ 4 จ.บุรีรัมย์ และ Hilux REVO Racing Mania 2025 สนามที่ 2

    3 Min Read

    แข่งเดือด ลุ้นมันส์ กับ Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 3 และ 4 จ.บุรีรัมย์ และ Hilux REVO Racing Mania 2025 สนามที่ 2

    นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย คุณโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าในจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้สนับสนุนรายการอย่างเป็นทางการ ร่วมเปิดการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 3 และ 4 ที่จัดขึ้น ในวันที่ 13-14 กันยายน ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

     

    นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า “โตโยต้าได้จัดกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตที่สนามช้างฯ แห่งนี้ ตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน มาเป็นระยะเวลา กว่า 11 ปี โดยปีนี้ สนามบุรีรัมย์ เป็นสนามที่ 3 และสนามที่ 4  ของการแข่งขัน ที่ท้าให้ท่านร่วมพิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน และสนุกสนาน ไปกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “One Make Race” หลากหลายรุ่น อาทิ “ยาริส” / “ยาริส เอทีฟ” / “โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต” และ “ไฮลักซ์ รีโว่” โดยมีรถเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 58 คัน ที่พร้อมจะมาท้าทายขีดจำกัด นอกจากนั้น ท่านจะได้เห็นความมุ่งมั่น สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนกับ Yaris Carbon Neutral Fuel ที่ร่วมแข่งขันในสนามนี้

     

    นอกเหนือจากความตื่นเต้น บนสนามแข่ง เรายังมีอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษ คือ กิจกรรม Racing Mania ประชันความเร็วแบบทางตรง หรือ Drag racing ในรถยนต์ “ไฮลักซ์ รีโว่” จากอู่ชื่อดัง จากทั่วประเทศที่จะเข้ามาสร้างสถิติใหม่ ณ สนาม Buriram United Dragster Track โดยเราจะมีกิจกรรมพิเศษ เช่น ทดลองนั่งรถแข่ง Drag Hot Lab กับ Star Team ป๊ายปาย และ ปังปอนด์ ผมมั่นใจว่ากิจกรรมนี้ นอกจากความสนุกแล้ว ยังจะสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถยนต์ ได้อีกด้วย

     

    • สนามที่ 3

    ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

                จบการแข่งขันเรซ 3 ผลปรากฏว่า อันดับ 1 คือ ปิยะวดี พฤฒิสาร หมายเลข 135 จากทีม A Motorsport & Boxza Racing

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 135 ปิยะวดี พฤฒิสาร A Motorsport & Boxza Racing
    2 107 สิตานัน พิกุลขจร Bfin racing compact Wise the Hub
    3 189 กิติยา ธีรวัฒน์วาที KT Team Thailand
    4 156 อริญรดา ฮอร์น Sittipol OT Energy Drink
    5  195 เขมิสรา ขอนพุดซา Burgundi Motorsport

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 8 รอบ)

    รุ่นยอดนิยมของสนาม กับจำนวนรถแข่งมากที่สุด เพิ่มสีสันด้วยเสียงเชียร์ดังสนั่นจากแฟนๆ ของ “ป๊ายปาย โอริโอ้” นักแข่ง TOYOTA Racing Star Team กับรถแข่งที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงทางเลือก ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนลงสนาม ที่ลงสนามในรุ่น TOYOTA YARIS Carbon Neutral Fuel จบการแข่งขันเรซ 3 ผลปรากฏว่า อันดับ 1 ได้แก่ โคมูระ โตกิชิ หมายเลข 22 จากทีม RUK TEAM NEXZTER PMC 52

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 22 โคมูระ โตกิชิ RUK TEAM NEXZTER PMC 52
    2 68 ศิริภากรณ์ แยบยนต์ TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3
    3 44 กิตติณัฎฐ์ เหลืองอรุณชัย RUK TEAM NEXZTER PMC 52
    4  42 กวินท์ ปฏิภาณประเสริฐ Modern Bug Racing Runstop Ozawa AFV GJ
    5   27  เอกชัย อินทรจินดา B-Quik Racing Team

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 8 รอบ)

    เร้าใจต่อเนื่อง สำหรับ Division นี้ จบการแข่งขัน แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ Lo Fung หมายเลข  6   

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 6 Lo Fung
    2 8 Warauyoo Hinjiranan Men’s Health Masterpiece x Nexkart Racing
    3 81 Banphot Ueatrakul U Fortsts nexzter Motul by TTR Motorsport
    4  55 Kantapat Thaiupatum Jkautopaint cnx racing team
    5  66  Prayut Thanaworrarak

     

    ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR SPORT One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

