-
News Motocycle1 Min Read
NEXZTER BRIC Superbike 2025 หวดคันเร่งสนามแรก ดาวบิดไทย-เทศคับคั่ง! “แสตมป์” เฉือน “มิกซ์” รั้งจ่าฝูงวันแรก
ศึก เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2025 เกมชิงความเร็วเบอร์หนึ่งของไทย เปิดฉากระเบิดความมันส์อย่างเป็นทางการที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นักบิดดาวดังทั้งดีกรีระดับโลกและเอเชียตบเท้าล่าแชมป์คับคั่ง ผลวันแรก “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เฉือน “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว 0.050 วินาที รั้งจ่าฝูงรุ่นใหญ่ ขณะ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร บด “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ และ โกยุ นาคากาวะ ทีมเมทชาวญี่ปุ่น ครองหัวแถว ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ก่อนลุ้นแชมป์สนามแรกสุดสัปดาห์นี้
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 เข้าสู่โปรแกรมการซ้อมครั้งแรก วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568
นับเป็นฤดูกาลแรกที่ผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกชั้นนำ เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูงจากญี่ปุ่น อย่าง “เน็กซ์เตอร์” ก้าวเข้ามาเป็นผู้สนับหลักอย่างเป็นทางการ สำหรับรายการแข่งขันจักรยานยนต์ยอดนิยมและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมาตรฐานระดับสูงจากกฎการแข่งขันที่อิงจากระดับนานาชาติ และมีนักแข่งแถวหน้าของเมืองไทยและนักบิดจากต่างชาติ เข้าร่วมดวลความเร็วอย่างคับคั่ง
ผลการซ้อมในวันแรก ต้องจับตาไปที่การแข่งขันในรุ่นใหญ่ ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) โดยนักบิดระดับแชมป์อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการร่วมงานกับ อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 37.235 วินาที เฉือนนักบิดดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส อันดับ 2 เพียง 0.050 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.960 วินาที ด้าน อนุชา นาคเจริญศรี จาก โปร ฮอนด้า บริดจสโตน อันเดรียนี เบนดิกซ์ เอเอ็น เรซซิ่ง ทีม รั้งอันดับ 4 ตามหลัง 2.259 วินาที
ด้านผลซ้อมในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี (ST1) ปรากฏว่า โคลิน บัตเลอร์ นักบิดแคนาดาจาก บัตเลอร์ เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.513 วินาที เฉือน นทีธาร ทองโคตร นักบิดไทยจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 เพียง 0.224 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ สิรภพ พูลศรี จาก ไบค์ส สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.273 วินาที
ส่วนอีกหนึ่งรุ่นไฮไลต์อย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) เป็นหนึ่งในรุ่นที่รวมเอาดาวรุ่งแถวหน้าไว้หลายคน โดยผลซ้อมปรากฏว่า “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 42.318 วินาที เฉือนอันดับ 2 และ 3 ที่เป็นคู่หูจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม อย่าง “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ และ โกยุ นาคากาวะ ทีมเมทชาวญี่ปุ่นเพียงคนละ 0.036 วินาที และ 0.096 วินาทีเท่านั้น ขณะที่ “จิมมี่” บูรพา วันมูล จาก อาซูจิโระ ลิควิ โมลี จิมมี รั้งอันดับ 4 ตามหลัง 2.340 วินาทีเท่านั้น
ขณะที่ผลการซ้อมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1Pro) ที่ถูกบรรจุเข้าสู่การแข่งขันเป็นฤดูกาลแรก ปรากฏว่า ธุรกิจ บัวผา จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 54.389 วินาที เหนือ ศักดิ์ชัย คงดวงดี จาก ไออาร์ซี ดีไอดี สมาร์ทสปอร์ต สนองไซเคิล เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 เพียง 0.509 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ พชรกร ทองเกิดหลวง จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.698 วินาที
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันในรุ่น สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ที่มีนักบิดต่างชาติเข้าร่วมหลายคน โดยผลซ้อมครั้งแรกปรากฏว่า รักชิต ศรีหะรี ธาวี นักบิดอินเดียจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ รั้งจ่าฝูงด้วยเวลา 1 นาที 52.938 วินาที เฉือนเพื่อนร่วมชาติอย่าง ทัสมาย คาเรียเอปา จาก เน็กซ์เตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า เอวีอาร์พี เรซซิ่ง อันดับ 2 เพียง 0.693 วินาที ตามด้วย หนี่เถียน หนี่ จวิ้น นักบิดชาวจีนจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ ในอันดับ 3 ตามหลัง 1.731 วินาที
ทั้งนี้ ศึก เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 สนามแรกจะเข้าสู่การจับเวลารอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนและดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนนี้
