• “ทัพซูเปอร์คาร์พันล้าน” กระหึ่มไทย! “แบมบู เรซซิ่ง” ทีมแข่งฮ่องกงรั้งจ่าฝูงวันแรก

    1 Min Read

    “ทัพซูเปอร์คาร์พันล้าน” กระหึ่มไทย! “แบมบู เรซซิ่ง” ทีมแข่งฮ่องกงรั้งจ่าฝูงวันแรก

    กองทัพรถแข่งซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลก 30 คัน รวมมูลค่ากว่าพันล้านลงสนามโชว์ความเร็วอวดสายตาแฟนชาวไทย ในศึก “GT World Challenge Asia” (จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ) ฤดูกาล 2025 สนาม 3 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดผ่านการซ้อมวันแรก ฉี เกา ยอดนักแข่งรถชาวจีนและ แดเนียล โมรัด ทีมเมทชาวแคนาดา ควบรถแข่ง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที3 อีโว หมายเลข 31 จากสังกัด คราฟท์-แบมบู เรซซิ่ง ทะยานขึ้นเป็นผู้นำ ก่อนลุ้นแชมป์ 2 เรซสุดสัปดาห์นี้

    ศึกซูเปอร์คาร์ระดับลักชัวรี GT World Challenge Asia 2025 สนาม 3 แข่งขันที่ประเทศไทย ในเรซ 5-6 ของฤดูกาล โดยรายการนี้นับเป็นหนึ่งในซีรีส์ดังที่จัดการแข่งขันทั้งในทวีปยุโรป,อเมริกา, ออสเตรเลียและเอเชีย และเป็นรายการชิงเจ้าความเร็วความเร็วที่แฟนความเร็วทั่วโลกติดตามชมอย่างมาก ภายใต้ซูเปอร์คาร์ GT3 ตัวแรงมากถึง 30 คัน จากผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชั้นนำ อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R NISMO ฯลฯ

    การแข่งขันเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการ วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568  ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นหนึ่งในช่วงสำคัญที่ทุกทีมใช้ สำหรับการค้นหาเซ็ตติ้งรถแข่ง รวมถึงการขับของนักแข่งทุกคน ภายใต้สุดสัปดาห์ที่สภาพอากาศยากต่อการคาดเดา

    ผลการซ้อมปรากฏว่า “ฉี เกา” ยอดนักแข่งรถชาวจีนและ “แดเนียล โมรัด” ทีมเมทชาวแคนาดา ควบรถแข่ง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที3 อีโว หมายเลข 31 จากสังกัด คราฟท์-แบมบู เรซซิ่ง ทะยานขึ้นเป็นผู้นำในการซ้อมวันแรกของศึก จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025 สนาม 3 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 33.983 วินาที

    ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ “หลู เหว่ย” นักแข่งจีนและทีมเมทชาวเดนมาร์คอย่าง “บาสเตียน บุส” ภายใต้รถแข่ง ปอร์เช่ 911 จีที3อาร์ (992) หมายเลข 4 จาก ออริจิน มอเตอร์สปอร์ต ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 34.117 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.134 วินาที

    ตามด้วยทีมแข่งจากมาเลเซียอย่าง ยะโฮร์ มอเตอร์สปอร์ต เรซซิ่ง เจเอ็มอาร์ ภายใต้รถแข่ง เชฟโรเลต คอร์เวทท์ ZO6 GT3.R หมายเลข 99 ขับโดย “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” จากมาเลเซีย และ “เบน กรีน” ทีมเมทชาวสหราชอาณาจักร ด้วยเวลา 1 นาที 34.172 วินาที ตามหลัง 0.189 วินาที

    อันดับ 4 เป็นของคู่หูชาวญี่ปุ่นอย่าง “ฮิโระบง” และ “ยู คานามารุ” ภายใต้รถแข่ง นิสสัน จีที-อาร์ นิสโม จีที3 หมายเลข 500 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 34.195 วินาที ตามหลัง 0.212 วินาที โดยมีรถแข่ง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็มโฟร์ จีที3 อีโว หมายเลข 89 จาก ทีม เคอาร์ซี ที่ขับโดย “หร่วน ชุ่น ฟั่น” นักแข่งจีนและ มักซีม ออสเตน ทีมเมทชาวดัตช์ เป็นอันดับ 5 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 34.499 วินาที ตามหลังหัวแถว 0.512 วินาที

    ด้าน “เฮงก์ คิกส์” นักแข่งดัตช์ผู้บริหารแบรนด์ดังอย่าง บี-ควิกในประเทศไทย ลงแข่งแบบเรซเดียวร่วมกับสังกัด แอบโซลูท เรซซิ่ง ภายใต้รถแข่ง ลัมโบร์กินี ฮูราคาน จีที3 อีโว2 หมายเลข 19 จับคู่กับ “ลอริส สปิเนลลี” ทีมเมทชาวอิตาเลียน รั้งอันดับ 6 จากการซ้อมวันแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 34.507 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.527 วินาที

    ส่วนซัพพอร์ตเรซอย่าง “ฮอนด้า วันเมคเรซ” ก็ลงซ้อมครั้งแรกในช่วงเช้า โดย “วี” ธนาศิวณัฐ พงสินนัชอาชัญ แชมป์เก่าจาก พีที ออโต้แบคส์ x มูเกน ไทยแลนด์ รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 9.640 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง ประพจน์ ชื่นวิจิตร จาก เน็กซเตอร์ เรสต์ คลับ อยู่ 1.136 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ได้แก่ พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา จาก พีซีที ตามหลัง 2.188 วินาที

    ทั้งนี้ ศึก จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025 สนาม 3 จะจับเวลารอบควอลิฟายในช่วงวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม เวลา 11.00 น. ก่อนดวลความเร็วเรซแรกในช่วงบ่าย (เรซละ 60 นาที) เริ่มต้น 15.00 น. จากนั้นจะแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนนี้ เวลา 10.45 น.

    โดยกิจกรรมที่แฟนความเร็วห้ามพลาด คือ “พิตวอล์ค” ที่ได้รับการขนานนามว่า “พิตวอล์คพันล้าน” ด้วยรถแข่งและมูลค่าการสร้างทีมมหาศาล  และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมสัมผัสความสวยงาม ตื่นตาไปกับเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัยอย่างใกล้ชิด จัดขึ้นอย่างเต็มอิ่มจุใจถึง 2 วัน ทั้งวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.เวลา 11.45-12.40 น. และวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย.เวลา 9.55-10.15 น. แฟนความเร็วที่มีบัตรชมการแข่งขัน ได้เข้าร่วมกิจกรรม “ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”

    สำหรับแฟนความเร็วชาวไทย สามารถรับชมถ่ายทอดสดได้ทาง Truesports เรซแรกวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. เวลา 14:45 – 16:30 น. ทางช่อง Truesports 3 ช่อง 668 และ เรซ 2 วันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย. เวลา 10:30 – 12:00 น. ทางช่อง Truesports 2 ช่อง 667 ส่วนช่องทางออนไลน์สามารถรับชม Live สดผ่านทางเพจ Chang Circuit Buriram และ Youtube : Chang International Circuit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิด ‘Extraordinary Pop-up’ หรูกลางเมือง เชิญเหล่าซิตี้ไลฟ์สไตล์สัมผัสเสน่ห์แห่งอัครยนตรกรรม ณ ห้างเอ็มโพเรียม

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิด ‘Extraordinary Pop-up’ หรูกลางเมือง เชิญเหล่าซิตี้ไลฟ์สไตล์สัมผัสเสน่ห์แห่งอัครยนตรกรรม ณ ห้างเอ็มโพเรียม

     

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เชิญเหล่าชาวซิตี้ไลฟ์สไตล์สัมผัสเสน่ห์แห่งอัครยนตรกรรม รุ่น New Continental GT Speed รุ่น New Flying Spur Speed สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์โฉมใหม่ และรุ่น Bentayga Hybrid รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่จะมอบอรรถประโยชน์และประสิทธิภาพในขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมกับข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษที่คุณสามารถออกแบบเองได้สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ และสนุกไปกับการเลือกช้อปคอลเลกชันเบนท์ลีย์สินค้าของที่ระลึกจากแบรนด์กับส่วนลดพิเศษในบรรยากาศของ ‘Bentley Bangkok Extraordinary Pop-up’ สไตล์เรียบหรูที่จะสะท้อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของแบรนด์ วันที่ 3 – 15 มิถุนายน 2568 บริเวณชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ผู้สนใจเข้าชมสามารถนัดหมายได้ที่เบอร์ 080-925-9999 หรือ LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก จัดแสดง New Continental GT Speed และ New Flying Spur Speed สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ที่มาพร้อมสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ด้วยขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ที่ทรงพลังที่สุดด้วยพละกำลังกว่า 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ในเฉดสีดำ Onyx สะท้อนสุดยอดสมรรถนะอันเหนือชั้น พร้อมกับการตกแต่งสไตล์สปอร์ตที่ดุดันและร่วมสมัย แต่ยังคงความหรูหราและความประณีตของงานฝีมือในแบบของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ และพบกับรุ่น Bentayga Hybrid รถยนต์แบบอเนกประสงค์กับอรรถประโยชน์อันล้นเหลือที่จะมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่าจากเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 แบบไฮบริดในเฉดสีดำ Onyx และการออกแบบที่หรูหราและร่วมสมัย พร้อมด้วยภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างประณีตและงดงามตามแบบฉบับของแบรนด์ไลฟ์สไตล์หรูสัญชาติอังกฤษ โดยภายในงาน เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังได้มอบโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ด้วยข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษแห่งปีสำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นใหม่และรถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบที่สามารถเลือกออกแบบเองได้เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พร้อมรับความอุ่นใจไปกับการรับประกันมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต เอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อเลือกครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น นอกจากนี้ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังมอบส่วนลดพิเศษ 25% เมื่อช้อปคอลเลกชันเบนท์ลีย์ใหม่ล่าสุด สินค้าลิขสิทธิ์แบรนด์ นำเข้าจากโรงงาน ประเทศอังกฤษ อาทิ ตุ๊กตาหมีเบนท์ลีย์ กระบอกน้ำเก็บความร้อน-เย็น แก้วน้ำรักษ์โลก เสื้อโปโล หมวกเบสบอล และสินค้าของที่ระลึกอื่นๆ อีกมากมาย

    ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • คอนติเนนทอล สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025 จับมือ Mercedes-Benz และ DEEPAL เปิดสอนหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย มั่นใจทุกสถานการณ์ ต่อเนื่องปีที่ 3

    1 Min Read

    คอนติเนนทอล สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025 จับมือ Mercedes-Benz และ DEEPAL เปิดสอนหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย มั่นใจทุกสถานการณ์ ต่อเนื่องปีที่ 3

    คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก และ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์และยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านกิจกรรม “Continental CSR Skill Driving 2025 ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจทุกสถานการณ์” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยร่วมมือกับสองแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) และ ดีพอล (DEEPAL) ถ่ายทอดความรู้ด้านความปลอดภัยและทักษะการขับขี่อย่างครบถ้วน ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของไทย ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี รายได้ทั้งหมดจากค่าสมัครโดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะมอบให้แก่มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและการศึกษาในการพัฒนาคุณภาพความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

    ต่อยอดความสำเร็จสู่ปีที่ 3 ยกระดับสังคมการขับขี่ปลอดภัยให้มั่นใจในทุกเส้นทาง

    มร. ปีเตอร์ รางเคิล (Mr. Peter Rankl) ประธานฝ่ายบริหารภูมิภาคอาเซียน คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ
    แบงคอก
    กล่าวว่า “ในนามของคอนติเนนทอล เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025 เป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการขับขี่ให้กับประชาชนไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อมั่นว่าทักษะและความเข้าใจที่ถูกต้องคือหัวใจของการขับขี่อย่างปลอดภัย สำหรับคอนติเนนทอล ความปลอดภัยถือเป็นคุณค่าหลักที่เรายึดถือมาตลอดระยะเวลากว่า 150 ปี ของการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์และยางรถยนต์ เราหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยให้เกิดความตระหนักรู้ในวงกว้าง และมีส่วนสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต”

    ภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการขับขี่ปลอดภัย ทั้งด้านทฤษฎีและการปฏิบัติจริง นำโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่แนวหน้าของประเทศไทย ได้แก่ นายวุฒินันท์ สภาวสุ, นายปริตร แม้นเมฆ, และนายสิรคุปต์ เมทนี ซึ่งหลักสูตรจะครอบคลุมตั้งแต่เรื่องทฤษฎีพื้นฐาน เช่น การปรับเบาะนั่งที่เหมาะสม วิธีการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง การเบรกในสถานการณ์คับขันต่าง ๆ ไปจนถึงระบบความปลอดภัยภายในรถ และความสำคัญของคุณภาพยาง จากนั้นผู้เข้าอบรมจะได้ปฏิบัติจริงโดยการขับรถยนต์ด้วยตนเอง โดยแบ่งออกเป็นการปฏิบัติตามฐาน ได้แก่ การเบรกกระทัน การหักหลบแบบต่อเนื่อง การควบคุมรถเสียหลัก และการหักหลบฉุกเฉิน นอกจากทักษะการขับขี่แล้ว การมีความรู้ความเข้าใจเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยภายในรถ และการใช้ยางที่มีมาตรฐานก็สำคัญมากเช่นกัน

    มร. คาเรล คูเซรา (Mr. Karel Kucera) กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ทางยางคอนติเนนทอล เราไม่ได้เพียงพัฒนายางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่มีความโดดเด่นด้านสมรรถนะ และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงเท่านั้น แต่เรายังเล็งเห็นถึงการส่งเสริมองค์ความรู้และสร้างความตระหนักในเรื่องทักษะการขับขี่ที่ถูกต้องให้กับประชาชน โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งยังมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในระดับสูง เราเชื่อว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสนับสนุนให้ผู้ขับขี่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบทบาทของยาง และการควบคุมรถอย่างปลอดภัย เพื่อจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในระยะยาว”

    ในการอบรมการขับขี่ปลอดภัยครั้งนี้ คอนติเนนทอลยังได้รับความร่วมมือจากสองพันธมิตรแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลกอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) และ ดีพอล (DEEPAL) ในการสนับสนุนรถยนต์จำนวนกว่า 9 คัน ครอบคลุมประเภทรถที่หลากหลาย ได้แก่ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium และ DEEPAL S05 ทั้งรุ่น BEV และรุ่น REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สัมผัสถึงสมรรถนะของยาง และได้รับประสบการณ์จากการขับขี่และการควบคุมรถที่ครอบคลุม

    ส่งมอบเงินบริจาคสมทบทุนให้มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย เพื่อส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาความปลอดภัยบนท้องถนน

    คอนติเนนทอลนำรายได้จากการจัดกิจกรรมนี้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการวิจัยด้านถนนปลอดภัย การศึกษาด้านการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ และการนำเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นผลกระทบที่ดีในวงกว้าง ซึ่งปีนี้ได้ส่งมอบเงินจำนวนทั้งสิ้น 105,300 บาท โดยได้รับเกียรติจาก คุณถนอมศรี วาสนะตระกูล หัวหน้าฝ่ายบริหาร ประจำศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เป็นผู้รับมอบ

    “คอนติเนนทอลตั้งใจให้กิจกรรมในครั้งนี้เป็นมากกว่าการฝึกอบรม เรารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัยให้แก่ประชาชนไทย เพื่อให้สามารถนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมไปปรับใช้ในชีวิตจริง พร้อมร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเราเชื่อว่าการสร้างความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องคือรากฐานของการลดอุบัติเหตุ และเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างยั่งยืน” ดร. ณรงค์ศักดิ์ รัตนสุวรรณชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ภูมิภาคอาเซียน และผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย กล่าวปิดท้าย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM ชำแหละเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ล่าสุดของ GWM TANK 300 DIESEL เผย 7 นวัตกรรมการดีไซน์เครื่องยนต์ ที่สร้างความนิ่ง เงียบ และนุ่มนวลในทุกการเดินทาง

    1 Min Read

    GWM ชำแหละเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ล่าสุดของ GWM TANK 300 DIESEL  เผย 7 นวัตกรรมการดีไซน์เครื่องยนต์ ที่สร้างความนิ่ง เงียบ และนุ่มนวลในทุกการเดินทาง

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)”  ตอกย้ำการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่องและความสำเร็จที่ก้าวไปอีกขั้นของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่ครองใจพี่น้องชาวไทยด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ยกระดับเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทยไปอีกขั้น ทั้งด้านพละกำลังและสมรรถนะ การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์จากสื่อมวลชนหลายแขนงและลูกค้าผู้ใช้จริงกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ ที่มีการออกแบบให้ลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นิ่ง เงียบ และนุ่มนวล แฟน ๆ ของ GWM เตรียมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในงาน “GWM DIESEL TECH DAY” กับปรากฏการณ์ครั้งแรกในประเทศไทยที่เจาะลึกเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลเจนเนอชั่นใหม่ล่าสุด รวมถึงการรวมตัวของเหล่าผู้ใช้งาน GWM TANK 300 จากทั่วประเทศ ที่พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปด้วยกัน ในวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ณ RARIN Bangkok Riverside Venue

    เผย 7 จุดเด่นของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลของ GWM ที่ช่วยให้การขับขี่ NEW GWM TANK 300 DIESEL นิ่ง เงียบ นุ่มนวล กว่าที่เคย

    • การออกแบบลดแรงสั่นสะเทือนของท่อเชื้อเพลิงแรงดันสูง (High-Pressure Fuel Pipe Vibration Damping Design) ทิศทางการเดินท่อน้ำมันแรงดันสูงได้รับการปรับให้เหมาะสม พร้อมตําแหน่งการยึดที่ได้รับการปรับปรุงให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเสียงสะท้อนความถี่และเสียงรบกวนที่ผิดปกติ  ปกติแล้วท่อน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงในเครื่องยนต์ดีเซลมักเกิดเสียงและแรงสั่นสะเทือนขณะทำงาน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของแรงดันน้ำมันในระบบอย่างรวดเร็วจากการเปิดปิดของหัวฉีดและปั๊มน้ำมันเครื่อง  การออกแบบนี้ จะสามารถช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนของท่อน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพิ่มความรู้สึกนิ่ง เงียบ สบาย ตลอดทั้งการเดินทาง
    • วัสดุดูดซับเสียงรอบระบบเชื้อเพลิง (Passive Noise Reduction) บริเวณหัวฉีดและปั๊มเชื้อเพลิงเป็นแหล่งกำเนิดเสียงที่สำคัญในเครื่องยนต์ดีเซล สามารถสังเกตได้จากเวลาสตาร์ทรถ ถ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม ๆ อาจมีเสียง “แกร๊กๆ” ชัดเจน แต่เครื่องยนต์ดีเซล 4T เจนฯ ใหม่ล่าสุดของ GWM ใช้ฉนวนกันเสียงชั้นดีหุ้มบริเวณนี้ เพื่อดูดซับเสียงที่เกิดจากการฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง และลดเสียงคล้ายการกระแทกเบา ๆ ที่อาจได้ยินจากห้องโดยสาร ให้เสียงที่เงียบไม่รบกวนทั้งสมาชิกในบ้านและเพื่อนบ้านรอบข้าง
    • การออกแบบระบบไทม์มิ่งที่ปรับปรุงใหม่ (Optimized Timing System Design) GWM มีการออกแบบระบบไทม์มิ่งใหม่ทั้งความตึงสายพานและลูกรอกที่มีการปรับให้เหมาะสม เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนของสายพานในขณะทำงาน นอกจากนี้ ฝาครอบเครื่องยนต์ที่ทาง GWM ใช้ ทำจากวัสดุผสมคือ ด้านบนทำจากพลาสติกที่มีความยืดหยุ่น และด้านล่างทำจากอะลูมิเนียมที่ช่วยดูดซับเสียงสะท้อน เหมาะกับการลดเสียงความถี่สูงที่อาจกระจายเข้าห้องโดยสาร เช่น เวลาขับในอุโมงค์หรือลานจอดรถใต้ดิน ด้วยการออกแบบพิเศษนี้ส่งผลให้ผู้ขับขี่ได้ยินแค่เสียงล้อกับถนน ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สะท้อนกวนใจในระหว่างขับขี่
    • เพลาลูกเบี้ยวแบบขนานพร้อมเฟืองพิเศษ ลดเสียงกระแทกของกลไกภายใน (Parallel Camshaft Coupling with Anti-Backlash Gears) กลไกของเครื่องยนต์ เช่น เพลาลูกเบี้ยว (Camshaft) ทำงานด้วยเฟืองที่อาจส่งเสียงขบหรือกระแทกหากออกแบบไม่ดี แต่เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้กับ GWM TANK 300 DIESEL ใช้เพลาขนานและเฟืองที่ออกแบบพิเศษ (Anti-Backlash Gears) เพื่อลดเสียงและแรงกระแทกภายใน จึงทำให้เสียงกลไกขณะเร่งเครื่องนุ่มนวลขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่กำลังเร่งแซงหรือขับขึ้นเขา เสียงเครื่องจะไม่ดังแหลมหรือรัวจนน่ารำคาญ แต่ให้ความรู้สึกที่เงียบและนุ่มนวลมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลแบบทั่วไป
    • เพลาสมดุลแบบใหม่ ติดตั้งด้านท้ายเครื่องยนต์เพื่อลดแรงสะเทือนจากการหมุน (Rear-End Gear Drive for Balance Shaft) เครื่องยนต์ดีเซลมักมีแรงสั่นสะเทือนจากการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งอาจส่งไปถึงพวงมาลัยหรือพื้นรถ GWM แก้ปัญหานี้ด้วยการติดตั้งเฟืองเพลาสมดุล (Balance Shaft) ไว้ด้านท้ายของเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อควบคุมแรงสั่นให้สมดุลมากที่สุด ทำให้พวงมาลัยนิ่งและจับถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเกร็งมือหรือขยับมือบ่อย ๆ
    • การออกแบบให้หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนร่วมกันของชิ้นส่วน (Component Modal Frequency Avoidance)

    NEW GWM TANK 300 DIESEL มีการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้หลีกเลี่ยงความถี่สั่นสะเทือนซ้ำซ้อน ชิ้นส่วนอย่างเสื้อสูบ ฝาสูบ และข้อเหวี่ยงได้รับการออกแบบให้มีค่าความถี่ที่ต่างกัน เพื่อลดโอกาสการเกิดเสียงหรือแรงสั่นสะเทือนที่เสริมกันจนเกิดเป็นเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เมื่อขับทางไกลต่อเนื่องเป็นชั่วโมง เสียงเครื่องยนต์จะคงที่ ไม่เกิดเสียงสั่นที่ “แว่วๆ” ให้รู้สึกรำคาญหรือเวียนหัวได้

    • ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ภายใน (Internal Chain-Driven Oil Pump) หากเปิดกระจกขณะขับผ่านซอยเงียบ ๆ หรือจอดคุยกับเพื่อนบ้าน ผู้ขับขี่จะไม่รู้สึกถึงเสียงเครื่องยนต์แหลม ๆ หรือเสียงคล้ายนกหวีด เนื่องมาจากระบบส่งกำลังของปั๊มน้ำมันเครื่อง ใน NEW GWM TANK 300 DIESEL ถูกพัฒนาให้ใช้โซ่แบบภายในเครื่องยนต์แทนสายพานในการขับปั๊มน้ำมันเครื่อง และติดตั้งในตำแหน่งด้านล่างเครื่องยนต์ โดยโซ่จะจุ่มอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้ช่วยลดเสียงความถี่สูงที่มักจะได้ยินจากภายในห้องโดยสาร ทำให้การพูดคุยหรือฟังเพลงในรถแป็นไปอย่างสะดวกสบายและเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

    ทั้งหมดนี้คือ 7 ไฮไลต์ จาก GWM ที่เฝ้าพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี สู่ผลสำเร็จของเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด 2.4T ใน GWM TANK 300 DIESEL เพื่อให้ทุกการเดินทางในทุก ๆ เส้นทางได้รับความสะดวกสบายมากกว่า และประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุก ๆ ด้านอย่างแท้จริง

    ร่วมเจาะลึกและเผยเบื้องหลังความสำเร็จของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่อัดแน่นไปด้วยสมรรถนะอันโดดเด่นที่มาพร้อมความนิ่ง เงียบ นุ่มนวล และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมการแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้จริง รวมถึงการทดลองขับ GWM TANK 300 DIESEL ในงาน “GWM DIESEL TECH DAY” ในวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 นี้ ณ RARIN Bangkok Riverside Venue สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Contact Center หมายเลข 02-668-8888


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Post Image

    AAS Motorsport ประเดิมสนามแรกคว้า “Double Winner” ในศึก TSS The Super Series by B-Quik 2025

    1 Min Read

    AAS Motorsport​ ประเดิมสนามแรกคว้า “Double Winner” ในศึก TSS The Super Series by B-Quik 2025

    เสียงเฮลั่นสนามช้างฯ กับผลงานเปิดฤดูกาลของทีมเอเอเอส มอเตอร์สปอร์ต ในรายการแข่งขันสุดยอดความเร็วรถยนต์ทางเรียบแถวหน้าของประเทศไทย “TSS The Super Series by B-Quik 2025” เมื่อวันที่ 22-25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ โดยในปีนี้ทำการส่งรถลงแข่งขันด้วยกัน 2 รุ่น จำนวน 3 คัน ได้แก่ รุ่น Supercar GT3 ขับโดย เต๊อะ-วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ & Laurin Heinrich (ลอริน ไฮน์ริช) ทีมเมทชาวเยอรมัน จาก (AAS Motorsport by EBM) กับรถแข่ง Porsche 911 GT3 R หมายเลข 18 ส่วนรุ่น Supercar GT4 หมายเลข 1 ขับโดย บูม-กันตธีร์ กุศิริ & มิกกี้-คมิก กรรณสูต และหมายเลข 99 โอม-ฐนภัทร สุทธิสว่าง & ปุ๊-เดชาธร ภู่อัครวุฒิ ในรถแข่ง Porsche 718 Cayman GT4RS Clubsport

     

    เปิดเกมการแข่งขันกันใน Race 1 กับรุ่นใหญ่ Supercar GT3 ที่ออก Start จากกริดที่ 2 โดยมี “เต๊อะ วุฒิกร & ลอริน ไฮน์ริช” แท็คทีมกันทำผลงานยอดเยี่ยมซิ่งรถ Porsche หมายเลข 18 ลงสนามโชว์ฟอร์มเดือดลุย Wet Race ควบคุมรถฝ่าสายฝนได้อย่างยอดเยี่ยมไล่แซงคู่แข่ง คว้าธงตาหมากรุกเป็นอันดับที่ 2 (P2) ของรุ่น GT3 และ Overall ยืนโพเดียมรับถ้วยรางวัลรองชนะเลิศพร้อมเก็บคะแนนสมสะเข้าตารางไปได้ก่อน

    ต่อด้วยรุ่น Supercar GT4 ที่เดือดไม่แพ้กัน หลัง “มิกกี้ คมิก” ลงคุมเกมในครึ่งแรกไล่ไต่อันดับจากท้ายตาราง (P12) ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ​ 7 ก่อนแตะมือเปลี่ยนให้ “บูม กันตธีร์” ลงสนามเสิร์ฟความมันส์แบบท็อปฟอร์มบีบระยะห่างไล่แซงขึ้นนำแบบทิ้งห่างได้สำเร็จ ขึ้นโพเดียมคว้าถ้วยชนะเลิศ (P1) ในรุ่น Supercar GT4 ได้สำเร็จและเก็บแต้มคะแนนสำคัญเข้าตารางตามมาติดๆ

    ในขณะที่รถ Porsche ​หมายเลข​ 99 ที่ขับโดย​ “ปุ๊​ เดชาธร” ซึ่งออกสตาร์ทจากกริดที่​ 3 นั้นเสียจังหวะในช่วงออกสตาร์ททำให้อันดับตกลงไปอยู่ที่ 5 อย่างน่าเสียดาย แต่ยังคงรักษาความเร็วเอาไว้ได้ก่อนจะส่งต่อความท้าทายในครึ่งหลังให้กับ “โอม ฐนภัทร” กับประสบการณ์แรกในการขับรถ Porsche ลงสนามลุยฝน ซึ่งหลังออกจาก Pit ก็ทุ่มสุดกำลังเพื่อขยับอันดับขึ้นมาจากที่ 9​ จนปิดเกม​เรซแรกไปในอันดับที่ 7 (P7)

     

    สำหรับ Race 2 ส่งท้ายสุดสัปดาห์ความเร็วยังคงชุ่มฉ่ำด้วยสายฝน เริ่มกันด้วย​รุ่น​ Supercar GT3 ที่ ​“ลอริน ไฮน์ริช” นักแข่งดีกรีแชมป์จากเยอรมัน ออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางฝนที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง พุ่งทะยานจาก​กริดสตาร์ทลำดับที่ 4 ขึ้น​นำเป็นจ่าฝูงได้ก่อนส่งต่อให้​ “เต๊อะ​ วุฒิกร” ทำหน้าที่เป็นไม้ที่ 2 โชว์ผลงานเดือด เข้าเส้นชัยคว้าถ้วยแชมป์ไปครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี​

    ต่อกันด้วยรุ่น Supercar GT4 ที่อะดรีนาลีนพุ่งทะลุปรอท กับรถหมายเลข #1 ที่​ “บูม กันตธีร์” ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพล (Pole Position) ซิ่งทำความเร็วลอยลำรักษาอันดับผู้นำไว้ได้จนถึงนาทีที่ Pit windows Open เปลี่ยนมือให้​ “มิกกี้ คมิก” ลงไปบู๊ต่อ แม้อันดับหลังออกจาก​ Pit​ จะตกลงไปอยู่ที่​ P5​ แต่งานนี้ “มิกกี้” กลับมาฮึดสู้กดคันเร่งเต็มกำลังไล่แซงขึ้นเป็นผู้นำได้อีกครั้งแบบฉิวเฉียดก่อนหมดเวลา​ กระโดดขึ้นโพเดียมคว้าชัยชนะตามรุ่นใหญ่มาติดๆ​

    ส่วนรถ​ Porsche หมายเลข #99 ของ “โอม ฐนภัทร สุทธิสว่าง” และ​ “ปุ๊ เดชาธร ภู่อัครวุฒิ” ก็ทำผลงานในสนามนี้ได้ไม่ธรรมดา​ ทำความเร็วเบียดขึ้นโพเดียมคว้าถ้วยรางวัลอันดับที่ 5 (P5) จบเกมสนามแรกของฤดูกาลได้อย่างสวยงาม…

    ทั้งนี้ศึก TSS The Super Series  2025 อีเว้นท์ต่อไป​ เตรียมพบกับ​ Street Circuit ที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตทุกคนตั้งตารอ… “Bangsaen Grand Prix” ณ ชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี  ในวันที่ 4-6 ก.ค. นี้ ร่วมติดตามและเป็นกำลังใจให้ AAS Motorsport Team ได้ทางแฟนเพจ Facebook & Instagram : AAS Motorsport


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ตลาดเครื่องยนต์เรือสะเทือน แบรนด์ระดับโลก สแกนเนีย เอาจริง จับมือ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ เบอร์ต้นธุรกิจต่อเรือและซ่อมบำรุงครบวงจร ผสานจุดแข็งรุกตลาดรอบใหม่ เผยขนส่งทางน้ำศักยภาพสูง-โอกาสเปิดกว้างอีกมาก

    1 Min Read

    ตลาดเครื่องยนต์เรือสะเทือน แบรนด์ระดับโลก สแกนเนีย เอาจริง จับมือ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ เบอร์ต้นธุรกิจต่อเรือและซ่อมบำรุงครบวงจร ผสานจุดแข็งรุกตลาดรอบใหม่ เผยขนส่งทางน้ำศักยภาพสูง-โอกาสเปิดกว้างอีกมาก

    นายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึง การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ เพื่อรุกตลาดเครื่องยนต์เรือ (Marine Engine) และเครื่องปั่นไฟ (Power Generator) ว่า เครื่องยนต์เรือและเครื่องปั่นไฟไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ สแกนเนีย แต่มีการเริ่มต้นผลิต จัดจำหน่าย และพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาพร้อมๆ กับเครื่องยนต์รถที่มีชื่อเสียงของแบรนด์มานานกว่า 100 ปี (ค.ศ.1923) โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีว่ามีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน มีความคงทน การซ่อมบำรุงรักษาที่ง่าย และยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้แต่ละปี สแกนเนีย มีการจำหน่ายเครื่องยนต์เรือและเครื่องปั่นไฟให้กับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 1 แสนเครื่อง

    ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์เรือของ สแกนเนีย มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 200 แรงม้า จนถึงกว่า 1,150 แรงม้า ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลัก (Propulsion) และเครื่องยนต์เสริม (Auxiliary) ครอบคลุมการใช้งานทั้งเรือขนาดเล็กจนถึงเรือขนาดใหญ่ โดยสามารถแบ่งเป็นประเภทหลักได้ 5 ประเภท ได้แก่ กลุ่มเครื่องยนต์สำหรับเรือยอร์ช (Luxury Boat) กลุ่มเครื่องยนต์เรือสำหรับเรือโดยสาร เรือข้ามฟาก เรือลากจูง เรือขนส่งและเรือประมงขนาดเล็ก (Public Boat) กลุ่มเครื่องยนต์สำหรับเรือบรรทุก เรือขนส่งหรือเรือประมง กลุ่มเครื่องยนต์สำหรับเรือเฉพาะกิจ เช่น เรือไล่ล่า เรือตรวจการ เรือผลักดัน ที่ต้องการแรงบิด (Torque) สูง ออกตัวและการเร่งความเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ กลุ่มเครื่องกำเนิด หรือ เครื่องปั่นไฟ ที่ใช้ในหลายธุรกิจ อาทิ  การก่อสร้าง การทำเหมือง การผลิตไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟฟ้า และผลิตไฟฟ้าบนเรือขนาดใหญ่ ฯลฯ

    ส่วนการรุกตลาดครั้งใหม่นั้น ล่าสุดได้มีการจับมือกับ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ พันธมิตรใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญ มีความเข้าใจตลาดเครื่องยนต์และมีเครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างดี รวมถึงมีประสบการณ์ในธุรกิจต่อเรือ ให้คำปรึกษา ติดตั้ง และซ่อมบำรุงเป็นอันดับต้นของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานจากลูกค้าไทยและต่างประเทศ ที่สำคัญคือ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้า ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการ เพราะนอกจากจะได้รับการบริการที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงแล้ว ยังมีตัวเลือกพรีเมี่ยมอย่างเครื่องยนต์ สแกนเนีย ที่มีชื่อเสียงเป็นตัวเลือกด้วย และทาง สแกนเนีย ก็พร้อมที่จะสนับสนุนพันธมิตรในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษา การฝึกอบรมเชิงเทคนิค การจัดหาและสำรองอะไหล่ ฯลฯ อีกด้วย

    ด้านนายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัทฯ ครอบคลุมหลายกลุ่มธุรกิจ โดยลูกค้าหลักอยู่ในหลายอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องยนต์เป็นส่วนประกอบ เช่น ภาคการขนส่งทางน้ำ ภาคอุตสาหกรรมหนัก ภาคการผลิตไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งในภาคการขนส่งทางน้ำถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่องทางการขนส่งสินค้าที่มีต้นทุนต่ำ เป็นเส้นทางเชื่อมโยงการค้าและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเทศไทยมีภูมิรัฐศาสตร์ที่เหมาะสมต่อการขนส่งทางน้ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีทั้งแม่น้ำ คลอง และชายฝั่งทะเล ที่เอื้อต่อการค้าและการขนส่งในประเทศและเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศได้สะดวก ดังนั้นโอกาสของตลาดเครื่องยนต์เรือจึงยังเปิดกว้างอยู่มาก

    ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเครื่องยนต์เรือนั้น ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความทนทาน (Reliability and Durability) ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Efficiency) ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา (Maintenance Costs) สมรรถนะและกำลังเครื่องยนต์ (Performance and Power) การปล่อยมลพิษ (Emissions) ที่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรม บริการหลังการขาย ราคาที่เหมาะสมกับคุณสมบัติและประโยชน์ที่ได้รับ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์และประสบการณ์ของผู้ผลิต ซึ่ง สแกนเนีย สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ของลูกค้าได้ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว สแกนเนีย ยังมีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ทำให้มีผลิตภัณฑ์หลายรุ่นหลายประเภทตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายกลุ่ม มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพทีดีขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นไฮบริด (Hybrid) ฯลฯ

    สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการรุกตลาดนั้น ประกอบด้วยกลุ่มหลัก 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการเรือพาณิชย์ เช่น เรือบรรทุกสินค้า เรือโดยสาร เรือเฟอร์รี่ เรือลากจูง กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมประมง เช่น เรือประมงขนาดต่างๆ กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น เรือท่องเที่ยว เรือสำราญ กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ เช่น เรือตรวจการณ์ เรือดับเพลิง และ กลุ่มผู้ใช้งานในภาคอุตสาหกรรมอื่น เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ฯลฯ

    ประโยชน์ของการร่วมมือกับ สแกนเนีย จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์ระดับโลกที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษา การสนับสนุนด้านการบริการและอะไหล่ที่ได้มาตรฐาน การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับทั้งทางบุคลากรของบริษัทฯ และผู้ประกอบการไทย รวมถึงมีส่วนช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ให้ความสำคัญต่อการลดการปล่อยมลพิษและสร้างความยั่งยืนต่อสังคมส่วนรวมด้วย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ปล่อยทีเซอร์ Bentayga ใหม่ พร้อมเผยโฉม 2 มิถุนายนนี้

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ปล่อยทีเซอร์ Bentayga ใหม่ พร้อมเผยโฉม 2 มิถุนายนนี้

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ปล่อยทีเซอร์ Bentayga ใหม่ พร้อมเผยโฉมยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ที่ทรงสมรรถนะที่สุด ไดนามิกที่สุด และน่าดึงดูดที่สุด วันที่ 2 มิถุนายนนี้

    Bentayga ใหม่มาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่าจากเครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบคู่ (non-hybridised V8) ที่จะมอบพละกำลังมากกว่า Bentayga Speed ในรุ่นเครื่องยนต์ W12 นอกจากนี้ ยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์รุ่นใหม่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งท่อไอเสียสไตล์สปอร์ตทรงรี 2 ท่อที่เผยให้เห็นจากดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่ที่โดดเด่น ตัวรถมอบโหมดการขับขี่ในแบบ SPORT ที่เร้าใจยิ่งขึ้น พร้อมด้วยโหมด ESC Dynamic ใหม่ที่จะช่วยให้สามารถดริฟต์ได้อย่างเร้าใจ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์สมรรถนะสูงจากเบนท์ลีย์

    สำหรับราคาและการเปิดรับคำสั่งจอง Bentayga ใหม่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจะประกาศให้ทราบหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • โตโยต้าขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรม ในหัวข้อเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าและการบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า

    1 Min Read

    โตโยต้าขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรมในหัวข้อเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าและการบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า

    โตโยต้าเปิดการอบรมให้แก่บุคคลภายนอกทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ตรงจากการลงมือปฏิบัติกับรถยนต์จริง พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ในศูนย์ปฏิบัติงานมาตรฐาน ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

    หลักสูตรที่เปิดอบรม

    1.ความรู้พื้นฐานและการบำรุงรักษารถยนต์ดีเซล วันที่ 20-21 มิถุนายน 2568

    2.ความรู้พื้นฐานและการบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า วันที่ 4-5 กรกฎาคม 2568

     

    เนื้อหาการอบรม

    1. หลักการทำงานพื้นฐานของเครื่องยนต์
    2. การตรวจสอบ การบำรุงรักษารถยนต์ และข้อควรระวัง
    3. วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
    4. การซ่อมแซมรถยนต์เบื้องต้นเมื่อเกิดปัญหาหรือเสียหาย

     

    ประโยชน์ที่จะได้รับจากการอบรม

    1. เพิ่มพูนความรู้และทักษ: เข้าใจหลักการทำงานของระบบต่างๆ ในรถยนต์, เรียนรู้วิธีดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกต้อง สามารถดูแลและบำรุงรักษารถยนต์เองได้ในเบื้องต้น
    2. เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่: เข้าใจถึงความสำคัญของการตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง
    3. เสริมสร้างความมั่นใจ: เพิ่มความมั่นใจในการใช้รถมากขึ้น

     

    ผู้เข้าอบรม

    1. บุคคลทั่วไป หรือ ผู้ใช้รถยนต์
    2. ผู้ประกอบการ หรือ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์
    3. นักศึกษา

     

    ค่าอบรม

    4,280 บาท ต่อคน ต่อหลักสูตร (ระยะเวลาอบรมต่อเนื่อง 2 วัน)

     

    สถานที่

    ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

    25 หมู่ 7 ถนนสุวินทวงศ์ ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000

     

    เรียนรู้จริง ฝึกจริง ลงมือทำจริง!

    ✓ เน้น ภาคปฏิบัติจริง

    ✓ มี รถยนต์จริง ให้ทดลองเรียนรู้

    ✓ พร้อมด้วย อุปกรณ์ครบครัน

    ✓ เรียนใน สถานที่มาตรฐาน พร้อมผู้เชี่ยวชาญ ดูแลใกล้ชิด

     

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

    คุณฐิติมา ปัญญายงค์  โทร. 038-09 2011 อีเมล tthongsa@toyota.co.th


    ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

    https://drive.google.com/drive/folders/1Sd1kBLbDK3QJH9wp5j5Zfxbduoo8Ex6d?usp=sharing

    No Comment
  • ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค (Porsche Asia Pacific) เผยโฉม ลายสนามของ Porsche Experience Centre Singapore (PEC Singapore) ที่ทุกคนรอคอย บนรถแข่ง Porsche Carrera Cup Asia 2025 ของ บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist)

    2 Min Read

    ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค (Porsche Asia Pacific) เผยโฉม ลายสนามของ Porsche Experience Centre Singapore (PEC Singapore) ที่ทุกคนรอคอย บนรถแข่ง Porsche Carrera Cup Asia 2025 ของ บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist)

    ในโอกาสครบรอบหนึ่งปีของการประกาศโครงการ Porsche Experience Centre (PEC) Singapore ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก ล่าสุด Porsche Asia Pacific ได้เผยความเคลื่อนไหวสำคัญ 2 เรื่อง ซึ่งสะท้อนทั้งจิตวิญญาณแห่งสมรรถนะและวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของแบรนด์ ไฮไลต์แรกคือการประกาศสนับสนุน บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist) นักแข่งดาวรุ่งจากนิวซีแลนด์ตลอดฤดูกาลแข่งขัน Porsche Carrera Cup Asia 2025 (PCCA) อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเผยโฉม ผังสนามของ PEC Singapore อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยออกแบบเป็นลายกราฟิกพิเศษ (Decal) บนหลังคาของรถแข่ง Porsche 911 GT3 Cup ที่กิลคริสต์ใช้ในการแข่งขัน

    ผู้ชมคงสังเกตเห็นได้ว่านี่คือครั้งแรกที่มีการเผยโฉม ผังสนามของ Porsche Experience Centre (PEC) Singapore ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จากภาพซิลูเอตต์ของสนาม เราสามารถมองเห็นองค์ประกอบอันน่าตื่นเต้นซึ่งรอให้เหล่านักขับและผู้หลงใหลความเร็วได้มาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ช่วงทางตรงความเร็วสูง ที่ต่อเนื่องจากโค้งเร่งความเร็ว ซึ่งผู้ขับสามารถทำความเร็วได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังมีโค้งแคบและเนินเอียง (Banked Corners) ที่ออกแบบมาเพื่อความท้าทายและเติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่

     

    สนามทดสอบการควบคุมรถ (Handling Course) ของ Porsche Experience Centre (PEC) Singapore ออกแบบโดย เฮอร์มันน์ ทิลเคอ (Hermann Tilke) แห่งบริษัท Tilke Engineers & Architects ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบสนามแข่งระดับโลกที่มีผลงานโดดเด่นมากที่สุด โดยผลงานของเขาผูกพันกับสนามชื่อดังอย่าง เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต (Sepang International Circuit), เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ (Circuit of the Americas) และ ยาส มารีนา เซอร์กิต (Yas Marina Circuit) สำหรับ PEC Singapore ซึ่งนับเป็นแห่งแรกในภูมิภาคนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและแฟน ๆ ปอร์เช่ ด้วยกิจกรรมท้าทายบนสนามอย่างเต็มรูปแบบ

     

    ผลักดันศักยภาพนักแข่งรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

    บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist) นักแข่งดาวรุ่งผู้มากความสามารถ จะลงแข่งขันด้วยรถ Porsche 911 GT3 Cup หมายเลข 10 ภายใต้การดูแลของทีม Earl Bamber Motorsport (EBM) กิลคริสต์ได้รับการคัดเลือกเป็นนักแข่งทุนในโครงการ Team Porsche New Zealand และยังได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่โปรแกรม PCCA Talent Pool ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเยาวชนนักแข่งของ Porsche Carrera Cup Asia ที่มุ่งสนับสนุนและต่อยอดศักยภาพของนักแข่งที่มีแววในภูมิภาค

     

    การสนับสนุน บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist) โดยปอร์เช่ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนนักแข่งต้นแบบในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การแข่งขันแบบวันเมคซีรีส์ เช่น Porsche Carrera Cup Asia (PCCA) มักเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญบนเส้นทางสายมอเตอร์สปอร์ตของนักแข่งรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ขณะเดียวกัน ศูนย์ขับขี่เสริมสร้างประสบการณ์ระดับภูมิภาคอย่าง Porsche Experience Centre Singapore (PEC Singapore) ที่กำลังจะเปิดให้บริการ ก็ถือเป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบในการค้นพบและขัดเกลาศักยภาพของนักแข่งหน้าใหม่ในอนาคต

     

    หนึ่งในแรงบันดาลใจของกิลคริสต์คือ เอิร์ล แบมเบอร์ (Earl Bamber) เพื่อนร่วมชาติของเขา ที่เคยไต่เต้าจากรายการเดียวกันอย่าง Porsche Carrera Cup Asia (PCCA) จนก้าวขึ้นเป็น นักแข่งโรงงานของปอร์เช่ (Porsche Works Driver) และคว้าชัยในการแข่งขันระดับตำนาน 24 Hours of Le Mans ถึง สองครั้ง ในปี 2015 และ 2017

     

    ยานนิค อ็อตต์ (Yannick Ott) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Porsche Asia Pacific กล่าวว่า “Porsche Experience Centre Singapore แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย จะเปิดโอกาสให้ผู้คนจำนวนมากได้สัมผัสความฝันในการขับขี่ปอร์เช่ บนสนามฝึกควบคุมรถระดับเวิลด์คลาส การเผยโฉมผังสนาม PEC Singapore บนตัวรถของ บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist) ในรายการ Porsche Carrera Cup Asia ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการแนะนำสนามแห่งนี้ให้กับแฟนปอร์เช่และผู้หลงใหลมอเตอร์สปอร์ตทั่วภูมิภาค เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นบร็อคลงสนาม พร้อมเดินหน้าสนับสนุนและปลุกปั้นนักแข่งรุ่นใหม่ในฐานะอนาคตของวงการมอเตอร์สปอร์ต”

     

    การแข่งขัน Porsche Carrera Cup Asia ฤดูกาล 2025 ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสนามแรกจัดขึ้นที่ Shanghai International Circuit ตามด้วยสนามที่สองที่ โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น (Motegi, Japan) บร็อค กิลคริสต์ (Brock Gilchrist) สร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการคว้าโพเดียมแรกของเขาได้สำเร็จที่สนามเซี่ยงไฮ้ อย่างไรก็ตาม เขาพลาดการแข่งขันในสนามที่ญี่ปุ่นเนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัด

     

    โดยมีสนามแข่งขันอีกหลายแห่งในระดับตำนานรออยู่ทั่วภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น Fuji Speedway (ประเทศญี่ปุ่น), บางแสน สตรีทเซอร์กิต (ประเทศไทย), Sepang International Circuit (ประเทศมาเลเซีย), Mandalika International Circuit (ประเทศอินโดนีเซีย) และ Marina Bay Street Circuit ในช่วงสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน Formula 1 Singapore Grand Prix ฤดูกาลนี้จึงพร้อมมอบประสบการณ์สุดเร้าใจที่เต็มไปด้วย พรสวรรค์ ความเร็ว และแรงบันดาลใจ อย่างแท้จริง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • PTG ชู Non-Oil โตเด่นผ่านฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus

    1 Min Read

    PTG ชู Non-Oil โตเด่นผ่านฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus

    คุณธีรพันธ์ ดิษยบุตร (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน พร้อมด้วยคุณปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และบริหารการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส1/68 ในงาน Opportunity Day บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยประเมินภาพรวมธุรกิจ PTG ยังมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาของ กาแฟพันธุ์ไทย ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่มีความแข็งแกร่งในการใช้บริการภายใต้ ระบบนิเวศ Max World กว่า 25 ล้านราย ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร เพื่อเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข   โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ อาคาร CW ทาวเวอร์ รัชดา กรุงเทพฯ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment