-
GWM รวมพลคนรักแมว จัด ‘ORA Meeting 2025’ ภาคอีสาน ต่อยอดกลยุทธ์เชื่อมโยงลูกค้า เสริมแกร่ง GWM Family ขับเคลื่อนยานยนต์พลังงานใหม่ทั่วไทย
GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users) ล่าสุด เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า ผ่านแนวคิดระดับโลกอย่าง “อยู่ในท้องถิ่น เพื่อตลาดท้องถิ่น และบูรณาการกับชุมชนท้องถิ่น” (Being in the Local Market, For the Local Market, and Integrating into the Local Community) กับกิจกรรม “ORA Meeting 2025 รวมพลคนรักแมว โซนภาคอีสาน” จัดขึ้น ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานใหม่ GWM ORA Good Cat และ GWM ORA 07 กว่า 94 คน พร้อมขบวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากสีสันอีกกว่า 37 คัน ที่ร่วมกันเดินทางจากศูนย์ GWM เอกสห โคราช เป็นระยะทางทั้งสิ้นกว่า 78 กิโลเมตร นอกจากจะสะท้อนความแข็งแกร่งของ GWM Family แล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงความนิยมของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า แต่ยังเชื่อมโยง GWM เข้ากับชีวิตของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การบริการที่ครอบคลุม และกิจกรรมที่สะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลงตัว
ตลอดการเดินทางในกิจกรรม “ORA Meeting 2025 รวมพลคนรักแมว โซนภาคอีสาน” ผู้ร่วมทริปได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจตลอดเส้นทางจากหลากหลายจุดหมายสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา เริ่มต้นที่ “อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)” แลนด์มาร์กที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาและเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญของชาวโคราช ก่อนจะแวะพักผ่อนในบรรยากาศสุดอบอุ่นที่ “French Kitsch Café” คาเฟ่ในสวนสไตล์ยุโรปสุดวินเทจ ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสุดชิค เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับคาราวานของเจ้าเหมียวทั้งสองรุ่น ให้ได้เก็บภาพความทรงจำร่วมกัน จากนั้นรับประทานาอาหารกลางวันและร่วมกิจกรรมสุดสนุกที่ “Patra Sweet House @Sikhio” พร้อมเสิร์ฟอาหารจานเด็ดที่หลากหลายในบรรยากาศสบาย ๆ ก่อนเดินทางต่อไปยัง “ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง” จุดแวะที่อัดแน่นด้วยสาระความรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนและความยั่งยืน ปิดท้ายทริปอย่างน่าประทับใจที่ “จุดชมวิวกังหันลม ณ เขายายเที่ยง” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังซึ่งเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาด และจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนลำตะคองและแนวภูเขาโดยรอบได้แบบพาโนรามา ท่ามกลางสายฝนชุ่มฉ่ำและกังหันลมขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม
เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้า GWM ORA Good Cat และ GWM ORA 07 ทุกท่านสำหรับความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่มีให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเรา และร่วมกันจัดกิจกรรมอันแสนอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครั้งนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนผู้ใช้งาน GWM ทั่วประเทศ เพื่อสานสัมพันธ์และเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของ GWM Family ในประเทศไทย GWM เชื่อว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ คือหัวใจของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีในการรับฟัง พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้งานจริงมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด ‘GWM GO With More’ ในอนาคต GWM จะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอนาคตของยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
default -
คปภ. – สศก. สร้างนิยามใหม่ของประกันภัยพืชผลไทย ยกระดับการคุ้มครองเกษตรกรไทยด้วยเทคโนโลยี
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) ได้ร่วมเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการผ่านระบบออนไลน์ ในหัวข้อ “Knowledge Sharing on the Use of Technology for Surveying Natural Disasters in Crop Insurance” จัดโดยสำนักงาน คปภ. ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) นำโดย นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พร้อมด้วยผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย บริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศ และบริษัทตัวแทนและนายหน้าประกันภัย เข้าร่วมแลกเปลี่ยน องค์ความรู้เพื่อยกระดับระบบประกันภัยพืชผลของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบประกันภัยพืชผลมีบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของเกษตรกรไทยที่เผชิญ กับภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง โรคพืช และแมลงศัตรูพืช โดยสำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการบูรณาการข้อมูลสถิติ การใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อประเมินความเสียหายอย่างแม่นยำ โปร่งใส และยุติธรรม พร้อมทั้งผลักดันให้ระบบประกันภัยพืชผลกลายเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ โดยได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการขยายความคุ้มครองจากข้าวไปสู่พืชเศรษฐกิจอื่น ๆ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายค่าสินไหม ลดข้อพิพาท และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นระหว่างนักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ และภาคธุรกิจประกันภัย โดยมุ่งเป้าสู่การสร้างระบบประกันภัยที่โปร่งใส เข้าถึงได้ และยั่งยืนในทุกมิติ นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสำรวจภัยธรรมชาติสำหรับ การประกันภัยพืชผล โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุม ตั้งแต่วิวัฒนาการของระบบประกันภัยการเกษตรของไทย ความท้าทายในการประเมินความเสียหายของพืชผล ไปจนถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการพัฒนาแบบจำลองและการตรวจสอบภัยธรรมชาติ ในพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ที่สามารถนำมาใช้เป็นรากฐานของการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยพืชผลที่ตอบโจทย์เกษตรกรไทยได้อย่างแท้จริง
“การพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยลำพัง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัย ต่อต่างประเทศ รวมถึงบริษัทนายหน้าประกันภัยที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางนี้ไปสู่การปฏิบัติจริง สำนักงาน คปภ. และ สศก. พร้อมที่จะผลักดันและสนับสนุนภาคธุรกิจประกันภัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยพืชผลชนิดใหม่ ๆ และครอบคลุมพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ซึ่งกรอบความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะจุดประกายการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดการประกันภัยภาคการเกษตรของประเทศให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
CHERY ปักหมุดไทยเป็นตลาดสำคัญ เดินเกมรุก ปั้นแบรนด์ เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น และเปิดศูนย์บริการ 30 แห่งปีนี้
CHERY แบรนด์อันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีน เป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน ประกาศวิสัยทัศน์ในงาน Next Era Mobility: TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO เตรียมเปิดแบรนด์และรุกตลาดเต็มตัวในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์ “To Be the Top Choice for Global Family-Oriented Consumers” เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวทั่วโลกอย่างชัดเจน ล่าสุดเผยแผนสร้างแบรนด์ที่จะใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญในอาเซียน พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ จ.ระยอง เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 และเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย 30 แห่งภายในปีนี้
จิม ลี ผู้อำนวยการ แบรนด์ เชอรี (ประเทศไทย) เผยว่า “CHERY ตั้งเป้าวางตำแหน่งแบรนด์ผ่านคำสำคัญ คือ “Conquer & Guard” ซึ่งสื่อถึงปรัชญาการออกแบบรถยนต์ที่มอบทั้งสมรรถนะในการพิชิตทุกเส้นทางการเดินทาง พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม เพื่อความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และครอบครัว โดยแนวคิดนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ CHERY ในการพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพการขับขี่และการปกป้องผู้โดยสารในทุกการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ในตลาดรถยนต์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ”
ชูเทคโนโลยีไฮบริดล้ำยุค No.1 Hybrid Technology: CSH (Chery Super Hybrid)
CHERY เดินหน้าขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เผยโฉมแพลตฟอร์มไฮบริดภายใต้ชื่อ CSH (Chery Super Hybrid) ที่จะเป็นไฮไลต์ของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าในไทย ด้วย 3 จุดขายหลัก ได้แก่
- Endless Horizons – ขับได้ไกลเกินกว่า 1,400 กม. ต่อน้ำมัน 1 ถัง
- Pushing Battery Limits – แบตเตอรี่ที่ให้ความปลอดภัยแม้ถูกชน
- Light Up the Beautiful Moments – รถที่ใช้ได้ทั้งเพื่อการเดินทางและการใช้ชีวิต
CHERY เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ โดยมี Tiggo นำทัพ เน้น “ห้องโดยสารอเนกประสงค์”, “ความปลอดภัยระดับสูง” และ CHERY V23 ที่เน้นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์
CHERY จะเริ่มเจาะตลาดด้วยไลน์อัพรถรุ่น Tiggo ซึ่งเน้น Comfortable Space และ Safe and Reliable เป็นหัวใจหลัก ด้วยการดึงจุดเด่นของ “ห้องโดยสารอเนกประสงค์” สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบรวมไปถึงให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัยแบบเหนือมาตรฐาน” ด้วยอุปกรณ์และระบบช่วยขับขี่ระดับสูง โดยวางแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่าย ผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้
ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ CHERY Tiggo 8 และ Tiggo 7 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH) ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด156 แรงม้าและ แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึงระยะทาง 90 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)
CHERY Tiggo Cross มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 96 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและ แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
สำหรับ CHERY V23 นอกจากจะมีดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ยังมาพร้อมการขับขี่ที่คล่องตัว ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนให้กำลังสุงสุด 211 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร
CHERY เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ รองรับการให้บริการอย่างครอบคลุมและสะดวกสบาย โดยกระจายตัวในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาคกลาง 4 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกถึง 15 แห่ง สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ ในการดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้งานอย่างมืออาชีพและทั่วถึง พบกับ CHERY และความตื่นเต้นครั้งใหม่ในไทยได้เร็วๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
CHERY และ OMODA & JAECOO เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยี Super Hybrid System ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกสู่ยุคใหม่ พร้อมเดินสายผลิตในโรงงานและเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ CHERY จับมือ KGEN เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย จากการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) และ CHERY (เชอรี) ภายใต้บริษัท CHERY Automobile ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ประกาศวิสัยทัศน์ทรงพลังในการนำประเทศไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาดปีนี้ พร้อมประกาศความเคลื่อนไหวเชิงรุกของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในไทย และเตรียมเปิดสายการผลิต ในโรงงานไทยไตรมาส 3 พร้อมประกาศเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ นอกจากนี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด และนวัตกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน โดยมีท่านศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นเกียรติในงาน
เฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประกาศความพร้อมและแผนการลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่เรามีต่อตลาดไทย และเป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งในภูมิภาค เรามีความพร้อมเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า การพัฒนาด้านการขายและการบริการหลังการขายโดยร่วมมือ กับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาฐานการผลิตในไทยที่ทันสมัยระดับโลก เรามั่นใจอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ธุรกิจของ CHERY และ OMODA & JAECOO จะตอบความต้องการของผู้บริโภคไทยและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
ก้าวสู่อนาคตยานยนต์เทคโนโลยีไฮบริด CHS/SHS ล้ำสมัย
CHERY และ OMODA & JAECOO ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด CHS (CHERY Hybrid System) / SHS (Super Hybrid System) ล้ำสมัย ที่โดดเด่นใน 4 ด้านหลัก
- ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด: เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% สูงที่สุด
ในอุตสาหกรรม - พลังขับเคลื่อนระดับโลก: ระบบส่งกำลัง DHT 230/280 สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 280 กิโลวัตต์ และรอบเครื่องสูงสุด
ถึง 24,000 รอบ/นาที - ความปลอดภัยเหนือมาตรฐาน: ระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที และการปกป้องในทุกสภาพอากาศ รวมถึงการ
ลุยน้ำลึกถึง 700 มม. - ความสามารถรอบด้าน (All Scenario): ระบบบริหารพลังงานล่วงหน้า (Predictive Energy Management) ลดการใช้พลังงานลง 15% และสามารถกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%
OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถอีกหลากหลายรุ่นภายใต้เทคโนโลยี SHS, BEV, HEV และ REEV ภายในปีนี้ และเตรียมพบกับ Mr.J เร็วๆ นี้
OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมีกำหนดการเปิดตัว JAECOO 5 EV และ JAECOO 6T EV ภายในไตรมาส 3 ตามมาด้วย OMODA C7 SHS และ OMODA C9 SHS ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ JAECOO หรือ Mr.J ภายในเร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน ยังได้มีการปรับราคา OMODA C5 EV Long Range รุ่นใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะและฟังก์ชันเดิมอย่างครบถ้วน ได้แก่ OMODA C5 EV Long Range Dynamic ราคา 649,000 บาท และราคา OMODA C5 EV Long Range Max ราคา 699,000 บาท และยังมีโปรโมชันดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน*
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*
- โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง (เฉพาะ OMODA C5 EV Long Range Max)*
- การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*
สำหรับ JAECOO 6 EV 4WD มีโปรโมชันพิเศษภายในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้เท่านั้น โดยมอบส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 150,000 บาท สำหรับสี Forest Green และ Lunar Silver*
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*
- โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง*
- การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*
ขณะเดียวกัน JAECOO 7 SHS ที่พิสูจน์ความสามารถด้วยสถิติการขับขี่ระยะทางไกลถึง 1,433 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งถือเป็นระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ JAECOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon นอกจากนั้น JAECOO ได้จัดแคมเปญ ECO Bonus มอบส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือ ไฮบริด (HEV) พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษารถ (ค่าแรง และ ค่าอะไหล่) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 2 ปี ฟรี Home Charger และ สายชาร์จ V-2-L สำหรับผู้จองและรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น*
รถแบรนด์ CHERY เดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง
CHERY ประกาศความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจระยะยาว พร้อมกลยุทธ์การวางตำแหน่งแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นย้ำจุดเด่นด้านเทคโนโลยี คุณภาพ และความคุ้มค่า ในปีนี้ CHERY เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้
เริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงาน จ.ระยอง ไตรมาส 3 ปี 2568 ประเดิมด้วยรุ่น JAECOO 6 EV
CHERY และ OMODA & JAECOO ประกาศความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานในประเทศไทย ที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานใน ไตรมาส 3 ปี 2568 ด้วยเป้าหมายกำลังการผลิตเป็น 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 โดยเริ่มการผลิต JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรกเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมสำหรับ การเชื่อมอลูมิเนียมที่แม่นยำ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนการลงทุนในการผลิตยานยนต์เพิ่มเติม ทั้งขยายกำลังการผลิตและโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ CHERY Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดจ้างงานสำหรับการทำงานในโรงงานนี้โดยเริ่มต้นจะเป็นแรงงานไทย 150 คน สำหรับการทำงานกะเดียว และจะขยายโรงงานและอัตราการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเดินสายการผลิตที่โรงงานระยองนับเป็นก้าวสำคัญของเรา ไม่เพียงแสดงถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค การเริ่มต้นด้วย JAECOO 6 EV คือการนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกสู่ตลาดไทย
และเราตั้งใจที่จะผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของเรากับความเชี่ยวชาญของบุคลากรไทย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและภูมิภาค นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกล และเรามุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างยั่งยืน”และเร็วๆ นี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติของไทย ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายในประเทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะ “รถยนต์สัญชาติไทย” เพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกภูมิภาค
งาน Next Era Mobility: TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO จัดขึ้นที่ Movenpick BDMS Wellness Resort กรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญของทั้ง CHERY และ OMODA & JAECOO ในการแสดงศักยภาพและความพร้อมของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์แห่งอนาคต
*เงื่อนไขแต่ละข้อเสนอพิเศษมีเนื้อหาและช่วงเวลาที่มีความแตกต่าง แต่ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และ บางข้อเสนอพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการโปรโมชันอื่นๆ ได้
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.OMODAJAECOO.CO.TH หรือสอบถามรายละเอียดได้ โทร. 02-020-8888 หรือที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
- ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด: เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% สูงที่สุด
-
พีทีจี เอ็นเนอยี ประกาศความพร้อม เดินหน้าเปิดฤดูกาลมอเตอร์สปอร์ตแห่งปี “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” เริ่มสนามแรก 6-8 มิถุนายนนี้
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมกับ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด และกลุ่มพันธมิตร เดินหน้าสร้างชื่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยต่อเนื่อง จัดงานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “พีที แมกซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรี่ย์” (PT MAXNITRON RACING SERIES 2025) เฟ้นหาสุดยอดนักขับรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
นายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยว่า “การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “พีที แมกซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรี่ย์” (PT MAXNITRON RACING SERIES 2025) ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตอย่างท่วมท้นเสมอมา ด้วยยอดผู้เข้าชมในสนาม และรับชมผ่านระบบสตรีมมิ่งที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องจนกลายเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่มีฐานผู้ชมสูงที่สุดในประเทศ เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศ และส่วนภูมิภาค สร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น ส่งผลถึงการพัฒนาบุคลากรและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้มีการทันสมัยเทียบชั้นนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่นักแข่งระดับแนวหน้าและทีมแข่งต่างรอคอย
PTG ในฐานนะแบรนด์ธุรกิจของคนไทย เพื่อคนไทย พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างสังคมไทยให้ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจทั้งในกลุ่มธุรกิจ Oil และ Non-Oil อย่างยั่งยืน มีความภูมิเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผลักดันการสร้างชื่อเสียงครั้งสำคัญของประเทศไทยในวงการมอเตอร์สปอร์ต ต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าพันธกิจนี้จะยังคงดำเนินด้วยดีตลอดไป พร้อมกันนี้อยากเชิญชวนแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต ร่วมติดตามการการแข่งขัน ทั้ง 3 สนาม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน – ตุลาคม นี้ สนุกและเร้าใจทุกสนามแน่นอนครับ”
ด้านประธานจัดการแข่งขัน นายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่แล้วเราประสบความเร็จเป็นอย่างมากทั้งในด้านทีมแข่งระดับแนวหน้าที่เข้าร่วม และจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สนาม จ. สงขลา ในปีนี้ยังคงมีโซนกิจกรรมต่าง ๆ มาสร้างความคึกคักเช่นเคย อาทิ การโชว์รถดริฟต์และแดร็กจากรายการแข่งขันชั้นนำของเมืองไทย พร้อมกระทบไหล่นักขับคนดังอย่างใกล้ชิด พิเศษด้วยโซนจัดแสดงรถ Student Formula ฝีมือเยาวชนไทยจากมหาลัยชั้นนำของประเทศ นอกจากนี้ยังมีโซนแสดงสินค้าจากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ และโซนพิเศษสำหรับครอบครัว ที่มีกิจกรรม Balance Bike และฟู้ดทรัคริมทะเล พร้อมกิจกรรมความบันเทิงมากมาย และในปีนี้เรายังได้รับการสนันสนุนจาก ฟอร์ด ประเทศไทย และ ยางกู๊ดเยียร์ (Goodyear) โดยส่งมอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมชุดแต่ง MS-RT สุดยออดรถกระบะทางเรียบสไตล์เรซซิ่ง ที่จะรับภารกิจสำคัญในฐานะรถ Safety Car อย่างเป็นทางการประจำฤดูการแข่งขัน 2025 นี้อีกด้วย
นอกจากนี้เรายังมีส่วนผลักดันการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อใช้กับการแข่งขันรายการนี้ อย่างกล่อง Data Logger ซึ่งเราคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกำลังต่อยอดสู่ Personal use device ที่นักแข่งสามารถนําไปใช้ในการฝึกซ้อมส่วนตัวมีกล้อง มีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์การขับขี่ มีซอฟต์แวร์หลังบ้านให้นักแข่งได้นําข้อมูลการขับขี่มาพัฒนาทักษะได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณ สความร่วมมือจากผู้ให้การสนับสนุนหลายฝ่ายด้วยดีเสมอมา ที่มองเห็นเป้าหมายของการสร้างสรรค์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ตลอดจนบุคลากรรอบด้านให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาประเทศ และร่วมแรงสร้างให้เป้าหมายเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างสวยงาม”
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” ได้รับการรับรองจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) และยังมีความโดดเด่นเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติด้วยการออกแบบกฎระเบียบการแข่งขันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับวงการแข่งขันรถยนต์ในประเทศไทย มีแผนดำเนินการจัดการแข่งขันทั้งหมด 3 สนาม รวม 7 เรซ ทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสม (Series Championship) เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับรถยนต์ทางเรียบ ร่วมชิงแชมป์ประจำปี 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ประเภทการแข่งขัน แบ่งรุ่นการแข่งขันออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- SIAM GT Series 2025
- SIAM TRUCK Series 2025
- SIAM 1500 GROUP A Series 2025
- SIAM 1500 GROUP N Series 2025
- SIAM EC Series 2025
สนามและกำหนดการแข่งขัน แบ่งเป็น 3 สนาม รวม 7 เรซ ได้แก่
- สนามแข่งขันที่ 1: PT MAXNITRON RACING SERIES (RACE 1–2)
วันที่ 6-8 มิถุนายน 2568
ณ สนามช้าง อินเตอรAเนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
- สนามแข่งขันที่ 2: PT MAXNITRON RACING SERIES (RACE 3-5)
วันที่ 29-31 สิงหาคม 2568
ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
- สนามแข่งขันที่ 3: PT SONGKHLA GRAND PRIX (RACE 6-7)
วันที่ 16-19 ตุลาคม 2568
สนามเฉพาะกิจ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ จังหวัดสงขลา
นักแข่งรถที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 26 พฤษภาคม 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ptgrace.com และ LINE OA: @ptracing พิเศษสำหรับแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต PTG ร่วมกับ MONO Group พร้อมเสิร์ฟความสนุกสุดมันประชิดหน้าจอผ่านทางแอปพลิเคชัน MONOMAX และช่อง 3BB Sport One ตลอดการแข่งขันอีกด้วย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
บริดจสโตนร่วมกับ ม.กรุงเทพ พิชิตใจคน Gen Z จัดเต็มกับงานอีเว้นท์สุดมันส์ของน้องๆ นักศึกษา ในโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025”
บริดจสโตน ประเทศไทย ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากรับฟังไอเดียสุดครีเอทีฟจากน้องๆ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการผลิตอีเว้นท์ และการจัดการนิทรรศการและการประชุม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทั้ง 6 ทีมจากสายอีเว้นท์และออนไลน์ ซึ่งนำเสนอผลงานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การเดินทางที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ พร้อมเชื่อมโยงแบรนด์ยางพรีเมียมอย่าง “บริดจสโตน” และได้ทีมผู้ชนะ ทั้ง 2 ทีม ที่โดนใจกรรมการ น้องๆ ได้สร้างสรรค์ผลงานโดยพาบริดจสโตนบุกใจกลางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต และศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต แบบสุดมันส์!
โดยเมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “EVENT BU WAY TO Z” จัดเต็มกับผลงานอีเว้นท์สุดครีเอทีฟ ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ไฮไลต์ภายในงานคือคุณเบียร์ ใบหยก ยูทูบเบอร์สายรถยนต์ตัวท็อป มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ พร้อมนำรถ Top Secret คู่ใจมาโชว์ให้ผู้ร่วมงานได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษตลอดทั้งงาน และไฮไลต์กิจกรรมที่สร้างสีสันคือการประกวดแฟชั่นธีมยางรถยนต์บริดจสโตน ใน TOTD Contest ซึ่งมอบรางวัลให้ผู้ชนะเป็นส่วนลดยางรถยนต์บริดจสโตนมูลค่า 10,000 บาท!
และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “BU JOY YOUR JOURNEY WITH BRIDGESTONE” ได้ส่งต่อความสนุกและบรรยากาศดีๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่
ที่ทันสมัยและหลากหลาย ณ ศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณโก้ Street Doc อินฟลูเอนเซอร์สายรถยนต์ชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันภายในบูธ ไม่ว่าจะเป็น Daruma สาย Drive, DIY Tire on shirt และ Bridgestone Lucky Spin พร้อมแจกของที่ระลึกสุด Limited ให้กับผู้โชคดีภายในงานโครงการ Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในการสนับสนุนภาคการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่เส้นทางอาชีพในอนาคตอย่างมั่นใจ พร้อมทำให้แบรนด์บริดจสโตนเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบรับ ไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนรุ่นใหม่และสนุกกับการชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
ร่วมติดตามกิจกรรมในโครงการ Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025 ที่สร้างสรรค์แบรนด์บริดจสโตนผ่านพลังคนรุ่นใหม่ได้ตลอดทั้งปีนี้ได้ทาง
- Facebook Bridgestone Thailand: https://www.facebook.com/BridgestoneTH
- TikTok Bridgestone Thailand: https://www.tiktok.com/@bridgestonethailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
“รูเบน เฟอร์นานเดซ” บิด Honda CRF450R พิสูจน์สมรรถนะต่อเนื่อง คว้าโพเดียมโฮมเรซ MXGP สนามที่ 8 ประเทศสเปน
“รูเบน เฟอร์นานเดซ” และยอดรถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R จากทีม Honda HRC ผนึกกำลังทำผลงานต่อเนื่องในช่วงที่ทีมขาดแม่ทัพหลักอย่าง “ทิม ไกเซอร์” จากอาการบาดเจ็บ พิสูจน์สมรรถนะที่แข็งแกร่งคว้าโพเดียมต่อเนื่องในโฮมเรซ ศึก MXGP 2025 สนามที่ 8 รายการ MXGP of Spain ที่ลูโก ประเทศสเปน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การแข่งขันเรซที่ 1 “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 ออกสตาร์ตการแข่งขันได้ดี ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มท็อป 5 ในช่วงต้น ก่อนที่จะใช้ความมุ่งมั่นและสมรรถนะของรถแข่งแซงคู่แข่งคว้าโพเดียมอันดับที่ 3 มาครองได้สำเร็จ
การแข่งขันเรซที่ 2 จากสภาพสนามที่เป็นโจทย์ยากของ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” เริ่มต้นเกมได้อย่างสุดมันส์ ขึ้นมารั้งอยู่ในกลุ่มท็อป 5 และรักษาอันดับในกลุ่มหัวแถวสร้างความแข็งแกร่งด้วยสมรรถนะที่สม่ำเสมอ ก่อนเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 4 จบการแข่งขันสนามนี้ เก็บคะแนนสะสมเพิ่มเป็น 261 คะแนน รั้งท็อป 5 อย่างแข็งแกร่ง ทางด้านของ “ทิม ไกเซอร์” ที่ไม่ได้ร่วมการแข่งขันในสนามนี้ แต่ยังสามารถรั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ
ทั้งนี้ การแข่งขัน MXGP 2025 สนามที่ 9 จะแข่งขันกันในรายการ MXGP of France ที่เอิร์นนี่ ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างวันที่ 24 – 25 พฤษภาคม นี้
#ThaiHonda #MotorSport #MXGP #HRC #Honda #HondaMotorcycle #CRF450R #HondaCRF
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
กระทรวง อ.ว. เดินหน้าเปิดตัว “โครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” (EV Ready+) บนแพลตฟอร์ม MHESI Skill เรียนฟรี! พร้อมประกาศนียบัตรรับรองจากกระทรวง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดตัว “โครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV Ready+ อย่างเป็นทางการ มุ่งยกระดับศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถ เรียนฟรี บนแพลตฟอร์ม MHESI Skill (www.mhesi-skill.org) พร้อมรับ ประกาศนียบัตรรับรอง (e-Certificate) จากกระทรวง อว. เพื่อนำไปใช้ประกอบการสมัครงานหรือยกระดับอาชีพได้อย่างมั่นใจ
ประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ การลงทุนจากผู้ผลิตระดับโลก และความต้องการ EV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายสำคัญจึงอยู่ที่การเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน กระทรวง อว. ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนาทุนมนุษย์ จึงริเริ่มโครงการ EV Ready+ เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลก
“ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน เราจึงต้องเร่งพัฒนากำลังคนที่มีทักษะสูงให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลก โครงการ EV Ready+ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้และฝึกอบรมได้ง่าย สะดวก และไม่มีค่าใช้จ่าย*”
— นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโครงการ EV Ready+ นำเสนอหลักสูตรที่ตอบโจทย์ทั้งสายเทคนิค วิศวกรรม และการบริหารจัดการธุรกิจ EV โดยในระยะแรกเปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่ “หลักสูตรพื้นฐานเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า” และ “หลักสูตรการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า” พร้อมเตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 หลักสูตรในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาระบบยานยนต์ไฟฟ้า, หลักสูตรโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และหลักสูตรการจัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดไปสู่หลากหลายสายอาชีพในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้
หลักสูตรทั้งหมดถูกออกแบบในรูปแบบไฮบริด ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ทฤษฎีออนไลน์และการฝึกปฏิบัติจริง โดยเรียนภาคทฤษฎีผ่านเว็บไซต์ mhesi-skill.org และฝึกภาคปฏิบัติ ณ มหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตรของโครงการ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง พร้อมแผนขยายศูนย์ฝึกอบรมไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
การเข้าร่วมโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มทักษะและความสามารถให้แก่ผู้เรียน แต่ยังเปิดประตูไปสู่อาชีพในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง พร้อมรองรับความต้องการแรงงานในอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป สิทธิ์เรียนฟรีมีจำนวนจำกัด
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.mhesi-skill.org
หรือติดตามข่าวสารผ่านช่องทาง
LINE Official Account : @edalearning.ai
Facebook / TikTok: edalearning.aiโอกาสของอนาคต เริ่มต้นได้ที่นี่ – กับโครงการ EV Ready+ โดยกระทรวง อว.
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พร้อมยกขบวนร่วมสร้างสีสันและพลังแห่งความเท่าเทียม ในขบวน LOVE PRIDE PARADE, BANGKOK 2025 วันที่ 29 มิถุนายนนี้
ไทยฮอนด้า เตรียมยกขบวนรถจักรยานยนต์เข้าร่วมงาน “LOVE PRIDE PARADE, BANGKOK 2025” พาเหรดไพรด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อสนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศในสังคมไทย โดยเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีคุณนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ SPHERE GALLERY 1 ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์
สำหรับขบวนพาเหรด LOVE PRIDE ♡ PARADE ในปีนี้จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ภายใต้แนวคิด “Spectrum Forward: Power of Creation” นำเสนอความหลากหลายอย่างตระการตาผ่านขบวนพาเหรดสีรุ้งที่ยาวที่สุดในเอเชีย พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะ “LGBTQIA+ Friendly Destination” และผลักดันกรุงเทพฯ สู่การเป็นเจ้าภาพ WORLD PRIDE 2030 ทั้งนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้าพร้อมเนรมิตขบวนในคอนเซปต์ธีม Pride เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจ (Pride Month) โดยขบวนจะเคลื่อนจากสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย ไปตามถนนพระราม 1 ผ่านย่านปทุมวัน สยาม ราชประสงค์ เพลินจิต อโศก สุขุมวิท ไปสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ
ติดตามข่าวสารจากไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: fb.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#PRIDEMONTH
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
แถลงใหญ่! ศึกซูเปอร์คาร์ระดับพรีเมียม “GT World Challenge Asia 2025”สนามประเทศไทย ตื่นตากับรถแข่งในฝัน-ทีมแข่งระดับโลก
ประเทศไทยผงาดเจ้าภาพอีกครั้ง กับศึกซูเปอร์คาร์สุดหรู “GT World Challenge Asia 2025” หนึ่งในซีรีส์การแข่งขันรายการยักษ์ของโลกที่จัดขึ้นใน 4 ทวีป ได้แก่ ทวีปอเมริกา,เอเชีย, ออสเตรเลีย และยุโรป ฝ่ายจัดเผยความสำคัญที่ “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์“ ได้รับเลือกบนปฏิทินการแข่งขัน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตและยานยนต์ พร้อมกระหึ่มแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ Honda One Make Race 2025 โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตเต็มระบบให้กับคอความเร็วอย่างแท้จริง
วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ ราชพฤกษ์คลับ กรุงเทพฯ : บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด ผู้บริหารสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โปรโมเตอร์มอเตอร์สปอร์ตเบอร์หนึ่งของไทย แถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “GT World Challenge Asia 2025” (จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ) สนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายในงานยังได้มีการแถลงข่าวจัดการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ Honda One Make Race 2025 โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมระเบิดศึกอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์เดียวกัน
นายเบนจามิน ฟรานาสโซวิซิ ผู้จัดการทั่วไป จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย พาวเวอร์ บาย เอ ดับเบิ้ลยู เอส เปิดเผยว่า GT World เป็นซีรีส์ซูเปอร์คาร์ทางเรียบระดับโลกที่มีชื่อเสียงและเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดรายการหนึ่ง ซึ่งฤดูกาล 2025 จะเป็นฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ GT World Challenge ที่ขับเคลื่อนโดย AWS โดยมีรถ GT3 มากกว่า 130 คันที่พร้อมลงแข่งขันในอเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และยุโรป
“ส่วน GT World Challenge Asia ฤดูกาล 2025 นี้ ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด ด้วยรถแข่งซูเปอร์คาร์ GT3 มากถึง 33 คัน จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำ แฟนความเร็วจะได้พบกับรถซูเปอร์คาร์ชั้นนำ อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R NISMO ฯลฯ และยังเป็นการรวมตัวของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ทีมแข่งชั้นนำ นักแข่งฝีมือดีจากทั่วโลกหลากหลายทวีปมากกว่า 60 คน สนามแข่งขันครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และไทยก็เป็นหนึ่งในสนามไฮไลต์ของฤดูกาล ด้วยมาตรฐานของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล”
นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า ขณะนี้สนามมีความพร้อม 100% ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุดจาก FIA ที่สามารถจัดการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ Formula 1 ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย,เจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ, ระบบควบคุมการแข่งขัน, อุปกรณ์สนับสนุน ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักแข่ง-ทีมงาน, สื่อมวลชน และแฟนๆ ที่จะเดินทางมาชมที่สนาม ไม่ต่างจากการเป็นเจ้าภาพ MotoGP หรือการแข่งขันระดับโลกอื่นๆ เพื่อให้แฟนๆได้สัมผัสกับความเร็ว เสียงเครื่องยนต์ของรถ GT3 และสมรรถนะของรถแข่งเหล่านี้อย่างใกล้ชิดบนแทร็กระดับเวิลด์คลาส รวมถึงกิจกรรม PIT Walk พันล้านที่จะได้สัมผัสรถซูเปอร์คาร์ในฝันแบบใกล้ชิด เหล่านี้ถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษ และหาได้ยากในประเทศไทย
นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า นอกจากศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง MotoGP แล้ว GT World ก็ถือเป็น International series ที่ยิ่งใหญ่ในฝั่งสี่ล้อเช่นกัน น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เล็งเห็นว่ามอเตอร์สปอร์ตคือแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง และการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพรายการนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพของประเทศ แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรม มอเตอร์สปอร์ตและยานยนต์ อีกด้วย
“น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ได้เตรียมกิจกรรมพิเศษไว้ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตได้ลุ้นรางวัลใหญ่ในแคมเปญ “Chang’s Friend Pass” แจกใหญ่และจัดหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยการแจกบัตร VIP โค้ง 12 สำหรับชม MotoGP 2026 พร้อม Paddock Pass + Official Guide Tour และบัตร Pit Lane Walk 15 รางวัล รางวัลละ 2 ใบ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน “GT World Challenge Asia 2025” ถ่ายรูปคู่กับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้างและบัตรเข้าชมการแข่งขัน โพสต์ลงเฟซบุ๊คของตัวเอง เขียนบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #Chang’sFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram โดยเปิดเป็นสาธารณะ พร้อมทั้ง Capture ภาพที่โพสต์ลง เฟสบุ๊คส่วนตัวส่งมาที่ Inbox เพจ Chang Circuit Buriram
ภายในงานยังได้มีการแถลงการจัดการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ “Honda One Make Race 2025” โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมระเบิดศึกอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์เดียวกัน โดยมีนักแข่งมากฝีมือร่วมพูดคุยบนเวที นำโดย “วี” ธนาศิวณัฐ พงสินณัช-อาชัญ แชมป์ประจำปี “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2024″, “เต้ย” อัฐพล แก้วอาษา และ“กอล์ฟ” ประพจน์ ชื่นวิจิตร
นางศิริพร ศรีสุข ผู้จัดการส่วนงานการตลาดและสื่อสารแบรนด์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้ร่วมเป็น Circuit Partner มาอย่างยาวนาน และพิเศษปีนี้ ฮอนด้าในฐานะผู้จัดการแข่งขัน “Honda One Make Race” ได้ร่วมเป็นซัพพอร์ตเรซ (Support Race) ในการแข่งขัน “GT World Challenge Asia” เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ในสนามแรกของปี ฮอนด้ายังได้เชิญชวนลูกค้าเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าผู้โชคดีมาร่วมทริป “Honda One Make Race 2025 Exclusive Trip” ซึ่งมีกิจกรรมพิเศษมากมาย ทั้งการเรียนรู้การขับขี่จากมืออาชีพ Driving Clinic และพิเศษสุด ๆ กับ Track experience ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำรถยนต์ฮอนด้าคู่ใจลงสนามจริงขับขี่บนสนามแข่งระดับโลกแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย
ทั้งนี้ GT World Challenge Asia 2025 ทำการแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนาม ได้แก่ สนาม 1 วันที่ 10-13 เม.ย. ที่ สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย, สนาม 2 วันที่ 9-11 พ.ค. สนามมันดาลิกา ประเทศอินโดนีเซีย, สนามที่ 3 วันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ จากนั้นอีก 2 สนามดวลกันในประเทศญี่ปุ่น โดยสนาม 4 วันที่ 11-13 ก.ค. ที่ฟูจิ อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์, สนาม 5 วันที่ 29-31 ส.ค. ที่โอคายาม่า, สนาม 6 วันที่ 17-19 ต.ค.ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com บัตร VIP 1 วัน ราคา 2,000 บาท 2 วัน ราคา 3,000 บาท และบัตร GRANDSTAND 1 วัน ราคา 200 บาท 2 วัน ราคา 300 บาท
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram / GT World Challenge Asia