แฟนความเร็วห้ามพลาด กระทบไหล่นักบิด-ทีมแข่งชั้นนำ พริตตี้สาวสวย ในกิจกรรม “พิตวอล์ค” วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 11.40-12.10 น. พิเศษสุดสัปดาห์นี้พบกับ “โอม -ภวัต จิตต์สว่างดี” และ “เซียนหรั่ง” ภูวเนตร ศรีชมภู ยูทูบเบอร์ในรายการ วิถีชีวิตแบบมะลายยายอยาก (ช่องไทบ้าน) มาร่วมปรากฎการณ์ใหม่ให้กับมอเตอร์สปอร์ตไทย ผู้ที่มีบัตรชมการแข่งขัน เข้าร่วมกิจกรรม “ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”
รับชมถ่ายทอดสดได้ทาง True Sports 7 ช่อง 686 วันที่ 22 มิ.ย. 2568 เวลา 14.45-17.45 น. หรือชม Live Streaming ทางเพจ Chang Circuit Buriram / BRIC Superbike และ Youtube : Chang International Circuit ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป พร้อมถ่ายทอดสดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว,เมียนมาร์ โดยสามารถรับชมผ่านกล่อง MVBOX เวลา 14.45-17.45 น. สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL , เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM ส่วนช่องทางออนไลน์ รับชมผ่านทาง YouTube : TVB Thailand และ Application MVTV และ Facebook Fanpage : MVM , MVL ได้ทุกช่องทาง
บัตรชมการแข่งขัน ที่นั่ง Grandstand ราคา 100 บาท / 1 วัน จุดจำหน่ายหน้าทางขึ้น Grandstand (เฉพาะวันเสาร์ 21 และ อาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เท่านั้น) พร้อมลุ้นรับรางวัลวัลใหญ่บัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass”
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram หรือ BRIC Superbike
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ยามาฮ่า จัดเต็ม FAZZIO 1 คัน! เชียร์เดือดศึกบาส 3×3 นักเรียนชายชิงแชมป์ประเทศไทย อาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนนี้ ณ ลาน Block I สยามสแควร์
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอร่วมส่งต่อความมันส์ และสไตล์สุดคูลให้กับวงการบาสเกตบอลนักเรียน ด้วยการส่ง YAMAHA FAZZIO HYBRID เทรนดี้สกู๊ตเตอร์แฟชั่นสำหรับคน Gen Z มูลค่า 52,900 บาท มอบเป็นรางวัลใหญ่สำหรับ MVP ในการแข่งขัน บาสเกตบอล 3×3 นักเรียนชาย แชมป์กีฬา 7HD รอบชิงแชมป์ประเทศไทย
สำหรับแชมป์กีฬา 7HD ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจ กีฬาบาสเกตบอลสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและพลังของคนรุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของ Yamaha FAZZIO HYBRID ที่พร้อมจะเป็นคู่หูสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ยามาฮ่าหวังว่ารางวัลนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จให้กับนักกีฬา MVP และสร้างสีสันให้กับวงการกีฬาเยาวชนต่อไป
ห้ามพลาด! เตรียมพบกับ 8 ทีมบาสเกตบอลนักเรียนชายสุดแกร่ง ที่ผ่านการคัดเลือกระดับภูมิภาค มาระเบิดความมันส์และประชันฝีมือกันแบบแบทเทิลสุดเดือด! ณ ลาน Block I สยามสแควร์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 พร้อมร่วมชมและเชียร์ฟรีติดขอบสนามได้ที่ลาน Block I สยามสแควร์ หรือรับชมการถ่ายทอดสดทุกคู่ ผ่านช่องทาง Facebook และ YouTube Ch7HD รวมถึง Facebook และ TikTok Ch7HD Sports พิเศษสุด! คู่ชิงชนะเลิศ เตรียม ยิงสด! ทางหน้าจอช่อง 7HD กด 35 ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
—————————————————————–
#ยามาฮ่า #Yamaha #FazzioHybrid #FAZZIOขี่สนุกสุดยูนีค #Scooterใหม่ #FAZZIO2025 #FAZZIO #FAZZIOดิวะ #บาส3×3แชมป์กีฬา7HD2025
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ร่วมสนับสนุนโครงการบริจาคโลหิต “We Are All Connected” ชวนคนไทยบริจาคเลือดส่งต่อชีวิตให้ไปต่อได้
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อสิ่งดี ๆ สู่สังคม ผ่านการสนับสนุนโครงการ “We Are All Connected – เลือดเชื่อมชีวิตให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ” โครงการสื่อสารการตลาดเพื่อสังคมที่เกิดจากความร่วมมือของ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย และสมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมพลังจากทุกภาคส่วน สร้างการรับรู้เรื่องการบริจาคโลหิต และชวนคนไทยไปบริจาคเลือดที่จุดรับบริจาคใกล้บ้าน
ไทยฮอนด้า เชื่อมั่นว่าการบริจาคโลหิตคือการมอบพลังชีวิตที่ช่วยให้ใครอีกหลายคนได้ก้าวต่อ และยังสะท้อนคุณค่าทางมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง โดยไทยฮอนด้าได้เริ่มกิจกรรมบริจาคโลหิตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 21 แล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พนักงานของไทยฮอนด้าได้ร่วมกันบริจาคโลหิตทุกปี ส่งผลให้สามารถส่งมอบโลหิตให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมมากกว่า 305 ล้านซีซี