    ลุ้นไปกับนักแข่งเปี่ยมฝีมือ ที่มาดวลฝีมือในสนามนี้ กับรถสมรรถนะดีเยี่ยม ที่มี ปังปอนด์ อัครวุฒิ นักแข่ง TOYOTA Racing Star Team ร่วมลงชิงโพเดียมรุ่นนี้ จบการแข่งขันเรซ 3 อันดับ 1 คือ สิทธิชัย ฆังนิมิตร หมายเลข 9 จากทีม SpeedRev Racing By NCL Service

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 9 สิทธิชัย ฆังนิมิตร SpeedRev Racing By NCL Service
    2 3 เคนทาโร ชิบะ ORC Racing Motul
    3 89 วรัญชิต วัฒนาธนกุล WISE OR by Ruk Team Wing Hin Motorsports
    4 10 ปังปอนด์- อัครวุฒิ มังคลสุต TOYOTA Racing Star Team
    5 55  Brendan Paul Anthony Superclub Racing Team

     

     

    ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

    สัมผัสสมรรถนะของรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง จบการแข่งขัน ผลปรากฏว่า อันดับ คือ นฤชิต เกียรติมณีศรี หมายเลข 4 จากทีม TD racing by SP auto

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 4 นฤชิต เกียรติมณีศรี TD racing by SP auto
    2 55 เพิก เลิศวังพง
    3 19 นิรุทธ์ สุจริต
    4 45 ธีรภัทร พิมพาเรือ Ruk Team Nexzter P.m.c 52 Motul B R D Win Hin Motorsport
    5  49  พงศธร โอนอ่อน KM Racing

     

    • สนามที่ 4

    ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

                สำหรับเรซ 4 สนามนี้ อันดับ 1 คือ ปิยะวดี พฤฒิสาร หมายเลข 135 จากทีม A Motorsport & Boxza Racing Team เช่นเดียวกันกับแชมป์สนามที่ 3

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 135 ปิยะวดี พฤฒิสาร A Motorsport & Boxza Racing Team
    2 156 อริญรดา ฮอร์น Sittipol OT Energy Drink
    3 107 สิตานัน พิกุลขจร Bfin racing compact Wise the Hub
    4 189 กิติยา ธีรวัฒน์วาที KT Team Thailand
    5  195  เขมิสรา ขอนพุดซา Burgundi Motorsport

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 8 รอบ)

    แชมป์สนาม 4 ตกเป็นของ กิตติณัฎฐ์ เหลืองอรุณชัย หมายเลข 44 จากทีม RUK TEAM NEXZTER PMC 52

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 44 กิตติณัฎฐ์ เหลืองอรุณชัย RUK TEAM NEXZTER PMC 52
    2 91 Mohamad Anaqi Bin  
    3 23 Abdul Miqail 23 Motors Racing Team
    4 59 เบญจรงค์ ชมายกุล Superclub Racing Team
    5  22 Komura Toshiki RUK TEAM NEXZTER PMC 52

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 8 รอบ)

    แชมป์สนาม 4 ตกเป็นของ Banphot Ueatrakul หมายเลข 81 จากทีม U Fortsts nexzter Motul by TTR Motorsport

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 81 Banphot Ueatrakul U Fortsts nexzter Motul by TTR Motorsport
    2 39 คาร์เมน เหลียง
    3 5 ร้อยเอก จองชัย  วงศ์ทรายทอง
    4  55 Kantapat Thaiupatum Jkautopaint cnx racing team
    5 24 Suravee Sornhirun Modern Bug Racing Runstop Ozawa AFV GJ

     

    ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR SPORT One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

                บรรยากาศเข้มข้น และเร้าใจสุดๆ โดยมีดารานักแข่งจาก Toyota Racing Star Team ปังปอนด์ อัครวุฒิ” เข้าร่วมแข่งขัน และสามารถคว้าอันดับ 2 ในสนามนี้ ส่วนแชมป์สนาม 4 ตกเป็นของ วรัญชิต วัฒนาธนกุล หมายเลข 89 จากทีม WISE OR by Ruk Team Wing Hin Motorsports

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 89 วรัญชิต วัฒนาธนกุล WISE OR by Ruk Team Wing Hin Motorsports
    2 10 ปังปอนด์- อัครวุฒิ มังคลสุต Toyota Racing Star Team
    3 9 สิทธิชัย ฆังนิมิตร SpeedRev Racing By NCL Service
    4 66 ศริทธนา มิตรอารี Lenso Motorsport Sinthorn B88 Wrap XTreme by VG
    5 3 เคนทาโร ชิบะ ORC Racing Motul

     

    ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

    รายการแข่งขันชิงเจ้ากระบะ โชว์สมรรถนะของเครื่องยนต์ ผลการแข่งขันปรากฏว่า อันดับ 1 คือ เฉลิมพล ผลลูกอินทร์ หมายเลข 13

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 13 เฉลิมพล ผลลูกอินทร์
    2 3 กิตติศักดิ์ เสียงสลัก BKC x Voltronic By House Of Cars x Vangarg Garage
    3 66 ชยพล จันทกิจ
    4 19 นิรุทธ์ สุจริต
    5 90 กีระนันท์ ปั้นทอง Trane Lubricants Nexzter Racing by รถซิ่งไทยแลนด์

     

    เร้าใจไปกับกิจกรรม Racing Mania กับขบวนรถกระบะ“ไฮลักซ์ รีโว่”จากอู่ดังทั่วประเทศ

    • ประชันความเร็วแบบทางตรง หรือ Drag racing ในรถกระบะ “ไฮลักซ์ รีโว่” จากอู่ชื่อดัง จากทั่วประเทศที่จะเข้ามาสร้างสถิติใหม่ ณ สนาม Buriram United Dragster Track มีรถเข้าร่วมทั้งหมด 88 คัน
    • และยังมีกิจกรรมพิเศษ เช่น ทดลองนั่งรถแข่ง Drag Hot Lab กับ Star Team ป๊ายปาย และ ปังปอนด์ ซึ่งนอกจากความสนุกแล้ว ยังจะสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถยนต์ ได้อีกด้วย
    • นอกจากกิจกรรมในสนามแล้ว ยังมีลานกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น Toyota car club (E-san car meet) การรวมตัวกันของกลุ่มรถแต่งโตโยต้าทุกรุ่นกว่า 130 คัน และการประกวดแต่งรถยนต์ ไฮลักซ์ รีโว่ ในรายการ Racing mania car decoration contest เพื่อค้นหารถแต่งสวยที่โดนใจที่สุด รวมถึง กิจกรรมสำหรับครอบครัวชวนน้องๆ อายุ 3-5 ปี มาร่วมประชันความเร็วแข่งขาไถทางตรง (Balance bike) ในงานอีกด้วย
    • ผลการแข่งขันสนามนี้เป็นการแข่งขันแบบเก็บคะแนน โดยสามารถติดตามการแข่งขันได้ในสนามถัดไป

     

    สนามที่ 3 Souped Grand Prix (Join Race) สนามคลอง 5 ปทุมธานี   5-7 ธันวาคม 2568

    สนามที่ 4 Bangkok Drag Avenue สนามคลอง 5 ปทุมธานี                 16-18 มกราคม 2569

     

    แล้วพบกันในงาน Toyota Gazoo Racing Thailand สนามปิดท้ายฤดูกาล

    15-16 พฤศจิกายน นี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ. เชียงใหม่

    ตั้งแต่เวลา 12.00 – 21.00 น.

    พร้อมออกเดินทางไปสร้างรอยยิ้มและความสนุกกันต่อ กับกิจกรรมจัดเต็มตลอดทั้งวัน

    ตื่นเต้นไปกับ Night Show แสงสีเสียงจัดเต็มยามค่ำคืน

    อีกทั้งการแสดงสุดฟินจากศิลปิน และอินฟลูเอนเซอร์คนดังมากมาย

    แฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ห้ามพลาด!

     

    ติดตามความสนุกและชมการแข่งขันสดผ่านทาง Live Streaming

    ได้ที่ Facebook / Youtube : TOYOTA GAZOO Racing Thailand

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมเพิ่มเติมได้จาก

    TikTok: tgr.thailand และ Instagram : tgrthailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • กรุงศรี ออโต้” ปักหมุดการเรียนรู้สู่เยาวชนชายแดน ส่งมอบห้องสมุดแห่งที่ 16 ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี

    1 Min Read

    “กรุงศรี ออโต้” ปักหมุดการเรียนรู้สู่เยาวชนชายแดน ส่งมอบห้องสมุดแห่งที่ 16 ณ “ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี”

    ปัจจุบัน ขณะที่เด็กในเมืองจำนวนมากสามารถค้นคว้าหาความรู้อย่างว่องไวและไร้พรมแดนผ่านโลกอินเทอร์เน็ต แต่กลับมีเด็กหลายคนในพื้นที่ชายแดนห่างไกลที่ยังคงต้องการเพียงหนังสือสักเล่มในการค้นคว้าหาความรู้ เพราะข้อจำกัดด้านการเดินทางและการติดต่อสื่อสาร ด้วยเหตุนี้ “ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้” จึงเปรียบเสมือนประตูสู่พื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชนในหมู่บ้านไกรเกรียง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มักจะใช้เวลาว่างจากการเรียน เพื่อพักผ่อนและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการอ่านหนังสือเพื่อเติมความรู้และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ที่มีได้แบบไม่รู้จบ

     

    ด้วยความเชื่อว่า “โอกาสทางการศึกษา” ควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จึงสานต่อพันธกิจในการสนับสนุน
    ภาคการศึกษา ด้วยการส่งมอบ “ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ แห่งที่ 16” ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี (บ้านไกรเกรียง) อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี (ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง) ภายใต้โครงการโรงเรียนสีเขียว (INSEE Green School) ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจที่ “กรุงศรี ออโต้” ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้แนวคิด “Sustainability in Everyday Life (คุณค่าที่สร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน)

    นางสาวสิริพร ศุภรัชตการ ประธานคณะกรรมการอาสาสมัครกรุงศรี ออโต้ กล่าวว่า โครงการ ‘ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้’ เริ่มต้นจากความตั้งใจเล็ก ๆ ที่อยากมอบโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพให้กับเด็กทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงใด เพราะเราเชื่อว่าห้องสมุดไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับอ่านหนังสือ แต่คือโลกใบใหม่ที่เปิดประตูสู่จินตนาการ และพัฒนาทักษะรอบด้านให้กับเยาวชน เราภูมิใจที่ได้ส่งมอบห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ แห่งที่ 16 พร้อมอุปกรณ์การเรียนและคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เด็ก ๆ ของ ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง ได้เติบโตและพัฒนาศักยภาพของตัวเองด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกัน และก้าวทันโลกแห่งการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่งได้”

    ด.ต.ชูเกียรติ คงศรี ครูใหญ่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี (บ้านไกรเกรียง) กล่าวว่า “ห้องสมุดแห่งนี้ทำให้นักเรียนของ ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง ได้มีโอกาสเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ที่กว้างไกลยิ่งขึ้น เป็นที่รู้กันดีว่าการจัดตั้งศูนย์การเรียนในพื้นที่ชายแดนนั้นมีความท้าทาย สำหรับเด็กที่อยู่แนวเขตชายแดนของประเทศนั้นมีความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งความรู้ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด ดังนั้นการที่ กรุงศรี ออโต้ ได้จัดเตรียมหนังสือที่หลากหลายเหมาะสมสำหรับเด็กในแต่ละระดับชั้น พร้อมด้วยห้องสมุดแห่งนี้ จึงถือเป็นความร่วมมือที่ช่วยต่อยอดความตั้งใจของผมในการเป็นครูของเด็ก ๆ ที่นี่ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กในพื้นที่ห่างไกลนั่นก็คือความรู้ ที่ไม่เพียงจะช่วยต่อยอดด้านความคิด แต่ยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านในต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการใช้ชีวิตอีกด้วย”

     

    น้องรถถัง หรือ ด.ช. พิชญะ ไล้โจ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กล่าวว่า ผมชอบมาที่ห้องสมุดกับเพื่อน ๆ เป็นประจำเลยครับ พวกเราชอบมานั่งเล่นเกมและทำกิจกรรมในช่วงเวลาพัก ส่วนมากผมเห็นว่าพี่ ๆ หลายคนชอบหยิบหนังสือที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนหรือหนังสือวิทยาศาสตร์ มาอ่าน ส่วนตัวผมเองชอบอ่านนิทานเรื่อง ‘เต่าสองตัวกับหมวกหนึ่งใบ’ เพราะนิทานเรื่องนี้สนุก มีภาพเต่าตัวเล็กน่ารัก และยังสอนเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนและการแบ่งปัน ทำให้ผมเข้าใจการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนและรักเพื่อนมากขึ้นด้วยครับ”

     

    น้องแก้ม หรือ ด.ญ. ปิ่นมณี งามยิ่ง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า “หนูเข้ามาห้องสมุดทุกวันเลยค่ะ เพราะได้ทำหน้าที่เป็น ‘บรรณารักษ์น้อย’ คอยดูแลความเรียบร้อย ลงทะเบียนผู้ใช้ และติดตาม
    การยืม-คืนหนังสือของห้องสมุด ซึ่งทำให้หนูได้ฝึกทักษะความเป็นผู้นำจากการเป็นบรรณารักษ์น้อย ผ่านการคอยประสานงาน พร้อมกับการดูแลให้ทุกคนใช้ห้องสมุดอย่างเป็นระเบียบ หนูดีใจมากที่ได้รับคอมพิวเตอร์
    จาก กรุงศรี ออโต้ มาช่วยจัดการข้อมูล ทำให้ทุกอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น จนทำให้งานบรรณารักษ์กลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกกว่าเดิมด้วย หนูมองว่าหน้าที่นี้ทำให้หนูมีความรับผิดชอบและรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากขึ้นค่ะ”

    นอกเหนือจากการบริจาคห้องสมุดให้กับศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง แล้ว กรุงศรี ออโต้ ยังได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้เรื่องการเงินพื้นฐานแก่นักเรียน พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ทางการเงินผ่าน
    ‘มุมการเงิน’ ในห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ ที่รวบรวมหนังสือเยาวชน ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างนิสัย
    รักการออมตั้งแต่เนิ่น ๆ  พร้อมเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเงินอย่างรู้คุณค่าในอนาคต


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โตโยต้าร่วมสนับสนุนการแข่งขันซูโม่ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2568 ที่ประเทศไทย ตอกย้ำมิตรภาพ ไทย – ญี่ปุ่น พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมกีฬาซูโม่ในระดับนานาชาติ

    1 Min Read

    โตโยต้าร่วมสนับสนุนการแข่งขันซูโม่ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2568 ที่ประเทศไทย ตอกย้ำมิตรภาพ ไทย – ญี่ปุ่น พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมกีฬาซูโม่ในระดับนานาชาติ

    มร.คิมิโอ มินามิ ผู้อำนวยการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบรางวัลการแข่งขันซูโม่ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 14 กันยายน 2568  ณ อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยการแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกดังกล่าว

     

    การแข่งขันซูโม่ชิงแชมป์โลกครั้งนี้เป็นเวทีรวมตัวของนักกีฬาซูโม่ชั้นนำจากทั่วโลก สะท้อนถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านกีฬาในระดับนานาชาติ โดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก ได้แสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมกีฬาซูโม่ ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น และเป็นสัญลักษณ์ของความมีวินัย ความอดทน และจิตวิญญาณนักกีฬา

     

    นอกจากการสนับสนุนด้านการแข่งขัน โตโยต้ายังได้มอบ “ผลิตภัณฑ์ข้าวรัชมงคล” แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคน เพื่อเป็นการแบ่งปันวัฒนธรรมการเกษตรของไทยให้กับนักกีฬาจากนานาประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ข้าวรัชมงคลเป็นผลผลิตจากโครงการ “ข้าวรัชมงคล” ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมของโตโยต้าแก่เกษตรกรไทย โดยยึดแนวทางจากแนวพระราชดำริ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน

    โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมวัฒนธรรม ความยั่งยืน และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ผ่านการดำเนินงานที่สอดคล้องกับพันธกิจขององค์กรในการ“ขับเคลื่อนอนาคต” ให้กับสังคมไทยและประชาคมโลก


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • อีซูซุเดินหน้าสานต่อโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” แห่งที่ 45 แก่โรงเรียนบ้านดินโส จ.กาญจนบุรี

    1 Min Read

    อีซูซุเดินหน้าสานต่อโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” แห่งที่ 45 แก่โรงเรียนบ้านดินโส จ.กาญจนบุรี

    กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย โดย มร. ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และคุณณัฐ โก่งเกษร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาสิ่งที่ดีให้สังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งมอบระบบน้ำดื่มสะอาดในโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” เป็นปีที่ 12 แห่งที่ 45 ให้แก่ โรงเรียนบ้านดินโส อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของนักเรียนและครูในโรงเรียนรวมถึงคนในชุมชนตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ หรือ “วิถีอีซูซุ” นั่นคือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”

     

    มร. ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบอย่างหนักมากต่อเกือบทุกธุรกิจ ยิ่งไปกว่านั้นตลาดรถยนต์เมืองไทยก็กำลังเผชิญภาวะหดตัวอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของกลุ่มอีซูซุด้วย ถึงแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ก็ตาม เรายังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ตามที่ได้ตั้งปณิธานไว้  เรายังได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ให้แก่ทุกโรงเรียนของโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” นับตั้งแต่โรงเรียนที่ 44 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของ        อีซูซุเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของอีซูซุ รวมทั้งการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการใช้พลังงานทดแทนอีกด้วย”

     

    สำหรับโรงเรียนบ้านดินโส เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ตั้งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล 2 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียน คุณครู และบุคลากรทั้งสิ้นกว่า 413 คน โรงเรียนดังกล่าวประสบปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค แม้ว่าโรงเรียนบ้านดินโสจะมีบ่อน้ำใช้เพื่ออุปโภค   แต่น้ำสำหรับบริโภคต้องแบ่งใช้กับชาวบ้านจากบ่อน้ำของชุมชน ซึ่งมีปริมาณจำกัด และยังต้องผ่านเครื่องกรองน้ำที่มีการชำรุดบ่อยครั้ง ทำให้โรงเรียนต้องมีการจัดซื้อน้ำดื่มสะอาดเพื่อการบริโภคเพิ่มเติม อีซูซุจึงส่งทีมงาน        ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสำรวจปัญหาและติดตั้งระบบน้ำดื่มสะอาดที่ประกอบด้วย ระบบบ่อน้ำบาดาลครบวงจร ระบบกรองน้ำดื่มสะอาดตามมาตรฐาน อาคารผลิตน้ำดื่ม พร้อมจัดอบรมวิธีการใช้งาน การทำความสะอาด และการบำรุงรักษาให้แก่บุคลากรที่รับผิดชอบ รวมทั้งการเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนรวมถึงชุมชนบริเวณใกล้เคียงที่ได้ประโยชน์จากน้ำสะอาด กว่า 650 ครัวเรือน 1,500 คน ได้มีน้ำดื่มสะอาดถูกหลักอนามัยบริโภคอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาน้ำดื่มอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ในปีนี้ ได้เพิ่มอุปกรณ์พิเศษในกระบวนการผลิต    น้ำดื่มสะอาด นั่นคือ การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของอีซูซุในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งเป็นนโยบายหลักของอีซูซุ รวมทั้งการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการใช้พลังงานจากทรัพยากรทดแทน และยังช่วยลดค่าไฟฟ้าของโรงเรียนได้กว่า 3,000 บาทต่อเดือนอีกด้วย

     

    คุณณัฐ โก่งเกษร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวถึงโครงการว่า “โครงการ อีซูซุให้น้ำ..เพื่อชีวิต เป็นโครงการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลกับอีซูซุร่วมทำมาแล้วกว่า 44 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 45 สะท้อนให้เห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและมีความสำคัญ เราได้มอบโอกาสให้กับเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารที่ไม่มีน้ำสะอาดไว้เพื่อบริโภคซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต สำหรับโครงการอีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิตครั้งต่อไป เราก็จะร่วมมือกับอีซูซุเหมือนเดิม เพื่อหาว่าตรงไหนที่ยังมีถิ่นทุรกันดาร เราจะหาน้ำให้เด็ก ๆ จนกว่าจะครบ”

     

    คุณลิขิต โคกแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดินโส กล่าวถึงปัญหาน้ำที่โรงเรียนว่า ปัญหาน้ำของโรงเรียนที่เกิดขึ้นคือเราไม่มีน้ำจากแหล่งน้ำใต้ดิน น้ำที่ใช้ทุกวันนี้เป็นน้ำในสระที่มีอยู่แล้ว เมื่อถึงช่วงหน้าแล้ง น้ำในสระก็จะเหือดแห้งไป นอกจากนี้น้ำในสระไม่ได้ไว้ใช้แค่ในโรงเรียนเท่านั้นแต่ชุมชนเอง ก็ต้องใช้น้ำจากตรงนี้ด้วย โครงการ อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยมีการเจาะน้ำบาดาล และสร้างเครื่องกรองน้ำให้ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี และได้ช่วยให้คุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ และชุมชนดีขึ้นตามลำดับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณกลุ่มอีซูซุที่ได้มอบโอกาสดี ๆ ให้กับพวกเรา

     

    โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” เป็นโครงการระยะยาวที่กลุ่มอีซูซุมุ่งมั่นตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้ว่า จะดำเนินโครงการนี้จนกว่าจะไม่มีโรงเรียนในประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องน้ำดื่มสะอาดอีกต่อไป เพื่อตอบแทนสังคมโดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาความเดือดร้อนปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดให้หมดไป อีซูซุยังมุ่งเน้นแนวคิด Isuzu Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” ตอกย้ำคุณค่าแบรนด์อีซูซุที่อยู่เคียงข้างคนไทย และเติบโตคู่สังคมไทย ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการทำธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยต่อในอนาคตอย่างยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้าเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้บุคลากรระดับผู้นำองค์กร

    1 Min Read

    มาสด้าเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้บุคลากรระดับผู้นำองค์กร

    มาสด้าประกาศรวมพลคนแถวหน้าส่งมอบนโยบายการดำเนินธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน ด้วยการยกระดับประสบการณ์และถ่ายทอดคุณค่าแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์ไปสู่ลูกค้า เดินหน้าพัฒนาทีมเวิร์คให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จัดสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคลากรของผู้จำหน่ายมาสด้าในระดับผู้นำ ประจำปี 2568 หรือ Mazda National Dealer Leadership Seminar ภายใต้ธีม “Drive Customer Experience Forward” ผู้นำยุคใหม่พร้อมพลิกโฉมเพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า โดยถ่ายทอดวิสัยทัศน์และยกระดับคุณค่าแบรนด์มาสด้าอย่างต่อเนื่อง

    พร้อมขับเคลื่อนวิถีการทำงานตามแนวทางการปฏิรูปองค์กร (Business Transformation) ด้วยคุณค่าหลัก 3 ประการ คือ Brand & Culture, People และ Mazda Experience Touchpoint เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสแบบไร้รอยต่อ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างประสบการณ์ ณ จุดขาย พร้อมส่งมอบความสุขและยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้ามาสด้าทั่วประเทศ โดยมีบุคลากรระดับผู้นำทีมของผู้จำหน่ายมาสด้า ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายซ่อมตัวถังและสี และฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 350 คน โดยจัดขึ้น ณ โรงแรม Grand Richmond ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

    นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาและยกระดับศักยภาพบุคลากรให้มีความพร้อมอยู่เสมอ คือ หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและมีความหมายให้กับลูกค้า ตามที่มาสด้าได้ประกาศนโยบายใหม่ในการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ความยั่งยืน ทั้งนี้ มาสด้าได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างเต็มกำลัง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในทุกภาคส่วนของการทำงาน โดยผสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อนำนโยบายเหล่านี้ไปเป็นหลักปฏิบัติในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดของแบรนด์ นั่นคือ Top Customer Retention Brand อันส่งผลต่อการสร้างแบรนด์และธุรกิจที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

    งานสัมมนาจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของผู้จำหน่ายมาสด้าในระดับผู้นำ ประจำปี 2568 มีวัตถุประสงค์หลักคือการถ่ายทอดนโยบายการทำงานประจำปี และต่อยอดไปสู่การยกระดับคุณค่าแบรนด์ให้กับบุคลากรระดับผู้นำองค์กรของผู้จำหน่าย ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายซ่อมตัวถังและสี และฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งเป็นบุคลากรแถวหน้าที่ลูกค้าได้สัมผัสโดยตรงให้มีความพร้อมและเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการถ่ายทอดและผลักดันนโนบายต่าง ๆ สู่บุคลากรมาสด้าทั่วประเทศ ให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่มีความหมายให้กับลูกค้าด้วยคุณค่าแบรนด์มาสด้าที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการนำเครื่องมือใหม่ ๆ และข้อมูลต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าแบบไร้รอยต่อ พร้อมเชื่อมโยงทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ดังนี้

    • Brand & Culture: การถ่ายทอดคุณค่าและดีเอ็นเอของแบรนด์มาสด้า เพื่อยึดถือเป็นหลักเดียวกันในการปฏิบัติงานของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
    • People: การปรับกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพ ทักษะ และความรู้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างสร้างสรรค์ และมุ่งขับเคลื่อนการทำงานโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท
    • Mazda Experience Touchpoint: การส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านการรับฟังเสียงของลูกค้าและแฟนมาสด้า หรือ Voice of Fans เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อ ด้วยคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์มาสด้าผ่านเครื่องมือดิจิทัลและเทคโนโลยีต่างๆ

    ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าถึงประสบการณ์ลูกค้าได้ครบทุกมิติ มาสด้ายังได้รวบรวมทีมบุคลากรมาสด้าชั้นเลิศที่ใกล้ชิดกับลูกค้าและมีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มาร่วมออกแบบการทำงานและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทั่วประเทศให้ราบรื่นต่อเนื่อง

    งานสัมมนาครั้งนี้ บุคลากรมาสด้าทั่วประเทศยังได้แสดงพลังกันส่งมอบคำมั่นสัญญา เพื่อมุ่งมั่นและตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยร่วมกันเขียนข้อความที่เป็นคำมั่นสัญญาพร้อมเติมเต็มรอยยิ้มให้ลูกค้ามาสด้าของเรา นำโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ ด้วยการเขียนข้อความ คอมมิสเม้นต์ “Your Happiness is My Happiness – ความสุขของลูกค้า คือความสุขของเรา” ซึ่งไม่ได้เป็นแค่คำมั่นสัญญาส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนถึงความรู้สึกในใจของบุคลากรมาสด้าทั่วประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อมุ่งมั่นและทุ่มเทในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น   ซึ่งคำมั่นที่ร่วมกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าหลักและแก่นแท้ของแบรนด์มาสด้าที่ทุกคนยึดถือมาโดยตลอด และพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกคน

    บุคลากรระดับผู้นำของผู้จำหน่าย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการถ่ายทอดและส่งต่อคุณค่าหลักของแบรนด์ และนำนโยบายต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ปรับเปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้ารูปแบบใหม่ ๆ  และนำมาพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้า จะนำมาซึ่งคุณค่าและประสบการณ์ความสุขจากการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า เพื่อให้มาสด้ากลายเป็น Top Customer Retention Brand อันเป็นเป้าหมายสูงสุด มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและได้รับความสุขจากการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าตลอดไป ภายใต้ปรัชญา Joy Drives Lives ความสุขขับเคลื่อนชีวิต


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • MICHELIN PASSION EXPERIENCE 2025 นำเสนอประสบการณ์ขับรถมาราธอนประเภท Endurance เต็มรูปแบบ ณ ประเทศจีน

    1 Min Read

    MICHELIN PASSION EXPERIENCE 2025 นำเสนอประสบการณ์ขับรถมาราธอนประเภท Endurance เต็มรูปแบบ ณ ประเทศจีน

    ในปีนี้ มิชลิน แพสชั่น เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Michelin Passion Experience) งานสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้เลือกเมืองเส้าซิง ในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เป็นที่จัดงานและต้อนรับแขกคนสำคัญกว่า 200 คน จาก 8 ประเทศ เช่น ประเทศไทย, ออสเตรเลีย, เกาหลี, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, และเวียดนาม เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ณ สนามแข่งรถนานาชาติ เจ้อเจียง (Zhejiang International Circuit) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสากล FIA Grade 2 จากสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) โดยมีความยาว 3,200 กิโลเมตร และมีโค้งหลากรูปแบบเพื่อพิสูจน์ทักษะความแม่นยำในการขับขี่รวม 16 โค้ง

     

    งานในปีนี้เปลี่ยนรูปแบบโดยมุ่งนำเสนอประสบการณ์ขับรถมาราธอนประเภท Endurance แทนการ แข่งรถประลองความเร็วทั่วไป เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมต้องทำรอบให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด โดยแบ่งออกเป็นทีม แต่ละทีมใช้รถคันเดียวและผลัดกันขับ จึงเป็นประสบการณ์สุดท้าทายร่วมกันซึ่งความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานเป็นทีม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และสมรรถนะที่ดีเยี่ยมสม่ำเสมอของรถ…ไม่ใช่เรื่องความเร็วเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสพิเศษครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสประสบการณ์ตรงจากการขับรถมาราธอน ด้วย Hyundai Avante N1 Cup รถแข่งรุ่นล่าสุดที่ติดตั้งยาง ‘มิชลิน ไพลอต ซูเปอร์ สปอร์ต(MICHELIN Pilot Super Sport) ยางสปอร์ตสมรรถนะสูงพิเศษที่พัฒนาจากสนามแข่งรถมาราธอน เพื่อความเร้าใจในการขับขี่ ยางรุ่นนี้ไม่เพียงมอบสมรรถนะการควบคุมบนถนนแห้งและการยึดเกาะบนถนนเปียกที่เป็นเยี่ยม แต่ยังให้ความมั่นใจเหนือระดับในการเข้าโค้งและเร่งความเร็วบนทางตรง

     

    นอกจากลงสนามแข่งจริงแล้ว ผู้ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานยังจะได้ซึมซับจิตวิญญาณการขับรถมาราธอนประเภท Endurance ของมิชลินที่สืบทอดมายาวนาน ผ่านนิทรรศการที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจและกิจกรรมเชิงปฏิสัมพันธ์หลายรูปแบบเกี่ยวกับทักษะความรู้ด้านการขับรถมาราธอน โดยทุกกิจกรรมภายในงานล้วนตอกย้ำแนวคิด “มิชลิน…ยางที่ให้ความมั่นใจได้ยาวนานเหนือกว่า” (Trust Michelin Tire for Longer) ซึ่งชี้ให้เห็นจุดเด่นของยางมิชลินในเรื่องสมรรถนะที่ดีเยี่ยมยาวนานและความปลอดภัยที่เชื่อถือได้

     

    คลิกดาวน์โหลดภาพจากงานมิชลิน แพสชั่น เอ็กซ์พีเรียนซ์ประจำปี 2568 เพื่อชมสีสันและบรรยากาศของกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสะท้อนความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่างลึกซึ้ง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment