-
ปิดฉาก MOTOR EXPO 2025 ยอดจองรถยนต์กว่า 7 หมื่นคัน
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” งานใหญ่โค้งสุดท้ายปี 2568 ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงเกินครึ่ง ตามติดด้วย รถไฮบริด รถสันดาป รถพลัก-อิน ไฮบริด ส่วนจักรยานยนต์คึกคัก ผู้ชมรวมกว่า 1.5 ล้าน เงินสะพัด 7 หมื่นล้านบาท

_cuva ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เปิดเผยว่า “งาน MOTOR EXPO 2025 เป็นการจัดงานที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดแห่งปี ผนวกกับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 1 (EV 3.0) ที่จะสิ้นสุดปีนี้ รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มปี 2569 ส่งผลให้งานประสบความสำเร็จอย่างสูง และช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก พร้อมสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท”
สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 75,246 คัน จักรยานยนต์ 5,263 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนสูงถึง 50 % ส่วนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และพลัก-อิน ไฮบริด) 50 %
นอกจากนั้น ประเภทรถที่ได้รับความสนใจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 58.4 % รถเก๋ง 27.8 % รถอเนกประสงค์ (MPV) 7.6 % รถกระบะ 4.5 % และอื่นๆ 1.7 %
รถยนต์รุ่นที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” สูงสุด 6 อันดับแรก ได้แก่ MITSUBISHI XFORCE, HONDA HR-V, GEELY EX2, JAECOO 5 EV, BYD ATTO3 และ TOYOTA YARIS CROSS
รถจักรยานยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ LAMBRETTA, YAMAHA, DECO, EM และ ZONTES
ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,122,347 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 177,637 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 7 หมื่นล้านบาท
ปีนี้ ผู้ชมงานสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสถานีเมืองทองธานี และยังมีแพคเกจ MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR ที่อำนวยความสะดวกระดับ VIP ส่งผลให้มีผู้เข้าชมงาน 1,521,296 คน ยอดดาวน์โหลด MOTOR EXPO APPLICATION 45,298 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,028,044 วิว
พบกันใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 43” และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
_cuva -
เปิดโครงการประกวดวาดภาพระบายสี “โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2026” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เดินหน้าเปิดโครงการประกวดวาดภาพระบายสี ซึ่งดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เชิญชวนเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในโครงการ “โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2026” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมโอกาสในการเป็นตัวแทนประเทศไทย ชิงรางวัลระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น
โครงการ Toyota Dream Car Art Contest ดำเนินต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “รถยนต์ในฝัน” เป็นเวทีศิลปะสำหรับแสดงทักษะการวาดภาพ และเป็นกิจกรรมการประกวดระดับนานาชาติโดยผลงานชนะเลิศในระดับประเทศจะได้รับการคัดเลือกไปประกวดต่อในเวทีโลก ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 90 ประเทศทั่วโลก และนับเป็นโครงการสำคัญที่โตโยต้าดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปีทั่วประเทศได้แสดงศักยภาพ พัฒนาความรู้ และเสริมสร้างทักษะทางศิลปะ พร้อมทั้งส่งเสริมจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ อีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความสนใจต่อเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต
ในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อันหาที่สุดมิได้ที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในระดับประเทศ สำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 ของทั้ง 3 รุ่น และบริษัทฯ จะมอบทุนการศึกษา พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับเยาวชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม พร้อมกับการนำผลงานของผู้ชนะเลิศทั้ง 9 ผลงาน ส่งเข้าร่วมประกวด “TOYOTA Dream Car Art Contest” ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วกว่า 47 รางวัล
โดยโครงการนี้ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการ รวมถึงการประสานความร่วมมือในการส่งผลงานจากสถานศึกษาในสังกัดเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งจากโรงเรียนภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนกลุ่มเด็กด้อยโอกาส และเด็กกำพร้า เพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้ถ่ายทอดความฝัน และจินตนาการผ่านผลงานศิลปะ
ตลอดจนผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศที่ให้การสนับสนุนและร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปะแก่นักเรียนก่อนการประกวด ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อย่างเต็มที่
โครงการในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องภายใต้เเนวคิด “รถยนต์ในฝัน”
โดยมีรายละเอียดของโครงการ และการรับสมัครเข้าประกวด ดังนี้การประกวดแบ่งออกเป็น 3 รุ่นระดับอายุ
- ระดับอายุต่ำกว่า 8 ปี
- ระดับอายุ 8 – 11 ปี
- ระดับอายุ 12 – 15 ปี
รางวัลการประกวดระดับประเทศในแต่ละระดับอายุ
รางวัลที่ 1 ทุนการศึกษา 30,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร พร้อมถ้วยรางวัลพระราชทาน
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีรางวัลที่ 2 ทุนการศึกษา 20,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร
รางวัลที่ 3 ทุนการศึกษา 10,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร
รางวัลชมเชย 7 รางวัล ทุนการศึกษา 2,000 บาท และประกาศนียบัตร
สำหรับการประกวดระดับประเทศ คณะกรรมการจะทำการคัดเลือกผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์
จินตนาการที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในแต่ละรุ่นจำนวน 3 ผลงาน รวมทั้งสิ้น 9 ผลงาน และประกาศผลผู้ชนะ
การประกวดใน เดือนมิถุนายน 2569ผู้ชนะการประกวดระดับประเทศ รางวัลที่ 1-3 ของทุกรุ่นอายุ
รวม 9 ผลงาน จะได้รับสิทธิ์ส่งเข้าร่วมประกวดในเวทีระดับโลกรางวัลการประกวดระดับโลก
ทุนการศึกษาจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น
Grand Prize Winner ผู้ชนะเลิศได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 5,000 USD
โรงเรียนได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 10,000 USDBest Finalist ผู้ชนะเลิศได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 3,000 USD
Special Award ผู้ชนะเลิศได้รับทุนการศึกษามูลค่า 5,000 USD
โรงเรียนได้รับทุนการศึกษามูลค่า 10,000 USDเชิญสมัครร่วมกิจกรรม และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
ผ่านช่องทางออนไลน์ และที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศช่องทางการสมัคร ดาวน์โหลดเอกสาร เเละสมัครออนไลน์ได้ที่ www.toyota.co.th/toyotadreamcarthailand
วิธีการส่งผลงาน ส่งผลงานจริงทางไปรษณีย์ :
บริษัท ดีรติ จำกัด (ผู้ประสานงานโครงการ)
14 ซอยสุคนธสวัสดิ์ 19 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว
กรุงเทพมหานคร 10230
โทร 095 741 6959ระยะเวลารับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2569
จุดประกายความฝัน จุดประกายทุกจินตนาการ
ส่งเสริมเด็กไทย กับการประกวดวาดภาพระบายสี
“โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2026”ติดตามรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Toyota Dream Car Art Contest
Website : www.toyota.co.th/toyotadreamcarthailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
Amazing Thailand Souped Up Grand Prix ตอกย้ำตำนานงานแดร็กไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดปีที่ 18 ปิดฉากสุดเดือด 132 คันซัดเต็มพิกัด คนดูล้นสนามกว่า 1.6 หมื่นคน
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนิตยสารเอ็กซ์โอ ออโตสปอร์ต ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการจัดงาน “Amazing Thailand Souped Up Grand Prix 2025” ด้วยรูปแบบการแข่งขันมาตรฐานสากล บทมาตรการความปลอดภัยเข้มงวด และการบริหารจัดการระดับมืออาชีพ รองรับนักแข่งจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 7 ประเทศ ได้แก่ บรูไน นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย ไต้หวัน และคูเวต พร้อมผู้เข้าชมล้นสนามรวมกว่า 16,300 คน ตลอด 3 วัน ณ สนาม Bangkok Drag Avenue คลอง 5 ระหว่างวันที่ 5–7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
“Souped Up” มีจุดเริ่มต้นจากคอลัมน์รถโมดิฟายระดับสูงในนิตยสาร XO AUTOSPORT ก่อนยกระดับสู่เวทีบันทึกสถิติเวลาอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันควอเตอร์ไมล์ (402 เมตร) และพัฒนาเป็นงานระดับประเทศอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการยกระดับการแข่งขันเพื่อก้าวสู่ระดับสากล ที่มีนักแข่งจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมในรายการ ภายใต้ชื่อ “Souped Up Grand Prix” โดยในปีนี้ถือเป็น ปีที่ 18 ของการจัดงาน พร้อมยืนยันสถานะ “งานจัดอันดับรถที่เร็วที่สุด ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” และเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในทุกมิติ
งานในปีนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), Toyota, Osuka, เพ็ญภาค, Wise, สินธร สเต็กเฮาส์, Top Secret Thailand, Isuzu, Viu และ Leo รวมถึงทีมแข่ง อู่แต่งรถ นักโมดิฟาย และแฟนความเร็วทั่วประเทศ ส่งให้งานนี้ก้าวขึ้นเป็น งานประเพณีใหญ่ประจำปลายปีของวงการแดร็กไทย และยังเป็นปีที่มีการก้าวสู่มาตรฐานการบันทึกสถิติระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการอีกด้วย
ปีนี้มีรถเข้าร่วมจัดอันดับรวม 132 คัน แบ่งเป็นรถจากประเทศไทย 106 คัน และรถจากต่างประเทศ 26 คัน พร้อมความเร้าใจจาก Support Race “Toyota Racing Mania” อีก 31 คัน ทำให้การแข่งขันปีนี้สูสี เข้มข้น และเป็นหนึ่งปีที่ร้อนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา การันตีด้วยยอดผู้ชมรวมกว่า 16,300 คน และยอดรับชมออนไลน์ผ่าน Facebook และ YouTube มากกว่า 30,000,000 ครั้ง รวมถึงการถ่ายทอดสดตรงสู่ประเทศมาเลเซีย สร้างกระแสการรับชมระดับภูมิภาคแบบเต็มพิกัด
นอกจากความมันส์ในสนามแล้ว งานครั้งนี้ยังสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการท่องเที่ยว โรงแรม การเดินทาง ร้านอาหาร รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ตอกย้ำบทบาทของงานในฐานะ “มอเตอร์สปอร์ตอีเวนต์ระดับประเทศ” อย่างแท้จริง สำหรับกิจกรรมครั้งต่อไป สามารถติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ทาง
Facebook: XO Autosport และ Souped Up Grand Prix รวมถึงทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เยาวชนเที่ยวงาน MOTOR EXPO 2025
ชไมพร ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานการตลาดสัมพันธ์ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ต้อนรับครู และนักเรียนโรงเรียนเทศบาลเทพราชบุรีรมย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 60 คน เที่ยวชมงานโซนศิลปินน้อย MOTOR EXPO ร่วมกิจกรรม Skill Driving Experience Junior บูธลมหายใจไร้มลทิน และเข้าชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส คว้าตัว ‘ลูเชียน ลาวิสเคาท์’ นักแสดงหนุ่มผู้รับบท ‘อัลฟี่’ ในซีรีส์ Emily in Paris นั่งตำแหน่งโกลบอลแบรนด์แอมฯ คนใหม่
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศแต่งตั้ง ลูเชียน ลาวิสเคาท์ ‘Lucien Laviscount’ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักจากบทบาท ‘อัลฟี่’ ในละครชุดทางโทรทัศน์เรื่อง Emily in Paris ทางช่อง Netflix เป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์หลังจากสร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับในงานต่างๆ ของแบรนด์อย่าง Goodwood Festival of Speed และงานเปิดตัวความร่วมมือระหว่าง Bentley Motors และ Joe & the Juice โดยการปรากฏตัวของ ‘ลาวิสเคาท์’ ได้สร้างกระแสความคาดเดาในหมู่แฟนๆ ซึ่งภายหลัง ‘ลาวิสเคาท์’ ก็ได้เริ่มต้นบทบาทใหม่กับแบรนด์ในฐานะโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่
‘ลาวิสเคาท์’ เติบโตในเมืองเบิร์นลีย์ เขาเห็นรถยนต์เบนท์ลีย์ครั้งแรกระหว่างเล่นฟุตบอลกับเพื่อน และกว่า 25 ปีต่อมา ‘ลาวิสเคาท์’ ก็ได้ครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Continental GT Speed ที่ออกแบบเฉพาะบุคคลโดยเบนท์ลีย์ มูลิเนอร์ในเฉดสีดำ Onyx กับภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยเฉดสีดำ Beluga และเฉดสีเขียว Fern Green พร้อมด้วยวีเนียร์แบบ Galaxy Stone
ในระหว่างการเยี่ยมชมโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองครูว์ ‘ลาวิสเคาท์’ รู้สึกประทับใจทั้งฝีมือและบุคลากรที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งการได้พบกับทีมงานที่ทำงานอยู่เบื้องหลังมา 3-4 รุ่น ทำให้ ‘ลาวิสเคาท์’ ได้รับแรงบันดาลใจจากความทุ่มเทอันเป็นมรดกตกทอดของพวกเขา และจากแบรนด์ที่ยังคงรักษาคุณค่าอันแข็งแกร่งตลอดระยะเวลา 106 ปีที่งานฝีมืออันประณีตได้จุดประกายจินตนาการและความประทับใจไม่รู้ลืมอันจะนำไปสู่เรื่องราวที่ ‘ลาวิสเคาท์’ หวังที่จะแบ่งปันให้กับผู้คนทั่วโลก
‘ลาวิสเคาท์’ ได้รับโอกาสที่ดีในการร่วมพิชิตเส้นทาง Goodwood Hillclimb อันโด่งดังด้วยรถยนต์เบนท์ลีย์คลาสสิก รุ่น Bentley Speed 6 ในงาน Festival of Speed ประจำฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยเขาได้พบปะและสานสัมพันธ์กับลูกค้าและแฟนๆ ของเบนท์ลีย์ตลอดงาน นอกจากนี้ เขายังได้พบกับเหล่าคนรักรถยนต์เบนท์ลีย์ที่หลงใหลในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ และการพบปะสังสรรค์ในงานเปิดตัว Bentley x Joe & the Juice เมื่อเร็วๆ นี้ที่จัดขึ้น ณ Duke of London Car Hub
สำหรับการเป็นตัวแทนของแบรนด์ นอกจากรถยนต์แล้ว ผู้คนยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของแบรนด์ และ ‘ลาวิสเคาท์’ เองก็มีจิตวิญญาณเดียวกัน การแสดงของเขาอาจเป็นทักษะ แต่เสน่ห์และความสามารถในการถ่ายทอด ทำให้เขากลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่สมบูรณ์แบบ
บทบาทของ ‘ลาวิสเคาท์’ จะทำให้เขาได้พบปะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ในงานสำคัญต่างๆ ตลอดทั้งปี โดย ‘ลาวิสเคาท์’ ได้เตรียมร่วมงานกับ Mai Ikuzawa และ Greg Williams ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อกำกับผลงานการถ่ายทำและแคมเปญที่กำลังจะมาถึง นักแสดงชื่อดังผู้นี้มีบทบาทนำในซีรีส์ยอดฮิตเรื่อง Emily in Paris ทางช่อง Netflix นอกจากนี้ ‘ลาวิสเคาท์’ ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Dolce & Gabbana Men และเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Formula E อีกด้วย
เบน วอทแทม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “เบนท์ลีย์มีชื่อเสียงมาจากลูกค้าของแบรนด์ นับตั้งแต่เบนท์ลีย์ บอยส์ และ เบนท์ลีย์ เกิร์ลส์ ในช่วงทศวรรษ 1920 และปัจจุบัน ลูเชียนจะช่วยเราสื่อสารแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์นี้”
ลูเชียน ลาวิสเคาท์ กล่าวว่า “การเติบโตในเบิร์นลีย์สอนให้ผมรู้จักคุณค่าของการทำงานหนัก ความภาคภูมิใจในทุกสิ่งที่ทำ และการเป็นผู้นำด้วยความซื่อสัตย์ ช่วงปีแรกๆ สิ่งเหล่านั้นได้วางรากฐานให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้ การได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับเบนท์ลีย์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้ง มันเป็นช่วงเวลาที่สะท้อนถึงที่มาและทุกสิ่งที่ผมกำลังมุ่งหน้าไป มันคือช่วงเวลาที่เรื่องราวในอดีตมาบรรจบกับงานฝีมือและนวัตกรรมด้วยจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ พร้อมกับการเชิดชูมรดก และการพัฒนาต่อไปด้วยการสร้างแรงบันดาลใจที่ไม่หยุดยั้ง”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
อีซูซุขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งออกรถจากฐานการผลิตไทยไปตลาดโลกครบ 3 ล้านคัน
อีซูซุประกาศความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ส่งท้ายปีด้วยยอดการส่งออกรถอีซูซุทั้งรถปิกอัพ “อีซูซุ ดีแมคซ์” และ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ “มิว-เอ็กซ์” จากฐานการผลิตในประเทศไทยไปสู่ตลาดโลก ครบ 3,000,000 คัน อย่างเป็นทางการ นับเป็นการยืนยันถึงคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ตอกย้ำศักดิ์ศรี การเป็น “โปรดักแชมเปี้ยน” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งให้ประเทศไทย ในตลาดโลก สะท้อนความเชื่อมั่นที่ลูกค้าทั่วโลกมีต่อผลิตภัณฑ์อีซูซุที่ผลิตจากฐานการผลิตในไทย
มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ความสำเร็จในการส่งออกรถอีซูซุครบ 3 ล้านคันในครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงศักยภาพของอีซูซุและประเทศไทยในฐานะ “ฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก” อีซูซุได้ย้ายฐานการผลิตรถปิกอัพจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 เพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศ รวมทั้งส่งออกไปยัง กว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดยรถอีซูซุที่ผลิตในประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการเป็นสินค้าคุณภาพสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่น ความทนทาน ประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะที่เป็นเลิศ ความสำเร็จครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า รถยนต์อีซูซุที่ผลิตโดยคนไทย ถือเป็นรถที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นสูงสุด ได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก”
ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เริ่มผลิตและส่งออกรถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” เป็นแบรนด์แรกจากฐานการผลิตไทยไปยังยุโรปอีกด้วย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อีซูซุมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนโดยมุ่งมั่นที่จะเติบโตไปด้วยกันกับประเทศไทย สร้างห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่แข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการลงทุนมหาศาลด้านการผลิต การเลือกใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) ในสัดส่วนที่สูงกว่า 90% ในรถปิกอัพ และทำให้รถปิกอัพกลายเป็นโปรดักแชมเปี้ยน (Product Champion) ที่ส่งออกไปจำหน่ายกว่า 120 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยการย้ายศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ทั้งรถขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ก่อให้เกิด Supply Chain ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กว้าง ลึก และแข็งแกร่งในระดับโลก มีส่วนทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์กว่า 2,500 บริษัท และมีประชากรในนอุตสาหกรรมนี้กว่า 850,000 คน”
อีซูซุได้เริ่มธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เปิดสายการผลิตรถยนต์ครั้งแรกในปี พ.ศ.2506 และยืนหยัดใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่เผชิญวิกฤตการณ์ต่าง ๆ โดยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดผลิตรถอีซูซุในไทย รวมทั้งสิ้นกว่า 6 ล้านคัน โดยเป็นการส่งออกเกือบ 50% โดยมีรายละเอียดการส่งออก ดังนี้
- พ.ศ. 2557 ส่งออกครบ 1 ล้านคัน
- พ.ศ. 2562 ส่งออกครบ 2 ล้านคัน
- พ.ศ. 2568 ส่งออกครบ 3 ล้านคัน
อีซูซุยังคงมุ่งมั่นที่จะยึดประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์อนาคตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่รองรับความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย พร้อมทั้ง สร้างงาน สร้างความมั่งคั่ง ให้ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Isuzu Trusted Buddy… อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” เพื่อเคียงคู่และสร้างความสุขให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
วอลโว่ จัดทริป Volvo Family Day 2025 พาครอบครัววอลโว่ร่วมสนุกกับกิจกรรมสุดม่วนจอย พร้อมบรรยากาศม่วนใจตลอดทั้งทริป
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดกิจกรรม Volvo Family Day ม่วนจอยม่วนใจ พาครอบครัววอลโว่ร่วมทริปสุดม่วน บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา เมื่อวันที่ 1–2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในปีนี้ วอลโว่ได้จัดทริปภายใต้ธีม “ม่วนจอยม่วนใจ” ให้ลูกค้ากว่า 300 คนได้ร่วมปลดปล่อยความสนุกตลอดทั้งเส้นทาง ผ่านกิจกรรมเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ออกแบบให้เหมาะสมกับครอบครัวที่มีเด็ก ให้ได้สนุกและใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากครอบครัววอลโว่จากหลากหลายพื้นที่ ทำให้บรรยากาศภายในงานอบอุ่นเสมือนได้กลับมาเจอครอบครัววอลโว่อีกครั้งนึง
เริ่มต้นกิจกรรมช่วงเช้า ครอบครัววอลโว่ลงทะเบียน และรับประทานอาหารเช้าและรับฟังรายละเอียดเส้นทางและกิจกรรมตลอดทั้งวัน โดยมี คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและต้อนรับผู้ร่วมเดินทางทุกท่านอย่างเป็นกันเอง ก่อนโบกธงปล่อยตัวคาราวานรถวอลโว่กว่าร้อยคัน มุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ สู่พัทยา
เริ่มต้นกิจกรรมสุดม่วนที่ Thaithani Cultural Village & Elephant Pattaya ทุกครอบครัวได้ร่วมพิชิตภารกิจย้อนวันวานสุดม่วนจอยถึง 4 ฐาน ได้แก่ ม่วนดนตรีเพลง, ม่วนสเต็ป, ม่วนวิ่ง ม่วนเดิน, ม่วนต่อยม่วนตี โดยเล่นเป็นทีม ให้ทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ได้ร่วมม่วนไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน แต่ละฐานเรียกทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นสนุกสนานตลอดทั้งบ่าย
ในช่วงค่ำคืน วอลโว่พาลูกค้าเข้าสู่กิจกรรมสุดท้ายของวัน ณ Grande Centre Point SPACE Pattaya กับปาร์ตี้ม่วนจอยม่วนใจยามค่ำคืนให้ทุกท่านได้เต็มอิ่มไปกับอาหาร และร่วมสนุกกับการประกวดแต่งกายในธีม Thai iconic พร้อมลุ้นของรางวัลมากมาย ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินลูกทุ่งตัวแม่ “สามตัวบน” ได้แก่ ตั๊ก ลีลา, สุนารี ราชสีมา และ ฮาย อาภาพร ให้ครอบครัววอลโว่ทุกท่านได้ร่วมสนุก ได้รับพลังความม่วน ความฮากันแบบจัดเต็ม กลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม ตอบแทนที่ทุกท่านที่มาเข้าร่วมและสร้างประสบการณ์ สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน
กิจกรรม Volvo Family Day ม่วนจอย ม่วนใจ ในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), บริษัท อีแซดเอสวีเอส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ธนชาตประกันภัย, บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามมิชลิน จำกัด (Tyreplus), Hand & Co และ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด
-
News Car1 Min Read
โตโยต้า จัดกิจกรรม GR DAY COFFEE & CONNECT มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับการจัด GR Car Meet ครั้งแรก
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย เจ้าของ GR Garage และ GR Expertise จาก GR Garage ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance อย่างเป็นทางการ ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ ร่วมมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับการจัด GR Car Meet ครั้งแรก ในกิจกรรม GR Day : Coffee & Connect พร้อมกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย ได้แก่ GR 86 Mini Press Talk และการร่วมแบ่งปันประสบการณ์การแข่งขันทางเรียบของ GR86 กับนักแข่งทีมโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นำโดย นายสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ณ Silooet House บางใหญ่
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีเจ้าของรถ GR หลากหลายรุ่น เข้าร่วมกิจกรรมนี้ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 คัน ทั้ง GR Supra, GR Corolla, GR Yaris และ GR 86 เพื่อร่วมพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ และสนุกไปกับไลฟ์สไตล์ GR ร่วมกัน โดยภายในงานผู้ร่วมงานยังได้เพลิดเพลินไปกับอาหาร และเครื่องดื่ม Latte Art Coffee รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าจาก GR Collection และร้านพันธมิตรอีกด้วย
กิจกรรมภายในงาน เริ่มจาก GR 86 Mini Press Talk โดยนายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความน่าสนใจของ GR 86 ว่า เป็นรถสปอร์ตขับหลังรุ่นล่าสุดที่มอบความสนุกในการขับขี่อย่างแท้จริง ให้ผู้ขับสัมผัสจังหวะของรถได้ชัดเจน มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแนวนอน ขุมกำลังสูงสุด 237 แรงม้า เร้าใจทุกวินาที เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัดทั้งในสนามแข่งและถนนจริง พร้อมดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวกับรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้น ซึ่งลูกค้าที่ซื้อ GR 86 ผ่าน GR Garage จะได้รับสิทธิ์และประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ตลอดจนสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษต่างๆ ต่อเนื่องในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังสามารถเลือกเป็นเจ้าของ GR Corolla และ GR Yaris เกียร์อัตโนมัติ DAT ล๊อตสุดท้าย โดยติดต่อได้ที่ GR Garage ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ
กิจกรรมไฮไลท์ภายในงาน ยังมีการร่วมแบ่งปันประสบการณ์การแข่งขันทางเรียบของ GR 86 และสมรรถนะของรถแข่ง GR 86 ในปี 2024 โดย นายสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่ง ทีมโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ รวมทั้ง การเล่าถึงความสุดยอดของ GR 86 กับสมรรถนะสุดขีดในฐานะรถขับเคลื่อนล้อหลัง และทักษะการดริฟท์ โดยสองนักดริฟท์ระดับประเทศ ที่คว้าชัยระดับโลกในการแข่ง D1 ที่ประเทศญี่ปุ่น กับ คุณเดชะพล โตยิ่งเจริญ และคุณกนพิชิต โตยิ่งเจริญ พร้อมทั้งเสียงจากผู้ใช้จริง โดย คุณกล้า กฤษฎิ์ วสุรัตน์ นักแข่งสังกัดทีมโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์
ปิดท้ายด้วยการพูดคุยกับผู้แทนจำหน่าย GR Garage ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก เจ้าของ GR Garage ประกอบด้วย คุณพิเทพ จันทรเสรีกุล บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด คุณจิรเดช สมภพรุ่งโรจน์ บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด คุณคาร์ล ออพเพนบอร์น บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด คุณกมลพงศ์ สงวนตระกูล บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด รวมทั้ง คุณสุภาพร สิทธิยะ GR Expertise บริษัท โตโยต้าริช จำกัด และ คุณทศพร เปราะทองคำ GR Expertise บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด มาร่วมพูดถึงความพิเศษของ GR Garage ทั้งในด้านการให้บริการและการสร้างประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าทุกท่าน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
สรยท. จัดเสวนา “อนาคตอุตสาหกรรรมยานยนต์ไทย ปี พ.ศ. 2569 : นโยบาย ทิศทางและการแข่งขัน” ปี 2569 ถึงจุดเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ โครงสร้างภาษี, ยานยนต์ไฟฟ้า, ตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก ปัจจัยสำคัญหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) จัดเสวนาในหัวข้อ “อนาคตอุตสาหกรรรมยานยนต์ไทยปี พ.ศ. 2569 : นโยบาย ทิศทางและการแข่งขัน” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย นางสาวพธู ทองจุล ผู้อำนวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม, นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (TAIA) และรศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษา สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกันฉายภาพให้เห็นการแข่งแข่งของตลาดยานยนต์ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 ภายใต้เงื่อนไขทางภาษีต่างๆ จากภาครัฐที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงและมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2569 โดยมีนายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเสวนาในครั้งนี้ต่อ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ประธานในพิธี, วิทยากร และสื่อมวลชน ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-5 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” กล่าวเปิดการสัมมนาว่า การเสวนา “อนาคตอุตสาหกรรรมยานยนต์ไทยปี พ.ศ. 2569 : นโยบาย ทิศทางและการแข่งขัน” เป็นประเด็นสำคัญของผู้ที่อยู่ในแวงวงยานยนต์ทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ตั้งแต่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การปรับภาษี การเข้ามาของผู้ผลิตรายใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ผันแปรไปตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“หากมองถึงยอดขายรถยนต์ 9 เดือน ปี 2568 ชี้ให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้า โดยมียอดขาย 478,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ส่วนเดือนกันยายน 2568 มียอดขายเพิ่มขึ้น 48,350 คัน เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายรวมเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาพอสมควร การเสวนาครั้งนี้จะเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนข้อมูลนำไปสู่การกำหนดนโยบายและแนวทางการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระดับภูมิภาค ระดับโลกได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนอีกด้วย”
นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) กล่าวว่า “ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์มีความเปลี่ยนแปลงทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งการปรับเปลี่ยนกฎข้อบังคับระเบียบกติกา มาตรการด้านภาษี ดังนั้นเพื่อให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป สมาคมฯ
จึงจัดเสวนาในหัวข้อ “อนาคตอุตสาหกรรรมยานยนต์ไทยปี พ.ศ. 2569 : นโยบาย ทิศทางและ
การแข่งขัน” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมอง ภาพรวม และชี้ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งนโยบายภาครัฐ เทคโนโลยี และการแข่งขันที่รุนแรง“การเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม, สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (TAIA) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ไทย (EVAT) มาเป็นวิทยากรให้ข้อมูลเชิงลึก ร่วมมองไปข้างหน้าถึงโอกาส และความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2569 และในปีต่อไป คิดว่าเวทีการเสวนาวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย อีกทั้งสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมเสวนาครั้งนี้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องสู่สาธารณะในวงกว้างต่อไป”
นางสาวพธู ทองจุล ผู้อำนวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า ในปี 2569 อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีผลกรทบทั้งทางบวกและทางลบอันเนื่องมาจากต้องการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ซึ่งแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ จะมีกรอบครอบคลุมตั้งแต่ ขนาดของเครื่องยนต์และประเภทของยานยนต์ไฟฟ้า (xEV), อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2), การใช้ชิ้นส่วนภายใสประเทศ, มาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ และการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งจะมีข้อกำหนดในการติดตั้ง ADAS แตกต่างกันไปตามประเภทรถยนต์และได้รับอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปด้วย ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า ตามโครงการ EV 3.5 และ 3.5 ก็ให้อยู่ในข้อกำหนดตามมาตรการนั้นๆ
“ถ้ารถยนต์รุ่นใดไม่ร่วมโครงการ อาทิ รถยนต์ไฮบริด (HEV) เครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (MHEV) จะต้องได้รับผลกระทบทางภาษีปรับขึ้นเป็นขั้นบันได หรือถ้าเข้าร่วมโครงการจะได้รับการลดหย่อนภาษีตามเงินลุงทุน, การใช้แบตเตอรี่ และการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเข้ามาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาภาษี และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งในปี 2569 จะมีรถยนต์กลุ่มปิกอัพบางยี่ห้อเข้าเกณฑ์ได้รับอัตราภาษีใหม่ 2-3% เท่านั้น ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ก็มีบางรุ่นได้รับการปรับฐานภาษีใหม่ด้วย แม้สัดส่วนการลดหย่อนภาษีจะน้อยกว่ารถยนต์กลุ่มปิกอัพก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ในปี 2569 จะส่งผลดีกับการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอีกด้วย ส่วนมาตรการกำจัดซากรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการออกมาตรการมารองรับปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
ทางด้านนายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (TAIA) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 10 ของโลก ในปี 2567 ผลิตรถยนต์ลดลง 19.9% ซึ่งผลิตได้เพียง 1.47 ล้านคัน ลดลงจากปี 2566 ประมาณ 23% ขณะที่ประเทศจีนผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 27% โดยไทยได้เปลี่ยนนโยบายไปผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกแทนยอดขายภายในประเทศที่ลดลงในช่วงที่ทผ่านมา อันเนื่องประเทศจีนได้ก้าวเข้าสู่การผลิตรถยนต์สมัยใหม่ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ตลาดส่งออกของรถยนต์ 80% ที่ผลิตจากประเทศไทยประกอบด้วย เอเชีย, ออสเตรเลีย/โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง มีออสเตรเลียเป็นตลาดใหญ่ของปิกอัพที่ผลิตจากไทย ปัจจุบันเริ่มได้รับผลกระทบจากรถไฟฟ้าจีนบ้างแล้วจากการกำจัดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพราะปิกอัพ 99.5% เป็นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ขณะที่รถยนต์นั่งอีก 33% ก็ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ประเทศไยต้องปรับกลยุทธ์ให้ส่งออกรถยนต์ให้มาขึ้นทดแทนตลาดในปะเทศ ทั้งนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป เนื่องจากมีรถยนต์ทางเลือกมากขึ้น โดยพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสำคัญไปที่ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง, สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนข้อกังวลก็ยังมีเรื่องสถานีชาร์จแบตเตอรี่ เวลาที่ใช้ในการชาร์จ และราคาแบตเตอรี่”
ทางด้านโครงการส่งเสริมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ในสองปีแรกรัฐบาลส่งเสริมให้นำรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) เข้ามาจำหน่าย โดยสนับสนุน 150,000 บาท/คัน แต่ในสองปีหลังให้ผู้นำเข้าผลิตรถยนต์ชดเชย 1:1 ซึ่งโครงการ EV 3.0 จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ แต่รัฐบาลอนุโลมให้จดทะเบียนได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 หลังจากนี้จะยังเหลือเพียงโครงการ EV 3.5 ที่จะต้องเดินหน้าต่อไป
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในปี 2569 ตลาดยังมีดความเชื่อมโยงกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในประเทศไทยปี 2568 จะอยู่ประมาณ 2.8% หากมองไปถึงปี 2569 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในประเทศไทยจะอยู่ประมาณ 2.4% ขณะที่นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัฐบาลส่งผลให้ราคารถยนต์นั่งปรับราคาขึ้นเล็กน้อย ส่วนรถยนต์ปิกอัพราคาลดลงเล็กน้อย ภารกิจของรัฐบาลต้องเร่งเจรจาภาษีกับคู่ค้าให้ได้ภาษีรถยนต์ที่จะส่งออกที่เหมาะเพื่อให้รถยนต์จากไทยแข่งขันในตลาดโลกได้
“ตลาดรถยนต์ของไทยผูกกับการส่งออก เมื่อใดที่ไทยได้รับผลกระกับการส่งออกตลาดรถยนต์ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ถึงอย่างไรก็ยังคาดว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2569 จะเป็นบวกเล็กน้อย โดยเศรษฐกิจการเมืองมีผลกระทบกับตลาดรถยนต์โดยตรง อยู่ทีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเมืองของรัฐบาล”
รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคม สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวถึงสถาการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มองเห็นความก้าวหน้าของ
ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ยานยนต์ไฟฟ้ามีข้อดีในเรื่องของการลดการใช้พลังงานจากน้ำมัน และยังใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดมลพิษ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น ตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนคิดเป็นสัดส่วน 15.6% ของตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่มีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบันมียอดจะทะเบียน 229,562 คัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการ EV 3.0 ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจำนวนมาก
“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบ้านเรายังมีแนวโน้มการเติบโต แม้ที่ผ่านผู้บริโภคจะตอบรับจำนวนมาก สิ่งที่กังวลยังเป็นเรื่องสถานีชาร์จที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งรัฐบาลจะต้องส่งเสริมการลงทุน ปัจจุบันสถานีชาร์จในบ้านเรามี 3,800 แห่ง หรือประมาณ 10,000 ชาร์จ มีสัดส่วน 30 คัน/หัวชาร์จ แต่เป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์การเดินทางผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า”
สำหรับในปี 2568 มีทางรถยานยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ต่างเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยประมาณ 100 รุ่น ทำให้ตลาดมีการแข่งขันราคากันอย่างรุนแรง แต่มาตรฐานการพัฒนาแบตเตอรี่ระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จแบตเตอรี่ของแต่ละเซกเม้นต์เริ่มนิ่ง ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการตัดสินใจ หลังจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าจะก้าวเข้าสู่การแข่งขันสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ โดยตลาดรถยนต์ไฟฟ้านับจากนี้ไปจะอยู่ที่นโยบายด้านสรรพสามิตที่จะส่งผลให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และมีกาถ่ายทอดเทคโนโลยีและใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
MOTOR EXPO 2025 ส่งต่อน้ำใจคนไทยช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
“IMC สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ Motor Expo 2025 เปิดให้ผู้ชมงาน และประชาชนทั่วไปนำอาหารแห้ง สิ่งของเครื่องใช้มาบริจาค ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เพื่อรวบรวมส่งผ่าน Thai PBS ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine





























































































































































