ทั้งนี้ ไทยฮอนด้ายังคงเดินหน้าสนับสนุนโครงการที่ช่วยเติมเต็มคลังโลหิตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีแผนที่จะขยายการรับบริจาคโลหิตสู่กลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ โดยเตรียมจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตในสถานศึกษา และมหาวิทยาลัยเพื่อผลักดันให้กลุ่ม New Gen มาบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งไทยฮอนด้ายังคงจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้คนในชุมชนมาร่วมบริจาคกันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับท่านใดที่สนใจบริจาคโลหิต ไทยฮอนด้า ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ชุมชนบึงบัว เขตลาดกระบัง ในวันที่ 26 มิถุนายน 2568 หรือที่จุดรับบริจาคใกล้บ้านท่าน
และผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารจากไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
#BLOODCONNECT#เลือดเชื่อมชีวิตให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า” ส่ง “ชิพ-นครินทร์” ลงบิด โมโตทู ต่อเนื่อง ที่ มูเจลโล ร่วมเชียร์นักบิดไทยบนสังเวียน ศึกสองล้อชิงแชมป์โลกครบทุกรุ่น
“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ยอดนักบิดไทย หมายเลข 41 จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงบิดในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 เป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน ในสุดสัปดาห์นี้ ในศึก อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ที่ ออโตโดรโม อินเตอร์นาซินาเล เดล มูเจลโล ประเทศอิตาลี ในรายการ อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ร่วมกับสังกัด อิเดเมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย โดยจะเป็นอีกครั้งที่มีนักบิดชาวไทยลงแข่งขันครบทุกรุ่นพร้อมกันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก
หลังสร้างผลงานยอดเยี่ยมจากการปรับตัวในสนามแข่ง โมโตทู จากโอกาสครั้งแรกที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ส่งผลให้ “ชิพ-นครินทร์” ได้รับความไว้วางใจให้ลงแข่งขันต่อเนื่องเป็นสนามที่ 2 โดยเจ้าตัวหวังที่จะยกระดับผลงานให้ได้กับรถแข่ง โมโตทู เพื่อขยับเข้าหากลุ่มกลางหลังเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องในยุโรป
ทั้งนี้ “ชิพ-นครินทร์” จะลงซ้อมวันแรกของศึก อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนนี้ 17.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง TrueVisionsSPOTV
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #ItalianGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
GWM โชว์ศักยภาพเทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนยานยนต์อัจฉริยะ พร้อมชูโมเดล SEE และระบบ ASL บนเวที Automotive Summit 2025
GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” GWM ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Automotive Summit 2025 งานสัมนาวิชาการด้านยานยนต์ โดยมีแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำระดับโลกกว่า และผู้ที่อยูในอุตสาหกรรมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดย เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “AI in Autonomous Driving – How AI work in ADAS/Autonomous Vehicle” เผยแนวทางการประยุกต์ใช้ AI เพื่อยกระดับสมรรถนะของระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) และระบบขับขี่อัตโนมัติ ทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบภายในรถยนต์ที่เกิดขึ้นจากการผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับระบบควบคุมอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญ ทั้งในด้านการออกแบบระบบให้มีความน่าเชื่อถือ มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล ตลอดจนความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและกฎหมายที่จะรองรับการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
Automotive Summit 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Artificial Intelligence for Automotive Industry “AI4AI” ปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนยานยนต์สู่อนาคต จัดขึ้น ณ ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาภายในงานครอบคลุมการใช้งาน AI ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การใช้งานภายในตัวรถเพื่อเสริมความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ การประยุกต์ใช้ในสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ รวมถึงการมีส่วนร่วมของ AI ในระบบนิเวศยานยนต์ยุคใหม่ ทั้งระบบขนส่งอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ AI ในการเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์อัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ
เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ระบุว่า “ที่ GWM เราเชื่อมั่นว่าอนาคตของการขับขี่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เราจึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ด้วยการผสาน AI เข้ากับระบบความปลอดภัยและการตัดสินใจของรถอย่างลึกซึ้ง ทั้งในรูปแบบของโมเดล SEE (Safety, Efficiency, Experience) และเทคโนโลยี ASL (Agent of Space & Language) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก GWM มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติสำหรับผู้ใช้งานในทุกมิติ”
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงใช้ “สถาปัตยกรรมแบบ End-to-End เชิงโมดูลาร์” ซึ่งแบ่งกระบวนการทำงาน เช่น การรับรู้ ตัดสินใจ และควบคุม ออกเป็นส่วน ๆ โดย AI จะเข้ามาช่วยในแต่ละขั้นตอน จุดเด่นคือความยืดหยุ่นและสามารถให้มนุษย์ควบคุมร่วมได้ แต่ข้อจำกัดคือแต่ละส่วนแยกกัน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารภายในระบบ เพื่อแก้ปัญหานี้ GWM จึงเกิดแนวคิด “Full End-to-End” ที่รวมทุกกระบวนการไว้ในโมเดล AI เดียว แม้จะทันสมัยและคิดตัดสินใจเองได้ทั้งหมด แต่ยังมีข้อท้าทายด้านความปลอดภัย และไม่สามารถควบคุมจากมนุษย์ได้ GWM จึงได้พัฒนาโมเดล “SEE (Safety, Efficiency, Experience)” โมเดลขนาดใหญ่ที่รวมข้อดีของทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน โดยระบบจะรับรู้ วิเคราะห์ และควบคุมได้แม่นยำในหนึ่งเดียว พร้อมเปิดให้มนุษย์ควบคุมบางสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ GWM ได้นำโมเดล SEE มาติดตั้งในรถ MPV ระดับเรือธงอย่าง GWM WEY 80 ในประเทศจีน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ โดย SEE ถูกพัฒนาให้ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์ม Coffee Pilot Ultra ผสานเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 27 ตัว และชิป NVIDIA Orin-X เพื่อประมวลผลข้อมูลรอบทิศทางอย่างแม่นยำ พร้อมรองรับการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยี End-to-End ที่สามารถรวมข้อมูลจากเสียง ภาพ ข้อความ และการสัมผัสเข้าด้วยกัน นับเป็นระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติที่มีความสามารถในการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวรถอย่างแม่นยำ วิเคราะห์สถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ขับขี่ในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การขับขี่ทั้งราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์
นอกจากนี้ GWM ยังได้เปิดเผยถึง “ASL” (Agent of Space & Language) โมเดล AI แห่งอนาคตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถสื่อสารกับผู้ขับขี่ผ่านภาษามนุษย์โดยตรง พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลจากสามแหล่งสำคัญ ได้แก่ ภาพ 3 มิติจากกล้องรอบตัวรถ ระบบ LiDAR และเรดาร์ เพื่อให้เข้าใจบริบทของการเดินทางอย่างรอบด้าน ASL เปรียบเสมือนสมองกลอัจฉริยะภายในรถ ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และปรับตัวได้อย่างแม่นยำ ด้วยศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลหลากหลายมิติ AI รุ่นนี้สามารถพิจารณาทั้งจุดหมายปลายทาง ความต้องการเฉพาะบุคคล และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อและตอบโจทย์เฉพาะตัวในแต่ละเส้นทางได้อย่างลงตัว GWM เชื่อมั่นว่า ปี 2025 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของ AI และในอนาคต ASL จะไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจผู้ขับขี่อย่างแท้จริง
แม้ AI จะล้ำหน้าเพียงใดแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งโลกยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) ทัศนคติของผู้คนและการยอมรับจากสังคม โดยทัศนคติของผู้คนมักขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในระบบ ความรู้สึกปลอดภัย และความคุ้นชินกับการควบคุมรถด้วยตัวเอง แม้หลายคนจะมองเห็นข้อดีด้านความสะดวกและความปลอดภัย แต่บางส่วนยังลังเลเพราะไม่มั่นใจในการปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน 2) ความชอบธรรมและความรับผิดทางกฎหมาย ประเด็นด้านกฎหมายและความรับผิดชอบของรถไร้คนขับยังคงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องกำหนดแนวทางอย่างชัดเจน โดยปัจจุบัน ความรับผิดชอบอาจตกอยู่กับหลายฝ่าย เช่น เจ้าของรถ ผู้ผลิต หรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ รัฐควรร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการวางกฎหมายและมาตรฐานที่สร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยของผู้ใช้และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงกำหนดกระบวนการทดสอบและกลไกตรวจสอบที่โปร่งใส และ 3) ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันการเติบโตของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ รัฐและอุตสาหกรรมควรร่วมมือกันใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สนับสนุน R&D ผ่านทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี, จัดทำกฎหมายที่ชัดเจนและเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย และลงทุนในการให้ความรู้แก่ประชาชนและบุคลากร เพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคตของ Autonomous Vehicle อย่างยั่งยืน
ยานยนต์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และบทบาทของ GWM ในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง SEE และ ASL คือหลักฐานชัดเจนของความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น บนเวที Automotive Summit 2025 ครั้งนี้ GWM ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี แต่ยังชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของทิศทางอุตสาหกรรม ทั้งด้านนวัตกรรม กฎหมาย และสังคมที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กัน เพื่อปูทางสู่ยุคใหม่ของการเดินทางที่อัจฉริยะและยั่งยืนอย่างแท้จริง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
PTG ติดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขยับขึ้นสู่อันดับที่ 48 ในระดับภูมิภาค สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของ PTG
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันโดยขยับขึ้นจากอันดับที่ 58 มาอยู่ที่อันดับ 48 ในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขึ้นสู่อันดับที่ 11 ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากการจัดอันดับโดย นิตยสาร Fortune ซึ่งอ้างอิงจากรายได้ในปี 2024 การจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของ PTG โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมเติบโต 13.6% เทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งเกิดจากความสามารถในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพการขยายธุรกิจในหลากหลายมิติ และการส่งมอบคุณค่าให้แก่ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ PTG ได้รับการจัดอันดับในลิสต์สำคัญระดับภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง การขยับขึ้น 10 อันดับในปีนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเราเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีมงานทุกคนที่ร่วมกันผลักดันองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวคิด ESG ที่ให้ความสำคัญทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล”
Fortune Southeast Asia 500 เป็นการจัดอันดับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ โดยพิจารณาจากรายได้ของบริษัทในปีบัญชีล่าสุด (2567) ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 ของการจัดอันดับ โดยมีบริษัทจาก 7 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
สำหรับ PTG การได้รับการจัดอันดับในระดับภูมิภาคอีกครั้ง ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนา ธุรกิจควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายการสร้างโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต ผ่านการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการที่ครอบคลุม และการขยาย เครือข่ายธุรกิจในทุกมิติ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
เริ่มแล้ว “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47” อวดโฉมรถสุดวินเทจ ฉลอง 30 ปี ฟิวเจอร์พาร์ค
สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ จัด “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47” แสดงรถโบราณ ทรงคุณค่ากว่าร้อยคัน พร้อมยกทัพรถคลาสสิค ร่วมฉลอง 30 ปี ฟิวเจอร์พาร์ค วันนี้–22 มิถุนายน 2568
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47 จัดภายใต้แนวคิด “ความหวังยุคหลังสงคราม-The Post-War Hope” โดยปีนี้มีผู้ส่งรถโบราณ และรถคลาสสิคเข้าประกวด และจัดแสดงให้ชมกว่า 100 คัน ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์
การประกวดแบ่งออกเป็น 7 รุ่น ได้แก่ รถรุ่นบรรพบุรุษ รถรุ่นผ่านศึก รถโบราณ รถรุ่นก่อนสงคราม รถรุ่นหลังสงคราม รถคลาสสิค และรถคลาสสิคร่วมสมัย โดยรถเด่น ได้แก่ Mercedes-Benz 300 Cabriolet D ปี 1953 รถเปิดประทุนคันงาม ซึ่งเป็นแบบในโปสเตอร์งานปีนี้
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการประกวด รถจำลอง รถดัดแปลง รถประดิษฐ์พิเศษ รถแจกวาร์ รถมีนี รถโฟล์คสวาเกน รถอเมริกัน และรถเฟียต พร้อมรถคลาสสิคร่วมสมัย อายุ 30 ปี ที่นำมาแสดงเป็นพิเศษร่วมฉลองครบรอบ 30 ปี ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ เสวนาเกี่ยวกับรถโบราณ การประกวดราชินีแห่งความสง่างาม มินิคอนเสิร์ตจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำหน่ายสินค้าวินเทจ เช่น รถโบราณจำลอง หนังสือ นิตยสาร ฯลฯ
กัลยา กมลรัตน์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค กล่าวว่า “ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ จัดพื้นที่แสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค กว่า 4,000 ตารางเมตร เพราะเราไม่ได้เป็นเพียงช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชัน โดยงานประกวดรถโบราณนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของแต่ละเจเนอเรชัน
นอกจากนี้ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ พร้อมมอบประสบการณ์พิเศษด้วยกิจกรรมสนุกที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ได้แก่ Game Jigsaw Challenge / เวิร์คช็อพทำพวงกุญแจรถคลาสสิค – เติมสีสันตามสไตล์ / Rally Scan – ตามหารถไฮไลท์ภายในงาน รับของรางวัลมากมาย อาทิ กระเป๋า Limited Edition 30th Anniversary , กล่องกระดาษทิชชู ฯลฯ
ชม “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47” ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ ระหว่างวันที่ 18-22 มิถุนายน 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
พี่น้อง เจ็ตต์-ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ บิด Honda CRF450 คว้าดับเบิ้ลโพเดียม AMA Pro Motocross 2025 สนามที่ 4 สหรัฐอเมริกา
Honda CRF450R โชว์ฟอร์มสุดเหนือชั้นอย่างต่อเนื่องสองพี่น้อง เจ็ตต์ และฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ ทีม Honda HRC Progressive ต่อสู้กับคู่แข่งคว้าชัยชนะขึ้นโพเดียมคู่ได้ทั้งสองเรซ ในการแข่งขันศึก AMA Pro Motocross (AMA MX 2025) สนามที่ 4 สนามแข่งรถไฮพอยต์ สหรัฐอเมริกา (High Point Raceway, United States of America) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การแข่งขันเรซที่ 1 “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” หมายเลข 18 ออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงขึ้นนำได้ทันที ทำความเร็วขยับแซงคู่แข่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนขึ้นมารั้งอันดับคว้าชัยชนะไปครองได้ก่อน ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” หมายเลข 96 ผลงานเยี่ยมอย่างมากในเรซนี้ ไล่แซงคู่แข่งจากอันดับที่ 4 ตามเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 2 ได้สำเร็จ
การแข่งขันเรซที่ 2 “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” เริ่มต้นเกมได้อย่างแข็งแกร่ง แต่โชคร้ายที่ระหว่างแข่งขันนั้นมีฟ้าผ่าลงมาทำให้เกมต้องเบรกความได้เปรียบในตำแหน่งผู้นำสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย แต่ฮันเตอร์ดวลกับคู่แข่งอีกครั้งก่อนจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ทำให้ตารางคะแนนสะสม 153 คะแนน ปักหลักในท็อป 4 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” ตะลุยโคลนทำให้ทัศนะวิสัยในเกมไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็สามารถคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้สำเร็จ จบการแข่งขันสนามนี้ยังคงแข็งแกร่งในตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสม 190 คะแนน
ศึก AMA Pro Motocross (AMA MX 2025) สนามที่ 5 จะไปแข่งขันกันที่ เดอะวิค 338 ประเทศสหรัฐอเมริกา (The Wick 338, United States of America) ในวันที่ 28 มิถุนายน นี้
#AMAMX #Honda #HondaMotorcycle #HRC #TeamHondaHRC #CRF450R
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เอ็มจี โชว์ศักยภาพ “ไฮบริดตัวจี๊ดหัวใจนักสู้” ALL NEW MG3 HYBRID+ ในรายการ GC GRID Competition
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย สร้างผลงานในเกมการแข่งขัน Gymkhana อย่างต่อเนื่อง หลังจากส่ง NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่ไม่ได้มีการจูนอัพ หรืออัพเกรดช่วงล่างใดๆ กรุยทางประเดิมลงแข่งในสนาม Gymkhana GC Grid Competition Series 2025 By HarsonTyres เป็นรุ่นแรก ล่าสุด เอ็มจี เสริมทัพเพิ่มอีกรุ่น ด้วยการส่ง ALL NEW MG3 HYBRID+ ลงแข่งขันในรายการเดียวกัน โชว์ศักยภาพ “ไฮบริดตัวจี๊ด” พร้อมต่อยอดการพิสูจน์สมรรถนะของรถแฮทช์แบ็กในสนามแข่งจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบ HYBRID+ ที่ตอบสนองได้ดีส่งให้รถคล่องตัวและควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยมในสนามแข่งที่ท้าทาย การลงสนามแข่งครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ที่มุ่งพัฒนาและยกระดับรถยนต์ให้มีสมรรถนะที่ดี พร้อมลงสนามแข่งได้โดยไม่ต้องปรับจูนเพิ่มเติม
ALL NEW MG3 HYBRID+ รถเล็กหัวใจนักแข่ง ขับสนุกได้ทุกวัน พร้อมพุ่งทะยานในสนามจริง
ALL NEW MG3 HYBRID+ คือยนตรกรรมแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู ที่ เอ็มจี วางหมากอย่างมีกลยุทธ์ให้เป็น “ยนตรกรรมไฮบริดตัวจี๊ดพร้อมที่จะก้าวสู่โลกของเกมส์การแข่งขัน” สำหรับคนรุ่นใหม่ที่โหยหาความเร้าใจในชีวิตประจำวัน โดยไม่ละทิ้งความคุ้มค่าในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม First Jobber ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน หรือสายขับรุ่นใหม่ที่ต้องการรถคันแรกที่ตอบโจทย์ทั้งความสนุกและความมั่นใจบนท้องถนน รถรุ่นนี้ถูกพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ได้มีดีสำหรับแค่ใช้งานในชีวิตประจำวันที่มอบความประหยัดในสไตล์รถไฮบริด หากแต่ยังมี “ความสามารถที่เกินคาด” ที่พร้อมเปิดประตูสู่เส้นทางการแข่งขัน ด้วยระบบไฮบริดรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) รองรับเชื้อเพลิง E20 กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดเร้าใจสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร จึงสามารถเร่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อย่างฉับไวภายในเวลาเพียง 8 วินาที ช่วงล่างที่ถูกออกแบบใหม่ น้ำหนักเบา ระบบบังคับเลี้ยวแม่นยำ และระบบ Regenerative Braking ช่วยให้ควบคุมได้อย่างมั่นคง แม้ในสถานการณ์ที่ต้องเข้าโค้งหรือเร่งออกตัวอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นทั้งประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ด้วยระยะทางวิ่งไกลกว่า 800 กิโลเมตรต่อหนึ่งถังน้ำมัน พื้นที่เก็บสัมภาระที่จุได้มากถึง 1,037 ลิตร พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและสายขับทุกเจเนอเรชัน
“GC GRID Competition” เวทีพิสูจน์ DNAs ความพลิ้วไหว ว่องไว ของ “ไฮบริดตัวจี๊ด”
บทพิสูจน์ตัวจริงกับเวทีการแข่งขันสนามพิเศษ GC GRID Competition เอ็มจี เดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตรระดับแนวหน้าของวงการ ด้วยความร่วมมือกับยางรถยนต์ YOKOHAMA และครีเอเตอร์สายซิ่ง อย่าง คุณตี้ DayDreamDrive เพื่อยกระดับประสบการณ์การแข่งขันไปอีกขั้น โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นการผสานศิลปะของการควบคุมเข้ากับสมรรถนะรถยนต์อย่างแท้จริง และเส้นทางการแข่งขันที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน แฝงไปด้วยอุปสรรคแบบ Urban Challenge อาทิ โค้งแคบ ทางเลี้ยวต่อเนื่อง และการหลบหลีกในพื้นที่จำกัด เอ็มจี เชื่อมั่นว่าเหมาะที่สุดสำหรับการเผยศักยภาพที่แท้จริงของตัวรถ และการแสดงออกถึงบุคลิก และสมาธิ เทคนิค ของนักแข่ง ร่วมกับ ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่ออกแบบมาให้โดดเด่นในเรื่อง ความคล่องแคล่ว แม่นยำ และการตอบสนองของพวงมาลัยที่เฉียบคม การออกตัวที่ฉับไว ทำให้สามารถพุ่งทะยานเข้าสู่โค้งต่อเนื่องได้ สะท้อนความสมดุลระหว่างความสนุกในการขับขี่กับเทคโนโลยีที่พร้อมลุยทั้งสนามแข่งและท้องถนนจริง
สำหรับการแข่งขันในรายการนี้ รถ ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่ลงแข่งเป็นรถสแตนด์ดาร์ด ไม่มีการจูนเครื่องยนต์หรือตัดต่อกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยมีการปรับเปลี่ยนเพียงบางจุดเพื่อให้เหมาะสมกับสนามแข่ง ได้แก่ การเปลี่ยนยางคู่หน้าเป็น YOKOHAMA Advan A052 และยางหลังเป็น YOKOHAMA Advan Neova AD08RS ทั้งหมดผ่านการทดสอบจริงก่อนวันแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการปรับเซ็ตช่วงล่างโดย PROFENDER และติดตั้งชุดระบบเบรกจาก RUNSTOP เพื่อรองรับจังหวะและสไตล์การขับในสนามอย่างเฉพาะเจาะจง
ALL NEW MG3 HYBRID+ คว้าอันดับ 3 อย่างงดงาม แม้ไม่มีการจูนเครื่องยนต์
ALL NEW MG3 HYBRID+ ได้ผ่านการพิสูจน์ความแกร่งในสนามแข่งขันจริงมาแล้วอย่างไม่ธรรมดา ผ่านรายการ GC GRID Competition 2025 รอบที่ 3 และ 4 ณ สนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ ที่ระเบิดฟอร์มได้อย่าง โดดเด่น โดยสามารถทะยานคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้อย่างสง่างาม ในการแข่งขัน สร้างกระแสชื่นชมบนโซเชียลจากแฟนๆ ที่ไม่คาดคิดว่า ALL NEW MG3 HYBRID+ คันเดียวกับที่ใช้จัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา จะสามารถคว้าอันดับ 3 ซึ่งครั้งนี้ไม่เพียงแค่ตอกย้ำถึงศักยภาพของรถไฮบริดตัวจี๊ดคันนี้ แต่ยังประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เอ็มจี ไม่ได้เพียงแค่สร้างรถที่ขับขี่สนุกในชีวิตประจำวัน แต่กำลังทะยานเข้าสู่สังเวียนการแข่งขันอย่างมั่นคงและสง่างาม
และในการแข่งขัน GC GRID Competition Exhibition Match ครั้งนี้ ALL NEW MG3 HYBRID+ สามารถสร้างผลงานด้วยการคว้ารางวัล อันดับ 3 รุ่น GC5 “เกียร์ออโต้” (Auto) ได้ทั้ง 2 สนาม ตอกย้ำความเป็น “ไฮบริดตัวจี๊ด” สมรรถนะไฮบริดขับสนุกที่พร้อมลุยทุกโค้งอย่างมั่นใจ นอกจากนี้ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจาก เอ็มจี ลงสนามแข่งขันรุ่น GC9 “EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไม่จำกัดระบบขับเคลื่อน” โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยคว้าอันดับที่ 1 ในการแข่งขันทั้งสองวัน ตอกย้ำศักยภาพของการเป็นรถ “อีวีสายพันธุ์แท้” ที่พร้อมลุยสนามจริงได้อย่างมั่นใจและเร้าใจทุกโค้ง
เสียงจากนักแข่ง “ตี้ DayDreamDrive” ALL NEW MG3 HYBRID+ ทำให้โลกไฮบริดเปลี่ยนไป
คุณตี้ – ฐนอนันต์ ตีระอรรถชวิน จากเพจ DayDreamDrive นักแข่งและครีเอเตอร์สายยานยนต์ชื่อดัง ซึ่งเป็นนักขับหลักของรุ่นนี้ ได้ถ่ายทอดความประทับใจหลังจบการแข่งขันว่า “ALL NEW MG3 HYBRID+ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง เดิมทีผมมีความกังวลเล็กน้อยว่ารถไฮบริดที่ไม่ได้มีการปรับแต่งใด ๆ อาจมีอัตราเร่งที่ไม่ทันใจ แต่เมื่อได้ลองขับจริงกลับพบว่า การตอบสนองของตัวรถรวดเร็วและเฉียบคมอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะในสนามที่เต็มไปด้วยโค้งต่อเนื่อง ช่วงล่างและระบบพวงมาลัยถูกออกแบบมาอย่างลงตัว จูนเพิ่มอีกนิดก็สามารถทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในสนามแข่ง จนให้ความรู้สึกราวกับกำลังขับรถแข่ง ทั้งที่ความจริงแล้วนี่คือรถที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ถือเป็นรถไฮบริดที่เปลี่ยนภาพจำเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง”
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การที่ เอ็มจี นำ ALL NEW MG3 HYBRID+ ลงแข่งขันในเกมการแข่งขันในรูปแบบ Gymkhana เป็นการประสานระหว่างความสามารถการควบคุมของคนขับและสมรรถนะของรถยนต์ที่ลงตัว และถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถไฮบริดรุ่นใหม่จาก เอ็มจี ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้ทุกวันและแฝงไว้ด้วยหัวใจของการขับสนุกที่ถือเป็นเอกลักษณ์การออกแบบรถยนต์ของ เอ็มจี ซึ่งนี่คือสิ่งที่ เอ็มจี ตั้งใจจะมอบให้ ไม่ใช่แค่ในฐานะรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงเท่านั้น แต่ เอ็มจี มอบโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกของเกมการแข่งขันอย่างแท้จริง”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจี ได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG ThailandHashtag #MGThailand #MGCarsTH #PassionDrives #MG3HybridPlus #AllNewMG3HybridPlus
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ แบงค็อก พาชมบรรยากาศ ‘Bentley Bangkok Extraordinary Pop-up’ โชว์เคสไลน์อัปยนตรกรรมโฉมใหม่แบบครบทุกรุ่น อวดโฉมพร้อมกันเป็นครั้งแรก ณ ห้างเอ็มโพเรียม
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พาชมภาพบรรยากาศ ‘Bentley Bangkok Extraordinary Pop-up’ งานจัดแสดงทัพยนตรกรรมสมรรถนะสูงโฉมใหม่ รุ่น New Continental GT Speed รุ่น New Flying Spur Speed และรุ่น Bentayga Hybrid ซึ่งถือเป็นการจัดแสดงรถยนต์เบนท์ลีย์แบบครบทุกรุ่นที่อวดโฉมให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดพร้อมกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 – 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม
โดยตลอดระยะเวลาการจัดแสดง 13 วัน เหล่าซิตี้ไลฟ์สไตล์ ทั้งชาวไทยและเทศต่างให้ความสนใจกับแกรนด์ ทัวเรอร์สมรรถนะสูงโฉมใหม่อย่างรุ่น New Continental GT Speed และ New Flying Spur Speed ที่ถือเป็นคันแรกและคันเดียวในประเทศไทยในเฉดสีดำ Onyx ตัวรถมาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์สปอร์ตที่เคร่งขรึม ดุดัน และร่วมสมัย สะท้อนภาพลักษณ์ของรถยนต์เบนท์ลีย์ยุคใหม่ที่เดินหน้าสู่ความเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์แบบเต็มรูปแบบพร้อมชูภาพความเป็น Everyday Supercar จากจุดเด่นด้านสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ สำหรับ 2 สุดยอดยนตรกรรมระดับซูเปอร์คาร์ คือ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 Hybrid แบบ Ultra Performance ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ด้วยพละกำลังกว่า 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร อีกทั้ง ผู้เข้าชมงานยังได้ยลโฉมยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ รุ่น Bentayga Hybrid โมเดลล่าสุดที่มาพร้อมกับการออกแบบที่สปอร์ตและร่วมสมัยยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่มีความนูนและเหลี่ยมแบบเดียวกับรุ่น Speed รถยนต์แบบอเนกประสงค์ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 Hybrid มอบประสิทธิภาพในการขับขี่และอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่เหนือกว่า พร้อมกับประสบการณ์ในการขับขี่ที่นุ่มนวลในแบบฉบับของรถยนต์เบนท์ลีย์ สำหรับการสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ภายในงาน เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังมอบโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ด้วยข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษแห่งปีสำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นใหม่และรถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบที่สามารถเลือกได้เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พร้อมรับความอุ่นใจไปกับการรับประกันมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อเลือกครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine