“พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เวทีสร้างฝัน “นักบิดไทย” สู่ “โมโตจีพี”

“พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เวทีสร้างฝัน “นักบิดไทย” สู่ “โมโตจีพี”

          สนามช้างฯ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนความเร็วระดับโลกของคนไทย ประสบความสำเร็จมากมายกับการรองรับเรซชิงแชมป์โลก ไม่ว่าจะเป็น โมโตจีพี หรือ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ รวมถึงรายการระดับทวีปอย่าง เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเรซที่ดีที่สุดของ เอเชีย

          นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้ก่อตั้งสนามระดับโลกในเมืองไทย ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ให้ก้าวสู่การเป็นเมืองมอเตอร์สปอร์ตแห่งใหม่ของโลก เผยว่า พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนานักบิดไทยให้เติบโตขึ้นตามรูปแบบสากล ซึ่งมีจุดหมายปลายทางสู่การแข่งขันระดับโลก

          สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรก กับจำนวนผู้ชมตลอดทั้ง 3 วันสูงที่สุดในฤดูกาล 2018 ด้วยตัวเลข 222,535 คน พร้อมได้รับคำชื่นชมจาก ดอร์น่า สปอร์ต ฝ่ายลิขสิทธิ์ และทีมแข่งทุกทีม โดยมี เรดบูลล์ ริง ประเทศออสเตรีย (206,746 คน) เป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นสังเวียนระดับตำนานของโลกอย่าง เลอ มองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส (206,617 คน)

          “การจัดโมโตจีพีให้ดีที่สุด ไม่ใช่ความฝันสูงสุดของผม แต่ความฝันของผมคือการได้เห็นเด็กไทยในการแข่งขันโมโตจีพี ไม่ใช่รุ่น โมโตทรี หรือ โมโตทู แต่หมายถึงคลาสสูงที่สุดอย่าง โมโตจีพี ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนในรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ จะทำให้ฝันของผมและฝันของคนไทยเป็นจริง” นายเนวิน กล่าว

           นายวงศ์สถิต สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดในประเทศและเทคนิคหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กล่าวว่า “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนรายการนี้ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพัฒนาการ ของรายการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบประเทศไทย ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น”

          นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลทุกโปรเจ็กต์ของสังเวียนแห่งบุรีรัมย์ รวมถึงการริเริ่มจัดการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ เชื่อว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายการนี้ จะช่วยให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยนั้นแข็งแกร่งขึ้น ด้วยศักยภาพของทีมแข่งที่เพิ่มสูงขึ้น นักบิดที่เข้าใจวิถีแห่งมอเตอร์สปอร์ตอาชีพมากขึ้น ทำให้มีการวางแผนต้อยอดกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬาความเร็วได้ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา

          “ในปี 2018 ของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เราเห็นได้ชัดว่าการแข่งขันนั้นเข้มข้นทุกสนาม ไม่มีสนามใดเลยที่แพ้ชนะกันแบบขาดลอย ซึ่งในปีนี้เราเห็นได้ชัดว่าการขับเคี่ยวนั้นมีความเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังมีการสลับสับเปลี่ยน การย้ายทีมของนักบิดทีมต่างๆ ทำให้ การต่อสู้ของทีมเล็กๆ หรือทีมที่ไม่ใช่ทีมโรงงานนั้นมีความใกล้เคียงกันมากขึ้น”

 

 

          ด้าน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมเปี้ยนในคลาสสูงสุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. เอสบี1 ที่ครองบัลลังก์สูงสุดไว้ได้ 2 ปีติดต่อกัน เปิดเผยว่าปี 2018 เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ยากขึ้นในการชิงแชมป์ประจำปี

          “ปีนี้เป็นอีกปีที่การชิงแชมป์ในแต่ละสนามยากขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งจากทีมอื่น และทีมเมทของผมต่างก็พัฒนาตัวเองขึ้นมา ทำให้สร้างความกดดันมากพอสมควร แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถคว้าแชมป์ประจำปี 2 สมัยติดต่อกันได้ คือการมีทีมช่างที่ดี ซึ่งมีส่วนในการพัฒนารถแข่งและเซ็ตอัพได้ดีในทุกๆ สนาม”

          องค์ประกอบสำคัญของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ นับตั้งแต่การจัดการแข่งขันที่มีมาตรฐานสูง การดึงรูปแบบของเรซระดับโลกจากประสบการณ์รองรับการแข่งขัน โมโตจีพี และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาใช้กับเรซในไทย กอปรกับการก้าวเข้ามาเดินร่วมเส้นทางเดียวกันของผู้สนับสนุนที่มีศักยภาพ ส่งผลให้ทางสู่ความฝันในการมีนักบิดไทยใน “โมโตจีพี” ที่ไม่เคยถูกเขียนขึ้นมานั้น มีความชัดเจน มีลำดับขั้นที่ชัดเจน และมีความเป็นไปได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย…