-
News Motocycle2 Min Read
คาวาซากิจัดกิจกรรมใหญ่ Kawasaki Expo 2025 ส่งท้ายปลายปี เอาใจสาวกค่ายเขียว พร้อมเซอร์ไพรส์ในงานเปิดตัวรถใหม่ ปิดท้ายด้วยปาร์ตี้สุด
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน Kawasaki Expo 2025 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ สนาม Impact Speed Park ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.! โดยภายในงานนี้ คาวาซากินำรถจักรยานยนต์ครบทุกสายพันธุ์ พร้อมรถ ATV มาจัดแสดง และทดสอบขับขี่กันอย่างอย่างครบขบวนทัพจัดเต็ม โดยไม่พลาดกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถภายในงานเท่านั้น
พร้อมด้วยเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Z900 และการกลับมาของ Z900 RS กับราคาใหม่และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัว แถมด้วยการประกาศราคาใหม่ยกแผงในตระกูลคลาสสิคอย่าง W และ Meguro เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจเช็ครถเบื้องต้นฟรีโดยทีมช่างมืออาชีพจากคาวาซากิ การจับรางวัล ของที่ระลึกสุดพิเศษ การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคาวาซากิและพันธมิตรแบรนด์ดังอย่างมากมายตลอดทั้งวัน
ปิดท้ายความพิเศษด้วยปาร์ตี้ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคาวาซากิ ท่ามกลางบรรยากาศชิลริมทะเลสาบเมืองทองธานี พร้อมดนตรีสุดไพเราะจากวง SCRUBB ที่ขนเพลงดังมากมายมาเอาใจแฟนเพลงชาวคาวาซากิให้ได้ร้องตามกันตลอดการแสดง
Z900 ใหม่ – ซูเปอร์เน็คสไตล์ SUGOMI ที่คมชัดยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและทรงพลังให้กับทุกประสาทสัมผัสยิ่งกว่าเดิม
Z900 เป็นรถ supernaked พิกัด ~900 ซีซี ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ และออกแบบเพื่อการขี่สนุกทั้งในเมืองและทาง โค้ง ซึ่งผสมผสานพลังความสปอร์ตของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง กับการออกแบบแบบ Sugomi และการควบคุมที่คล่องตัว พร้อมอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์และคุณลักษณะที่ทันสมัย ทรงประสิทธิภาพ
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
– เครื่องยนต์ 948 cc
การตอบสนองที่เฉียบคมและนุ่มนวลของเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของ Z900 สอดคล้องกับการควบคุมที่เบาและคล่องตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ การเปลี่ยนเกียร์จากเปิดเป็นปิดที่นุ่มนวลในขณะเดียวกันก็ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเข้าถึงง่าย ทำให้การควบคุมรถเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เครื่องยนต์สี่สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาด 948 ซีซี ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและช่วงกลางที่หนักแน่น มอบแรงม้าสูงสุดจนถึงขีดสุด มอบความตื่นเต้นเร้าใจที่คำนวณมาอย่างดี
การส่งกำลังค่อนข้างเป็นเส้นตรง แต่แรงบิดรอบต่ำที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นนั้น ผสานกับความสามารถในการหมุนเร็วตั้งแต่ประมาณ 6,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป การตอบสนองที่นุ่มนวลตั้งแต่รอบกลางถึงสูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
124 PS@ 9,500 rpm
98.6 N.m@ 7,700 rpm
– โครงสร้างเฟรมรถใหม่
ที่มีน้ำหนักเพียง 13.5 ก.ก. เท่านั้น ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมรถได้คล่องแคล่ว เฟรมถักเหล็กกล้าไฮเทนไซล์ทนแรงดึงสูงรูปทรงท่อดูสมส่วนลงตัว
– อัตราทดเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่ใหม่
อัตราทดเกียร์ที่ปรับให้เหมาะสมได้รับการจัดเตรียมให้สอดคล้องกับระบบ KQS ใหม่ ควบคู่ไปกับการตั้งค่า FI ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่งเมื่อใช้ควิกชิฟเตอร์
– คาลิปเปอร์ใหม่ Radial mount
คาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียล 4 ลูกสูบคู่ สั่งการได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มขับขี่หรือผู้ขับขี่มีมีประสบการณ์สูง
– ไฟหน้า-ไฟท้าย LED แบบใหม่ ให้ความดุดันที่มากขึ้น
ด้านหน้าเป็นไฟหน้าแบบ LED สามดวง โดยไฟหน้าด้านบนสองดวงเป็นไฟต่ำ และไฟหน้าด้านล่างดวงเดียวเป็นไฟสูง ด้วยขนาดกะทัดรัด ไฟหน้าใหม่จึงให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยม
ฝาครอบท้ายได้รับการออกแบบให้สั้นลงและทำให้ไฟท้ายดูเหมือนลอยอยู่ ทำให้อากาศที่เข้าจากด้านหน้าและระบายออกทางด้านหลัง ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่กะทัดรัดและคล่องตัว
– จอ TFT ใหม่ขนาด 5 นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม
พร้อมฟังก์ชั่นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอปรับแสงอัตโนมัติ, เลือกรูปแบบจอแสดงผลที่ชื่นชอบ, แสดงผลค่าการทำงานของระบบต่างๆอย่างครบครัน
– Cruise control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
– Power Mode Selection
ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดกำลังเต็มกำลัง (Full Power) หรือกำลังต่ำ (Low Power) เพื่อตั้งค่ากำลังส่งให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพการขับขี่ โหมดกำลังต่ำจะจำกัดกำลังส่งไว้ที่ประมาณ 75% ของกำลังเต็มกำลัง (กำลังที่ลดลงจะแตกต่างกันไปตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) และตำแหน่งคันเร่ง ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น)
– Integrated Riding Modes: Sport, Road, Rain, Rider (manual)
โหมดอเนกประสงค์ที่เชื่อมโยง KTRC และ Power Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและการส่งกำลังได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่* ผู้ขับขี่สามารถเลือกการตั้งค่าได้ 3 แบบ (Sport, Road, Rain) หรือการตั้งค่าแบบแมนนวล (Rider) ในโหมดแมนนวล (Rider) แต่ละระบบสามารถตั้งค่าได้อย่างอิสระ
Sport: ช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินกับการขับขี่แบบสปอร์ต
Road: ครอบคลุมสถานการณ์หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่ในเมือง การขับขี่บนทางหลวง และถนนชนบท
Rain: มอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนเปียก
– IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw)
– KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูงของคาวาซากิ มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น และความมั่นใจในการบังคับรถบนพื้นผิวถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำได้อย่างมั่นใจ โหมดการขับขี่ที่ผู้ขับขี่เลือกได้ 3 โหมด มอบระดับการยึดเกาะถนนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่และความต้องการของผู้ขับขี่
– KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
– Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
– Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
Z900 พร้อมจำหน่ายในประเทศ่ไทย ในสี ดำ-เทา-แดง (Metallic Carbon Gray / Metallic Phantom Silver / Candy Persimmon Red) ด้วยราคาขายปลีกแนะนำ 349,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 15,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
Z900RS – TIMELESS Z ความคลาสสิกที่ผสานเทคโนโลยีทันสมัย
Z900RS คือการผสมผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลาจากตำนาน Kawasaki Z1 (900 Super4) เข้ากับเทคโนโลยีและสมรรถนะยุคใหม่ พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป ทำให้ขี่สนุกแต่ให้ความรู้สึกคลาสสิก
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
- เครื่องยนต์ 948 cc
เช่นเดียวกับ Z1 Z900RS มาพร้อมเครื่องยนต์สี่สูบเรียง ขนาด 948 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีความสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับปี 2026 เครื่องยนต์นี้ใช้วาล์วปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ และมีการปรับปรุงช่องไอดี โปรไฟล์แคม และการตั้งค่า ECU ข้อเหวี่ยงเบาลง 10% กำลังอัดเพิ่มขึ้น 10.8 à 11.8 การติดตั้งใหม่นี้ให้สมรรถนะที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นที่รอบต่ำ และให้ความแข็งแกร่งและสปอร์ตยิ่งขึ้นในช่วงรอบสูง
117 PS@ 9,300 rpm
99.5 N.m@ 7,700 rpm
ระบบไอเสียได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงเครื่องยนต์สี่สูบเรียง (In-Line Four) ท่อเฮดเดอร์แบบผนังคู่ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบไอเสียดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป การไม่มีท่อเชื่อมต่อหรืออุปกรณ์ไอเสียช่วยให้เส้นสายดูสะอาดตาและต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ท่อเก็บเสียงแบบเมกะโฟนใหม่นี้ให้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์สปอร์ตย้อนยุคของ Z900RS ท่อเฮดเดอร์, ห้องเครื่อง และท่อเก็บเสียงล้วน
เสียงท่อไอเสียที่ปรับแต่งเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของคาวาซากิเป็นที่เลื่องลือมานานในเรื่องเสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ การปรับแต่งมุ่งเน้นไปที่โซนเสียงที่ผู้ขับขี่สัมผัสได้มากที่สุด เช่น เสียงคำรามขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงจังหวะขณะเดินเบา และเสียงก้องกังวานทุ้มลึกขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งชวนให้นึกถึงระบบ 4-in-1 แบบวินเทจ โดยเน้นความถี่ต่ำให้หนักแน่นกว่ารุ่นก่อนหน้า
Assist & Slipper Clutch
คลัตช์ Assist & Slipper Clutch ใช้ลูกเบี้ยวสองประเภท (ลูกเบี้ยว Assist และลูกเบี้ยว Slipper) ซึ่งมีสองฟังก์ชันที่ไม่มีในคลัตช์มาตรฐาน
* เมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่รอบเครื่องยนต์ปกติ ลูกเบี้ยว Assist จะทำหน้าที่เป็นกลไก Self-Servo โดยจะดึงดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมเข้าด้วยกันเพื่อกดแผ่นคลัตช์ วิธีนี้ช่วยลดภาระสปริงคลัตช์ทั้งหมด ส่งผลให้แรงดึงคันคลัตช์เบาลงเมื่อใช้งานคลัตช์
* เมื่อเกิดการเบรกด้วยเครื่องยนต์มากเกินไป อันเนื่องมาจากการลดเกียร์อย่างรวดเร็ว (หรือการลดเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ) ลูกเบี้ยว Slipper จะเข้ามาทำหน้าที่บีบดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมให้แยกออกจากกัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดบนแผ่นคลัตช์ เพื่อลดแรงบิดย้อนกลับ และช่วยป้องกันยางหลังไม่ให้กระดอนและลื่นไถล
Timeless styling
ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Z1 คงเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้ด้วยไฟหน้ากลม เข้ากับงานฝีมือสมัยใหม่อย่างลงตัว ตั้งแต่ถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงไฟท้าย LED ทรงรีสุดล้ำ และท่อไอเสียทรง Megaphone Z900RS มอบรูปลักษณ์งดงามเหนือกาลเวลา พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดอันประณีตและการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ส่งผลให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง ความสวยงามที่เน้นการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ประณีต Z900RS แตกต่างจากดีไซน์ที่เฉียบคมและล้ำสมัยของรุ่น Z Supernaked ตรงที่ใช้องค์ประกอบทรงกลมเพื่อเลียนแบบดีไซน์สไตล์เรโทรของมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ตั้งแต่สีถังน้ำมันคุณภาพสูง ไปจนถึงการเคลือบคุณภาพสูงสำหรับสลักเกลียว ความใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุด การเดินสายไฟที่พิถีพิถัน และการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง
จออนาล็อกคู่ จับคู่กับจอ LCD
หน้าปัดมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบแบบอนาล็อก เสริมด้วยหน้าจอ LCD อเนกประสงค์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์ย้อนยุคเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย
* นอกจากไฟแสดงตำแหน่งเกียร์แล้ว ฟังก์ชันการแสดงผลยังประกอบด้วย: มาตรวัดระยะทาง, มาตรวัดระยะทางแบบคู่, มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันและเฉลี่ย, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, อุณหภูมิภายนอก, นาฬิกา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ไฟแสดงการเชื่อมต่อแอป และไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด
* ไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัดจะปรากฏบนหน้าจอ LCD เพื่อระบุอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุด
Inverted Front Fork & Horizontal Back-link Rear Suspension
โช้คอัพหน้าหัวกลับขนาด ø41 มม.มอบความสบายในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและศักยภาพการขับขี่แบบสปอร์ต ตอบสนองได้รวดเร็วและควบคุมรถได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงถนนคดเคี้ยว สามารถปรับความหนืดของโช้คอัพได้ทั้งแบบยุบตัว (12 ทิศทาง) และแบบคืนตัว (10 ทิศทาง) รวมถึงปรับพรีโหลดแบบไม่มีสเต็ป ช่วยให้ตั้งค่าได้อย่างแม่นยำตามความต้องการและสไตล์การขับขี่ของผู้ขับขี่
โช้คอัพหลังระบบกันสะเทือนหลังวางตำแหน่งชุดโช้คอัพและชุดเชื่อมต่อไว้เหนือสวิงอาร์ม การจัดวางแบบนี้ช่วยกระจายมวลให้อยู่กึ่งกลาง ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ระบบกันสะเทือนอยู่ห่างจากท่อไอเสียมากพอที่ความร้อนจะไม่ส่งผลต่อการทำงาน โช้คอัพหลังมีระบบหน่วงการคืนตัวแบบไม่มีขั้นและสามารถปรับพรีโหลดแบบไม่มีขั้นได้
รุ่น SE มาพร้อมกับ โช้คหลัง Öhlins S46 โดดเด่นด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมแบบท่อเดี่ยว ลูกสูบขนาดใหญ่ ø46 มม. และห้องน้ำมันและก๊าซภายในที่แยกจากกันด้วยลูกสูบแบบลอยตัว ส่งผลให้สัมผัสการยึดเกาะและการควบคุมที่เหนือกว่า การทำงานที่ดีขึ้นของโช้คหลัง Öhlins ยังช่วยให้รู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่อีกด้วย และเซ็ตติ้งที่เข้ากันทั้งโช๊คหน้าและโช๊คหลัง
Brakes/Wheels/Tyres
เบรกหน้า จานเบรกขนาด ø300 มม. ยึดด้วยคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ/ ปั๊มเบรกคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ ของ Brembo ในรุ่น SE
เบรกหลัง มีคาลิปเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยวพร้อมสลักสไลด์จับยึด จานเบรกขนาด ø250 มม.
ยางหน้า Dunlop SPORTMAX GPR-300 120/70ZR17 M/C (58W)
ยางหลัง Dunlop SPORTMAX GPR-300 180/55ZR17 M/C (73W)
ล้อที่ออกแบบมาอย่างประณีตช่วยเสริมภาพลักษณ์ Z900RS น้ำหนักใต้สปริงที่เบา (ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สวิงอาร์มและล้อ)ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
ท่านั่งขับขี่ที่ผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนในเมืองหรือบนเนินเขา ตำแหน่งการขับขี่ที่ผ่อนคลาย พร้อมเบาะนั่งต่ำเพียง 810 มม. (และ 820 มม.ในรุ่น SE) ของ Z900RS มอบทั้งความสะดวกสบายและการควบคุม รองรับทั้งการขับขี่แบบสบายๆ และการวิ่งด้วยความเร็วที่เร้าใจยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างที่พักเท้า เบาะนั่ง และแฮนด์ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มการสื่อสารระหว่างผู้ขี่และรถ ช่วยให้ผู้ขี่รู้สึกมั่นใจในการควบคุมรถ ซึ่งเสริมกับการควบคุมที่เบาและเป็นธรรมชาติ
แฮนด์บาร์แบบแบนและกว้างช่วยเสริมสไตล์สปอร์ตแบบเรโทร พร้อมมอบการยึดเกาะที่กว้างเพื่อการควบคุมที่สะดวกมุมเลี้ยวที่กว้าง 35ºช่วยให้ควบคุมรถได้สะดวกด้วยความเร็วต่ำ
Electronic Cruise Control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
- IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw) Feedback จาก IMU ช่วยให้เห็นภาพทิศทางของตัวรถแบบเรียลไทม์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้การจัดการแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก IMU ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ นั่นคือ การจัดการเบรกขณะเข้าโค้ง นอกจากเซ็นเซอร์ความเร็วล้อหน้าและล้อหลัง (ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับระบบ ABS ทุกระบบ) แล้ว ระบบ ABS ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ยังใช้ข้อมูลจาก IMU เพื่อคำนวณมุมเอียงของรถจักรยานยนต์ หากผู้ขับขี่ใช้เบรกเลยจุดเข้าโค้ง เพิ่มแรงเบรกกลางโค้ง หรือพบการเปลี่ยนแปลงแรงยึดเกาะพื้นผิวอย่างแรงเบรกจะถูกปรับเพื่อยับยั้งพฤติกรรมการลื่นไถลของรถ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาเส้นทางที่ตั้งใจไว้ขณะเข้าโค้งได้ แทนที่จะออกนอกโค้ง หรือหยุดรถได้อย่างมีสติ
- KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน (Kawasaki TRaction Control)
Z900RS มาพร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนน มีสองโหมดครอบคลุมสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย มอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เหนือชั้น หรือมอบความอุ่นใจในการลุยพื้นผิวลื่นได้อย่างมั่นใจ
Mode 1 ซึ่งทำงานน้อยที่สุด ช่วยควบคุมการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง
ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ต ช่วยให้การเร่งความเร็วออกจากโค้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มแรงขับเคลื่อนจากล้อหลังไปข้างหน้าให้สูงสุด
Mode 2 ซึ่งทำงานมากกว่าไมากกว่า เมื่อตรวจพบการหมุนของล้อมากเกินไป กำลังเครื่องยนต์จะลดลงเพื่อให้ยึดเกาะถนนได้อีกครั้ง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ทั้งบนเส้นทางสั้นๆ ที่ท้าทาย (เช่น รางรถไฟหรือฝาปิดท่อระบายน้ำ) และบนเส้นทางที่มีแรงยึดเกาะต่ำ (เช่น ถนนเปียก ถนนกรวด หรือถนนกรวด)
- KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเครื่องยนต์อันทรงพลังของ Z900RS ได้มากยิ่งขึ้น ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
- Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
- Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
– Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์
– Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่
– Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรืออีเมลล์เข้า
– Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น
รุ่น SE มาพร้อมกับช่อง USB Type-C บนแฮนด์ด้านขวามือ เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสี “Fireball” อันเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่รุ่น Z1 โดยมีการปรับลวดลายให้เข้ากับการอัพเกรดของ Z900RS ในครั้งนี้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับล้อสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ในตัว SE
Z900RS พร้อมจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่น คือรุ่นธรรมดา สีแดง (Candy Tone Red) ราคาขายปลีกแนะนำ 409,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) และรุ่น SE สีดำ (Metallic Spark Black) ราคาขายปลีกแนะนำ 449,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คาวาซากิได้ปรับราคารถจักรยานยนต์ในตระกูล W และ Meguro ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นในคลาส 230 ซีซี หรือ 800 ซีซี พร้อมเสนอโปรโมชั่นพิเศษในช่วงงาน Kawasaki Expo ถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อแฟนๆสายคลาสสิคทุกคน
ราคาขายปลีกแนะนำใหม่
W230 ราคา 129,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
Meguro S1 ราคา 147,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
W800 ราคา 349,000 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่าสูงสุด 12,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
Meguro K3 ราคา 379,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
และแม้งานจะจบลงไปแล้ว แต่ทุกท่านยังสามารถพบกับกิจกรรม ข้อเสนอดีๆ และของรางวัลมากมายเช่นเดียวกับในงาน Kawasaki Expo 2025 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคมนี้ เท่านั้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้ารางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้รับรางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 แคมเปญยอดเยี่ยมด้านความปลอดภัย ประจำปี 2568 จากงานประกาศผลรางวัล “Thailand Car, EV & Motorcycle of The Year 2025” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลในพิธีดังกล่าว
รางวัลนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของแคมเปญระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งไทยฮอนด้าได้เดินหน้ารณรงค์ความปลอดภัยครั้งใหญ่ผ่านกิจกรรม คาราวานมอบหมวกกันน็อก 60 ปี ไทยฮอนด้า ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 112,440 ใบ มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท กระจายสู่ประชาชนและเยาวชนใน 77 จังหวัดทั่วไทย ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา และเดินหน้าส่งต่อความปลอดภัยต่อเนื่องตลอด 4 เดือนเต็ม โดยในเร็ว ๆ นี้จะเดินทางถึง หมุดหมายสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบหมวกกันน็อกให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการปิดฉากแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอีกสองรุ่น ได้แก่ New Honda PCX และ All New Honda Wave125 ที่มีความโดดเด่นและได้รับคัดเลือกเข้ารอบรางวัล Motorcycle of the Year 2025 ในงานเดียวกัน ตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านคุณภาพ สมรรถนะ และความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทย
ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นในการเดินหน้าสร้างสังคมแห่งการขับขี่ปลอดภัย พร้อมส่งต่อความห่วงใยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ด้วยเป้าหมายการพัฒนาความปลอดภัยของประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
ดุดันที่สุดในรุ่น – ‘Continental GT Supersports’ การกลับมาอีกครั้งของยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตแท้ในตำนาน 100 ปี
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Continental GT Supersports ยนตรกรรมสปอร์ตในตำนานรุ่นที่ 4 หลังจากการเผยโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อ 100 ปีที่แล้ว Continental GT Supersports รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ห้องโดยสารแบบสองที่นั่งสไตล์สปอร์ต และน้ำหนักที่เบากว่าสองตัน มอบการมีส่วนร่วมในการขับขี่สูงสุด เครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน ไร้มอเตอร์ไฟฟ้า (Non-hybrid) เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 666 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ส่งพละกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่แปดสปีดไปยังล้อหลัง ตัวรถยังมากับเบรกคาร์บอนเซรามิก ล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้วใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Manthey Racing และท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovič เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมด้วยยาง Pirelli Trofeo RS ยางรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมทวงบัลลังก์ยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตแท้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
Continental GT Supersports ใหม่ สะท้อนการออกแบบภายนอกที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยการพัฒนาฟังก์ชันเพื่อเพิ่มแรงกดสูงสุดและช่วยลดน้ำหนัก กันชนหน้าใหม่ผสานสปลิตเตอร์หน้าขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยติดตั้งมา ส่งลมผ่านไปยังเครื่องยนต์และเบรกหน้า อีกทั้ง วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ กาบประตูห้องโดยสาร บังโคลน ดิฟฟิวเซอร์หลัง และการติดตั้งปีกหลังผสานกันเพื่อสร้างแรงกดที่มากกว่า Continental GT Speed ถึง 300 กิโลกรัม แนวทางการลดน้ำหนักตัวถังยังรวมถึงหลังคา ซึ่งผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง แต่ยังคงความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถังไว้
ภายในห้องโดยสารแบบสองที่นั่งมาพร้อมเบาะโดยสารสไตล์สปอร์ตคู่ใหม่ที่เพิ่มความกระชับ พร้อมการจัดวางในตำแหน่งที่ต่ำลง ส่วนภายในห้องโดยสารด้านหลังถูกแทนที่ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และการหุ้มหนัง โดยรูปแบบภายในห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทน ดูโอโทน และไตรโทน พร้อมการเลือกใช้วัสดุหนังไดนามิกา และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารในแบบยนตรกรรมสปอร์ต
Continental GT กับระบบขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรก
ระบบส่งกำลังของ Continental GT Supersports เป็นแบบ Non-hybrid ที่ปราศจากมอเตอร์ไฟฟ้า โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตรที่ได้รับการพัฒนาใหม่ คือ หัวใจสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ พร้อมด้วยช่องเก็บข้อเหวี่ยงที่แข็งแกร่งขึ้น หัวสูบที่ได้รับการพัฒนา และเทอร์โบที่ใหญ่ขึ้น การพัฒนานี้ทำให้เครื่องยนต์สามารถมอบพละกำลังสูงสุดได้ถึง 666 แรงม้า (166.5 แรงม้าต่อลิตร) พร้อมด้วยแรงบิดกว่า 800 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์คลัตช์คู่ ZF แปดสปีดที่ใช้ในรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกรุ่น แต่ได้รับการพัฒนาใหม่สำหรับในรุ่น Supersports พร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์ที่มีความฉับไวและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการลดเกียร์ขณะเบรกได้รับการปรับแต่งได้อย่างแม่นยำเพื่อมอบเสถียรภาพและความมั่นใจสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่
Supersports ใหม่มาพร้อมกับท่อไอเสียไทเทเนียมที่ได้รับการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยระบบไอเสียนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Akrapovič ซึ่งเป็นพันธมิตรของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ มอบเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบของรุ่น Supersports ระบบไอเสียนี้จะช่วยปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ V8 แบบครอสเพลนให้ดุดันและทรงพลังยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องมีการปรับเพิ่มเติมภายในห้องโดยสารแต่อย่างใด
สุดยอดยนตรกรรมสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 310 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที
วิศวกรของเบนท์ลีย์ได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ด้วยการออกแบบ Continental GT Supersports รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ นอกเหนือจากรุ่น Continental GT3 ด้วยการส่งพละกำลังไปยังล้อหลังผ่านระบบ eLSD โดยระบบ eLSD ได้รับการเสริมจากระบบกระจายแรงบิดด้วยเบรกที่ระบบทั้งสองจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ พร้อมมอบการยึดเกาะถนนสูงสุด ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังยังคงได้รับการติดตั้งเพื่อความคล่องตัวและเสถียรภาพสูงสุดในขณะขับขี่ พร้อมด้วยการพัฒนาระบบบังคับเลี้ยว ช่วงล่าง ระบบจัดการยึดเกาะถนน และระบบ ESC ใหม่ทั้งหมด
การตั้งค่า ESC จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการมีส่วนร่วมหรือความช่วยเหลือที่ต้องการได้ ตั้งแต่โหมดเปิดใช้งานแบบเต็มระบบด้วยโหมดไดนามิกที่ให้การลื่นไถลและโอเวอร์สเตียร์ที่สามารถควบคุมได้ไปจนถึงโหมดปิดการใช้งาน ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมเพลาล้อหลังได้อย่างสมบูรณ์ โดยสามารถทำให้ตัวรถเกิดโอเวอร์สเตียร์ภายใต้การควบคุมได้
ตัวถังใช้ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียมด้านหน้า พร้อมด้วยเพลาหลังแบบมัลติลิงค์ สปริงลม และโช้คอัพแบบทวินแชมเบอร์ใหม่ที่ควบคุมโดย ECU ในด้านการกระแทกและการคืนตัวอิสระ รุ่น Supersports ยังมาพร้อมกับ Bentley Dynamic Ride ระบบควบคุมการทรงตัวด้วยไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ที่สามารถสร้างแรงบิดสูงสุด 1,300 นิวตันเมตรภายใน 0.3 วินาที พร้อมด้วยระบบเบรกรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประกอบไปด้วยจานเบรกคาร์บอน-ซิลิคอน-คาร์ไบด์ (CSiC) ขนาด 440 มม. ที่เพลาหน้ายึดด้วยคาลิปเปอร์ 10 ลูกสูบ และจานเบรกขนาด 410 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบที่เพลาหลังที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับคาลิปเปอร์สีดำเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และตัวเลือกในเฉดสีแดง
Supersports มาพร้อมกับล้ออัลลอยด์ใหม่ขนาด 22 นิ้วที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Manthey Racing กับตัวเลือกสองสีอย่างสีดำและสีดำที่ตกแต่งด้วยโลหะสีเงินเฉพาะในรุ่น Supersports โดยผู้ครอบครองสามารถเลือกยาง Pirelli P-Zero ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือ ตัวเลือกยางสมรรถนะสูงอย่าง Trofeo RS ใหม่ได้ ซึ่งการติดตั้งยาง Trofeo RS จะทำให้น้ำหนักตัวถังลดลง นั้นหมายความว่ารุ่น Supersports จะสามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่ารุ่น Continental GT Speed ประมาณ 30%
ที่สุดแห่งยนตรกรรมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดและดาวน์ฟอร์ซมากที่สุดในรอบ 85 ปี
Continental GT Supersports ใหม่มีน้ำหนักเบากว่า Continental GT เกือบครึ่งตัน โดยมีน้ำหนักที่น้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม ปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักมาจากเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบสันดาปภายในเพียงอย่างเดียวและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หลังคาที่แต่เดิมผลิตจากอะลูมิเนียมได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ช่วยลดน้ำหนักและลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ
ห้องโดยสารส่วนหลังได้รับการปรับปรุงใหม่ให้สามารถลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยการลดการใช้ฉนวนกันเสียง และระบบเสียงที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เฉพาะห้องโดยสารส่วนหน้า หลักการลดน้ำหนักยังมาจากการลดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่บางระบบ ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับรุ่น Continental GT ที่เน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก
รายละเอียดภายนอกของรถได้รับการผสมผสานกันอย่างลงตัว ถือเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนรูปลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีองค์ประกอบใหม่จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะช่วยลดน้ำหนัก ดังต่อไปนี้:
- กันชนหน้าส่วนล่างรูปแบบใหม่ พร้อมสปลิตเตอร์หน้าแบบแอโรไดนามิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่รถยนต์เบนท์ลีย์เคยติดตั้งมา กันชนมีช่องระบายความร้อนใหม่สองช่องในแต่ละด้าน ซึ่งส่งผ่านลมไปยังเบรกหน้าและเครื่องยนต์ เหนือกันชนตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบตาข่ายน้ำหนักเบาดีไซน์ใหม่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Supersports ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง
- ปีกเล็กแบบซ้อนกันสองคู่ตกแต่งอยู่ที่มุมกันชนหน้า พร้อมทำงานร่วมกับสปลิตเตอร์เพื่อลดการยกตัวด้านหน้าของรถ
- สเกิร์ตข้างใหม่ตลอดความยาวฐานล้อของตัวรถ
- ด้านหลังล้อหน้าตกแต่งด้วยบังโคลนรูปทรงตัว B ใหม่ ช่วยควบคุมการไหลของอากาศจากซุ้มล้อหน้า พร้อมช่วยถ่ายเทอากาศที่มีแรงดันสูงและควบคุมการไหลของอากาศไปตามด้านข้างของตัวถัง
- ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่ติดตั้งบนโครงสร้างกันชนหลังแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงช่องระบายอากาศสำหรับซุ้มล้อหลัง
- สปอยเลอร์หลังแบบเดี่ยวติดตั้งถาวรบริเวณด้านบนของฝากระโปรงหลัง
ชิ้นส่วนแอโรไดนามิกเหล่านี้ล้วนผ่านการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยการเน้นการออกแบบตามรูปทรง โดยไม่ได้ติดตั้งเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งหมดนี้สามารถช่วยเพิ่มแรงกดได้มากกว่า Continental GT Speed ถึง 300 กิโลกรัม ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสมดุลของตัวรถ และช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักแบบไดนามิกที่ 54:46 เมื่อรถหยุดนิ่ง และเคลื่อนที่ไปด้านหลังด้วยความเร็วเมื่อรถออกตัว
การตกแต่งในขั้นสุดท้ายด้วยคาร์บอนไฟเบอร์จะเป็นการตกแต่งกระจกมองข้างและฝาครอบเครื่องยนต์
ความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Supersports ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดันด้วยแรงบันดาลใจจากพละกำลังและความแม่นยำของกีฬามอเตอร์สปอร์ต การจัดวางเบาะโดยสารภายในเป็นแบบ 2 ที่นั่ง เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ที่เป็นจุดเด่นของยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นนี้ โดยทุกรายละเอียดล้วนได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ พร้อมกำหนดนิยามใหม่ของความหรูหราและสมรรถนะความสปอร์ตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
เบาะโดยสารแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาแบบใหม่สำหรับคนผู้ขับขี่และผู้โดยสารมอบการรองรับสรีระด้านข้างที่เพิ่มขึ้น และตำแหน่งเบาะโดยสารที่ต่ำลง พร้อมด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนบริเวณไหล่ เบาะโดยสารสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 11 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอุณหภูมิ ห้องโดยสารส่วนหลังได้รับการออกแบบด้วยการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาโอบล้อมห้องโดยสารส่วนหลังไว้ทั้งหมด พร้อมกับโครงเบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังที่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของห้องโดยสาร ให้บรรยากาศที่สะอาดตาและคุณสมบัติการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ
วีเนียร์คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่ตกแต่งบริเวณประตูห้องโดยสารและแผงหน้าปัดผสานเข้ากับหนังไดนามิกา วัสดุทางเทคนิคบริเวณพนักพิงเบาะโดยสาร แผงกลางประตูห้องโดยสาร และแผงบุหลังคาภายในห้องโดยสาร โดยมีงานปักและตราสัญลักษณ์ Supersports พร้อมด้วยหมายเลขเฉพาะรุ่นตกแต่งบนคอนโซลกลาง
การออกแบบเฉพาะบุคคล
Continental GT Supersports ทุกรุ่นจะมีหมายเลขกำกับทุกคันก่อนออกจากโรงงาน โดยลูกค้าสามารถเลือกหมายเลขเฉพาะได้จากรถยนต์จำนวน 500 คันที่ผลิตโดยช่างฝีมือ ณ เมืองครูว์
ตัวเลือกเฉดสีเริ่มต้นจาก 24 เฉดสีหลักที่เน้นภาพลักษณ์ด้านสมรรถนะ พร้อมด้วยสีพิเศษที่รวมถึงโลโก้ Supersports และสีแบบด้านจาก Bentley Mulliner นอกเหนือจากภายนอกแบบโทนสีเดียวแล้ว ทีมออกแบบของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สยังได้พัฒนา “รูปแบบการออกแบบเฉพาะ” ขึ้นมา 5 แบบ ซึ่งประกอบไปด้วยลายเส้นแนวตั้งขนาดเล็กและป้ายชื่อ Supersports ในเฉดสีตัดกันในส่วนล่างตัวถังที่อยู่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า หรือลายเส้นสองสีตัดกันบริเวณส่วนท้ายของตัวรถ
การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ภายนอกมีให้เลือกแบบเคลือบเงา พร้อมตัวเลือกการพ่นสีหรือการทำลายเส้นได้อย่างอิสระ
ภายในห้องโดยสารมีสีหลักให้เลือก 22 เฉดสี พร้อมด้วยสีรอง 11 เฉดสี และเฉดสีเน้นอีก 9 เฉดสี พร้อมด้วยตัวเลือกรูปแบบโทนสีเดียว แบบดูโอโทน (รูปแบบมาตรฐาน) และแบบสีไตรโทนใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการตกแต่งแบบ Dark Chrome Specification
นอกเหนือจากการตกแต่งด้วยวีเนียร์แบบคาร์บอนไฟเบอร์ภายในห้องโดยสารแล้ว ผู้ครอบครองยังสามารถเลือกได้ระหว่างวีเนียร์แบบ Diamond Brushed หรือ Engine Turned Aluminium ในสีเฉดเข้ม Dark Tint หรือแบบเรียบง่ายแต่หรูหราในแบบวีเนียร์ Piano Black
Continental GT Supersports ใหม่เปิดรับคำสั่งจองในประเทศดังต่อไปนี้: สหราชอาณาจักร ประเทศในยุโรป (EU27 สวิตเซอร์แลนด์และตุรกี) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย โอมาน บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT (High Performance V8 Hybrid) ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
-
News Car1 Min Read
บริดจสโตนร่วมโชว์ยางสมรรถนะสูงในงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ กับรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY”, ISUZU X-SERIES
“2 HOT…2 HANDLE” และรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK”บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และผู้พัฒนายางสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์บริดจสโตนสำหรับรถอีซูซุ ร่วมงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่สุดยิ่งใหญ่ นำโดย ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!, ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ณ สนามทดสอบรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ISUZU 4×4 EXPERIENCE จ.ปทุมธานี ซึ่งบริดจสโตนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเทคโนโลยียางที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวเลือกรองรับสมรรถนะของรถอีซูซุอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในโอกาสนี้บริดจสโตนได้ร่วมออกบูธแนะนำผลิตภัณฑ์ “BRIDGESTONE DURAVIS R624X HEAVY DUTY” บรรทุกหนักเอ็กซ์ตร้า ทนทานเหนือโลก ความทนทานที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อรถกระบะ
เชิงพาณิชย์และรถบรรทุกขนาดกลาง ออกแบบให้บรรทุกได้หนักขึ้น พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานและ “BRIDGESTONE DUELER ALL-TERRAIN A/T002” ลุยผ่านทุกเส้นทาง สู่จุดหมายที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์ (PPV) อีกระดับของยาง ALL-TERRAIN พร้อมรับความท้าทายในทุกเส้นทาง เต็มสมรรถนะทุกทางลุย คงความสบายแม้ทางเรียบ ซึ่งยางสมรรถนะสูงทั้งสองรุ่นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับรถรุ่นดังกล่าวของอีซูซุ ช่วยดึงศักยภาพการขับขี่ให้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไฮไลต์เด็ดของงานอยู่ที่คุณเบียร์ ใบหยก ที่มาพร้อมความตื่นเต้นเต็มพิกัดกับ “TOP SECRET X ISUZU D-MAX” รถปิกอัพสีทองสุดเอ็กซ์คลูซีฟ คันแรกของโลก จากโปรเจกต์ “TOP SECRET THAILAND” เรียกเสียงฮือฮาและดึงสายตาผู้เข้าชมได้อย่างเต็ม ๆ
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DURAVIS R624X HEAVY DUTY และผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DUELER ALL-TERRAIN A/T002 และสามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางบริดจสโตน หรือศูนย์บริการอีซูซุทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฉลองครบรอบ 55 ปี แห่งพลังที่ไม่มีวันหยุดยั้ง “UNSTOPPABLE 55: 55 Years of Endless Drive” พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตของวงการยานยนต์ไทย
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน Bangkok International Motor Show งานแสดงยานยนต์นานาชาติครั้งแรกของประเทศไทย และผู้นำด้านสื่อยานยนต์ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ นำโดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายกิจกรรมพิเศษ คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายการผลิต และ คุณปิยนุช แจ่มศิริพรหม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า/ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี แห่งพลังที่ไม่มีวันหยุดยั้ง “UNSTOPPABLE 55: 55 Years of Endless Drive” การดำเนินธุรกิจอย่างภาคภูมิ ท่ามกลางความไว้วางใจและการสนับสนุนอันยาวนานจากพันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ และสื่อมวลชน ซึ่งมีส่วนสำคัญผลักดันให้กรังด์ปรีซ์ฯ เติบโตและยืนหยัดอย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน งานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ รอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
บรรยากาศภายในงานอบอุ่นและเป็นกันเอง เริ่มตั้งแต่แขกผู้ทรงเกียรติทยอยมาลงทะเบียน โดยมีคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ก่อนเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยง ทุกท่านได้ชมนิทรรศการ “GRANDPRIX Unstoppable 55th” ซึ่งบอกเล่าเส้นทางความมุ่งมั่นของกรังด์ปรีซ์ฯ จากจุดเริ่มต้นในอดีตสู่การเติบโตและเปลี่ยนผ่านในแต่ละยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน ภายในงานยังมี THE SOCIAL LOUNGE “Connect & Celebrate”, งานเลี้ยงอาหารค่ำพร้อมการแสดงสดชุด “Symphony of Motion” และการแสดงแสงสีเสียง “Drive Beyond Time” ก่อนเข้าสู่การนำเสนอ VTR ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจาก ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ผู้ก่อตั้งบริษัทฯหลังจากนั้นเป็นพิธีมอบรางวัล “Grand Prix 55th Excellence in Automotive Manufacturing Awards” เพื่อเชิดชูผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และช่วงสำคัญของงาน “The Journey Continues – CEO Transition” การส่งต่อมรดกสู่ผู้นำรุ่นใหม่ พร้อมการบรรยายพิเศษ “CEO Talk” โดย คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารทุกท่านร่วมกันกล่าวขอบคุณพันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ และสื่อมวลชนทุกท่านที่อยู่เคียงข้างบริษัทฯ มาโดยตลอด
สำหรับงานฉลองครั้งประวัติศาสตร์นี้ นับเป็นความปลาบปลื้มและเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่คณะผู้บริหารและพนักงานของ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อีกทั้งยังตอกย้ำพันธกิจขององค์กรในการร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรม ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งสู่ความเป็นเลิศในอนาคต ด้วยพลังที่ไม่มีวันหยุดยั้งต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ร่วมลงนามข้อตกลง “มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5)” เดินหน้าพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้า สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2593
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทยเข้าร่วมพิธีลงนามบันทึก “พิธีลงนามข้อตกลงการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถจักรยานยนต์ระยะที่ 2” ระหว่างกรมสรรพสามิตและผู้ประกอบอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอน และขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ตามวิสัยทัศน์ของฮอนด้าที่มุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593
พิธีการลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ นำโดย มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้ลงนามร่วมกับ ดร.พรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมด้วย นายบัญชร ส่งสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี 2 และนางสุภาพร วัฒนเจริญ ผู้อำนวยการส่วนมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี 3
มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้บริโภคชาวไทยและสภาพแวดล้อมของประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ทำงานร่วมกับภาครัฐมาโดยตลอด ทั้งในด้านการวิจัย พัฒนา และการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง รวมถึงการเข้าร่วมในมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ระหว่างปี พ.ศ. 2566–2568 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยก้าวสู่มาตรฐานสากล การลงนามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5) ครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการสานต่อพันธกิจดังกล่าว
ฮอนด้ายืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรทุกฝ่าย เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประชาชนทั่วโลก”
สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5) จะมีผลใช้บังคับในช่วงปี พ.ศ. 2567 – 2570 โดยครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยสิทธิประโยชน์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เงินอุดหนุน การลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต โดยเงินอุดหนุนจะเป็นไปตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ สำหรับกรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EV ราคาไม่เกิน 150,000 บาท ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท/คัน โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อมุ่งลดต้นทุนการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ควบคู่กับการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#EV #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
ยามาฮ่าปลุกพลังไทย! รวมใจเชียร์ทีมชาติ ล่าเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ ยามาฮ่าร่วมสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยสู่จุดสูงสุดบนเวทีกีฬาอาเซียน
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งแรงใจให้ทัพนักกีฬาไทยก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุด พร้อมร่วมสร้างประวัติศาสตร์การเป็น “เจ้าเหรียญทอง” ภายใต้แนวคิดหลัก “เชียร์ไทยคว้าชัยซีเกมส์ สานพลังไทยเจ้าเหรียญทอง” สะท้อนพลังความสามัคคีของคนไทยที่พร้อมรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อประเทศ
สำหรับการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ ทางยามาฮ่ามอบรถจักรยานยนต์ YAMAHA FAZZIO HYBRID จำนวน 60 คัน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทย และแฟนกีฬาชาวไทย โดยมอบให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งแบ่งออกเป็น รางวัลสำหรับนักกีฬาที่คว้าตำแหน่ง “เจ้าเหรียญทอง” จำนวน 50 คัน และรางวัลสำหรับผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จำนวน 10 คัน
นอกจากนั้น ยามาฮ่ายังได้จัดกิจกรรมเชียร์ไทยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อสร้างประสบการณ์ FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE ให้กับลูกค้ายามาฮ่า พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงพลังแรงเชียร์ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ตลอดช่วงการแข่งขันซีเกมส์ 9 – 20 ธันวาคม 2568 และอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งประกอบด้วย
- การร่วมวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ที่นำโดยผู้บริหาร ผู้จำหน่าย พนักงาน สื่อมวลชน นักแข่งจาก YAMAHA THAILAND RACING TEAM และลูกค้ายามาฮ่า กว่า 295 คน ร่วมวิ่งคบเพลิงใน 4 จังหวัดเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), ชลบุรี (แหลมแท่น), สงขลา (หอนาฬิกาหาดใหญ่) และนครราชสีมา (อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี) เพื่อส่งต่อพลัง และประกาศความพร้อมสู่มหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่
- เชิญชวนชาวยามาฮ่าร่วมชมพิธีเปิด–ปิดกีฬาซีเกมส์ และคาราวานเฉลิมฉลองนักกีฬาไทย สุดยิ่งใหญ่
- การเตรียมตัวจัด “คาราวานและพิธีฉลองชัยชนะแก่ทัพนักกีฬาไทย” เพื่อร่วมแบ่งปันความภาคภูมิใจไปทั่วประเทศ
รวมถึงการกิจกรรมสนุกเต็มรูปแบบที่ร้านผุ้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ ที่ตกแต่งโชว์รูมด้วยธีมซีเกมส์สุดเท่ พร้อมมาสคอส YAMAHA FAZZIO ATHLETE MONSTERสุดน่ารัก ร่วมชมถ่ายทอดสดการแข่งขันแมตช์สำคัญผ่านจอใหญ่ และสนุกกับกิจกรรมลุ้นของรางวัลมากมาย อีกทั้งยังได้มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้ายามาฮ่าโดยเฉพาะ โดยการเชียร์นักกีฬาไทยติดขอบสนามในการแข่งขันที่กรุงเทพฯ ชลบุรี สงขลา และนครราชสีมา
สำหรับท่านที่เดินทางไปชมและเชียร์นักกีฬาไทยติดขอบสนามราชมังคลาฯ ระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 ยามาฮ่ายังได้เตรียมบูธ YAMAHA FAZZIO สุดยูนีคให้ร่วมสนุกใน FAN ZONE เพื่อให้แฟนกีฬาสามารถร่วมสนุกกับยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด และร่วม EXCLUSIVE MEET & GREET กับ YAMAHA THAILAND RACING TEAM, กิจกรรมของรางวัลลิมิเต็ดเฉพาะในงาน พร้อมเครื่องดื่ม และขนมเติมพลังตลอดวัน
ชาวยามาฮ่าสายออนไลน์หน้าจอ ยังสามารถร่วมสนุกบน FACEBOOK: YAMAHA SOCIETY THAILAND และ YAMAHA LINE OFFICIAL ACCOUNT: @YAMAHA SOCIETY THAILAND เพื่อเชื่อมโยงพลังแรงเชียร์จากคนไทยทั่วประเทศ อาทิ
- “ร่วมส่งแรงเชียร์…เป็นกำลังใจให้นักกีฬาไทย” คัดเลือก 20 ข้อความร่วมเชียร์นักกีฬาไทยสุดเจ๋งจาก FACEBOOK: YAMAHA SOCIETY THAILAND มาโชว์บนจอ LED ขนาดใหญ่บนเส้นถนนบางนาตราด
- สนุกกับ “PHOTO HUNT ตามล่าหา YAMAHA FAZZIO” รถคู่ใจวัยฟาส สำหรับ 20 ท่านที่ถูกคัดเลือก ได้รับ ของรางวัล RARE ITEM
- ชวนชาว YAMAHA FAZZIO มาแชร์ “ขี่ YAMAHA FAZZIO ไปเชียร์ที่ไหนกัน” เพียงแชร์ภาพคู่กับ YAMAHA FAZZIO คันโปรด ภาพที่โดนใจ 20 ภาพ รับเสื้อ #ยามาฮ่าเชียร์ไทยคว้าชัยซีเกมส์ ฟรี!
- พิเศษสุด…สำหรับลูกค้ายามาฮ่าทุกรุ่นที่เป็นสมาชิก LINE OFFICIAL ACCOUNT: @YAMAHA SOCIETY THAILAND รับบัตรเข้าชมพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ฟรี! จำนวนจำกัด สิทธิพิเศษนี้เฉพาะลูกค้า LINE Official Account ของยามาฮ่าเท่านั้น
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ภูมิใจที่ได้ร่วมหนุนทัพนักกีฬาไทยสู่เวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE – สุดทุกทาง…ต่างทุกฟีล” และขอเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมส่งแรงใจแรงเชียร์ให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ปีนี้ ร่วมสร้างพลังแห่งความภาคภูมิใจให้กึกก้องทั่วประเทศ “เชียร์ไทยคว้าชัยซีเกมส์ สานพลังไทยเจ้าเหรียญทอง”
#YAMAHAFAZZIOสานพลังไทยเจ้าเหรียญทอง
#YAMAHAเชียร์ไทยคว้าชัยซีเกมส์
#YAMAHASOCIETYTHAILAND #REVSYOURHEART
#ยามาฮ่า #เร่งชีวิตให้เร้าใจ
#ซีเกมส์ครั้งที่33 #ซีเกมส์2025 #ซีเกมส์ #SEAGAMESTHAILAND2025
#SEAGAMES2025 #SEAGAMES33
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ทัพนักแข่งฮอนด้า CBR Series ลุ้นแชมป์ประเทศไทย พร้อมดวลความเร็ว 2 เรซรวดใน NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 ปิดฤดูกาล
“ฮอนด้า” พัฒนานักบิดและมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง ในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 ด้วยการส่ง 4 แซทเทิลไลท์ทีม ลงดวลความเร็วใน 3 รุ่นท็อป เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักบิดไทยลงสนามแข่งขัน รวมถึงพัฒนาศักยภาพการทำงานของเมคคานิกส์และทีมแข่งไทย เพื่อพัฒนาการแข่งขันอย่างกว้างขวาง โดยผลงานดาวรุ่งไทยในซีซั่นนี้ ใช้โอกาสในการเรียนรู้และเก็บผลการแข่งขันลุ้นแชมป์ประจำฤดูกาล โดยจะไปตัดสินในสนามที่ 4 2 เรซรวด ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล
รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) ไฮไลท์ของรายการที่ดวลกันด้วยรถแข่งที่เร็วและแรงที่สุด ดาวรุ่งไทยฮอนด้า “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส บิด Honda CBR1000RR-R ลงเก็บประสบการณ์รุ่นใหญ่ พร้อมโชว์ผลงานได้ทันที ดวลความเร็วกับนักแข่งรุ่นพี่อย่างต่อเนื่อง เก็บแต้มรั้งอันดับที่ 2 ของตารางด้วยคะแนนสะสมมา 49 คะแนน (ตาม 21 คะแนน) โอกาสยังเปิดในการลุ้นแชมป์ประจำฤดูกาลนี้ ขณะที่ จอมเก๋า “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี หมายเลข 10 จาก โปร ฮอนด้า บริดจสโตน อันเดรียนี เบกดิกซ์ เอเอ็น เรซซิ่ง ทีม จะไม่สามารถลงสนามสุดท้ายได้จากอาการบาดเจ็บ
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ยอดนักบิดดาวรุ่งไทยผลผลิตจาก “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” แจ้งเกิดด้วยผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 กับรถแข่ง Honda CBR600RR จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม เปิดตัวอย่างร้อนแรง คว้าชัยชนะ 2 สนามแรกติดต่อกัน แต่อุบัติเหตุในสนามที่ 3 ทำให้พลาดโอกาสบวกคะแนนทิ้งห่างไปอย่างน่าเสียดาย ล่าสุดรั้งอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนสะสม 50 คะแนน (ตาม 11 คะแนน) ก่อนเข้าสู่สนามตัดสินแชมป์ประจำปี ขณะที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส อยู่ที่อันดับ 4 มี 36 คะแนน (ตาม 25 คะแนน)
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) ที่ฮอนด้ามอบโอกาสให้กับ 2 ดาวรุ่งจาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง ซึ่งลงเก็บประสบการณ์ในคลาสรองอย่าง SS1 โดยสามารถโชว์พัฒนาการและทำผลงานขึ้นมาอยู่หัวแถวของรุ่น สลับกับการยกระดับขึ้นไปสู้กับรุ่นโปรได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลงานจาก 3 สนามแรก “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 รั้งอันดับที่ 3 ของรุ่นด้วยคะแนนสะสม 37 คะแนน ขณะที่ “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 มีอยู่ 24 แต้ม อยู่ในอันดับที่ 9 ของตารางคะแนนสะสม
ทั้งนี้ ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 สนามปิดท้ายฤดูกาลจะดวลความเร็วกัน 2 เรซรวด โดยเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมและควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันศุกร์ที่ 21 และแข่งขันชิงชนะเลิศเรซที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 22 ก่อนปิดท้ายรอบชิงชนะเลิศ เรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
All New YAMAHA NMAX TECH MAX คว้ารางวัลใหญ่ “Motorcycle of The Year 2025” จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย
All New YAMAHA NMAX TECH MAX สร้างความภาคภูมิใจให้ยามาฮ่า คว้ารางวัล Thailand Motorcycle of The Year 2025 มาครองได้สำเร็จ จากงานประกาศผลรางวัล Thailand Car, EV & Motorcycle of The Year 2025 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไทย
นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เป็นรับเกียรติขึ้นรับรางวัล Thailand Motorcycle of The Year 2025 จาก ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย
โดยในปีนี้ มีรถจักรยานยนต์ผ่านเข้าสู่รอบทดสอบขั้นสุดท้ายจำนวน 6 รุ่น โดย All New YAMAHA NMAX TECH MAX และ All New YAMAHA AEROX ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้งคู่ ซึ่ง All New YAMAHA NMAX TECH MAX สามารถทำคะแนนรวมจากการทดสอบ และได้รับผลโหวตจากสื่อมวลชนสูงสุด คว้าตำแหน่ง Thailand Motorcycle of The Year 2025 ไปครองอย่างสง่างาม สะท้อนถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ความคุ้มค่าคุ้มราคา และเทคโนโลยีครบครันที่ยามาฮ่าตั้งใจพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง อาทิ ดีไซน์ที่ได้รับความนิยมจากยุโรป และมีโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับได้ 2 โหมด ทั้ง Sport Mode และ Town Mode พร้อมระบบ YECVT เทคโนโลยีควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่มีกล่อง ECU เป็นตัวประมวลผล และส่งคำสั่งไปยังชุดส่งกำลัง YECVT เพื่อส่งต่อไปยังมอเตอร์และปรับอัตราทด ระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล๊อคเพิ่มความปลอดภัย ระบบ Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่จะช่วยรักษาแรงฉุดลากเมื่อเร่งความเร็วบนพื้นผิวที่ลื่น ถนนที่ไม่ได้ลาดยางหรือถนนเปียก
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
มูลนิธิกลุ่มอีซูซุ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กไทยทั่วประเทศ มอบทุนกว่า 6 ล้านบาท
มูลนิธิกลุ่มอีซูซุเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์มอบ “อนาคตทางการศึกษา” แก่เยาวชนที่มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจเรียน ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา โดยได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา รวมทั้งสิ้น 694 ทุน มูลค่ารวม 6,090,000 บาท ยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมในอนาคต
มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 68 ปีที่กลุ่มอีซูซุดำเนินธุรกิจ ในประเทศไทย เราได้ยึดมั่นในวิสัยทัศน์องค์กรคือ “วิถีอีซูซุ : ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ช่วยให้สังคมพัฒนา” เป็นหลักในการดำเนินงาน เราประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้ได้ด้วยความไว้วางใจและการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชนชาวไทย ดังนั้น เราจึงได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าต่อสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว “มูลนิธิกลุ่มอีซูซุ” จึงได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 โดยเป็นการสมทบทุนร่วมกันของ 3 บริษัทในกลุ่มอีซูซุ ได้แก่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท อีซูซุเอ็นยิ่น แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในหลากหลายด้าน อาทิ การสนับสนุนด้านการศึกษา การส่งเสริมด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ การสนับสนุนเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนรวมถึง การสนับสนุนทางการเงินและการบริจาคอุปกรณ์ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ ด้วยเจตนารมณ์ของการเป็น “นิติบุคคลที่ดีของสังคมไทย” ที่พร้อมจะร่วมสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้แก่เยาวชนในสังคมไทยอย่างยั่งยืนสืบไป”
มูลนิธิกลุ่มอีซูซุ ยังคงยึดมั่นในการเดินหน้าสานต่อโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทั้งบุคคลและสังคม โดยในปีนี้ได้มอบทุนให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 694 คน มูลค่ารวม 6,090,000 บาท ทุนนี้จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ให้เยาวชนสามารถใช้ศักยภาพด้านการศึกษาได้อย่างเต็มที่ เดินหน้าสานต่อความฝัน สู่การเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต โดยมีมูลนิธิกลุ่มอีซูซุพร้อมร่วมสร้างสังคมไทยที่เข้มแข็งและยั่งยืนไปด้วยกัน
นายเกียรติศักดิ์ เหลือบกลาง นักศึกษาสาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา “ผมรู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งใจมากที่ได้รับทุนนี้ ทุนการศึกษานี้ มีความหมายกับผมมากเพราะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ทำให้ผมมีเวลาโฟกัส กับการตั้งใจเรียนมากขึ้น ความฝันของผมตอนนี้คือเรียนจบสาขาที่ผมรัก สามารถนำความรู้ที่ผมเรียนมาไปต่อยอดและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม ขอขอบคุณมูลนิธิกลุ่มอีซูซุและผู้สนับสนุน ทุกท่านที่ได้ให้โอกาสผมได้รับทุนนี้ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผม เพราะต่อไปผมก็อยากจะมอบโอกาสดี ๆ แบบนี้ให้กับคนอื่นเหมือนกับที่ผมได้รับจากมูลนิธิกลุ่มอีซูซุครับ”
นางสาวณัฐวดี แรกคำนวณ นักเรียนจากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ “วันนี้รู้สึก ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ ทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้หนูเข้ามหาวิทยาลัยที่หนูใฝ่ฝันได้ หนูอยากเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งทุนนี้เป็นส่วนช่วยให้หนูปล่อยวางจากความเครียดเรื่องการเงิน สามารถโฟกัสกับการเรียนและการเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่ ขอบคุณมูลนิธิกลุ่มอีซูซุที่สร้างโครงการนี้ขึ้นมา รู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine





















































































































