-
อย่าพลาด! โอกาสสุดท้ายในการเลือกเป็นเจ้าของรถกับ ไพรม์มัส กรุ๊ป พิเศษ! เฉพาะในช่วงงาน Motor Show 2025 เท่านั้น
“ไพรม์มัส กรุ๊ป” ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำระดับแนวหน้า 7 ยี่ห้อ ได้แก่ MERCEDES-BENZ, ZEEKR, MG, DEEPAL, OMODA&JAECOO, AION และ SUZUKI ในประเทศไทย ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2025 ที่ชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 และที่สาขาโชว์รูมรถยนต์ของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ทั้ง 7 แบรนด์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล, จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งหมด 16 สาขา เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับด้านการขาย โดยทีมที่ปรึกษาการขายที่มีความรู้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและชัดเจน
พร้อมบริการหลังการขายที่เพียบพร้อมและครบถ้วนด้านต่างๆ ตั้งแต่การเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ การดูแลรักษา จวบจนหมดอายุการใช้งานของรถยนต์ ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพและมากประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ที่สำคัญ คือ การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกมิติ เพื่อมอบประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกระดับชั้น
ในช่วงงาน Motor Show 2025 ทาง “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ทั้ง 7 แบรนด์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
MERCEDES–BENZ
“เบนซ์ ไพรม์มัส” มอบโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นใหม่สุด 3 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ Mercedes-Benz SL 55 4MATIC+ ที่สุดแห่งความหรูหราและสมรรถนะในแบบสปอร์ตเปิดประทุน ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสไตล์ AMG ให้พละกำลังสูงสุด 476 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 298 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ แบบ All Wheel drive รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งบนถนนและในสนามแข่ง จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท
มาพร้อมพี่ใหญ่แห่งเส้นทาง Off-Road ในรุ่น Mercedes-Benz G 63 ที่ผสานความแข็งแกร่งและสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 SPEED SPORTS TRANSMISSION ให้พละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid เข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ เสริมพลังในการออกตัวและตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว วางจำหน่ายราคาเริ่มต้นที่ 18,800,000 บาท
ตามด้วย Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ยนตกรรมตระกูล GT เจเนอเรชั่น 2 ขุมพลัง V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อม Bi-Turbo ติดตั้งในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ hot inside “V” ให้พละกำลังสูงสุดถึง 585 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม. ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมลายเซ็นของผู้ประกอบที่ฝาครอบเครื่องยนต์ เอกลักษณ์เฉพาะของ AMG จำหน่ายเริ่มต้นที่ 15,900,000 บาท
พร้อมนำเสนอโปรแกรม “MANUFAKTUR Exclusive” โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถยนต์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด สำหรับโมเดลไลน์อัพระดับ Flagship ในกลุ่ม Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach
พิเศษ! สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รับข้อเสนอ ฟรี! เงินชำระครั้งแรก ค่างวดเริ่มต้นที่ 45,000 บาท/เดือน พร้อมติดตั้ง Wall box และสิทธิ์ชาร์จไฟฟ้า นาน 1 ปี ไม่จำกัดครั้ง ส่วนรถยนต์ในกลุ่ม Commercial Van รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท ค่างวดเริ่มต้น 29,000 บาท/เดือน หรือเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz หลากหลายรุ่น รับฟรี! เงินดาวน์ และประกันภัยชั้น 1 MP Protection นาน 1 ปี หรือเลือกรับส่วนลดสูงสุด 330,000 บาท, ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 MP Protection นาน 3 ปี และ MBSP Easy Car และ MBSP Extra Guarantee นาน 8 ปี (เงื่อนไขตามที่บริษัทฯ กำหนด) สอบถามได้ละเอียดได้ที่ เบนซ์ไพรม์มัส สาขาเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา โทร.02 095 5555 และสาขาพัทยา โทร.038 051 5555
ZEEKR
“ซีเคอร์ ไพรม์มัส” เปิดจองสิทธิ์ ครั้งแรก! ในรุ่น ZEEKR 7X รถเอสยูวีลักชัวรี่ไฟฟ้า 100% กลุ่ม C เซกเมนต์ ขนาด 5 ที่นั่ง ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตที่หลากหลายสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง วิ่งไกลมากกว่า 600 กม. พร้อมล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนแบบ AWD วิ่งไกลมากกว่า 500 กม. พร้อมล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้ว และช่วงล่างแบบถุงลม คาดว่าราคาจำหน่ายไม่เกิน 2.2 ล้านบาท
พร้อมเติมเต็มความต้องการสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถเอ็มพีวีระดับลักชูรี่ สำหรับ ZEEKR 009 ในรุ่น 7 ที่นั่ง ที่มีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยว และมอเตอร์คู่ ควบคู่กับรุ่น 6 ที่นั่ง ที่มอบความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส นวัตกรรมสุดล้ำ และความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่งเพื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว
พิเศษ! เฉพาะในงาน MOTOR SHOW 2025 รับจองสิทธิ์ 2 รุ่น ZEEKR 7X และ ZEEKR 009 7-SEATER SINGLE พร้อมข้อเสนอพิเศษ รุ่น ZEEKR X รับฟรี! ดอกเบี้ย นาน 60 เดือน, รุ่น ZEEKR 009 รุ่นมอเตอร์คู่ 7 ที่นั่ง ฟรี! ค่าอะไหล่-ค่าแรงบำรุงรักษาสูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง ใน 3 ปี หรือระยะทาง 60,000 กม. ส่วนรุ่น ZEEKR 009 รุ่น 6 ที่นั่ง ค่าอะไหล่-ค่าแรงบำรุงรักษาสูงสุดไม่เกิน 6 ครั้ง ใน 6 ปี หรือระยะทาง 120,000 กม. ทุกรุ่น ฟรี! WALL BOX พร้อมแพ็กเกจติดตั้ง, สายชาร์จฉุกเฉิน, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. นาน 1 ปี, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 5 ปี และค่าประกันตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 บาท (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ซีเคอร์ ไพรม์มัส ราชพฤกษ์ โทร 02-935-1555 , 085-959-9605
MG
เอ็มจี เบส ออโต้เซลส์ by ไพรม์มัส กรุ๊ป นำเสนอรถยนต์ไฮไลท์ ในรุ่น MG IM6 เอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า 100% โดดเด่นด้วยดีไซน์ของนวัตกรรมที่ทันสมัย เรียบหรู พร้อมความสะดวกสบายครบครัน มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ New MG IM6 รุ่น PREMIUM 2WD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคาพิเศษ 1,299,900 บาท (ราคาปกติ 1,399,900 บาท) และรุ่น PREFORMANCE 4WD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาพิเศษ 1,699,900 บาท (ราคาปกติ 1,799,900 บาท) รับดอกเบี้ยพิเศษ! 1.99% นาน 48 เดือน ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.นาน 1 ปี, ฟรี! HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินระดับพรีเมี่ยม นาน 5 ปี พร้อมรับประกันแบตเตอรี่-มอเตอร์ ตลอดอายุการใช้งาน
New MG S5 EV รถ B-SUV ไฟฟ้าล้วน 100% ใหม่ล่าสุด ที่จะสร้างประสบการณ์แตกต่างจากเดิม ให้ความสนุกสนานทุกการขับขี่ พร้อมเดินทางไกลสุดถึง 550 กม./ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตอบสนองทุกการใช้งานได้ทุกมิติ เป็นเจ้าของ New MG S5 EV รุ่น D ราคาพิเศษ 719,900 บาท (ราคาปกติ 739,900 บาท) และรุ่น X ราคาพิเศษ 779,900 บาท (ราคาปกติ 829,900 บาท) และรุ่น V ราคาพิเศษ 899,900 บาท (ราคาปกติ 949,900 บาท) พร้อมรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99% นาน 48 เดือน, ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.นาน 1 ปี พิเศษ! เฉพาะรุ่น X และรุ่น V ฟรี! HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง หมดเขต 30 เมษายน 2568 เท่านั้น
ทั้งเพิ่มความพรีเมี่ยมกับสีสันใหม่ SOL BLUE ในรุ่น NEW MG4 ELECTRIC แฮทช์แบคไฟฟ้า 100% มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น STANDARD RANGE (D) ราคาพิศษ 559,900 บาท จากปกติ 709,900 บาท และรุ่น LONG RANGE (D) ราคาพิเศษ 664,900 บาท จากปกติ 769,900 บาท กับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.19% ดาวน์เริ่มต้น 25% ผ่อนนาน 48 เดือน, ฟรี! ประกันภัยชั้น1 + พรบ.นาน 1 ปี, HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง, กรอบป้ายทะเบียน-ชุดพรมปูพื้น, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 4 ปี
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ MG รุ่นต่างๆ อีกมากมาย อาทิ ฟรี! ดอกเบี้ย ผ่อนนาน 60 เดือน, ดาวน์เริ่มต้น 5% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน หรือเลือก MG ช่วยผ่อน 5,000 บาท นาน 20เดือน หรือเลือกรับบัตรน้ำมัน 5,000 บาท นาน 20 เดือน เป็นต้น พิเศษ! เฉพาะในช่วงงาน MOTOR SHOW 2025 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568
สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โชว์รูม เอ็มจี เบส ออโต้ เซลส์ by ไพรม์มัส กรุ๊ป ทั้ง 7 สาขา กรุงเทพฯ : สาขาเพชรเกษม 65 โทร. 02 444 2333 และสาขาบางนา กม.5 โทร. 02 745 9190 / ชลบุรี : สาขาบายพาส ชลบุรี โทร. 038 111 555, สาขาศรีราชา โทร. 038 196 966 และสาขาพัทยา นาจอมเทียน โทร. 038 195 666 / เชียงใหม่ : สาขาแม่โจ้ โทร. 053 333 222 และสาขาหางดง โทร. 053 447 999
DEEPAL
“ดีพอล ไพรม์มัส” เชิญชวนสัมผัสยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด DEEPAL S05 รถเอสยูวีขนาดกลาง ด้วยเส้นสายการออกแบบที่สะท้อนความหรูหรา โฉบเฉี่ยว ดุดัน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต มีให้เลือกในแบบ BEV ไฟฟ้า 100% สำหรับ DEEPAL S 05 รุ่น LITE ราคา 799,000 บาท, รุ่น PLUS ราคา 849,000 บาท และ รุ่น MAX ราคา 899,000 บาท กับแบบ Hybrid ในรุ่น DEEPAL S 05 REEV ในราคาคาดการณ์ที่ 949,000 บาท กับ รุ่น MAX REEV ราคาคาดการณ์ที่ 999,000 บาท
มาพร้อมกับรถกระบะไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่ ในรุ่น DEEPAL HUNTER K50 ที่ผสานความแข็งแกร่งและสมรรถนะ ด้วยเทคโนโลยี REEV ทำให้ทุกการเดินทางไร้ขีดจำกัด ด้วยระยะทางวิ่งไกลกว่า 900 กม. ในราคาแนะนำที่ 1,099,000 บาท
ด้าน CHANGAN LUMIN น้องง่วงสุดคิ้ว ด้วยไซส์ขนาดมินิในแบบ CITY EV ให้ความขับขี่ที่คล่องตัว สนุกสนาน ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ในใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มพิกัด รุ่น LUMIN L DC ราคา 499,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ! ฟรี ดอกเบี้ย เมื่อดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน, ช่วยผ่อนสูงสุด 36,000 บาท และรับเงินคืนสูงสุด 12,500 บาท รับสิทธิพิเศษเพิ่มจาก LUMIN BUDDY CARE มูลค่า 40,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมี DEEPAL L07 ซีดานไฟฟ้าสุดพรีเมี่ยม และ DEEPAL S07 รถเอสยูวีสำหรับคนยุคใหม่ มอบข้อเสนอ ดาวน์เริ่มต้น 99,000 บาท หรือเลือกเป็นเจ้าของ DEEPAL E07 รถเอสยูวีไฟฟ้า ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและสมรรถนะการขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนและตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ในราคาเริ่มต้น 1,599,000 – 1,999,000 บาท ราคาพิเศษ จำนวนจำกัด 500 คันแรก! เป็นเจ้าของวันนี้ รับฟรี! LIFESTYLE PACKAGE มูลค่า 60,000 บาท และรับประกันสูงสุดช่วงล่างถุงลม 10 ปี
พิเศษ! เฉพาะ DEEPAL L07, S07 และ E07 รับเพิ่มแพ็คเกจ DEEPAL PREMIUM CARE มูลค่า 250,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดีพอล ไพรม์มัส สาขารามคำแหง โทร.02 374 1555 และสาขาชลบุรี โทร.038 288555
OMODA&JAECOO
“โอเจ ไพรม์มัส พระราม 9” เปิดรับจอง JAECOO 7 SHS เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดสุดล้ำ ที่ให้ความประหยัด คุ้มค่า และยอดเยี่ยมด้วยสมรรถนะกับพละกำลังที่ 347 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.5 วินาที วิ่งไกลกว่า 1,300 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น JAECOO 7 SHS DYNAMIC ราคาคาดการณ์ 899,000 บาท และรุ่น JAECOO 7 SHS MAXราคา 999,000 บาท มาพร้อมกับข้อเสนอ ECO BOUNUS* รับส่วนลด ON TOP 10,000 บาท ฟรี! ค่าบำรุงรักษา นาน 2 ปี, ประกันภัย ชั้น 1 นาน 1 ปี พร้อรับประกัน นาน 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร
ด้าน JAECOO 6 EV รถไฟฟ้าออฟโรดในแบบ ONE BOX STYLE ที่ทรงพลัง ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ที่ท้าทาย มอบส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 6 EV LONG RANGE 2WD ราคาพิเศษ 999,000 บาท จากปกติ 1,099,000 บาท และรุ่น JAECOO 6 EV LONG RANGE 4WD ราคาพิเศษ 1,149,000 บาท* (ราคาเต็ม 1,249,000 บาท) พร้อมมอบฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, HOME CHARGER พร้อมติดตั้ง
พิเศษ! OMODA C5 EV ทุกสี รับส่วนลดสูงสุด 220,000 บาท ทันที สำหรับรุ่น OMODA C5 EV LONG RANGE ULTIMATE ราคาพิเศษ 729,000 บาท จากปกติ 949,000 บาท รุ่น OMODA C5 EV LONG RANGE PLUS พิเศษ 679,000 บาท (จากปกติ 899,000 บาท) พร้อมรับฟรี! ประกันภัยชั้น 1 และ HOME CHARGER ฟรี! เมื่อจองรถภายในวันที่ 6 เมษายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โอโมด้า แอนด์ เจคู ไพรม์มัส พระราม 9 Tel: 02-934-9555 , 093-226-6926
AION
“ไอออน ไพรม์มัส” เปิดจองรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด AION UT รถยนต์ไฟฟ้าแฮทแบค์ 5 ที่นั่ง ใหม่ล่าสุด มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบโจทย์การเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมความหรูหราและสะดวกสบายในทุกการเดินทาง มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น STANDARD ระยะทางขับ 400 กม. ความเร็ว 0-100 กม. ภายใน 12 วินาที กับรุ่น PREMIUM ระยะทางขับ 500 กม. ความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.3 วินาที ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า และรองรับการชาร์จเร็วจาก 30%-80% ภายใน 24 นาที พร้อมเติมเต็มการออกแบบด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว โดยเปิดจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ ในราคาพิเศษเพียง 49X,XXX บาท (ราคาปกติ 51X,XXX บาท)
พร้อมรุ่นใหม่ M8 PHEV ยนตรกรรม MPV ระดับพรีเมี่ยม ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ PLUG-IN-HYBRID ที่ทรงพลังและประหยัดสูงสุด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 170กม./ชม. วิ่งไกลสูงสุดกว่า 1,000 กม. ระบบชาร์จ DC จาก 30-80% ภายใน 8 วินาที
พร้อมดีไซน์หรูหราระดับลักชัวรี่ที่มอบประสบการณ์ความสะดวกสบายที่เหนือระดับ รับเปิดจองสิทธิ์ในราคาไม่เกิน 2,5XX,XXX บาท พร้อมรับ EXCLUSIVE PACKAGE รวมกว่า 200,000 บาท
พิเศษ! รับฟรี! ทองคำหนัก 1 บาท เมื่อจองและเป็นเจ้าของรถยนต์ AION V ในราคา999,900 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.98% หรือดาวน์ เริ่มต้น 10% ฟรี! HOME CHARGER พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี พิเศษ! เฉพาะลูกค้าที่จองรถ ในช่วงวันที่ 24 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไอออน ไพรม์มัส อมตะนคร ชลบุรี ศรีราชา โทร.038 185 456
SUZUKI
“ซูซูกิ ไพรม์มัส ศรีราชา” ต้อนรับ MOTOR SHOW 2025 อวดโฉม SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็ก โฉบเฉี่ยว สวยงาม เติมเต็มความสนุกทุกการขับขี่ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ในราคาเริ่มต้น 567,000 บาท เฉพาะรุ่น GL รับข้อเสนอ ออกรถ 0 บาท หรือ ฟรี! ดอกเบี้ย พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
SUZUKI CARRY ยานยนต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า ด้วยกระบะพื้นเรียบขนาดใหญ่ เปิด 3 ด้าน ให้ความสะดวกสบายทุกการขนถ่ายสัมภาระ รองรับการบรรทุกมากถึง 945 กิโลกรัม ช่วงล่างแข็งแกร่ง ห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์ที่สร้างความเพลิดเพลินทุกการเดินทาง ในราคา 395,000 บาท พร้อมข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียง 222 บาทต่อวัน หรือดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 60 เดือน หรือรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง สูงสุด 20,000 บาท หรือเลือกผ่อนสบายๆ นานสุด 99 เดือน
SUZUKI XL7 HUBIRD รถเอ็มพีวี ยกสูง 7 ที่นั่ง มอบข้อเสนอในรุ่น GLX เป็นเจ้าของในราคาพิศษ 799,999 บาท จากปกติ 825,000 บาท พร้อมผ่อนสบายๆ เพียง 7,888 บาท เช่นเดียวกับ SUZUKI CELERIO รับราคาพิเศษ 319,900 บาท จากปกติ 338,000 บาท เฉพาะรุ่น SUZUKI CELERIO GA ใช้เงินออกรถ 9,500 บาท ผ่อน 4,830 บาท/เดือน นาน 84 งวด พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
สุดพิเศษ! เฉพาะลูกค้าและครอบครัวรถยนต์ซูซูกิ, ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เกษตรกร และสมาชิกหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับส่วนลดเพิ่มอีก 150,000 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ ซูซูกิ ไอทีโอเอ ศรีราชา ชลบุรี ในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป โทร. 033 124 388
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“รถ เปลี่ยน โลก” Mobility Upcycling โดยโตโยต้า ส่งเสริมการแยกขยะ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
โตโยต้าต่อยอดกิจกรรม “ลดเปลี่ยนโลก” ส่งเสริมชุมชนสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ด้วยแคมเปญ “รถ เปลี่ยน โลก Mobility Upcycling” ที่ตระเวนรับขยะจากชุมชนและนักท่องเที่ยวในเมืองอยุธยา เพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycle ตลอดวันที่ 21 – 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
กิจกรรมนี้ เป็นการเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองอยุธยา ให้เริ่มต้นในการแยกขยะ อาทิ ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กล่องพลาสติก กระป๋องอลูมิเนียม กระป๋องเหล็ก กระดาษ เพื่อนำมาแลกรับของรางวัล เป็นข้าวหอมมะลิจาก “ข้าวรัชมงคล” ตามน้ำหนักที่กำหนด โดยสามารถนำมาแลกได้ทั้งภายใน ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา และผ่าน “รถ เปลี่ยน โลก” ที่ตระเวนรับขยะตามชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ วัดมหาธาตุ วัดใหญ่ชัยมงคล ตลาดองค์การโทรศัพท์ ตลาดน้ำอโยธยา เป็นต้น
โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมแคมเปญ “รถ เปลี่ยน โลก” นำขยะมาร่วมกิจกรรมถึง 1.910 คน เป็นขยะปริมาณกว่า 4,200 กิโลกรัม ซึ่งขยะเหล่านี้จะถูกนำมากำจัดอย่างถูกวิธี และเข้ากระบวนการ Upcycle เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล 100% ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ต่อไป
โตโยต้าวางแผนในการขยายผลแคมเปญ “รถ เปลี่ยน โลก” สู่ชุมชนในพื้นที่จังหวัดอื่นต่อไปในอนาคต โดยคาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อส่งเสริมการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการจะขับเคลื่อนประเทศไทย สู่เป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ภายในปี 2050 ต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
GWM (Thailand) เร่งขยายการเติบโตในปี 2025 พร้อมเดินหน้าตอบความต้องการลูกค้าทั่วโลก ด้วยแนวคิด “All Scenarios, All Powertrains, All Users” ผ่าน 4 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ผ่าน 4 กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ GWM เดินหน้าขับเคลื่อนแบรนด์ตลอดปี 2568 ด้วยกลยุทธ์ระดับโลกอย่าง “GWM Go With More” มุ่งเน้นส่งมอบประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์และการบริการหลังการขายที่ “เหนือกว่า” ในทุกด้านให้กับลูกค้าชาวไทยและทั่วโลก พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียนเพื่อดำเนินธุรกิจส่งออกรถยนต์คุณภาพของ GWM ไปยังกลุ่มตลาดพวงมาลัยขวาทั่วโลก ด้วย 4 กลยุทธ์ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Building) ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ (Partner Collaboration) และการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management – CEM) เพื่อมอบโซลูชันด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและมีความหลากหลายทั้งด้านพลังงาน (Multi Powertrain) ประเภท (Multi Category) และเซกเมนต์ (Multi Segment) ดังเช่น 2 นวัตกรรมล่าสุดที่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ ได้แก่ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 ที่ได้รับยอดจองและการตอบรับอย่างล้นหลามในงาน
คุณปาร์กเกอร์ ฉี ประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ ระบุว่า “GWM ยึดมั่นในจุดยืนของแบรนด์ภายใต้แนวคิด ‘ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)’ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ ที่ว่า GWM Go With More ซึ่งเรามุ่งหวังให้ผู้ใช้ได้มีประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างผ่านยนตรกรรมที่หลากหลาย พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสนุกและความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับในประเทศไทย เราเพิ่งเปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเราเพื่อรองรับความต้องการของคนไทย ได้แก่ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 ผมขอขอบคุณจากใจสำหรับกระแสตอบรับที่ล้นหลามจากงาน Motor Show 2025 ต่อรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ การสนับสนุนและความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยมจากแฟน ๆ ชาวไทยมีความหมายกับเราเป็นอย่างมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งมั่นพัฒนาและส่งมอบยนตรกรรมคุณภาพสูงที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะยอดเยี่ยม และที่สำคัญที่สุด คือ มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคันของ GWM เรามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาและนำเทคโนโลยียานยนต์ที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศไทย พร้อมทั้งขยายการส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนและตลาดโลก เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณลูกค้าชาวไทย สื่อมวลชนไทย พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และตลาดในประเทศไทยทุกภาคส่วน สำหรับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งต่อ GWM ขอบคุณจากใจครับ”
สำหรับกระแสตอบรับที่ท่วมท้นที่ผู้บริโภคชาวไทยมีต่อ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นั้น ปัจจัยความสำเร็จมาจากการดำเนินงานตามกลยุทธ์ทั้ง 4 ด้านของ GWM ซึ่งล้วนพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงความสำเร็จขั้นต้นผ่านกลยุทธ์ดังกล่าว ประกอบด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดไทย ผ่านรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีความหลากหลาย การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Building) เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำในกลุ่มผู้บริโภคไทย ภายใต้แนวคิด “ONE GWM” และ “GWM Go With More” สู่การมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติ ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ (Partner Collaboration) โดย GWM จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ทุกรายทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การสร้างความรู้ด้านการขายและการตลาด เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เติบโตและมั่นคงไปพร้อมกัน และการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management – CEM) มุ่งเน้นการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ ทั้งการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญของช่างเทคนิค ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้าอย่างครบวงจรภายใต้หลักการ SMART ประกอบไปด้วย Simple (สะดวก), Modern (ทันสมัย), Attention (ใส่ใจ), Reliable (เชื่อถือได้) และ Timeliness (ตรงเวลา) รวมถึงการทยอยเปิดศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานของ GWM สู่การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับชาวไทย
สำหรับการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 จะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ในขณะเดียวกัน ณ โรงงานอัจฉริยะ ในจังหวัดระยอง ก็พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังในการรองรับความต้องการของลูกค้าด้วยการผลิตรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานทั้งรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ดีเซล รวมถึงการหาโอกาสทางการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ตอกย้ำการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศยุทธ์ศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบรถยนต์ที่มีความหลากหลายทั้งด้านพลังงาน (Multi Powertrain) ประเภท (Multi Category) และเซกเมนต์ (Multi Segment)
นอกจากที่ GWM จะมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตขึ้นผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตและเดินหน้าเคียงข้างชาวไทยดังที่ได้ให้คำมั่นสัญญาตั้งแต่ที่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ล่าสุด จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ GWM ได้เร่งออกโปรแกรมความช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวฟรี ณ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมมอบส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 30% (ยกเว้นแบตเตอรี่ ยางรถยนต์ และประดับยนต์) สำหรับการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อ GWM Contact Center โทร. 02-668-8888 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับบริการและขอคำแนะนำเพิ่มเติม
GWM จะยังคงมุ่งมั่นด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว พร้อมเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภค และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ระดับโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ GWM ในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหนือกว่าในทุกมิติ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคาดการณ์ตลาดยานยนต์ยังทรง พร้อมวอนรัฐออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Journalists Association : TAJA) จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” โดยมองแนวโน้มตลาดยานยนต์ปี พ.ศ. 2568 มีแนวโน้มการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยอาจจะดีขึ้นหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า “ในปี พ.ศ. 2568 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.5 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 2.1% โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 5 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน และสำหรับตัวเลขรถจักรยานยนต์ คาดการณ์ยอดผลิตที่ 2.1 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 11.2%
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2568 แบ่งเป็น 2 ด้าน
- ปัจจัยสนับสนุน
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนด้านการเพิ่มขึ้นของการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะในโครงการสำคัญต่างๆ เช่น การก่อสร้างสาธารณูปโภค การก่อสร้างรถไฟสายต่างๆ โดยจะทำให้มีเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 3 ล้านล้านบาท
- การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ที่ใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ในขณะที่ภาครัฐจัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
- ปัจจัยเสี่ยง
- สถานการณ์หนี้ครัวเรือนและหนี้เสียยังอยู่ในระดับน่ากังวล โดยหนี้ครัวเรือน ถึงแม้จะปรับตัวลดลงเหลือระดับ 89% ต่อ GDP แต่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อทั้งหมดมากถึง 22% ส่งผลให้อำนาจการซื้อของประชาชนลดลง
- อัตราส่วนหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือนของสินเชื่อรถยนต์ยังอยู่ในระดับสูงมาก ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงในการกลายเป็นเป็นหนี้เสีย
- นโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่เน้นการลดการเสียเปรียบด้านการค้ากับประเทศคู่ค้า โดยการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าไปในสหรัฐฯ ส่งผลให้สินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนได้รับผลกระทบ เช่น รถยนต์นั่ง ยางรถยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ยานยนต์ต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงทางอ้อมที่อาจทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งระบายสินค้าจากประเทศที่ถูกกีดกันการค้าสูงกว่ามากขึ้น นำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากภาวะอุปทานเกินขนาด
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ได้แก่
- โครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้ารถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป โดยมีการกำหนดเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ต่ำกว่าปัจจุบัน เพื่อให้ได้อัตราภาษีในอัตราต่ำลง รวมถึงสนับสนุนยานยนต์สมัยใหม่ เช่น PHEV กำหนดให้มีการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS และกำหนดเงื่อนไขการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ
- การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษจากรถยนต์ ระดับยูโร 6 โดยรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ส่วนรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของภาครัฐ
- ข้อตกลง FTA ในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 17 ฉบับ 24 ประเทศคู่ค้า และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 4 ฉบับ โดยมีฉบับสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต เช่น การเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป
- มาตรฐานประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับรถยนต์ใหม่ (New Vehicle Efficiency Standard : NVES) ของประเทศออสเตรเลีย โดยจะมีการกำหนดเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รถยนต์ที่นำเข้าไปยังประเทศออสเตรเลีย ทั้งรถยนต์นั่งและรถกระบะ ที่จะเริ่มบังคับใช้พร้อมบทลงโทษตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
จากสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาในปัจจุบัน สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เสนอมาตรการต่อภาครัฐ ดังนี้
มาตรการกระตุ้นยอดขายในประเทศระยะสั้น
- มาตรการด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การนำค่าใช้จ่ายในการซื้อหรือค่าบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- มาตรการด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล การนำค่าใช้จ่ายในการซื้อ หรือเช่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศมาลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้ รวมถึงขยายเพดานค่าใช้จ่ายที่หักได้ให้เพิ่มมากขึ้น
- มาตรการด้านสินเชื่อ การผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อสำหรับกู้ซื้อรถ โดยอนุญาตให้สามารถกู้ร่วมและพิจารณารายได้รวมของทั้งครอบครัวในการประเมินการปล่อยสินเชื่อได้ รวมถึงมาตรการค้ำประกันสินเชื่อในการซื้อรถยนต์
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
มาตรการกระตุ้นยอดขายและส่งออกในระยะกลาง – ยาว
- รักษาการเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ ICE ที่สำคัญของโลก และส่งเสริมการผลิต Future ICE เพื่อรักษา Economy of Scale ให้สามารถแข่งขันได้ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ด้วยการเร่งเจรจา FTA กับกลุ่มประเทศที่ยังมีความต้องการรถยนต์สันดาปภายในอยู่ รวมถึงหามาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในกลุ่ม Future ICE เช่น Product Champion, HEV หรือ PHEV เป็นต้น
- ยกระดับอุตสาหกรรมชิ้นส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ยานยนต์สมัยใหม่ผ่านกลไกการ Matching บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกับต่างชาติ เพื่อเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ และต่อยอดสู่ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (Power Electric Parts) รวมทั้งฝึกอบรมแรงงาน เพื่อเข้าสู่ยานยนต์สมัยใหม่เพื่อเพิ่มทักษะและองค์ความรู้ต่างๆ
- ขยายการส่งออกยานยนต์ประเภท ZEV (Zero Emission Vehicle) ไปยังประเทศที่มีศักยภาพ พร้อมเร่งรัดการเจรจาข้อตกลง FTA โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศที่มีนโยบายส่งเสริมการใช้ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อมีสิ่งแวดล้อม
โดยคาดหวังว่ามาตรการเหล่านี้ จะสามารถกระตุ้นตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ปีนี้ และปีต่อๆไป ให้ฟื้นตัวไปสู่ระดับปกติ และดียิ่งขึ้นต่อไป”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
Chery เตรียมบุกตลาดไทยปีนี้ หลังจากส่ง OMODA & JAECOO นำร่อง และเติบโตในไทยอย่างรวดเร็วในปี 2567 มุ่งสร้างความมั่นใจให้กับแบรนด์พร้อมขยายฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Chery Automobile ผู้ผลิตรถยนต์จีนอันดับ 1 ในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน ได้ประกาศแผนการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ หลังจากที่ส่ง OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) บุกตลาดไทยเมื่อปีที่ผ่านมาและได้รับผลตอบรับดีเกินคาด เตรียมนำ Chery Arrizo 8L, Chery Tiggo 9 และ Chery Tiggo Cross มาให้สัมผัสจริงครั้งแรกที่ Bangkok International Motor Show วันนี้ – 6 เมษายน
“จากความสำเร็จในปี 2567 ที่ Chery มียอดขายเติบโตถึง 38% พร้อมส่งมอบรถยนต์กว่า 2.6 ล้านคันทั่วโลก คิดเป็นยอดรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 50% ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาทไทย และยังรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนมายาวนานกว่า 22 ปีติดต่อกันนั้น ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อยนตรกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปีนี้มีแผนนำ Chery เข้าสู่ตลาดประเทศไทย นับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย พร้อมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย และแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ” นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าว
Chery มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายด้วยความสามารถในการแข่งขันระดับโลก โดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน ค่านิยมหลักของแบรนด์ประกอบด้วย การแสวงหานวัตกรรมล้ำสมัย ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ แนวทางที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจแบบ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ Chery ทั่วโลก
ด้วยการขยายตัวในระดับสากล Chery ได้สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งประกอบด้วยศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 16 แห่ง ฐานการผลิตในต่างประเทศ 10 แห่ง และขยายการตลาดในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 15 ล้านคนทั่วโลก มีพนักงานมากกว่า 100,000 คน และได้สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ 30 พันธมิตรระดับโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแบรนด์
“Green, Technology, Family, Companionship” หัวใจหลักของแบรนด์ Chery
Chery ดำเนินธุรกิจภายใต้แกนหลัก 4 ข้อ ได้แก่
- Green (รักษ์โลก) โดยการมุ่งเน้นการใช้วัสดุคาร์บอนต่ำ ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงเจเนอเรชั่นที่ 3 PHEV และรถพลังงานไฟฟ้า (BEV)
- Technology (เทคโนโลยี) Chery ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาระดับโลก พัฒนาแพลตฟอร์มการออกแบบ ระบบขับขี่อัจฉริยะ และห้องโดยสารอัจฉริยะที่ทันสมัย
- Family (ครอบครัว) มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ สะดวกสบายและทนทาน มีเอกลักษณ์และครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย
- Companionship (การเป็นเพื่อนคู่คิด) นอกจากนี้ Chery ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้า ส่งเสริมการเติบโตของพนักงานผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกัน พัฒนาพันธมิตรที่มีอีโคซิสเต็มแบบ Win-Win และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์มากกว่า 120 รายการใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก
รถทุกประเภทของ Chery มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความสวยงามที่ทรงพลัง พร้อมมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้แบบที่เหนือระดับ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
Chery Automobile จะนำเสนอรถยนต์ พร้อมนวัตกรรมใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกอย่าง Chery Arrizo 8L รถยนต์ซีดานปลั๊กอินไฮบริดสุดลักชูรี่, Chery Tiggo 9 รถยนต์เอสยูวสำหรับธุรกิจรุ่นแฟลกชิป และ Chery Tiggo Cross คอมแพคเอสยูวีไฮบริดสำหรับคนรุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกที่บูธ OMODA & JAECOO ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 46 ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 บูธ A23 ตั้งแต่วันนี้ – 6 เมษายน 2568
คำเตือน: ตัวเลขประสิทธิภาพเชื้อเพลิงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ดีพร้อม – โตโยต้า โชว์ความสำเร็จ “โครงการความร่วมมือเพื่อพั
ฒนาวิสาหกิจชุมชนไทยสู่ความยั่ งยืน” ยกระดับผู้ประกอบการไทยด้ วยกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิ จฐานราก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานกล่
าวแสดงความยินดีกับความสำเร็ จการดำเนินโครงการความร่วมมื อเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนไทยสู่ ความยั่งยืน โดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวถึงความร่วมมื อระหว่างดีพร้อมกับโตโยต้า และนายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวสรุปผลสำเร็จ พร้อมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดี พร้อม ผู้แทนภาคีเครือข่าย ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ TOYOTA ALIVE บางนา โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ดีพร้อม และ บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จำกัด ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปี
ที่ 4 ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้มีการร่วมมือกันผ่าน 3 กิจกรรม ได้แก่ (1) กิจกรรมการปรับปรุงกระบวนการผลิ ตวิสาหกิจชุมชนด้วยระบบการผลิ ตแบบโตโยต้า โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโตโยต้ ามาให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึ กในการเพิ่มผลิตภาพด้านการผลิต (2) กิ จกรรมการอบรมและประกวดแผนการปรั บปรุงธุรกิจ Community Improvement Contest “ทุนลดกำไรเพิ่ม ด้วยแนวทางการปรับปรุงแบบโตโยต้ า” เพื่อเพิ่มขี ดความสามารถในการแข่งขันวิสาหกิ จชุมชน และ (3) กิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถผู้ ประกอบการเศรษฐกิจฐานราก (Group Camp) ภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ นค้าชุมชน (ดีมาก) โดยผู้เชี่ยวชาญจากโตโยต้าฯ ร่วมเป็นวิทยากร ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ธุรกิจชุ มชนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ ผู้ประกอบการชุมชน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยความสำเร็จในวันนี้ เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันในรู
ปแบบพี่ช่วยน้อง หรือ Big Brother โดยการคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่ มีศักยภาพ ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ขั้นต้น ที่ “ดีพร้อม” ให้การส่งเสริมและสนับสนุน ได้มีโอกาสในการเข้าร่ วมโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพั ฒน์ ตามแนวนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้” (DIPROM Community) ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นให้วิสาหกิ จไทยในระบบการพัฒนาสามารถ “สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเครือข่าย” มีการเติบโต และแข่งขันได้อย่างมั่ นคงในอนาคต รวมไปถึงเกิดเป็นห่วงโซ่อุ ปทานและสามารถช่วยเหลือเกื้อกู ลกัน เป็นฮีโร่ที่ “ดีพร้อม” สร้าง เพื่อให้วิสาหกิจไทยเดินหน้ าไปด้วยกัน ตามโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิ จยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุ ตสาหกรรม ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการในปีที่ผ่
านมา สามารถพัฒนาธุรกิจชุมชน รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่ 1. วิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้ าวและผลไม้น่าน จ.น่าน 2. วิสาหกิจชุมชนหนองหลวงม่วงไข่ แปรรูปพริก จ.แพร่ 3. วิสาหกิจชุมชนฮัซบีโรตีกรอบจิ๋ว จ.สตูล 4. วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์แปรรู ปจากข้าวเม่า จ.บุรีรัมย์ 5. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแคปหมูอิ่มสุ ข จ.อุดรธานี 6. วิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุ ลบายศรี จ.ราชบุรี 7. วิสาหกิจชุมชนแปรรูปมะม่วงสวนลุ งบุญสมบ้านผารังหมี จ.พิษณุโลก 8. วิสาหกิจชุมชนเพชรคีรีโฮมสเตย์ จ.นครศรีธรรมราช และ 9. วันมอร์ไทยคราฟช็อกโกแลต จ.นครศรีธรรมราช โดยทั้ง 2 หน่วยงานเชื่อมั่นว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว จะสามารถพัฒนาศักยภาพ และยกระดับขี ดความสามารถในการแข่งขันของผู้ ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ครึ่งทาง “บางกอก มอเตอร์โชว์” ผู้บริโภคแห่ตอบรับรถ xEV ดันยอดจองโต 29%
สัปดาห์แรกของการจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ค่ายรถที่เข้าร่วมงานกวาดยอดจองไปแล้วมากกว่า 2.4 หมื่นคัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 29.1 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่ม xEV รุ่นใหม่ๆ ของค่ายรถ
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ขณะนี้งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ได้ผ่านมาถึงครึ่งทางของการจัดงาน โดยยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคเข้ามาร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก เหตุผลสำคัญมาจากการที่ภายในงานปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม xEV ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันในตลาดกันค่อนข้างสูงในปัจจุบัน
สัปดาห์แรกของการจัดงาน มีรายงานตัวเลขจากค่ายรถที่นำรถ เข้ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน พบว่ามีตัวเลขยอดจองรถยนต์ 24,744 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 29.1 เปอร์เซ็นต์ (ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมยอดจองจากบางแบรนด์ที่ของส่งยอดในวันสุดท้าย)
ทั้งนี้ ตัวเลขยอดจองรถยนต์ภายในงานเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ทางคณะผู้จัดงานฯ คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเพราะในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ปีนี้ มีผู้จำหน่ายรถยนต์ xEV เข้ามาร่วมงานหลายแบรนด์ และยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น แต่คงต้องรอดูตัวเลขยอดจองหลังจบงานอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการจัดงาน อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกชม เลือกซื้อรถภายในงาน เพราะนอกจากเป็นการรวมรถยนต์ทุกค่ายไว้ในงานเดียวแล้ว ผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและประสิทธิภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่แห่งอนาคต นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัลต่างๆ มากมายอีกด้วย
มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมแห่งยานยนต์ AI ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตใหม่ของทุกคนได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
NEW MAZDA CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีเพื่อครอบครัวยุคใหม่ คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมแห่งปี 2568
มาสด้าสุดปลื้มเมื่อรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี NEW MAZDA CX-5 คว้ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2025 ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้วยยนตรกรรมล้ำสมัยและการบริการที่เป็นเลิศ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกบริบท ตามแนวทางการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ในการดำเนินธุรกิจ โดยมี นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ารับมอบรางวัลอันทรงเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี พร้อมด้วย นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และ รศ. ดร. ปรารถนา ปุณณกิติเกษม คณบดี วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยผู้มีเกียรติจากบริษัทชั้นนำที่ให้เกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
NEW MAZDA CX-5 เป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์มาสด้า ที่ได้รับการปรับโฉมและเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเป็นครอสโอเวอร์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ มาพร้อมทางเลือกของ 2 เครื่องยนต์ ทั้งสกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร และสกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มอบสมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมันอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้า ครบครันทั้งดีไซน์สง่างามและความสะดวกสบายมากมาย มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่และระบบความปลอดภัยระดับโลก รวมถึงดีไซน์การออกแบบที่สง่างาม ตามแนวคิด Kodo design – Soul of Motion เรียบง่ายแต่งดงาม ตอบโจทย์ทุกการเดินทางและการใช้ชีวิตของครอบครัวในยุคปัจจุบัน โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,219,000 บาท
นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ยนตรกรรม NEW MAZDA CX-5 ได้รับลงคะแนนเสียงจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริโภคให้เป็นสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2568 ซึ่งมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายให้กับลูกค้า ปัจจุบันมาสด้าได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีนานยนต์ตามแนวทาง Multi-solution Technology ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีเอกลักษณ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และนำมาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อให้รถยนต์มาสด้าสามารถมอบความสุขในการขับขี่ และมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนความสุขในการใช้ชีวิตของลูกค้า ตามปรัชญา Joy Drives Lives เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์จะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุขที่แท้จริง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัวไลน์สติกเกอร์ Volvo’s moments of care with Moosey ส่งต่อความห่วงใยผ่านข้อความสุดน่ารัก
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัวไลน์สติกเกอร์ชุดพิเศษ Volvo’s moments of care with Moosey ส่งต่อความห่วงใยผ่านข้อความแสนน่ารัก พร้อมลวดลายคาแรกเตอร์ของ “น้องกวางมูสซี่” มาสคอตประจำแบรนด์วอลโว่จากประเทศสวีเดน โดยมีให้เลือกใช้ถึง 8 ดีไซน์ และแต่ละดีไซน์สื่ออารมณ์ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความขี้เล่นตามสไตล์มูสซี่ ผู้ใช้งาน LINE ทุกท่านสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ฟรีได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 22 มิถุนายน 2568*
ด้วยเจตนารมย์ของวอลโว่ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเสมอมา ไม่ใช่เพียงในเรื่องของการออกแบบรถหรือเทคโนโลยีสำหรับผู้ขับขี่ แต่ยังรวมถึงความห่วงใยที่เรามีให้กับเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน สติกเกอร์ชุดนี้จึงถูกออกแบบมาให้สื่อถึงความใส่ใจและมอบความห่วงใยแก่คนใกล้ตัว ผ่านข้อความที่สามารถหยิบมาใช้งานง่าย เช่น “กลับดีๆ น้า”, “ถึงบ้านยัง?” และ “เที่ยวคืนนี้ ไม่ขับน้า” สำหรับส่งความห่วงใยให้คนที่คุณรัก
ร่วมส่งต่อความห่วงใยในแบบของวอลโว่ไปด้วยกัน เพียงดาวน์โหลดไลน์สติกเกอร์ ผ่านการเพิ่มเพื่อน @Volvocarth บน LINE application หรือคลิกลิงก์เพื่อเพิ่มเพื่อน https://line.me/S/sticker/35004 เพียงตอบแบบสอบถามสั้น ๆ ก็สามารถส่งความห่วงใยผ่านสติกเกอร์ Volvo’s moments of care with Moosey ให้กับคนใกล้ตัวได้เลย สามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ได้ฟรีตั้งแต่วันนี้ จนถึง 22 มิถุนายน 2568*
*ผู้ใช้งานสามารถใช้สติกเกอร์ได้ 180 วัน นับจากวันที่ดาวน์โหลด
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่
Website – www.volvocars.com/th
Facebook – https://www.facebook.com/volvocarsth
Youtube – https://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand
LINE – https://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=trueเยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไป กรุณาโทร 02-544-0446
สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบัน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าได้ที่ https://bit.ly/459u6HD
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เสริมความแข็งแกร่ง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารใหม่
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรอย่างแข็งแกร่ง เสริมทัพคณะผู้บริหารสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยประกาศแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ มร. มิโนะรุ คิโนะชิตะ ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท ต่อจาก มร. โนโบรุ สึจิ – และ มร. โนบุฮิโกะ โคอิซูมิ ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ผู้แทนโรงงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ต่อจาก มร. เออิจิ โอกาวะ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
มร. มิโนะรุ คิโนะชิตะ เริ่มต้นทำงานกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2533 และ สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจยานยนต์ในตลาดต่างประเทศมาอย่างยาวนาน อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ ไทย รวมถึงได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบตลาดในหลากหลายประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนีย (ASEAN & Oceania) ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (Assistant Executive Vice President) มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2567 ในสายงานกลยุทธ์การตลาดสากล (Global Market Strategy) และ กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy) ก่อนเดินทางมารับตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท (Chairman of the Board) มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ขณะที่ มร. โนบุฮิโกะ โคอิซูมิ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ผู้แทนโรงงาน (Executive Vice President, LCB Representative) มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มต้นทำงานกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่ปี 2534 และได้ทำงานอยู่ในสายงานผลิตจนเชี่ยวชาญ โดยมีประสบการณ์การทำงานในสายงานผลิต ในโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่น เมืองนาโงยะ (Nagoya) และเมืองโอกาซากิ (Okazaki) รวมถึงในประเทศไทยด้วย จนในปี 2568 ด้วยความเชี่ยวชาญในสายงานผลิตในระดับสูง จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส (Senior Vice President) สายงานผลิต ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในเดือนมีนาคม ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้มารับตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ผู้แทนโรงงาน ในเดือนเมษายนนี้
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญกับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในฐานะตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ การเสริมทัพผู้บริหารในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นหัวใจสำคัญสู่ยุทธศาสตร์แห่งการเติบโตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น โดยมีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง พร้อมด้วยสนามทดสอบรถยนต์แห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น การที่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานที่สำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกจากไทยไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก