• ZEEKR 7X คว้ามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย สู่ความไว้วางใจของผู้ใช้งานทั่วโลก

    1 Min Read

    ZEEKR 7X คว้ามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย สู่ความไว้วางใจของผู้ใช้งานทั่วโลก

    ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมระดับสากล คว้ารางวัลมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP องค์กรที่ประเมินและให้คะแนนความปลอดภัย    ยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งในระดับโลก

    ย้อนกลับไปในปี 2024 ZEEKR 001 Shooting Brake และ ZEEKR X Compact SUV ได้รับรางวัลระดับ 5 ดาว และ ZEEKR X ยังได้รับรางวัล Best in Class Award สำหรับรถประเภท Small SUV and Pure Electric Vehicles  ผลลัพธ์ล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ทุกรุ่นของ ZEEKR ที่จำหน่ายในยุโรปได้รับคะแนนระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP และความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นว่า ZEEKR ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในการออกแบบและพัฒนารถยนต์ขั้นสูงสุด

    ในส่วนของ ZEEKR 7X เช่นเดียวกับ ZEEKR 001 และ ZEEKR X ที่ได้รับการพัฒนาโดยศาสตร์ด้านสถาปัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มรถยนต์  SEA (Sustainability Experience Architecture) ที่ทันสมัย ​​ซึ่งผสานเทคโนโลยีชั้นสูง ด้วยกระบวนการหลอมโลหะที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษอัดฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์ด้วยแรงดันสูงเพื่อให้ได้โครงฐานชิ้นสำคัญชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวแทนการใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้น เพื่อเสริมการปกป้องผู้โดยสาร ซึ่งเป็นคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตรงบริเวณช่วงฐานด้านล่างของ ZEEKR 7X นวัตกรรมนี้จึงช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถังและเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงที่ออกแบบไว้ในโครงสร้างตัวถังพร้อมด้วยระบบควบคุมเป็นชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนและคนขี่จักรยาน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ระบบมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะเดินหน้าหรือถอยหลัง ระบบแสดงข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลแบบเออาร์ ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบตรวจหาเด็กในรถ (หากผู้ปกครองลืมเด็กไว้ที่เบาะหลัง เทคโนโลยีการตรวจจับในรถจะตรวจจับสิ่งนี้ด้วยเซนเซอร์เรดาร์และอัลกอริทึมที่จัดเก็บไว้สำหรับการจำแนกวัตถุและส่งเสียงเตือน) และหาก ZEEKR 7X เกิดอุบัติเหตุ ระบบจะเบรกรถโดยอัตโนมัติทันทีเพื่อป้องกันการชนซ้ำ

    คะแนนความปลอดภัยสูงสุดจาก Euro NCAP ถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้ ZEEKR 7X เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มยานยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งรถยนต์ SUV ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังหรือมอเตอร์คู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมีระยะทางวิ่งสูงสุด 615 กม.1 (WLTP) และด้วยเทคโนโลยี 800V ทำให้สามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ในระยะเวลาเพียง 13 นาที2

    ZEEKR 7X: อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน kWh/100km: 17.7-19.9 (WLTP) การปล่อย CO2 รวมเป็น g/km: 0

    ZEEKR 001: อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน kWh/100km: 17.3-18.5 (WLTP) การปล่อย CO2 รวมเป็น g/km: 0 ZEEKR X: อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน kWh/100km: 16.4-17.3 (WLTP) การปล่อย CO2 รวมเป็น g/km: 0)

    1 เวลาในการชาร์จจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพปัจจัยต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ชาร์จ, อุณหภูมิโดยรอบ, อุณหภูมิแบตเตอรี่, สถานะการชาร์จ, อายุและสภาพของแบตเตอรี่ และยานพาหนะ
    2 ระยะทางตามรอบการขับขี่ WLTP ภายใต้สภาวะที่ควบคุม ระยะทางตามจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพของรถและแบตเตอรี่, เส้นทางจริง, สภาพแวดล้อม, สไตล์การขับขี่, น้ำหนักบรรทุก, คุณสมบัติของล้อและยาง, อุปกรณ์พ่วงและอุปกรณ์ที่ติดตั้งเสริม

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • FIT Auto ร่วมกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการ FIT KUB TIP ยกระดับมาตรฐานบริการประกันภัยรถยนต์แบบ One Stop Service

    1 Min Read

    FIT Auto ร่วมกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการ FIT KUB TIP ยกระดับมาตรฐานบริการประกันภัยรถยนต์แบบ One Stop Service

     

    FIT Auto เดินหน้ายกระดับมาตรฐานบริการรถยนต์อีกขั้น โดยร่วมกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดตัวโครงการ “FIT KUB TIP คุ้มทุกคัน ประกันทุกยาง” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปัจจุบัน โดยผสานจุดแข็งของทั้งสามบริษัท พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) อย่างเป็นทางการ ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดีรังสิต 62

    คุณรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) พร้อมด้วย คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และคุณธีรวัฒน์ ตั้งเสรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภายใต้โครงการ FIT KUB TIP” ซึ่งมีระยะเวลา 3 ปี เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมทั้งประกันภัยประเภท 1, 2+ และ 3+ พร้อมเพิ่มความคุ้มครองด้านยางรถยนต์และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง มอบประสบการณ์ One Stop Service ให้กับลูกค้า เฉพาะที่ FIT Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ

    ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของ FIT Auto ในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการศูนย์บริการรถยนต์ ด้วยการเพิ่มช่องทางเพื่อความสะดวกสบายสำหรับลูกค้าที่สนใจประกันภัยรถยนต์อย่างครบถ้วน คุ้มค่า และมั่นใจได้ในคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายและความอุ่นใจในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ OR, ทิพยประกันภัย และ อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ ในการส่งมอบบริการด้านประกันภัยที่สะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

    ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยโครงการ FIT KUB TIP ได้สะดวก ผ่านการสแกน QR Code ณ จุดบริการ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1736 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: FIT Auto หรือค้นหาสาขาใกล้บ้านได้ที่ www.pttfitauto.com/th/branch

    #FITAuto #FITKubTIP #เชี่ยวชาญบริการจากใจ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิด Design Studio แห่งใหม่ พร้อมปฏิวัติการออกแบบยนตรกรรมแห่งอนาคต

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิด Design Studio แห่งใหม่ พร้อมปฏิวัติการออกแบบยนตรกรรมแห่งอนาคต

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิด Design Studio แห่งใหม่ที่ได้แปลงโฉมอาคาร ‘Front of House’ อันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ด้วยดีไซน์และสถาปัตยกรรมอันทันสมัยโดยทีมออกแบบของเบนท์ลีย์ โดย Design Studio แห่งใหม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการพร้อมด้วย Dr. Frank-Steffen Walliser ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คณะกรรมการบริหาร และพนักงานกว่าอีก 4,000 ชีวิตในพิธีเปิดสุดพิเศษที่ดำเนินงานโดย George Clarke สถาปนิกและพิธีกรผู้มีชื่อเสียง

    อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี 2482 และถือเป็นจุดกำเนิดของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สในเมืองครูว์และเป็นรากฐานสำคัญทางมรดกของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สที่ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมากมาย อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และบุคคลสำคัญอื่นๆ สตูดิโอแห่งใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่าสตูดิโอออกแบบเดิมประมาณสองเท่า รวมถึงชั้นสามที่ต่อเติมจากอาคารเดิม ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำโครงสร้างใหม่และการปรับปรุงในจุดที่สามารถทำได้ เนื่องจากเบนท์ลีย์ยังคงให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของโรงงานที่ได้รับการรับรองในด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน

    Design Studio แห่งใหม่จึงถือเป็นพื้นที่การออกแบบที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์เอาไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบราว 50 ชีวิตบนเส้นทางสู่อนาคตการออกแบบยนตรกรรมเบนท์ลีย์

    สภาพแวดล้อมที่จะก่อให้เกิดควาคิดสร้างสรรค์นี้ยังส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกที่สตูดิโอใหม่นี้จะรวมนักออกแบบของเบนท์ลีย์ แผนกออกแบบพิเศษ และ แผนก Bentley Mulliner พร้อมกับบทบาทสำคัญที่เพิ่มขึ้นในด้าน UX (ประสบการณ์ผู้ใช้) และ UI (ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้) เพื่อสร้างอนาคตที่ผู้ขับขี่จะสามารถโต้ตอบกับองค์ประกอบต่างๆ ของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    นอกเหนือจากการปฏิวัติด้านการออกแบบยนตรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์แล้ว สำนักงานใหญ่ในเมืองครูว์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Dream Factory” กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งสู่อนาคตด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับหรู

    หลังจากการเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและการส่งมอบแห่งใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และการก่อสร้างศูนย์ทำสีและตัวถังรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ที่กำลังดำเนินงานอยู่ สตูดิโอออกแบบแห่งใหม่นี้จะยังคงรักษาพันธสัญญาของแบรนด์ในการบูรณะในส่วนที่จำเป็นมากกว่าการลงทุนในการทำโครงสร้างใหม่

    สำหรับการเปิด Design Studio แห่งใหม่ของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้นำเอาจุดเด่นของอาคาร ‘Front of House’ ดั้งเดิมมาบูรณะใหม่อย่างบันไดทองเหลืองแบบดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2482 ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมด้วยแผ่นโลหะแบบพิเศษและการต่อเติมชั้นใหม่

    ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “เติ้น” ทัศนพล นักแข่งดาวรุ่งไทย เปิดใจครั้งแรกหลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ระดับโลก FIA Formula 3 Championship 2025 พร้อมส่งแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยกล้าฝัน

    1 Min Read

    “เติ้น” ทัศนพล นักแข่งดาวรุ่งไทย เปิดใจครั้งแรกหลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ระดับโลก FIA Formula 3 Championship 2025 พร้อมส่งแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยกล้าฝัน

    วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อ “เติ้น” ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ นักแข่งดาวรุ่งชาวไทย วัย 19 ปี ภายใต้สังกัดทีม Campos Racing สร้างผลงานระดับโลก คว้าแชมป์อันดับ 1 ในรายการแข่งขัน FIA Formula 3 Championship 2025 สนามที่ 7 ณ สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษพร้อมชูธงชาติไทยขึ้นโพเดียม ท่ามกลางเสียงเพลงชาติที่ดังกึกก้องไปทั่วสนาม กลายเป็น นักแข่งไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าชัยในรายการระดับนานาชาตินี้

    หลังจบการแข่งขัน เติ้น ทัศนพล เปิดใจเป็นครั้งแรกในฐานะแชมป์ เผยให้เห็นถึงเบื้องหลังพลังใจ แรงผลักดัน และความรักในกีฬาความเร็วที่ฝังรากมาตั้งแต่วัยเด็ก “ผมจำได้เลยว่าตอนเด็กๆ ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ครั้งแรก หัวใจผมเต้นแรงเหมือนโดนมนต์สะกด รู้เลยว่านี่คือโลกของผม”

    เติ้น เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้น พร้อมย้ำว่าคุณพ่อคือคนสำคัญที่ปลุกไฟฝันให้กลายเป็นจริง “เส้นทางนี้ไม่เคยง่าย มีหลายครั้งที่รู้สึกท้อ พ่ายแพ้ หรือบาดเจ็บจนคิดจะหยุด แต่ผมจะนึกถึงคำพูดของพ่อที่บอกว่า ‘ถ้ารู้ว่าอยากไปไหน ก็อย่าหยุดเดิน’ มันคือคำที่ผลักดันให้ผมลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง” เติ้นกล่าวด้วยความตื้นตันใจ

    ขอเล่าถึงการเตรียมตัวก่อนลงสนามทุกครั้งว่า “ทั้งร่างกายและจิตใจต้องพร้อมรบ 100% ผมฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น ทั้งการคุมอาหาร การทำสมาธิ การสร้างภาพชัยชนะและวิธีการไปถึงชัยชนะในหัวทุกคืนก่อนนอน ผมเชื่อว่าเมื่อเราร่างภาพนั้น ได้ชัด เราจะสามารถดึงมันออกมาให้เป็นไปได้จริงในวันแข่ง”

     สำหรับช่วงเวลาที่หัวใจเต้นแรงที่สุดในสนาม เติ้น ระบุว่า คือจังหวะที่โดนแซงในรอบที่ 6 ก่อนคว้าชัยชนะที่สนามซิลเวอร์สโตน “มันเป็นเสี้ยววินาทีที่ใจหล่นวูบ แต่ผมเลือกที่จะไม่ตื่นตระหนก ค่อยๆรวบรวมสมาธิ ทั้งหมด เพราะผมเชื่อว่าตัวเองยังมีโอกาส ถ้าเรานิ่งพอและบริหารจัดการยางและสติในการขับของเราได้ดีพอ เราจะกลับมาได้” และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงเมื่อเขาเร่งแซงในรอบที่ 10 จนสามารถกลับขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำหัวแถวได้สำเร็จอีกครั้ง

    เติ้น กล่าวว่า หนึ่งในบทเรียนสำคัญจากการแข่งขันครั้งนี้คือ “ความนิ่งสำคัญพอๆ กับความเร็ว” รวมถึงการทำงานเป็นทีม ซึ่งถือเป็นหัวใจของชัยชนะ เพราะ “นักแข่งไม่มีวันไปถึงเส้นชัยคนเดียว”

    สำหรับชัยชนะครั้งนี้ของเติ้น “มันมีค่ามาก ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย” เพราะนี่คือบทพิสูจน์ว่าศักยภาพของเด็กไทยนั้นสามารถลงสู้ศึกในการแข่งขันระดับโลกได้ “ผมหวังว่าชัยชนะนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยทุกคนลุกขึ้นตามหาความฝัน และทำตามความฝันของตน ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่แค่ไหน ผมเชื่อว่าถ้าเรามุ่งมั่นและเอาจริงกับมัน เราจะพบความสำเร็จ”

    เติ้น ยังขอบคุณครอบครัว ทีม Campos Racing ผู้สนับสนุน และแฟนๆ โดนเฉพาะแฟนชาวไทยที่ส่งแรงใจผ่านโซเชียลมาอย่างล้นหลาม “ผมเห็นทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจ มันคือพลังที่ทำให้ผมไม่ยอมแพ้ ผมอยากขอบคุณพ่อกับแม่ ที่เชื่อมั่นในตัวผมมาตลอด พวกท่านคือเหตุผลสำคัญที่ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้”

    เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อไป เติ้นตอบชัดว่า “FIA Formula 2 คือเป้าหมายระยะใกล้ และแน่นอน Formula 1 (F1) คือความฝันสูงสุดของผม ผมอยากเห็นธงชาติไทยบนเวทีนั้น และเชื่อว่าวันนั้นจะต้องมาถึง”

    ก่อนจบการสัมภาษณ์ เติ้น ฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ว่า “อย่าปล่อยให้ความกลัวมาหยุดความฝันของคุณ ทุกอุปสรรคคือบททดสอบ แต่ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ มันจะกลายเป็นบทพิสูจน์ว่าคุณคือของจริง”

    ชัยชนะของ “เติ้น” ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ ไม่เพียงทำให้ประเทศไทยปรากฏบนแผนที่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตโลก แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมสู่หัวใจของคนรุ่นใหม่ทุกคนที่มีความฝัน จาก“เสียงเครื่องยนต์” รถคันเล็กๆ ในสนามเด็กเล่นของเด็กไทยคนหนึ่ง อาจเป็นจุดเริ่มต้น ก้าวขึ้นสู่โพเดียมในสนามการแข่งขันระดับโลก แต่สิ่งที่พาเขาพุ่งทะยานมาถึงวันนี้ได้ คือ “เสียงเร่งเครื่องของความมุ่งมั่น” ที่ดังสะท้อนอยู่ในใจตลอดมา และเชื่อว่าจะช่วยปลุกพลังและสร้างแรงใจให้เยาวชนไทยทุกคนลุกขึ้นมากล้าฝันตามฮีโร่แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตคนใหม่คนนี้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ปอร์เช่ ประเทศไทย พาเจ้าของรถปอร์เช่กว่า 30 คัน จัดเต็มประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตสุดเร้าใจระดับโลกใน Porsche Carrera Cup Asia 2025 ณ ชลบุรี

    1 Min Read

    ปอร์เช่ ประเทศไทย พาเจ้าของรถปอร์เช่กว่า 30 คัน จัดเต็มประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตสุดเร้าใจระดับโลกใน Porsche Carrera Cup Asia 2025 ณ ชลบุรี

    ปอร์เช่ ประเทศไทย จัดประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับเจ้าของรถสปอร์ตปอร์เช่จำนวน 30 คัน ในรายการ Porsche Carrera Cup Asia (PCCA) 2025 ซึ่งจัดขึ้นร่วมกับการแข่งขัน Thailand Super Series ณ สนามบางแสน จังหวัดชลบุรี ลูกค้าได้สัมผัสโลกของมอเตอร์สปอร์ตอย่างใกล้ชิดแบบติดขอบสนาม พร้อมโอกาสพิเศษในการขับรถปอร์เช่คู่ใจของตนเองลงบนสนามแข่งระดับตำนานอย่าง บางแสน สตรีท เซอร์กิต และชมการแข่งขันของรถแข่ง Porsche 911 GT3 Cup อย่างใกล้ชิด ผ่านกิจกรรมพาเหรด, เดินชมพื้นที่เบื้องหลังสนามแข่งและ pit lane อย่างเต็มอรรถรส

    ปอร์เช่ ประเทศไทย ผนึกกำลังตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ รังสรรค์ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พาลูกค้าคนสำคัญกว่า 30 ท่าน ร่วมเปิดประสบการณ์ใกล้ชิดกับการแข่งขันระดับโลกในรายการ ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2025 (Porsche Carrera Cup Asia) ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในศึก ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ (Thailand Super Series) ณ สนามบางแสน สตรีทเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

    ในบรรยากาศสุดเร้าใจของสนามแข่งริมทะเล ลูกค้าปอร์เช่ได้ดื่มด่ำกับโลกของความเร็วอย่างเต็มอารมณ์ ไม่ใช่แค่เพียงการชมจากข้างสนาม แต่ได้เข้าไปสัมผัสทุกจังหวะของการแข่งขันแบบใกล้ชิด เสมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมแข่ง และได้ส่งแรงใจเชียร์นักแข่งไทยมากฝีมือที่ลงสนามประชันฝีมือกับนักขับจากทั่วเอเชียอย่างน่าภาคภูมิ

    กิจกรรมสุดพิเศษครั้งนี้ไม่เพียงแค่ตอกย้ำ “ดีเอ็นเอ” แห่งมอเตอร์สปอร์ต ที่ฝังแน่นอยู่ในแบรนด์ปอร์เช่เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของปอร์เช่ ประเทศไทย ในการมอบสิทธิพิเศษเหนือระดับให้กับลูกค้าทุกท่าน กิจกรรมนี้ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ปอร์เช่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นสังคมของผู้ที่มีหัวใจเดียวกัน หลงใหลในความเร็ว สมรรถนะ และความเอ็กซ์คลูซีฟในแบบฉบับของปอร์เช่

    คุณปวราภา ดุพัสกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “สิ่งนี้ คือสิ่งที่ทำให้ปอร์เช่แตกต่าง ไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์เท่านั้น แต่คืออารมณ์ ความรู้สึก เสียงของเครื่องยนต์ กลิ่นของน้ำมันที่อบอวลอยู่บนพื้นแทร็ก และพลังงานที่พลุ่งพล่านรอบตัวตลอดสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน”

    “นอกเหนือจากการมอบประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตอย่างใกล้ชิดให้กับลูกค้าคนสำคัญของเราแล้ว กิจกรรมในครั้งนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่พิเศษในการรวมพลังส่งกำลังใจให้กับนักแข่งไทยมากฝีมือ เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็น คุณมั่นคง เสถียรถิระกุล คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันในรุ่น AM Class ของรายการปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย และรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็น คุณวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ และเพื่อนร่วมทีม คุณลอริน
    ไฮน์ริช ลงสนามในรถปอร์เช่ 911จีทีสาม อาร์ หมายเลข 18 ในนามทีมเอเอเอส มอเตอร์สปอร์ต บาย อีบีเอ็ม (AAS Motorsport by EBM) พร้อมคว้าตำแหน่งโพลโพซิชันในรุ่นซูเปอร์คาร์ จีทีสาม ของการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ได้สำเร็จ” คุณปวราภา กล่าวเสริม

    กิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟและบริการเหนือระดับจากปอร์เช่ ประเทศไทย เติมเต็มสุดสัปดาห์แห่งมอเตอร์สปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ

    ปอร์เช่ ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟและบริการเหนือระดับในช่วงสุดสัปดาห์แห่งความเร้าใจ โดยเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมพาเหรด (Parade Experience) ที่มอบโอกาสสุดพิเศษให้ลูกค้าปอร์เช่ผู้รักความเร็วจำนวน 30 ท่านพร้อมผู้ติดตาม ได้ขับรถปอร์เช่คันโปรดลงสู่สนามแข่งระดับโลก “บางแสน สตรีทเซอร์กิต” ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสบรรยากาศวันแข่งขันอย่างเต็มอารมณ์ ราวกับเป็นนักแข่งอาชีพที่ได้สัมผัสจังหวะของสนามแข่งด้วยตัวเอง

    นอกจากนี้ ลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ VIP Access จะได้เข้าร่วมกิจกรรม Customer Pit Tour ที่เปิดโอกาสให้เข้าชมเบื้องหลังของการปฏิบัติงานในสนามแข่งอย่างใกล้ชิด ผู้เข้าร่วมได้เดินชมบริเวณแพดด็อก (Paddock) และพิทเลน (Pit Lane) แบบเอ็กซ์คลูซีฟ สัมผัสเบื้องหลังการทำงานของทีมแข่งปอร์เช่มืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเตรียมรถ การประสานงานของทีมช่าง และการชมรถแข่งปอร์เช่ 911 จีทีสาม คัพ (Porsche 911 GT3 Cup) อย่างใกล้ชิดในขณะปฏิบัติหน้าที่จริง

    เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งความประทับใจ ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังได้จัดเตรียม ห้องรับรองสุดหรู (Porsche Hospitality) สำหรับเจ้าของรถปอร์เช่และผู้ติดตามคนสำคัญ รวมถึงนักแข่งในรายการปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย โดยห้องรับรองตั้งอยู่ ณ จุดชมวิวริมทะเลอันงดงาม มอบทั้งความสะดวกสบายในห้องปรับอากาศ ทัศนียภาพของสนามแข่งแบบพาโนรามา ผสานความหรูหราและความเป็นกันเองไว้ได้อย่างลงตัว

    ปอร์เช่ ไทคานน์: นวัตกรรมพลังไฟฟ้าสะกดทุกสายตา ณ บางแสน

    เพื่อเติมเต็มประสบการณ์สุดสัปดาห์แห่งความเร็วให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้นำเสนอไฮไลต์พิเศษอย่าง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ ซึ่งถูกจัดแสดงอย่างโดดเด่นภายในโซนห้องรับรองของปอร์เช่ กลายเป็นจุดสนใจของแฟนๆ สื่อมวลชน และเจ้าของรถปอร์เช่ที่แวะเวียนมาชมอย่างไม่ขาดสาย

    ไทคานน์รุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับโฉมและพัฒนาอย่างรอบด้าน ถือเป็นบทพิสูจน์อันทรงพลังถึงความสามารถของปอร์เช่ในการผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับดีเอ็นเอแห่งมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอันทรงพลัง และการควบคุมเฉียบคมดุจรถสปอร์ต ทำให้ไทคานน์สามารถส่งมอบความเร้าใจจากสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้อย่างเหนือชั้น ในแบบฉบับยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

    ระเบิดความมันส์สะเทือนชายฝั่ง สัมผัสความเร้าใจใน Porsche Carrera Cup Asia 2025

    อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือการได้สัมผัสการแข่งขัน ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2025 (PCCA) อย่างใกล้ชิด ซึ่งระเบิดความมันส์สะเทือนชายฝั่งบางแสน ตลอดวันที่ 4–6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บนสนามแข่งเลียบชายทะเล บางแสน สตรีทเซอร์กิต นับเป็นสุดสัปดาห์ที่เปี่ยมไปด้วยความประทับใจแบบฉบับปอร์เช่อย่างแท้จริง

     

    การแข่งขันที่บางแสนถือเป็นหนึ่งในสนามที่น่าตื่นเต้นที่สุดของฤดูกาล PCCA ปี 2025 ที่เปลี่ยนถนนริมทะเลของบางแสนให้กลายเป็นสนามแข่งระดับโลก ทดสอบความเร็ว ความแม่นยำ และจิตวิญญาณแห่งสมรรถนะของปอร์เช่อย่างเต็มพิกัด

    สนามบางแสน สตรีทเซอร์กิต ขึ้นชื่อเรื่องโค้งแคบที่ท้าทาย สิ่งกีดขวางต่างๆ ที่พลาดไม่ได้ และวิวทะเลสุดตระการตา และในปีนี้ก็ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งในสนามที่โหด มันส์ และเป็นที่จดจำมากที่สุดในเอเชีย นักแข่งระดับแนวหน้าได้ขับเคี่ยวกันชนิดล้อต่อล้อในรถ ปอร์เช่ 911 จีทีสาม คัพ อย่างเต็มสมรรถนะ นอกจากการแข่งขันหลักแล้ว แฟนๆ ยังได้เพลิดเพลินไปกับการแข่งขันจาก ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ (Thailand Super Series) และ เอฟโฟร์ เซาท์อีสต์เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ (F4 Southeast Asia Championship) ทำให้สุดสัปดาห์นี้กลายเป็นเทศกาลแห่งมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โตโยต้าถนนสีขาว ร่วมมือ ศูนย์ฝึกสมอง รพ.จุฬาลงกรณ์ นาโปรแกรมประเมินสมรรถนะการขับขี่รถยนต์สาหรับผู้สูงอายุ จัดนิทรรศการในงานเสวนา “สมองดี มีสุข”

    1 Min Read

    โตโยต้าถนนสีขาว ร่วมมือ ศูนย์ฝึกสมอง รพ.จุฬาลงกรณ์ นาโปรแกรมประเมินสมรรถนะการขับขี่รถยนต์สาหรับผู้สูงอายุ จัดนิทรรศการในงานเสวนา “สมองดี มีสุข”

    นายสิริวิทย์ ปรีชาศุทธิ์ ผู้อานวยการฝ่ายวางแผนองค์กร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด พร้อมด้วย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อานวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ รศ.ดร.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ หัวหน้าศูนย์ฝึกสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมเปิดงาน Chula Cognitive “สมองดี มีสุข” ที่ประกอบด้วยงานเสวนา นิทรรศการ และบูธกิจกรรม เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมงานกว่า 300 คน ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568

    โตโยต้าดาเนินกิจกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน ภายใต้โครงการโตโยต้า ถนนสีขาว อย่างต่อเนื่องมากว่า 37 ปี เพื่อสร้าง “สังคมคนขับรถดี (Good Driver Society)” แก่ประชาชนในทุกวัย โดยหนึ่งในนั้น คือการนา “โปรแกรมประเมินสมรรถนะการขับขี่รถยนต์สาหรับผู้สูงอายุ” ที่ได้พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเน้นประเมินสุขภาพใน 4 ด้าน ได้แก่ พลังร่างกาย สายตา การตัดสินใจ และความเข้าใจเหตุการณ์ มาใช้กับประเทศไทย ซึ่งกาลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์

    ในงานนี้ โตโยต้า ได้ร่วมมือกับศูนย์ฝึกสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในการพัฒนาหลักสูตรโปรแกรม ด้วยการให้ความรู้เพิ่มเติมในเชิงการแพทย์ ถึงความเสี่ยงและผลกระทบต่อการขับขี่ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายในผู้สูงวัย รวมถึงการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น ผ่านการจัดบูธกิจกรรมเพื่อประเมินสมรรถนะการขับขี่รถยนต์ และมอบองค์ความรู้ด้านการ “ขับขี่ปลอดภัย” ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมงานเสวนาทุกคน โดยโตโยต้าวางแผนต่อยอดกิจกรรม ร่วมกับพันธมิตร และผู้แทนจาหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ในการนาโปรแกรมประเมินสมรรถนะการขับขี่รถยนต์ ให้เข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง สังคมคนขับรถดี ให้เกิดขึ้นจริงได้ต่อไป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 90 ปี ชูแนวคิด “Better Life” พร้อมเปิดรับนักลงทุนขยายเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

    1 Min Read

    ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 90 ปี ชูแนวคิด “Better Life” พร้อมเปิดรับนักลงทุนขยายเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

    ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชัน ประเทศไทย ร่วมฉลองวาระ ยูดี ทรัคส์ ครบรอบ 90 ปีขององค์กร พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ “Better Life” ที่มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน และสิ่งแวดล้อม ผ่านโซลูชันภายใต้แนวคิด การขนส่งที่ยั่งยืน โดยมุ่งมั่นพัฒนาเน้นกลยุทธ์หลักด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง การขยายเครือข่าย และการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

    นางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

    เปิดเผยว่า “ยูดี ทรัคส์ เริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2478 ดำเนินธุรกิจเพื่อการขนส่งมาจนครบรอบ 90 ปีในวันนี้ และเติบโตจนมีฐานการดำเนินธุรกิจกว่า 59 ประเทศทั่วโลก ด้วยนโยบายหลักขององค์กรที่เน้นวิสัยทัศน์ “Better Life” โดยมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “โซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืน” ทำให้บริษัทเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่สำคัญ อาทิ การพัฒนาเครื่องยนต์ UD อันโด่งดัง การเปิดตัวเกียร์อัตโนมัติ ESCOT และที่สำคัญคือการเป็นบริษัทแรกของโลกที่ติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย SCR (Selective Catalytic Reduction) ในรถบรรทุก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน Euro 5  ด้านสิ่งแวดล้อม”

    ชูแนวคิด “Better Life” เพื่อคน เพื่อโลก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

    ยูดี ทรัคส์ ทั่วโลก พร้อมใจประกาศเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด “Better Life” ครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่

    1. Better for Growth: ระบบเทคโนโลยีในฟีเจอร์รถบรรทุก และงานบริการ เช่นระบบ UD Connected และ Volvo I-See และอื่น ๆ พร้อมแผนเพิ่มพันธมิตรขยายศูนย์บริการเสริมแกร่งด้านบริการ ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
    2. Better for the Planet: ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน Euro 5 ทั้งแบรนด์ UD และ Volvo พร้อมใช้พลังงานสะอาด และยังคงเดินหน้าทดสอบรถพลังงานทางเลือกที่ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
    3. Better for People: จัดกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับรถบรรทุก และโครงการตรวจสุขภาพสายตาสำหรับพนักงานขับรถ และอื่น ๆ

    ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เดินหน้าฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ รักษาส่วนแบ่งตลาด 10%

    นางสาววิลาวัลย์ เปิดเผยว่า “แม้ปี 2567 ประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของ GDP ส่งผลให้ตลาดรวมรถบรรทุกในประเทศไทยหดตัวลงกว่า 30% แต่ยูดี ทรัคส์ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ ได้ถึง 9% และเมื่อรวมกับวอลโว่ ทรัคส์ อีก 1% ทำให้บริษัทสามารถครอง Market Share รวมถึง 10% ของตลาด

    ปีที่ผ่านมา ยูดี ทรัคส์เป็นแบรนด์รถบรรทุกแบรนด์แรกในไทยที่พร้อมเปิดตัว Euro 5 ที่มาพร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีบำบัดไอเสีย SCR ในทุกรุ่นรถเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมทั้งยังสามารถส่งมอบรถฟลีทใหญ่ให้แก่ลูกค้ารายสำคัญระดับประเทศ และขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอีก 3 แห่ง เป็น 25 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ เราปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการเปิดตัวโปรโมชั่นไฟแนนซ์เจ้าแรกในอุตสาหกรรมรถบรรทุกไทย ที่สามารถผ่อนได้ยาวนานถึง 96 เดือน”

    นางสาววิลาวัลย์กล่าวต่ออีกว่า “สำหรับผลประกอบการด้านงานบริการและอะไหล่ เติบโตถึง 5% และสัญญาบริการเติบโต 7% และเพิ่มสัญญาในการใช้ระบบ Telematics อีก 15% ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความมั่นใจในตัว      แบรนด์สินค้าและการบริการที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามและจัดการการทำงานของรถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับผลสำรวจภายในที่พบว่า คะแนนของแบรนด์ ยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์ ดีขึ้นในปีที่ผ่านมาเช่นกัน”

    แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568: เดินหน้าเต็มกำลังสู่อนาคตเพื่อสนับสนุนลูกค้าและสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

    ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) หวังก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนในตลาดรถบรรทุกของไทย โดยจะมุ่งเน้นการตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขายรถใหม่และบริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายดีลเลอร์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้แนวนโยบายการขยายเครือข่ายดีลเลอร์ของยูดี ทรัคส์ โดยยูดี ทรัคส์ เปิดกว้างกับนักลงทุนที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับยูดี ทรัคส์ เปิดศูนย์บริการ โดยมีพื้นที่เป้าหมายสำหรับดีลเลอร์ใหม่ในเขตจังหวัดลพบุรี กำแพงเพชร ราชบุรี เพชรบุรี บุรีรัมย์ มหาสารคามและจังหวัดเลย ทั้งนี้เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น

    “แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการบริการที่ครอบคลุม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งต่อองค์กร ลูกค้า และสังคม ด้วยพันธกิจ Better Life ที่เรายึดมั่น เราเชื่อว่าการขนส่งที่ยั่งยืน คือกุญแจสำคัญของอนาคต และเราพร้อมเดินหน้าไปกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อประเทศไทยและภูมิภาค” นางสาววิลาวัลย์กล่าวสรุป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดงานฉลองครบรอบ 25 ปี มอบ Exclusive Program สำหรับ BMW ‘The i7’ ลุ้นรับบัตรโดยสารการบินไทย ไป-กลับญี่ปุ่น และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท

    1 Min Read

    มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดงานฉลองครบรอบ 25 ปี มอบ Exclusive Program สำหรับ BMW ‘The i7’ ลุ้นรับบัตรโดยสารการบินไทย ไป-กลับญี่ปุ่น และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท

    บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และ มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้ MGC-ASIA จัดงานฉลองครบรอบ 25 อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเปิดตัว Exclusive Program สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู ‘The i7’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘The i7 the Incredible 7 Series’ โดยร่วมมือกับการบินไทย ให้ลูกค้า
    ได้ลุ้นรับบัตรโดยสารสายการบินไป-กลับญี่ปุ่น มูลค่ารวมกว่า 600,000 บาท ยนตรกรรมอัลตราลักชัวรี่ เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี ล้ำสมัย และเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% รุ่นแรก
    ในประวัติศาสตร์ของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 พร้อมมอบ Exclusive Program สุดคุ้มค่า ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขาทั่วประเทศ

    มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในโอกาสฉลองครบรอบ 25 ปี แห่งความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่าง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และ มิลเลนเนียม ออโต้ ทั้ง 2 องค์กรนี้ได้ร่วมกันเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการก้าวสู่ศักราชใหม่ร่วมกัน นอกจากนี้ เรายังคงร่วมกันยืนหยัดทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อลูกค้า บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างต่อเนื่อง

    สำหรับโอกาสพิเศษนี้ ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจกับทีมงาน มิลเลนเนียม ออโต้ สำหรับความมุ่งมั่นยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าในทุกๆ ด้าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาสถานะของ บีเอ็มดับเบิลยู ในฐานะแบรนด์อันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทย เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ขอแสดงความยินดีอีกครั้งในโอกาสครบรอบ 25 ปี อันทรงคุณค่า
    และยินดีสำหรับความร่วมมือและการทำงานอย่างต่อเนื่องในอนาคต”

    ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ ก่อตั้งโชว์รูมแห่งแรก
    บนถนนพระราม 4 ตามด้วยสาขาลาดพร้าวเป็นแห่งที่สอง จากนั้นได้มีการขยายสาขา
    อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโชว์รูมทั้งหมด 11 สาขาทั่วประเทศ รวมมินิเอกมัย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ
    7 สาขา – พระราม 4, ลาดพร้าว, พระราม 3, พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม และ มินิ เอกมัย ขณะที่ต่างจังหวัดมี 4 สาขาหัวเมืองหลัก – อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต และ สุราษฎร์ธานี

    มิลเลนเนียม ออโต้ มีความสัมพันธุ์ที่ดีกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และบริษัท การบินไทย มายาวนาน จึงขอใช้โอกาสนี้ แทนคำขอบคุณลูกค้าทุกๆ ท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจ
    ให้เราดูแล ด้วยการนำเสนอ ‘BMW The i7’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘The i7 the Incredible 7 Series’ ยนตรกรรมลักชัวรีระดับแฟลกชิป และเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% รุ่นแรก
    ในประวัติศาสตร์ของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 โดยมอบสิทธิประโยชน์ พร้อม Exclusive Program และสิทธิประโยชน์จาก การบินไทย รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท”

    คุณ กรกฏ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีกับความร่วมมือครั้งนี้ ระหว่าง การบินไทย และ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ซึงทั้งสององค์กรนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันของทั้งสององค์กร จะเป็นการเกื้อกูลกันทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี”

     

    ++ 25 ปีแห่งความภาคภูมิใจ กับ BMW Millennium Auto

    เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 25 ปี มิลเลนเนียม ออโต้ ขอมอบสิทธิประโยชน์ พร้อม Exclusive Program ให้กับลูกค้า BMW ‘The i7’ ดังต่อไปนี้

     

    • ฟรีแพ็คเกจดูแลบำรุงรักษานาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
    • ประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 3 ปี*
    • Wallbox Charger*
    • บัตรโดยสารสายการบินไทย ไป-กลับญี่ปุ่น จำนวน 4 ที่นั่ง(2 BC และ 2 ECO)*
    • กล่องใส่กุญแจ*
    • คะแนนสะสม Mobilife Point*
    • BMW Advance car eye 3.0 pro*
    • บัตรเครดิต UOB รูดจองสูงสุด 1,000,000 บาท ผ่อน 0% นาน 3 เดือน*

     

    ขอเรียนเชิญลูกค้าและผู้ที่สนใจ สำรองที่นั่งเพื่อร่วมงาน High Tea Reception และกิจกรรมทดลองขับ BMW ‘The i7’ ในวันที่ 18-20 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ
    ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ที่เบอร์โทร. 1286

     

    ++ สั่งสมความเชื่อมั่น ผ่านงานบริการหลังการขาย

    ความเชื่อมั่นของลูกค้า คือ สิ่งที่ มิลเลนเนียม ออโต้ ให้ความสำคัญตามหลัก Customer Centric หรือการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ส่งผลให้ มิลเลนเนียม ออโต้ สามารถดูแลรถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ
    ได้อย่างดีที่สุดตามมาตรฐานสากล กับเครือข่ายศูนย์บริการ 9 สาขา รวมกว่า 150 ช่องซ่อม รองรับการให้บริการได้ถึง 113,000 คันต่อปี ความพร้อมของเครื่องมือพิเศษในการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องชาร์จ DC กำลังแรงสูง 160 กิโลวัตต์ และ แบบ AC ทั้ง 9 สาขา
    รวมเป็นจำนวนกว่า 44 เครื่อง ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ทีมช่างซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ ที่มีประสบการณ์สูง ผ่านการรับรองจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ปิดท้ายด้วยการมีสถาบันฝึกอบรมภายในองค์กร เรียกว่า มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง พัฒนาต่อยอด
    และรักษามาตรฐานของทีมช่างในทุกมิติ

     

    มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ฉลองครบรอบ 25 ปี อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมไฮไลท์เป็น ‘The i7’ ยนตรกรรมไฟฟ้าระดับอัลตราลักชัวรี่’ ที่มาพร้อม Exclusive Program สุดคุ้มค่า ผสานความสนุกสนาน
    ด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ทั้งหมดเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจ
    และร่วมทางมาด้วยกันอย่างอบอุ่นและยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม EXP 15 ยนตรกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม EXP 15 ยนตรกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม EXP 15 ยนตรกรรมต้นแบบรุ่นล่าสุดที่นำเสนอแนวคิดการออกแบบที่หรูหราจากสตูดิโอออกแบบแห่งใหม่ โดยยนตรกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้สะท้อนวิสัยทัศน์การออกแบบของเบนท์ลีย์ในอนาคตด้วยแรงบันดาลใจจากแกรนด์ทัวเรอร์ในอดีตในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ผ่านการตีความใหม่ให้ทันสมัยในศตวรรษที่ 21

    รถยนต์ต้นแบบมาพร้อมกับตัวถังแบบมาตรฐานขนาด 5 เมตรที่มีกระจังหน้าแนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยแนวหลังคาที่ทอดยาวแบบไร้รอยต่อ และห้องโดยสารด้านหลังที่ชวนให้นึกถึงยนตรกรรมแบบคูเป้ รุ่น Bentley Speed ​​Six Gurney Nutting Sportsman ในปี 2473 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “Blue Train” รถยนต์เบนท์ลีย์ที่มีชื่อเสียงรุ่นนี้มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันระหว่างวูล์ฟ บาร์นาโต ประธานบริษัท และ “เบนท์ลีย์ บอย” ผู้มีชื่อเสียงในขณะนั้นกับรถไฟด่วนสุดหรู (Le Train Bleu) ที่วิ่งจากเมืองคานส์ทางตอนใต้ไปยังเมืองกาแลทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งวูล์ฟ บาร์นาโตได้ขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์ของเขามาถึงลอนดอนก่อนที่รถไฟจะไปถึงเมืองกาแล สำหรับยนตรกรรมต้นแบบรุ่นนี้ได้รวมเอาพื้นผิวภายนอกที่ทันสมัย รายละเอียดไฟที่ไฮเทค และองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ที่ทำให้คล่องตัวเข้าไว้ด้วยกัน EXP 15 จึงสะท้อนทั้งยุคปัจจุบันและอนาคตที่มาพร้อมกับแนวคิดด้านการออกแบบรถยนต์เบนท์ลีย์รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

    แนวทางการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัยได้รับการออกแบบด้วยซอฟต์แวร์เสมือนจริง (VR) เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและสัมผัสถึงประสบการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยผสมผสานคุณสมบัติภายในห้องโดยสารแบบร่วมสมัย อาทิ เบาะโดยสารที่หรูหรา แผงหน้าปัดรูปปีกนก พวงมาลัย ปุ่มสัมผัส และสวิตช์ เข้ากับองค์ประกอบแบบดิจิทัลที่ล้ำสมัยที่สามารถแสดงหรือซ่อนในพื้นหลังได้ตามความต้องการการใช้งานของผู้ขับขี่

    การออกแบบภายในห้องโดยสารแบบสามที่นั่งและสามประตูห้องโดยสารจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร พร้อมด้วยที่เก็บสัมภาระภายในห้องโดยสารสำหรับสัมภาระหรือสัตว์เลี้ยง โดยในขณะจอด พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถยังสามารถทำหน้าที่เป็นเบาะนั่งสำหรับนั่งพักผ่อนได้อีกด้วย

    วัสดุที่ใช้ล้วนถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและผสมผสานระหว่างวัสดุแบบดั้งเดิม งานฝีมือ และความยั่งยืนเข้ากับความทันสมัย เทคนิค และความล้ำยุค ตัวอย่างเช่น ผ้าทอจากขนสัตว์แท้ 100% จาก Fox Brothers ซึ่งเป็นผู้ผลิตผ้ากันหนามและช่างทอชาวอังกฤษที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 250 ปีถูกนำมาใช้กับเอฟเฟกต์แบบออมเบรของเฉดสีม่วง Damson ภายในห้องโดยสารของ EXP 15 และบนพื้นผิวไทเทเนียมน้ำหนักเบาที่พิมพ์ด้วยเทคโนโลยีแบบ 3 มิติหลากหลายรูปแบบ

    ยนตรกรรมต้นแบบขนาดมาตรฐานที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยด้วยดีไซน์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและสง่างาม

     

    แนวคิด EXP 15 สะท้อนถึงหลักการออกแบบภายนอก 5 ประการของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต หลักการแรก คือ “Upright Elegance” สะท้อนแนวคิดที่ว่าด้านหน้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคันควรมีเส้นโค้งแนวตั้งที่สง่างามคล้ายกับลำตัวส่วนหน้าอกของม้าพันธุ์แท้

    เมื่อมองตัวรถจากด้านหน้าตรง หลักการออกแบบภายนอกที่สำคัญประการที่สองคือ ‘กระจังหน้าแบบไอคอนิก’ ที่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบส่งกำลังแบบพลังงานไฟฟ้า แต่ยังคงสะท้อนความสำคัญของภาพลักษณ์อันเก่าแก่ของแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเส้นแนวตั้งอยู่ตรงกลาง

    หลักการออกแบบภายนอกประการที่สามที่นักออกแบบของเบนท์ลีย์ได้ระบุไว้คือ ‘Endless Bonnet Line’ ซึ่งสะท้อนถึงในอดีตที่รถยนต์เบนท์ลีย์ต้องติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดใหญ่ไว้ใต้ท้องรถ เส้นสายนี้ต่อเนื่องกันใต้กระจกข้างและด้านหลังไปจนถึงเสาหลังของตัวรถที่มีลักษณะคล้ายกับรถยนต์แบบคูเป้ รุ่น Gurney Nutting ในปี 2473 อันเก่าแก่ และเนื่องจากระบบส่งกำลังในอนาคตที่เปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าที่ต้องการพื้นที่น้อยลง พื้นที่ว่างใต้ฝากระโปรงหลังของ EXP 15 จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นที่เก็บสัมภาระที่หรูหราสองช่อง โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านแผงคู่ฝาครอบเครื่องยนต์แบบบานพับสไตล์เปียโนเช่นเดียวกับรถยนต์แบบคูเป้ รุ่น Gurney Nutting

    หลักการออกแบบภายนอกข้อที่สี่ ‘Resting Beast’ สัตว์ร้ายที่หลับใหล รถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคันมีซุ้มล้อที่แสดงถึง ‘กล้ามเนื้อ’ และพละกำลังที่ซ่อนอยู่เฉกเช่นรูปทรงที่โค้งมนของต้นขาของเสือนักล่า

     

    หลักการออกแบบภายนอกที่สำคัญประการที่ห้าและประการสุดท้ายถูกเรียกว่า ‘Prestigious Shield’ และใน EXP 15 นั้นเกี่ยวข้องกับพื้นผิวที่ใหญ่และสะอาดตา ซึ่งในรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นคลาสสิกอย่าง Gurney Nutting coupe มีส่วนเก็บสัมภาระที่แยกจากตัวรถ แต่ในรุ่น EXP 15 นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของฝากระโปรงท้ายรถ ซึ่งมีโลโก้เบนท์ลีย์แบบใหม่ตกแต่ง พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายลวดลายเพชร

     

    สัดส่วนที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างความโดดเด่น

    พื้นผิวตัวถังของ EXP 15 ที่ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นยังสะท้อนถึงรูปแบบของเบนท์ลีย์ในยุคใหม่ นักออกแบบและทีมงานจึงได้ระบุคุณลักษณะสำคัญ 3 ประการ อันได้แก่ ‘Monolithic Presence’ การแสดงออกทางด้านรูปลักษณ์ที่ส่วนประกอบต่างๆ ของรถดูเหมือนถูกรังสรรค์ขึ้นจากวัสดุเพียงก้อนเดียว ‘Muscular Form’ การสร้างพื้นผิวที่แข็งแรง บ่งบอกถึงพละกำลังที่ซ่อนอยู่ เฉกเช่นร่างกายของนักกีฬาหลังการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง และ ‘Carved Precision’ การเน้นการลดน้ำหนักเพื่อให้เห็นพื้นผิวที่ชัดเจน ขณะเดียวกันก็ยังคงความรู้สึกมั่นคงและแข็งแรง

     

    เทคโนโลยีไฟส่องสว่างและแอโรไดนามิกรุ่นใหม่กับการยกระดับลวดลายเพชรอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นไปอีกขั้น

    นอกเหนือจากสัดส่วนและพื้นผิวของ EXP 15 แล้ว ภายนอกยังโดดเด่นด้วยรายละเอียดอันน่าประทับใจมากมาย ทั้งในด้านการใช้งานและความสวยงาม ไฟหน้าประกอบด้วยแถบบางเฉียบสี่แถบที่พาดผ่านด้านข้างตัวรถ โดยสองแถบบนตั้งฉากและสองแถบล่างโค้งเข้าด้านในในตำแหน่งซุ้มล้อเพื่อเน้นความโดดเด่นของตัวรถ ไฟเหล่านี้ยังล้อมกรอบกระจังหน้าขนาดใหญ่ โดยมีแกนไฟตรงกลางที่ทอดยาวลงมาจากใต้โลโก้ Winged B เพื่อแบ่งช่องกระจังหน้าออกเป็นสองส่วน สะท้อนดีไซน์เบาะโดยสารลายเพชรอันเลื่องชื่อของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ในแนวนอนที่นำมาถ่ายทอดเพื่อสื่อถึงลวดลายกระจังหน้าแบบดั้งเดิมในรูปแบบของไฟ LED ที่ทันสมัย

     

     

    ด้านหลังซุ้มล้อหน้ามีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่สองช่องที่จะช่วยระบายอากาศ กระจายน้ำหนักตัวถัง และเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปลักษณ์ภายนอก ไฟท้ายที่เพรียวบางขึ้น ทอดยาวไปบนกรอบขนาดใหญ่ ‘Prestigious Shield’ ที่ยื่นออกมาเพื่อประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ เผยให้เห็นความลึกแบบ 3 มิติที่สวยงาม และการตีความลวดลายเพชรที่งดงามในอีกรูปแบบหนึ่ง องค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์คู่แบบแอคทีฟที่กางออกจากปลายหลังคาที่ลาดเอียงไปด้านหลัง และดิฟฟิวเซอร์แบบแอคทีฟที่ขอบล่างด้านหลังสุดของตัวรถ

     

    ภายในห้องโดยสารแบบเสมือนจริงในรูปแบบ 3 ที่นั่งอันล้ำสมัย

     

     

    การออกแบบห้องโดยสารอันล้ำสมัยของ EXP 15 ได้รับอิทธิพลมาจากภายในห้องโดยสารของรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Speed Six Gurney Nutting Sportsman ปี 2473 ที่ไม่ใช่แค่เพียงการจัดวางและรูปทรง แต่ทั้งในด้านจำนวนที่นั่งและฟังก์ชันการใช้งาน

     

    สานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว EXP 15 จึงมาพร้อมที่นั่งแบบสามที่นั่ง และประตูด้านคนขับบานหนึ่งที่เปิดออกสู่เบาะคนขับ พร้อมด้วยเบาะโดยสารด้านหลังที่โอบล้อมแบบรังไหม ขณะที่ประตูแบบคู่และหลังคาแบบพาโนรามิกฝั่งผู้โดยสารสามารถเปิดขึ้นได้เพื่อช่วยให้เข้าออกได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านเบาะฝั่งผู้โดยสารอันหรูหราที่สามารถหมุนได้แบบ 45 องศา

     

    เบาะโดยสารยังสามารถปรับตำแหน่งได้หลากหลายความต้องการของผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นการปรับเบาะนั่งคู่หน้าข้างคนขับในโหมด “Co-pilot” หรือเลื่อนไปเบาะโดยสารด้านหลังในโหมด “Standard” หรือปรับเอนในโหมด “Relax” การปรับเบาะโดยสารสองแบบหลังจะมีพื้นที่วางขากว้างขวางขึ้น พร้อมด้วยระบบจัดเก็บสัมภาระแบบ Concertina Floor Storage ที่จะช่วยให้สามารถพับที่วางเท้าลงบนพื้นรถเพื่อสร้างพื้นที่เล็กๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงหรือสัมภาระติดตัวขนาดเล็ก โดยที่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องหยุดรถและเปิดฝากระโปรงท้าย

     

    พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถสามารถใช้งานได้มากกว่าแค่การบรรทุกสัมภาระ โดยเมื่อเปิดฝากระโปรงท้าย เบาะขนาดเล็กสองที่นั่งสามารถกางออกได้ พร้อมด้วยโคมไฟและตู้เย็นที่สามารถเลื่อนจากเบาะหลังได้

     

    ภายในห้องโดยสารผสมผสานธรรมชาติและคุณสมบัติทางกายภาพเข้ากับเทคนิคและเทคโนโลยีดิจิทัล

     

     

    แผงหน้าปัดแบบ ‘Wing Gesture’ เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญภายในห้องโดยสารของเบนท์ลีย์มาอย่างยาวนาน และถือเป็นหลักการออกแบบแรกจากทั้งหมดห้าประการของแบรนด์ โดยอ้างอิงจากรูปทรงของโลโก้ขนนก หลักการที่สองคือ ‘Bold Gravitas’ ซึ่งเน้นการใช้วัสดุหรูหราในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เพียงพอที่ลูกค้าจะสามารถมองเห็นและสัมผัสได้

     

    แนวคิด “Cocooning Haven” คือ หลักการออกแบบตกแต่งภายในประการที่สามของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ลูกค้าของเบนท์ลีย์สำหรับเบาะโดยสารด้านหน้าหรือด้านหลัง ซึ่งเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารจะมีหลังคาคลุมด้านซ้ายที่โอบล้อมพนักพิงเบาะเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว องค์ประกอบที่สี่ “Iconic Details” อธิบายถึงองค์ประกอบของการตกแต่งภายในของรถยนต์เบนท์ลีย์ ตั้งแต่ช่องระบายอากาศแบบ “Bullseye” สวิตช์เกียร์แบบแบบสลักลายเพชรไปจนถึงเบาะโดยสารที่มีการปักลวดลายเพชร

     

    ประสบการณ์ผู้ใช้เผยให้เห็นถึงเทคโนโลยีที่สามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารล่วงหน้าได้

     

     

    หลักการออกแบบภายในข้อที่ห้าคือแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Magical Fusion” ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเบนท์ลีย์ที่ต้องการนำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณสมบัติทางกายภาพและดิจิทัล เช่นเดียวกับการปรับปรุง “Rotating Dashboard” เดิมของเบนท์ลีย์ที่สามารถแสดงหน้าจออินโฟเทนเมนต์และหมุนกลับมายังพื้นผิวแผงหน้าปัดแบบวีเนียร์ โดยแผงหน้าปัดแบบเต็มของ EXP 15 สามารถทำหน้าที่เป็นอินเทอร์เฟซดิจิทัลสำหรับอินโฟเทนเมนต์ทุกประเภทหรือปิดและเผยให้เห็นพื้นผิววีเนียร์ภายใต้กระจกได้ นอกจากนี้ ด้านหลังหน้าจอยังมีการตกแต่งด้วยอุปกรณ์ลักษณะคล้ายนาฬิกาที่สามารถเคลื่อนไหวและเรืองแสงได้ โดยมีชื่อเรียกว่า “Mechanical Marvel” ที่สามารถระบุทิศทางในขณะเดินทาง สถานะการชาร์จไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย

     

    นวัตกรรมด้านวัสดุและสีจากผู้ผลิตวัสดุแบบดั้งเดิมในอังกฤษ

     

     

    EXP 15 โดดเด่นด้วยสีเคลือบโลหะแบบซาตินที่เรียกว่า Pallas Gold ที่มีไฮไลท์สีขาวทอง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบนิกเกิลบนรุ่น Bentley Speed Six ในตำนาน รวมถึงกระจังหน้าและมือจับประตู แต่สิ่งที่ทำให้สีนี้ดูทันสมัย คือ เม็ดสีอะลูมิเนียมใหม่ที่ทำให้สามารถใช้กับตัวถังด้านหน้าอุปกรณ์เรดาร์ความปลอดภัยได้ โดยยังคงสามารถส่งสัญญาณผ่านได้โดยไม่ทำให้คุณภาพของสัญญาณลดลง มากไปกว่านั้น คุณสมบัติการสะท้อนแสงที่สูงของสีเคลือบยังทำให้ระบบ Lidar ตรวจจับได้ง่ายเหมาะสำหรับการใช้งานด้วยระบบขับขี่แบบอัตโนมัติ

     

    ในส่วนของเทคโนโลยีเสมือนจริงภายใน EXP 15 ทีมออกแบบได้สร้างสรรค์สี่รูปแบบ โดยผสมผสานวัสดุแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ส่วนด้านท้ายของห้องโดยสาร นักออกแบบได้จินตนาการถึงการใช้ผ้าถักแบบแจ็คการ์ดชั้นดีเพื่อเสริมด้าน Well-being ที่ทอในหนึ่งในโรงงานที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักรโดยบริษัท Gainsborough ของประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2446 และเป็นผู้จัดจำหน่ายผ้าให้กับสมเด็จพระราชินีนาถตั้งแต่ปี 2523 วัสดุธรรมชาติอันทรงคุณค่านี้ถูกตกแต่งอย่างลงตัวภายในห้องโดยสารเช่นเดียวกับตาข่ายโลหะทอละเอียดแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Acrylic Couture’ ที่ห่อหุ้มด้วยอะคริลิก โดยเมื่อกระทบแสงจะสร้างเอฟเฟกต์แบบ 3 มิติอันเปล่งประกายภายในแผงหน้าปัด

     

    ในส่วนอื่นๆ มีการใช้ผ้าขนสัตว์แท้ 100% จาก Fox Brothers ซึ่งเป็นผู้คิดค้นผ้ากันหนามและช่างทอผ้าชาวอังกฤษที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 250 ปี ในการทำเอฟเฟกต์แบบออมเบรสีม่วง Damson กับการตกแต่งภายในสไตล์ Executive Trim ของ EXP 15 ควบคู่ไปกับการตกแต่งด้วยไทเทเนียมพิมพ์ 3 มิติ และด้วยการเลือกใช้วัสดุและการพิมพ์ 3 มิติที่แม่นยำ รายละเอียดโลหะเหล่านี้จึงช่วยลดทั้งน้ำหนักของตัวรถและของเสียจากขั้นตอนการผลิต

    บทสรุป: สมรรถนะและเทคโนโลยีสำหรับแกรนด์ทัวเรอร์แห่งศตวรรษที่ 21 ที่โดดเด่นและยั่งยืน

     

     

    แม้ว่าแนวคิดการออกแบบจะโดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใด แต่นักออกแบบ EXP 15 ได้คำนึงถึงระบบส่งกำลังที่จะนำไปสู่การเดินทางของยนตรกรรมแบบแกรนด์ทัวเรอร์ในศตวรรษที่ 21 กับความสะดวกสบายและสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเหตุนี้ EXP 15 จึงได้รับการออกแบบให้มีระบบส่งกำลังที่ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่จะมอบพิสัยการเดินทางและความเร็วในการชาร์จที่มากพอๆกับความสะดวกสบายที่ลูกค้าจะได้รับจากรถยนต์เบนท์ลีย์ พร้อมด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของงานดีไซน์อันละเอียดอ่อนที่เชื่อมโยงกับยนตรกรรมในตำนานรวมถึงการนำเสนอแนวคิดด้านดิจิทัลและเทคนิคภายในห้องโดยสารที่อาจกลายเป็นจริงได้ในอนาคต


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คว้า 4 รางวัลระดับโลก จากเวที Eventex Awards 2025 และ Event Marketing Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม!

    1 Min Read

    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คว้า 4 รางวัลระดับโลก จากเวที Eventex Awards 2025 และ Event Marketing Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม!

    บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ บนเวทีระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์และการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการคว้า 4 รางวัล อันทรงเกียรติจากสองเวทีการประกวดด้านการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่ Eventex Awards 2025 และ Event Marketing Awards 2025

    บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท กอริล่า จำกัด Brand Experience เอเจนซี่ชั้นนำของประเทศไทย สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับลูกค้า ผ่าน 2 กิจกรรมสุดเร้าใจ ประกอบไปด้วย กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย และ ‘Dare to Disrupt ท้าคนกล้า พิชิตทุกเส้นทางโหด โดยทั้ง 2 กิจกรรม สามารถคว้า 4 รางวัล อันทรงเกียรติจากสองเวทีการประกวดด้านการตลาดระดับโลก ได้แก่ ‘Eventex Awards 2025’ และ ‘Event Marketing Awards 2025’ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ผ่านกิจกรรมสุดท้าทายที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเทคโนโลยี และสมรรถนะของรถยนต์มิตซูบิชิอย่างแท้จริง

    สำหรับรางวัลที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับจาก 2 เวทีระดับโลก มีทั้งหมด 4 รางวัล แบ่งตามประเภทดังนี้

    รางวัลจากเวที Eventex Awards 2025 หนึ่งในเวทีรางวัลระดับนานาชาติที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการอีเวนต์และการตลาดเชิงประสบการณ์ โดยปีนี้มีผลงานส่งเข้าประกวดกว่า 1,200 รายการ จาก 59 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและการยอมรับในระดับสากล โดยรางวัลนี้มอบให้แก่ผลงานที่โดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์
    กลยุทธ์ และประสบการณ์ที่สามารถสร้างอิมแพกต์ต่อแบรนด์ได้อย่างแท้จริง

    1. รางวัลเหรียญทอง ประเภท Brand Activation จากกิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ – มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี
      กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ ได้สร้างปรากฏการณ์และคว้ารางวัลสูงสุดในประเภท Brand Activation มาครอง กิจกรรมนี้ได้เชิญชวนลูกค้าเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตกับ ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์’ และ ‘เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี’ รถยนต์ Full Hybrid รุ่นแรกจากมิตซูบิชิ ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองขับและพิสูจน์เทคโนโลยี ที่เป็นหัวใจสำคัญ 3 แกนหลัก ได้แก่
    • ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (Full HEV System) สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล เงียบ และตอบสนองได้ดั่งใจแบบรถยนต์ไฟฟ้า ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เพื่อพละกำลังสูงสุดและความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ
    • โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ครอบคลุมทุกสภาพถนนและการใช้งาน ตั้งแต่ Normal, Wet, Gravel, Tarmac, Mud, EV และ Charge เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกสมรรถนะที่ดีที่สุดในแต่ละเส้นทางได้อย่างมั่นใจ
    • ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยี DNA จากสนามแข่งแรลลี่ระดับโลก ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อซ้ายและขวา เพื่อสร้างสมดุลและเสถียรภาพการเข้าโค้งที่แม่นยำ ปลอดภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่
    1. รางวัลเหรียญเงิน ประเภท Asian Event จากกิจกรรมDare to Disrupt ท้าคนกล้า พิชิตทุกเส้นทางโหดมิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท
    2. รางวัลเหรียญทองแดง ประเภท Brand Experience Automotive จากกิจกรรมDare to Disrupt ท้าคนกล้า พิชิตทุกเส้นทางโหดมิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท

    โดยกิจกรรม Dare to Disrupt ท้าคนกล้า พิชิตทุกเส้นทางโหด’ ประสบความสำเร็จ สามารถคว้าได้ถึง 2 รางวัล จากแนวคิดของกิจกรรมที่ต้องการเปิดโอกาสให้ลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ ได้ร่วมทดสอบสมรรถนะของ ‘มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท’ ในเส้นทางสุดโหดและสุดแสนท้าทาย ซึ่งเป็นสนามที่จำลองเส้นทางจาก
    ทั่วประเทศมาไว้ในแห่งเดียว เพื่อพิสูจน์ความเป็นที่สุดของรถปิกอัพสไตล์สปอร์ต ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีชั้นสูงรอบคัน ดังนี้

    • เครื่องยนต์ Hyper Power X2 ขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ตอบสนองฉับไวทุกอัตราเร่ง พร้อมให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม
    • เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์อันเป็นเอกลักษณ์ สามารถเปลี่ยนโหมดจาก 2H เป็น 4H ได้แม้ในขณะรถกำลังเคลื่อนที่ (Shift-on-the-Fly) เพิ่มความปลอดภัยในการยึดเกาะถนน และพร้อมลุยในทุกเส้นทาง
    • ช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ คล่องตัวทั้งในเมืองและขณะเดินทางไกล

     รางวัลจากเวที Event Marketing Awards 2025 – เป็นรางวัลที่คัดสรรผลงานจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ส่งเข้าร่วมประกวด จัดขึ้นโดย Campaign Asia-Pacific สื่อชั้นนำด้านการตลาดของเอเชีย เพื่อมอบรางวัลให้กับผลงานที่โดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์และสามารถมอบประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ในการนำเสนอธุรกิจของแบรนด์ รวมถึงเชิดชูความเป็นเลิศ ตั้งแต่กระบวนการริเริ่มการวางกลยุทธ์ การดำเนินการ ตลอดจนความสำเร็จ ในการจัดงาน

    อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการคว้าทั้ง 4 รางวัล อันทรงเกียรติเหล่านี้ ถือเป็นเครื่องแสดงความสำเร็จของกิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย‘ และ ‘Dare to Disrupt ท้าคนกล้า พิชิตทุกเส้นทางโหด’ อีกทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทของบริษัท ที่ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอันโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ แต่ยังสามารถสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้า ได้สัมผัสถึงศักยภาพการใช้งานจริงผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และน่าประทับใจ

    ติดตามข่าวสารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
    นัดหมายทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่น ที่ www.mitsubishi-motors.co.th
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ตลอด 24 ชั่วโมง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment