• อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    2 Min Read

    อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    อีซูซุเดินหน้าเปิดตัวรถปิกอัพแห่งอนาคต ครบทุกไลน์อัพ ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! รถปิกอัพที่สืบทอด DNA แห่งความเชื่อมั่นมากว่าครึ่งศตวรรษ นำทีมโดย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” รถปิกอัพสปอร์ตออฟโรด ดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน กับสีใหม่! อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค (Inishmore Gray Opaque) พร้อมฟังก์ชัน ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด!

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาพร้อม ชุดแต่งใหม่! The X Package และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX

    นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อีซูซุภูมิใจนำเสนอ คือ การพลิกโฉมสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่สนาม “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น

    มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด  เผยว่า “หลังจากที่เราเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคตไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยอย่างดีเยี่ยม ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ ในวันนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้รถชาวไทย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! ด้วย DNA หนึ่งเดียวที่สืบทอดความเชื่อมั่นของอีซูซุมากว่าครึ่งศตวรรษ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

    นำโดย “ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4” “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด รุ่นใหม่ล่าสุด! กับสีใหม่! “อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค” (Inishmore Gray Opaque) ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับการขับขี่ให้สะดวกสบายขึ้นด้วย ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ขับง่ายสบายทุกสภาพถนน และเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยด้วย ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่! แบบสปอร์ต REV TRONIC และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ออกแบบเพื่อเครื่องยนต์ 2.2 โดยเฉพาะ แรงจัดจ้าน เต็มสไตล์สปอร์ต มาพร้อมชุดแต่งใหม่! The X Package ทั้งภายนอกและภายใน

    และยังส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต เพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX ลดการสั่นสะเทือน และการโคลงของรถขณะขับขี่ นุ่มนวล มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง นอกจากรถรุ่นใหม่แล้ว อีซุซุจัดงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่ “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” สนามทดสอบที่จะสร้างประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้ โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ออกแบบ Japan Pavilion อันเลื่องชื่อในงาน Osaka World Expo 2025 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มากกว่าการ “ทดลองขับ” แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ให้ได้เข้ามาสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของรถ ISUZU 4×4 อย่างเต็มที่และน่าตื่นเต้น เราใช้เทคนิคการสร้างประสบการณ์ให้เป็นภาษาภาพ โดยการใช้เสา และโทนสีแบบ Full Spectrum ภายใต้องค์ประกอบ 3 ประการ คือ เอียง (TILT) สูงชัน (HIGH) และพลัง (POWER) และ 2 สถานีใหม่! “Haunted Tunnel” (ลุยฝ่า อุโมงค์หลอน) และ “MYSTERY ROAD” (พิลึก ทางพิศวง) ให้คุณท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง สถานีทดสอบสุดเร้าใจที่ได้จำลองสภาพแวดล้อมและอุปสรรคตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์รวม 9 สถานี จะเปลี่ยนอุปสรรคสุดท้าทาย ให้กลายเป็นความสนุกที่ควบคุมได้ ด้วย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ยนตรกรรมปิกอัพ สปอร์ตออฟโรด และ MU-X “THE NEXT PEAK” 4WD ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี”

    ร่วมสัมผัสรถปิกอัพรุ่นใหม่! “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!  ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE!” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! รวมถึง MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมสิทธิพิเศษแห่งปี “MAXFORCE BIG THANKS ขอบคุณจากใจให้ร้อยล้าน” ฉลองความสำเร็จของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ลุ้นขับฟรีสูงสุด 100,000 กิโลเมตร และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าอีซูซุ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ “สัปดาห์พิเศษแนะนำรถรุ่นใหม่” ด้วย สามารถติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    Hi-Lander

    MU-X

    VCROSS

    X-Series Speed

    No Comment
  • สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    1 Min Read

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ นำสื่อมวลชนสมาชิกสมาคมฯ เยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ภายใต้กิจกรรม “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์และสายพานการผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิดเป็นกลุ่มแรก

    นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) เปิดเผยว่า สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (Nex Point) จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” นำสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนสายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้าเยี่ยมชมโรงงานสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกได้รับความรู้และมีประสบการณ์ตรงกับกระบวนการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังไฟฟ้าและกระบวนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปเผยแพร่สู่สาธารณะได้อย่างถูกต้องทั้งด้านสมรรถนะ คุณภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน

    “สำหรับการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง เน็กซ์ พอยท์ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เดินทางมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโรงงานทั้ง 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และบริษัท เน็กซ์ พอยต์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรแห่งแรกของคนไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอมิตา (Amita) ดำเนินการโดยบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)” นายสุรศักดิ์ กล่าว

    ด้านนายวีรพัฒน์ พิณพาทย์ รักษาการ ผู้จัดการแผนกบริหารจัดการเครื่องจักร อาคารและสถานที่ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่
    1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ในเขตการค้าเสรีที่อำเภอบ้านโพธิ์ ภายใต้
    การสนับสนุนด้านการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์

     

     

    ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โดยมีกําลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยกระบวนการผลิตบนพื้นที่ภายในโรงงานจะประกอบไปด้วย ส่วนของโรงงานประกอบ, โรงงานเชื่อมตัวถัง, โรงงานพ่นสี และสนามทดสอบ

     

    “โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถยนต์โดยสารไฟฟ้า เช่น รถโดยสารประจำทาง (City Bus) รถตู้โดยสาร, รถมินิบัส, รถหัวลาก และรถบรรทุกต่างๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV หรือ ไฟฟ้า 100% ทั้งหมด รวมไปถึงเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้อีกด้วย”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    2 Min Read

    GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ  เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) สร้างกระแสในวงการยานยนต์ด้วยงาน TANK FEST 2025” และการแข่งขัน TOP RANK TANK MOD” มหกรรมรวมพลคนรักสายลุยและแฟนพันธุ์แท้ GWM TANK จากทั่วประเทศ งานครั้งนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมทั้งชาว TANKER, สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป กว่า 1,000 คน ที่มาร่วมเฉลิมฉลอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และโชว์ความหลงใหลในการขับขี่ออฟโรดสุดเร้าใจ พร้อมกิจกรรมไฮไลต์อย่าง TOP RANK TANK MOD CONTEST การแข่งขันแต่งรถ GWM TANK ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย โดยมี GWM TANK 300 เข้าร่วมประชันทั้งรูปแบบ Appearance และ Performance รวม 108 คัน สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้และศักยภาพวิศวกรรมออฟโรดของตัวรถได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ GWM ยังถ่ายทอดสดบรรยากาศความตื่นเต้นของงานผ่านช่องทางหลักของแบรนด์ พร้อมกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ทั่วประเทศ มียอดรับชมรวมเกือบ 4 ล้านวิว เสริมความคึกคักให้มหกรรมยิ่งใหญ่ GWM ประกาศหมุดหมายสำคัญด้วยการส่งมอบ GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งานในประเทศไทยจนกลายเป็นเทรนด์แห่งปี ขณะที่ไฮไลต์ปลายงานคือการเปิดตัวครั้งแรกของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL ที่มาพร้อมขุมพลังดีเซลใหม่ล่าสุดจาก GWM งานนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความนิยมในรถยนต์ทรง Boxy และไลฟ์สไตล์การขับขี่แบบผจญภัยของคนไทยที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังตอกย้ำถึงวัฒนธรรมอันโดดเด่นของผู้ใช้ GWM TANK (TANKER) และความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น พร้อมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับวงการยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือพิธีเฉลิมฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน ทั่วประเทศไทย ตอกย้ำถึงความนิยมและความไว้วางใจจากคนไทยในรถยนต์คุณภาพที่มอบทั้งสไตล์และสมรรถนะการขับขี่ที่แตกต่างและเหนือกว่า โดยมีทีมผู้บริหาร นำโดย เจมส์ หยาง รองประธาน ตลาดต่างประเทศ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด และ เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ร่วมส่งมอบรถคันที่ 5,000 ในไทยให้กับลูกค้า และอีกไฮไลต์สำคัญคือการแข่งขันการแต่งรถสุดยิ่งใหญ่ ที่ถือเป็นครั้งแรกในไทยที่เปิดให้ TANKER ทั่วประเทศร่วมแข่งขันทั้งจากช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยการแข่งขัน 2 ด้าน ได้แก่ ด้าน Performance เพื่อเฟ้นหา The Off-Road King ผู้ที่ขับขี่ออฟโรดบนสนามแข่งขันสุดครีเอทีฟ และการแข่งขัน The Custom King ทั้งประเภท THE BEST STYLISH และ THE BEST ADVENTURE ถือเป็นการสะท้อนตัวตน จินตนาการ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของ TANKER ได้อย่างชัดเจน

    อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สร้างกระแสฮือฮาในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD คือการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ที่พร้อมยกระดับสู่ Next Level of Lifestyle Partner” สำหรับผู้ใช้ชาวไทย เป็นรถยนต์รุ่นที่ 3 ใน GWM Diesel Family ต่อจาก NEW GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ multi-powertrain ของ GWM  มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดดเด่นด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ การขับขี่ นิ่ง เงียบ นุ่มนวล พิเศษยิ่งกว่า ด้วยความสามารถในการปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สายแคมป์ปิ้งที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทางและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ, สายกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการสมรรถนะในการบรรทุกและลากจูง และสายขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มรูปแบบ ด้านความสำเร็จของ GWM ในประเทศจีน ในตลาดรถกระบะ GWM ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 มาเป็นระยะเวลา 27 ปีต่อเนื่องกัน ด้วยสัดส่วนตลาดประมาณ 50% นอกจากประเทศจีน รถกระบะของ GWM ยังมีขายใน 60 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมรวมถึง 2.78 ล้านคัน นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัล “Pickup of the Year” จากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อเมริกาใต้ หรือแอฟริกาใต้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณภาพ ความทนทาน และการตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์

    บรรยากาศของงานเฟสติวัลครั้งนี้คับคั่งไปด้วยพลังของ TANKER อย่างชัดเจน พลังของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่ขับเคลื่อนกันเองและยืนอยู่เคียงข้างกันทั้งบนถนนและในชีวิตจริง พร้อมกันนั้นยังพิสูจน์ถึงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณอันโดดเด่นของชาว TANKER หรือ TANK Spirit ทั้ง 6 ข้อ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร (Independent) เปี่ยมไปด้วยความรัก (Love) มีอิสระในความคิดและการกระทำ (Freedom) มีจิตวิญญาณในการผจญภัย (Adventurous) เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและความชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน (Active & Passionate) และมีหัวใจที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ (Good at Heart) ทั้งนี้ในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การแต่งรถ การขับขี่ออฟโรด การทดลองขับ ไปจนถึงการพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ล้วนสะท้อนพลังและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และเติบโตอย่างมั่นคงของชาว TANKER ทั่วประเทศได้อย่างชัดเจน

    นอกจากนี้ ภายในงานยังมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์มากมาย ตั้งแต่ KIDS Workshop ให้ TANKER ตัวน้อยได้ร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรม DIY โซนเกมให้ร่วมสนุก และขบวน Food Truck เมนูหลากหลายหมุนเวียนตลอดวัน พร้อมโซนทดลองขับให้พิสูจน์สมรรถนะจริงของ GWM Diesel Family ทั้ง GWM TANK 300 DIESEL, GWM TANK 500 DIESEL และ NEW GWM POER SAHAR DIESEL แบบใกล้ชิด ในพื้นที่เดียวกันยังมีบูธอุปกรณ์แต่งรถแบรนด์ดังเข้าร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมคัดสรรไอเทมยอดฮิตและโปรโมชันเฉพาะงาน เพื่อสายแต่งได้อัปเกรดคันโปรด เสริมบรรยากาศความคึกคักด้วย MC และ DJ ที่สลับกันสร้างสีสัน ก่อนจะพีคสุดด้วยมินิคอนเสิร์ต URBOY TJ ที่ขนเพลงฮิตมาเต็มปลุกพลังให้ทั้งงานร้องและเต้นไปพร้อมกัน ส่งท้ายวันอย่างประทับใจและครบทุกอารมณ์ของคนรัก GWM TANK และคาร์คัลเจอร์ตัวจริง

    เวยน์ โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวไทยในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD ครั้งนี้ เราขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน หรือการเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 35 ปี ของ GWM ซึ่งเติบโตจากแบรนด์เอสยูวีในจีนสู่บริษัทเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะระดับโลกด้วย สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงสนับสนุนจากลูกค้าของเราทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยพลังที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้ GWM ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราขอขอบคุณจากใจ และขอให้ทุกท่านร่วมเดินทางไปกับเราในทุกเส้นทางของการผจญภัย โดยงานนี้ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ GWM ในการส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้ใช้ของเราอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการเป็นมากกว่าผู้ผลิตยานยนต์ แต่คือผู้ส่งมอบแรงบันดาลใจและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง”


    #GWM #GWMThailand #TANKFEST2025 #TOPRANKTANKMODCONTEST

    #POERSAHARDIESEL #GWMTANK #TANK300 #TANK500


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    1 Min Read

    CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    CHANGAN Automobile หรือ ฉางอาน ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมรอบด้าน ชูความสำเร็จในตลาดควบคู่กับความมุ่งมั่นระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด DEEPAL NEW S07 และ DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พร้อมส่งมอบทั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ดีไซน์อัจฉริยะ และประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้ใช้รถ

    นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเชีย จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท
    ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
    กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับ CHANGAN ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการดำเนินกิจการในประเทศที่เรารัก ก้าวที่มากไปกว่าความสำเร็จทางธุรกิจ นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเต็มยานยนต์ไทยผ่านการสร้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยตลอดระยะเวลาสองปีที่ CHANGAN ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ช่วยให้เกิดการจ้างงานรวมตลอดห่วงโซ่อุปทาน กว่า 20,000 ตำแหน่ง โดยพนักงานของ CHANGAN กว่า 90% เป็นคนไทย อีกทั้งยังใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ผลิตภายในประเทศมากกว่า 60% และเพิ่มเป็น 80% ภายในปี 2573 และที่สำคัญเรายังเตรียมส่งออกรถ DEEPAL S05 จำนวนกว่า 1,000 คัน ที่ผลิตในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในยุโรปภายในสิ้นปีนี้ สนับสนุนการสร้างรายได้ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยอีกด้วย สะท้อนพันธกิจของ CHANGAN ในการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตเคียงคู่กันอย่างยั่งยืน”

     

    CHANGAN ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (2573) เดินหน้ากลยุทธ์อย่างรอบด้าน ประกอบด้วย

    • นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ : วางแผนที่จะสนับสนุนการ Transform ประเทศไทยจากสังคมที่ใช้รถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) สู่ไลฟ์สไตล์การใช้รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และพร้อมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศที่ครอบคลุมด้าน
      การวิจัยและพัฒนา การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน และการตลาด โดยตั้งเป้าสู่การเป็น Top 3 บริษัทรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย ภายในปี 2573
    • การพัฒนาผีมือแรงงานไทย : ต่อยอดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์: AHRDA) ในการฝึกอบรมทักษะด้านงานซ่อมบำรุงและบริการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ช่างไทยมีความรู้ความเชี่ยวชาญ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
    • การขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง : ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเป็น 200 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดและ
      หัวเมืองสำคัญทั่วประเทศไทย
    • บริการหลังการขายที่เป็นเลิศ : สร้างเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจรทั่วประเทศและพัฒนาระบบจัดหาชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วตั้งเป้าให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

     

    ที่ผ่านมา CHANGAN มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นตลาดสำคัญ สะท้อนผ่านการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
    ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ามาทำตลาด โดยได้ทยอยเปิดตัวและขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุก
    เซ็กเมนต์หลัก ได้แก่ DEEPAL S07, DEEPAL L07, DEEPAL E07, DEEPAL S05, DEEPAL HUNTER K50, LUMIN และ AVATR 11 โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า CHANGAN มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อีกมากกว่า 7 โมเดลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครั้งนี้ได้นำร่องเปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอิดิชันรวม 3 รุ่น ประกอบด้วย

    • DEEPAL NEW S07 – ยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ

    ยนตรกรรมที่มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขั้นสูง รองรับการชาร์จเร็วจาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 15 นาที มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและความทนทานในระยะยาว มีระบบกันสะเทือนสไตล์ยุโรปช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความแม่นยำในการควบคุมรถ เสริมด้วยดีไซน์ล้อใหม่และความละเอียดอ่อนในการปรับรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการการออกแบบที่สดใหม่

    • DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD – นวัตกรรมสำหรับการผจญภัย

    โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและฟังก์ชันการใช้งานที่ปรับแต่งมาให้ตอบโจทย์การผจญภัยและการใช้งาน มาพร้อมการอัปเกรดดีไซน์ขององค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ ราวหลังคา ไฟสปอร์ตบนหลังคา ประตูท้ายอเนกประสงค์ สปอร์ตบาร์ กันชนเหล็กด้านล่าง และระบบล็อกเฟืองท้ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงตัวทั้งสมรรถนะทรงพลังและสไตล์ที่ปราณีต ตกแต่งภายในด้วยเพดานสีดำและโทนสีดำ-ส้มเฉดใหม่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม พร้อมยกระดับความสะดวกสบายด้วย USB Type-C 2 พอร์ตและ Type-A 1 พอร์ต ส่วนระบบ V2L ใหม่สามารถรองรับเอาต์พุต DC 22 กิโลวัตต์ เพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้นสำหรับการจ่ายพลังงานขณะเดินทาง

    • AVATR 11 Royal Edition – นิยามใหม่ของความหรูหราระดับผู้นำ

    AVATR 11 Royal Edition มอบนิยามใหม่ของความหรูหราระดับแนวหน้าด้วยปรัชญาการออกแบบที่เหนือกว่าและสมรรถนะล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับซูเปอร์คาร์ ช่วยปรับการหน่วงในเสี้ยววินาทีเพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายสูงสุด ตัวถังสองโทนสีเทาและดำตกแต่งด้วย เส้นขอบสีเงินสตาร์ไลน์สุดหรู เสริมด้วยล้อแม็กที่หล่อเป็นรูปดาว 7 แฉกขนาด 22 นิ้วช่วยเพิ่มพลวัตเสมือนงานประติมากรรม ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงห้อมล้อมด้วยหนังแท้แบบกึ่งอนิลิน (Semi-aniline leather) สี Rose-White พร้อมที่นั่ง VIP 4 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่พักผ่อนด้านหลังซึ่งมาพร้อมที่วางแขนแบบลอยตัว ฟังก์ชันนวด 8 จุด และระบบชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส เรียกได้ว่ารังสรรค์ทุกรายละเอียดมาเพื่อยกระดับการเดินทางสู่ประสบการณ์ทรงพลังที่ทั้งปราณีตและสง่างาม เตรียมเปิดตัวภายในพฤศจิกายน 2568 นี้

    “เราไม่เพียงผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในท้องถิ่นและสนับสนุน
    ความมุ่งหวังของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการสร้างโลกใหม่ที่ทั้ง
    ชาญฉลาด รักษ์โลก และเชื่อมโยงผู้คนกับเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ เราจึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า ‘30@30’ ของประเทศไทย การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม 2 รุ่นใหม่นี้ คือ
    บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของตลาดไทยและตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย ความสำเร็จในวันนี้คือคำมั่นสัญญาของเราที่จะสานต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความร่วมมือ และการมีส่วนเสริมสร้างอนาคตยานยนต์ไทยที่สะท้อนคุณภาพความเป็นเลิศระดับโลกและความภาคภูมิใจของประเทศ” นายเซิน
    ซิงหัว
    กล่าวสรุป

     

    CHANGAN Automobile ประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทแม่ China Changan Automobile Group มีสินทรัพย์รวม 3.087 แสนล้านหยวน มีบริษัทฯ ในเครือรวม 143 บริษัททั่วโลก และมีพนักงานรวมทั่วโลก 145,000 คน โดยภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกรวม 4 ล้านคัน ซึ่ง 60% จะเป็นรถพลังงานใหม่ และ 30% มาจากตลาดต่างประเทศ อีกทั้งยังวางแผนลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการผลิตในประเทศไทยอีกด้วย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • OMODA & JAECOO จัดงาน International User Summit พร้อมเปิดประสบการณ์สุดล้ำ ‘Next Cool’

    1 Min Read

    OMODA & JAECOO จัดงาน International User Summit พร้อมเปิดประสบการณ์สุดล้ำ ‘Next Cool’

    OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อปี 2567 จัดงาน International User Summit 2025 ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคมนี้ โดยมีตัวแทนลูกค้าจากประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมงานครั้งสำคัญนี้ ภายในงาน OMODA & JAECOO Eco-Expo ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสนวัตกรรมล่าสุดและวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศแห่งอนาคต

    ไฮไลท์ของงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “Next Cool” นำเสนอมุมมองใหม่ที่เหนือกว่ารถยนต์ทั่วไป ด้วยการผสานไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งแต่การใช้ชีวิตในเมืองไปจนถึงการท่องเที่ยวผจญภัย โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเทคโนโลยี ผู้ใช้งาน และสิ่งแวดล้อม

    ภายในงาน Eco-Expo ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ผ่าน Brand Showroom และกิจกรรมพิเศษ “Day C Night A Exclusive Party” ที่แสดงให้เห็นว่ารถยนต์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอแนวคิด “Two Lifestyles, One Store” ที่ตอบโจทย์ทั้งคนรักสัตว์เลี้ยงและสายลุยออฟโรด สะท้อนวิสัยทัศน์ ‘Car + X’ ที่ต้องการให้รถยนต์เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต ความบันเทิง และกิจกรรมประจำวัน

    นับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ชื่นชอบทั้งด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ การจัดงานในครั้งนี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่ต้องการมอบมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นระบบนิเวศที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Flying Spur ‘Ombré’ คันแรกกับออปชันทำสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดของแบรนด์

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Flying Spur ‘Ombré’ คันแรกกับออปชันทำสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดของแบรนด์

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Flying Spur ‘Ombré by Mulliner’ สุดยอดยนตรกรรมกับตัวเลือกการทำสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดของแบรนด์ และถือเป็นการนำมาใช้กับยนตรกรรมแบบ 4 ประตูเป็นครั้งแรก โดยการทำสีแบบ ‘Ombré by Mulliner’ เป็นการผสมผสาน 2 เฉดสีที่แตกต่างกันและทำการไล่เฉดสีแบบแรเงาตลอดความยาวของตัวถังด้วยการพ่นสีโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญจากศูนย์ทำสีและตัวถัง ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ สำหรับ Ombré by Mulliner – Full Body Paint Fade ในรถยนต์เครื่องยนต์รุ่น V8 Hybrid ราคา 7,320,000 บาท และ รถยนต์เครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid ราคา 4,461,000 บาท

    การทำสี Flying Spur ใหม่ได้ทำการไล่เฉดสีแบบแรเงาจากเฉดสีฟ้า Topaz Blue อันสดใสบริเวณส่วนหน้าสู่เฉดสีน้ำเงิน Windsor Blue ที่เข้มกว่าบริเวณส่วนหลัง โดยสีจะค่อยๆ จางลงตั้งแต่ช่วงกลางตัวถังตลอดแนวประตูห้องโดยสารและหลังคา กระบวนการนี้ใช้เวลากว่า 60 ชั่วโมงผ่านช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจำนวน 2 คนที่เริ่มต้นการพ่นสีแต่ละสีที่บริเวณส่วนหน้าและส่วนหลังของตัวถัง และเปลี่ยนเฉดสีบริเวณกึ่งกลางตัวถังด้วยกระบวนการพ่นสีอันเป็นขั้นตอนการใช้สีที่ผ่านการผสมสีแบบดั้งเดิมเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ Ombré ซึ่งถือเป็นเทคนิคพิเศษที่ทำให้การเปลี่ยนสีเป็นไปอย่างสมมาตรทั่วทั้งตัวรถ

     

    เทคนิค Ombré มาพร้อมกับตัวเลือก 2 เฉดสีคู่ใหม่ อันได้แก่ เฉดสีทอง Sunburst Gold กับเฉดสีส้ม Orange Flame และ เฉดสีเทา Tungsten กับ เฉดสีดำ Onyx และเนื่องจากความซับซ้อนของการผสมสีของทั้งสองเฉดสี เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จึงมีการเลือกจับคู่เฉดสีอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจว่าทั้ง 2 เฉดสีจะไล่สีแบบแรเงาได้อย่างสม่ำเสมอ และเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเฉดสีที่ 3 ระหว่างการไล่สีแบบแรเงาอย่างการไล่สีจากเฉดสีเหลืองสู่เฉดสีน้ำเงินอาจก่อให้เกิดเป็นเฉดสีเขียวอันไม่พึงประสงค์ เพราะการทำสีที่แต่งกันแต่ละสีจะเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นช่างฝีมือจึงต้องจัดการกับปฏิกิริยาในระหว่างการทำสีเพื่อเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความสมบูรณ์แบบของรถยนต์เบนท์ลีย์แต่ละคัน

     

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้เปิดตัว Flying Spur กับตัวเลือกการทำสีแบบ Ombré by Mulliner ในงาน Southampton International Boat Show ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยการทำสีของสุดยอดยนตรกรรมแบบ 4 ประตูนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น Continental GT คันแรกที่ผ่านการทำสีด้วยเทคนิคใหม่และได้เปิดตัวในงาน Monterey Car Week เมื่อกลางปีที่ผ่านมา

     

    ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับการออกแบบยนตรกรรมในฝันให้มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM TANK 300 DIESEL ลุยถึงแอนตาร์กติกา! ร่วมภารกิจสำรวจขั้วโลกของจีนอย่างเป็นทางการ

    1 Min Read

    GWM TANK 300 DIESEL ลุยถึงแอนตาร์กติกา! ร่วมภารกิจสำรวจขั้วโลกของจีนอย่างเป็นทางการ

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการยานยนต์จีน ด้วยการลงนามบันทึกความร่วมมือ “GWM • CAA China Antarctic and Arctic Research Expedition Cooperation Signing Ceremony” ร่วมกับสถาบันวิจัยขั้วโลกของจีน (Polar Research Institute of China: PRIC) ณ ศูนย์เทคโนโลยี GWM เมืองเป่าติ้ง เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ในพิธีดังกล่าวได้มีการแต่งตั้ง GWM TANK 300 DIESEL ให้เป็นรถยนต์ที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการสำหรับปฏิบัติภารกิจสำรวจขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ของจีน เพื่อใช้เป็นรถสนับสนุนภารกิจหลักประจำสถานี Great Wall Station ณ ทวีปแอนตาร์กติกา รถยนต์รุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบสมรรถนะในทุกมิติ ทั้งระบบขับเคลื่อน สมรรถนะออฟโรด ความทนทานในสภาวะอุณหภูมิต่ำสุดขั้ว และประสิทธิภาพระบบเชื้อเพลิง จนได้รับการยืนยันว่า GWM คือแบรนด์ที่มีความพร้อมสูงสุดในด้านเทคโนโลยี ความทนทาน และสมรรถนะระดับโลก การร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้จึงไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของ GWM ในฐานะผู้นำยานยนต์อัจฉริยะระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในการสนับสนุนภารกิจทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติสู่การพิชิตพื้นที่สุดขั้วของโลกอย่างทรงพลัง

     

    เหนือทุกขีดจำกัด GWM TANK 300 DIESEL พิสูจน์ความแกร่งจากห้องวิจัยสู่แอนตาร์กติกา

    คณะผู้เชี่ยวชาญจาก PRIC เดินทางเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาของ GWM เพื่อประเมินขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานการทดสอบระดับโลกภายในศูนย์ทดสอบการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม (Environmental Wind Tunnel Lab) รถยนต์ GWM TANK 300 DIESEL ถูกนำมาทดสอบภายใต้อุณหภูมิติดลบกว่า 30 องศาเซลเซียส พร้อมจำลองสภาพพายุหิมะสุดขั้วเช่นเดียวกับในทวีปแอนตาร์กติกา ผลการทดสอบเผยให้เห็นถึงความเหนือชั้นของระบบวิศวกรรมของ GWM ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงสัมผัสเดียวแม้ในสภาพหนาวจัด ระบบละลายน้ำแข็งและทำความร้อนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพกว่า 2,000 รายการที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุก–เชิงรับ (Active & Passive Safety), ระบบการจัดการความร้อน (Thermal Management), เสียงและการสั่นสะเทือน (NVH) รวมถึงความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว (Durability) สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะของ GWM ที่พร้อมรองรับทุกภารกิจสุดขั้ว ตั้งแต่ห้องแล็บจนถึงขั้วโลกใต้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    เบื้องหลังความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรมที่ไร้ข้อจำกัดของ GWM TANK 300

    จากรายงาน 2025 China Automotive Product Quality Performance Study (AQR) ล่าสุด GWM TANK 300 ได้รับการจัดอันดับให้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งด้านคุณภาพและสมรรถนะในกลุ่มรถ SUV จากผู้ผลิตอิสระของประเทศจีน แสดงถึงความเชื่อมั่นในความทนทาน ความแม่นยำ และความประณีตทางวิศวกรรมของแบรนด์อย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่เปิดตัว GWM TANK 300 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการอัปเกรดกว่า 481 รายการ เพื่อเสริมความทนทานและความน่าเชื่อถือ และในรุ่นปี 2025 ยังได้รับการปรับปรุงเพิ่มอีก 43 รายการ โดยเน้นยกระดับสมรรถนะสู่มาตรฐานระดับโลก พร้อมระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่เสถียรและแม่นยำยิ่งขึ้น

    อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวถังแบบวงแหวน (Ring-shaped Structural Design) ผลิตจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูงกว่า 70% ของทั้งคัน และใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงที่ระดับ 1,500 MPa อีกกว่า 20% ทำให้หลังคาสามารถรับแรงกดได้มากกว่า 15 ตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมหลายเท่าตัว ช่วงล่างถูกออกแบบด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่ารถทั่วไปถึง 3 เท่า พร้อมค่าความแข็งแรงในการบิดตัว 284.5 kN·m/rad มอบสมรรถนะการขับขี่ที่มั่นคงในทุกสภาพถนน สมกับฉายา “ผู้พิทักษ์ที่มองไม่เห็น (Invisible Guardian)” ของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่ผ่านการทดสอบเข้มข้นกว่า 14,000 ชั่วโมงในห้องทดลอง (เทียบเท่าการขับขี่ 4.8 ล้านกิโลเมตร) และการทดสอบภาคสนามด้วยรถต้นแบบกว่า 60 คัน รวมระยะกว่า 4.2 ล้านกิโลเมตร เพื่อพิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน และความเงียบระดับพรีเมียม ด้วยระดับเสียงรอบเดินเบาไม่เกิน 65 เดซิเบล ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ที่พร้อมพิสูจน์ความเหนือชั้นในทุกสมรภูมิ

     

    จากความสำเร็จระดับโลกสู่การพิชิตขั้วโลกใต้

    ณ เดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา GWM TANK 300 ยืนหยัดในฐานะหนึ่งในรถยนต์ระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 470,000 คัน โดยกว่า 400,000 คัน เป็นผู้ใช้ในประเทศจีน ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันขับขี่รวมระยะทางกว่า 17.2 พันล้านกิโลเมตร หรือเทียบเท่าการโคจรรอบโลกกว่า 430,000 รอบ ยืนยันความแข็งแกร่งและความทนทานระดับตำนาน สมฉายา “รถ TANK ที่ไม่มีวันพัง (The Unbreakable TANK)” อย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 22,000 คน ที่ขับขี่เกินระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตรต่อคน ตอกย้ำความไว้วางใจในคุณภาพและความคงทนของยนตรกรรมรุ่นนี้

    ขณะเดียวกันในตลาดต่างประเทศ GWM ยังคงสร้างสถิติการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่เพียง 6 เดือนหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ GWM TANK 300 DIESEL ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา รถยนต์ระดับพรีเมียมรุ่นนี้สามารถสร้างยอดขายสะสมทะลุ 5,000 คันทั่วประเทศ พร้อมก้าวขึ้นสู่ 3 อันดับแรกของกลุ่ม PPV และสามารถครองตำแหน่งอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง (SUV-C) ได้อย่างรวดเร็ว ความสำเร็จดังกล่าวตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อสมรรถนะอันทรงพลัง ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์แห่งความแกร่งในแบบฉบับของ GWM TANK 300 DIESEL

     

    ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยี ด้วยเครือข่ายวิจัยระดับโลกของ GWM

    ปัจจุบัน GWM ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกด้วยการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) รวมกว่า 10 แห่งใน 7 ประเทศ ครอบคลุมประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยีอย่าง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี สร้างเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก “7 ประเทศ 10 ศูนย์วิจัย” ที่ทำงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในทุกมิติของยนตรกรรมอนาคต โดยมีโครงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า 110 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่ระบบขับเคลื่อน พลังงานใหม่ ห้องโดยสารอัจฉริยะ ไปจนถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ GWM สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง

    ด้านเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน GWM ได้พัฒนาสถาปัตยกรรมระบบขับเคลื่อนหลัก 3 รูปแบบ ได้แก่ Hi4, Hi4-Z และ Hi4-T ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทาง ตั้งแต่การใช้งานในเมืองจนถึงออฟโรดสุดขั้ว โดยเฉพาะเทคโนโลยี Hi4-T ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อสายผจญภัยโดยเฉพาะ ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนด้วยพลังน้ำมัน เสริมประสิทธิภาพด้วยพลังไฟฟ้า” พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ 9HAT แบบวางตามยาวที่ GWM พัฒนาขึ้นเองเป็นรายแรกของจีน ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับชุดเกียร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รองรับทั้งโหมดไฟฟ้าล้วน โหมดน้ำมัน และโหมดไฮบริด มอบสมรรถนะทรงพลัง ควบคู่กับความยืดหยุ่นสูงสุดในทุกสภาพภูมิประเทศ

    การเดินทางของ GWM TANK 300 DIESEL สู่สถานี Great Wall Station ในทวีปแอนตาร์กติกา คือสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ที่พิสูจน์แล้วว่ายานยนต์จีนสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพแม้ในสภาวะสุดขั้วของโลก GWM ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเทคโนโลยี ความทนทาน และสมรรถนะระดับโลกอย่างแท้จริง จาก “Great Wall Motor” สู่ “Great Wall Station” ที่ยังคงเดินหน้าสนับสนุนภารกิจการสำรวจขั้วโลกของประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศศักดาให้ทั่วโลกได้เห็นถึงคุณภาพ ความทนทาน และศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน ที่พร้อมพิชิตทุกความท้าทายอย่างทรงพลัง

     

    #GWM #GWMThailand #GWMTANK300 #GWMTANK300DIESEL #Antarctica


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ครั้งแรกของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียมบริดจสโตนกับการเปิดโลกแห่งความเร็ว รวมตัวนักขับสายสปอร์ตในคอมมูนิตี้ออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “BRIDGESTONE POTENZA CLUB”

    1 Min Read

    ครั้งแรกของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียมบริดจสโตนกับการเปิดโลกแห่งความเร็ว รวมตัวนักขับสายสปอร์ตในคอมมูนิตี้ออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “BRIDGESTONE POTENZA CLUB”

    บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างประสบการณ์ขับขี่ขั้นสุดให้กับนักขับสายซิ่ง สายสปอร์ต และผู้ที่หลงใหลความเร็ว ด้วยการเปิดตัว
    คอมมูนิตี้ออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “BRIDGESTONE POTENZA CLUB” พื้นที่ใหม่สำหรับลูกค้า
    ผู้ใช้จริงและแฟนคลับของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA ได้มาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ความมันส์ในการขับขี่ แลกเปลี่ยนเทคนิคน่าสนใจ สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์
    มากมายทั้งโปรโมชันพิเศษและเข้าร่วมกิจกรรมสุดมันส์ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่โชว์รถและแชร์ไอเดีย
    แต่งรถให้ได้แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ พบปะเพื่อนนักขับ รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์
    จากบริดจสโตนได้ทุกเวลา ทำให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุก เร้าใจ และมั่นใจตลอดการเดินทาง

    BRIDGESTONE POTENZA CLUB ไม่ใช่เพียงแค่คอมมูนิตี้ออนไลน์ แต่คือจุดนัดพบของนักขับและสาวกตัวจริงทั่วประเทศที่ชื่นชอบความมันส์ หลงใหลความเร็ว และการควบคุมเหนือชั้นตามแบบฉบับของ
    ยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA

    เป็นเจ้าของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA และเข้าร่วม Facebook Group: BRIDGESTONE POTENZA CLUB วันนี้ รับสิทธิประโยชน์ คุ้ม 3 ต่อ!

    • คุ้มที่ 1: รับสิทธิ์สมัครร่วมอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2025 Bridgestone Driving Experience: POTENZA Club Party” วันที่ 13 ธันวาคม 25668 ที่ Impact Speed Park เมืองทองธานี

    ขับมันส์บนสนามจริงและปาร์ตี้สุดเดือด พร้อมไฮไลต์ภายในงานอีกมากมาย (เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568)

    • คุ้มที่ 2: รับฟรี! บัตรเติมน้ำมัน 1,000 บาท เมื่อซื้อยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม

    BRIDGESTONE POTENZA รุ่นใดก็ได้ ครบ 4 เส้น ที่ COCKPIT ทุกสาขาทั่วประเทศ
    และลงทะเบียนพร้อมส่งหลักฐานการซื้อและข้อมูลติดต่อให้กับแอดมิน Facebook Group:

    BRIDGESTONE POTENZA CLUB  โดยจำกัดจำนวน 30 ท่านแรก/ เดือน

    (ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568)

    • คุ้มที่ 3: พิเศษ! เมื่อซื้อยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE005 ครบ 4 เส้น รับฟรี! ร่มรุ่นลิมิเต็ด มูลค่า 900 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 – 30 ธันวาคม 2568)

     

    นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางรถยนต์สมรรถนะสูงของบริดจสโตน
    และเชื่อมโยงเหล่านักขับทั่วประเทศที่มี passion เดียวกัน ให้มาร่วมสัมผัสพลังแห่งการขับขี่ที่สนุก
    และปลอดภัย…จากยางบนสนามแข่งสู่การใช้งานจริงบนถนนในสไตล์ BRIDGESTONE POTENZA

    เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้คนรัก BRIDGESTONE POTENZA ได้ที่ Facebook Group: BRIDGESTONE POTENZA CLUB https://www.facebook.com/groups/potenzaclub


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • กรุงเทพมหานครและมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้นำเสนอโครงการ TRUST (Thailand Road Users Safety through Technology) ในงานประชุม International Mayors Forum 2025

    1 Min Read

    กรุงเทพมหานครและมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้นำเสนอโครงการ TRUST (Thailand Road Users Safety through Technology) ในงานประชุม International Mayors Forum 2025

    เมืองโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น – วันที่ 16 ตุลาคม 2568 – กรุงเทพมหานคร และ มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (TMF) ตอกย้ำบทบาทผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและการเดินทาง ผ่านการเข้าร่วมงานประชุม International Mayors Forum (IMF) 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 ตุลาคม ภายใต้หัวข้อ การลงมือวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน – การปรับใช้ SDGs ในระดับท้องถิ่น และการส่งเสริม ข้อตกลงเพื่ออนาคต (Actions Today for a Resilient Future – Localizing the SDGs and Advancing the Pact for the Future)

     

    กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การขยายตัวนี้นำมาซึ่งความท้าทาย ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากกรุงเทพฯเผชิญกับอุบัติเหตุจราจรในระดับสูง การแก้ไขปัญหาความ ปลอดภัยบนท้องถนนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยทางกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะสมในการลดอุบัติเหตุ และผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ผ่านการริเริ่มนำกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตลอดจนเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดอุบัติเหตุและยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร

     

    โครงการ TRUST (Thailand Road Users Safety through Technology) เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน พ.2568 โดยมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (TMF) พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (BMA), สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT), โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด (RVP)

     

    โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลและหลักวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูลจากยานพาหนะ (Vehicle Probe Data), ภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) รวมถึงแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ ระบุจุดเสี่ยง และค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุ เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด

     

    ในการประชุม IMF 2025 นายสายัณห์ ทัศนโกศล ผู้อำนวยการสำนักงานวิศวกรรมจราจร กล่าวเน้นว่า “ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นประเด็นสำคัญในกรุงเทพฯ และเราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อลดอุบัติเหตุและรักษาชีวิต นอกเหนือจากการกำหนดนโยบายแล้วเรายังยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทางข้ามถนนที่ปลอดภัย ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเพื่อการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยบนท้องถนนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ ผู้ขับขี่ ผู้ให้บริการด้านการเดินทาง และคนเดินถนน โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้น เช่น โครงการ TRUST นี้ จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดภัย และน่าอยู่ขึ้นได้จริงสำหรับทุกคน”

    ภาพที่ 1: ภาพถ่ายจากงาน International Mayors Forum

     

    ด้าน TMF มุ่งมั่นในการค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนนโดยใช้ข้อมูลและ เทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย  โดย TMF ได้ดำเนินโครงการระยะที่ 1 ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้ข้อมูลจากรถยนต์โตโยต้าที่ติดตั้งระบบเก็บข้อมูลการขับขี่ ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงลึก และมาตรการแก้ไขที่ได้จากเฟสแรกจะถูกนำไปพัฒนาเพิ่มเติมร่วมกับชุดข้อมูลและเทคโนโลยีอื่นๆ ในโครงการระยะที่ 2 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

     

    ในการประชุม IMF 2025 นายเคนอิชิ ยากิ ผู้อำนวยการโครงการของ TMF ได้นำเสนอถึงความเป็นมาและแนวคิดของโครงการ TRUST ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการประชุม Tateshina ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทและองค์กรด้านการเดินทางหลายแห่ง โดยประเทศไทยได้รับเลือกจากคณะอนุกรรมการต่างประเทศ ให้เป็นพื้นที่นำร่องที่มีความสำคัญ และต่อยอดพัฒนามาเป็นโครงการ TRUST ในปัจจุบัน

    ภาพที่ 2: การวิเคราะห์ข้อมูลจากรถยนต์โตโยต้า

     

    การศึกษารายละเอียดจะดำเนินการในเขตจตุจักร ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นและมีสถิติอุบัติเหตุสูงกว่าเขตอื่น ทางโครงการคาดว่าจะดำเนินการเป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน และหากประสบความสำเร็จ ความรู้และวิธีการที่พัฒนาขึ้นจากโครงการนำร่องนี้จะสามารถขยายผล และนำไปใช้ในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศไทย

     

    เกี่ยวกับโครงการ TRUST

    โครงการ TRUST ในกรุงเทพฯ เกิดจากการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้นำด้านการเดินทางระดับโลกในการประชุม Tateshina ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งเน้นการวางกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยใช้การวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี AI ข้อมูลจากรถยนต์ กล้องวงจรปิด และฐานข้อมูลอุบัติเหตุที่ถูกบันทึกไว้ เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย โดยเน้นในสามปัจจัยหลัก ได้แก่ พฤติกรรมของผู้ขับขี่ โครงสร้างพื้นฐาน และยานพาหนะ โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง TMF, BMA, TMT, UN-Habitat, AIT และ RVP โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างต้นแบบที่สามารถขยายผลได้ในการพัฒนาความปลอดภัย บนท้องถนนในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ในระดับสากล

     

    เกี่ยวกับมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้

    มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (ประธาน อากิโอะ โตโยดะก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2557 โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสังคมที่ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ มูลนิธิสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการเคารพในความเท่าเทียมของมนุษย์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของโตโยต้าในการสนับสนุนระบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการเดินทางโดย TMF จะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย หน่วยงาน รัฐบาล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สถาบันวิจัย และองค์กรอื่น ๆ เพื่อสร้างโครงการ ที่สอดคล้อง กับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางทั่วโลก

    “TMF มุ่งหวังที่จะสร้างสังคมที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด” อ้างอิงจากประธานอากิโอะ โตโยดะ

     

    เกี่ยวกับ IMF 2025

    การประชุม IMF 2025 เป็นเวทีที่รวบรวมบรรดานายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในเมือง ชุมชน และพื้นที่เมือง โดยจัดขึ้นโดยกรมกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN DESA) ร่วมกับศูนย์พัฒนาเขตภูมิภาคแห่งสหประชาชาติ (UNCRD) และสำนักงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNOSD) พร้อมด้วยเมืองโตโยต้าในฐานะผู้ร่วมจัดงานปี 2025 และความร่วมมือจาก UN-Habitat


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดงานใหญ่! “XPENG CARNIVAL’ พร้อมเปิดตัว ‘X9 Luxury Special Color Edition’

    1 Min Read

    เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดงานใหญ่! “XPENG CARNIVAL’ ยกขบวน ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะครบทุกรุ่น พร้อมเปิดตัว ‘X9 Luxury Special Color Edition’ อีกทั้งรถผู้บริหารป้ายแดง ไมล์น้อย ข้อเสนอสุดพิเศษ ถึง 21 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

    เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นําเข้าและจัดจําหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ‘เอ็กซ์เผิง ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จํากัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA จัดงานสุดปัง ‘XPENG CARNIVAL’ ผสมผสานระหว่างบรรยากาศงานเทศกาลคาร์นิวัล กับยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ระดับพรีเมียม-ไฮเทค พร้อมเปิดตัวรถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ รุ่นพิเศษ ‘X9 Luxury Special Color Edition’ สะท้อนความหรูหราขั้นสุด พลาดไม่ได้รถผู้บริหารป้ายแดง ที่มีให้เลือกสรรพร้อมรับข้อเสนอจุใจ ระหว่างวันที่ 15-21 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

    อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “กว่า 1 ปีที่ เอ็กซ์เผิง รุ่น G6 และ X9 ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีคนไทย และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง เพื่อตอบรับกระแสดังกล่าว พร้อมฉลองโอกาสที่รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ เอ็กซ์เผิง รุ่น X9 มียอด จดทะเบียนอันดับ 1 ในกลุ่ม MPV ไฟฟ้า ในเดือนกันยายน และสําหรับไตรมาสที่ 3 (ข้อมูลจากกรมขนส่ง ทางบก) เราจึงตั้งใจจัดงานใหญ่นี้ พร้อมถือโอกาสเปิดตัวรถรุ่นไฮไลท์ อย่าง ‘X9 Luxury Special Color Edition’ ที่ล้ําด้วยดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ ยังมีรถผู้บริหารป้ายแดง ไมล์น้อย การันตี คุณภาพกว่า 20 คัน โดย G6 ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท ขณะที่ X9 เริ่มต้น 2,290,000 บาท พร้อมดีลดีๆ ที่ยากจะปฏิเสธ”

    ++ ตื่นตา X9 Luxury Special Color Edition อีกระดับความหรูหราที่ลงตัว รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะรุ่นท็อป ที่มาพร้อมความพิเศษยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยสีภายนอก Matte Gray ครั้งแรกในตลาด MPV ไฟฟ้า สอดรับกับเฉดสีภายในใหม่ Light Gray เบาะหนังแท้แนปป้า (Nappa) ผสานฟังก์ชั่น Zero-gravity Seat หรูหรามีระดับ เบาะนั่งแถวสองปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมที่ชาร์จ แบบไร้สาย 50 วัตต์ ล้ออัลลอยใหม่ดีไซน์แบบ Starlight Floating Wheels ขนาด 20 นิ้ว ผสานการ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 317 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ NCM ขนาด 101.5 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟเต็มขับได้ไกลสุด 690 กิโลเมตร (NEDC) อีกทั้งยังมา พร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อ ให้รัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.4 เมตร

    พร้อมด้วย X9 EXECUTIVE นั่งสบายด้วยเบาะแถวที่สองแบบโซฟาพร้อมฟังก์ชั่น Zero-Gravity ปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง มาพร้อมช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่สอง และที่ชาร์จแบบไร้สาย โดยเบาะแถวที่สามารถพับราบด้วยระบบไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ขณะที่สมรรถนะการขับเคลื่อนจัดเต็ม ขุมพลัง ใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกับรุ่น Luxury ทําให้ X9 สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

    ++ ครบครันยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ‘New G6’

    เอ็กซ์เผิง G6 ใหม่ The NEXT Intelligent SUV ครั้งแรกกับการใช้แบตเตอรี่ 5C ทุกรุ่นย่อย รองรับ กระแสไฟในการชาร์จกระแสตรงสูงสุด 451 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 12 นาที* ปรับโฉม ทั้งภายนอกและห้องโดยสาร เดย์ไทม์รันนิงไลท์แบบใหม่พาดยาวเป็นเส้นเดียว เปลี่ยนฝาท้ายเป็นแบบ Ducktail และกันชนหลังแบบ C-Ring ห้องโดยสารติดตั้งจอกลางและจอหน้าผู้ขับ ขนาด 15.6 และ 10.25 นิ้ว พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Starlight Rhythm Ambient Light Matrix เสริมหล่อด้วยล้อ อัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่เพิ่มรุ่น AWD Performance’ ที่ติดตั้งมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD- All Wheel Drive) ให้กําลัง 486 แรงม้า (PS) พร้อมล้ออัลลอยรมดํา ดุดันแบบเท่สุดๆ

    XPENG

    ++ สิทธิพิเศษสําหรับลูกค้าที่จอง ‘New G6’ และ ‘X9′ ทั้งรถใหม่ และรถผู้บริหารป้ายแดง

    ภายในงาน

    ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พรบ. นาน 1 ปี*

    ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง*

    ฟรี สายชาร์จฉุกเฉิน 1 ชุด*

    รับประกันคุณภาพรถยนต์ นาน 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร*

    รับประกันแบตเตอรี่ และมอเตอร์ขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*

    บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*

    นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมความบันเทิง อาทิ เกมชิงรางวัล, ขบวนพาเหรด เป็นต้น โดยงาน ‘XPENG CARNIVAL’ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บริเวณควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G และอาคาร C ชั้น BM ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 ตุลาคม 2568


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment