-
Scoop / SCOOP MOTOCYCLE1 Min Read
สองล้อคู่ชีพ! เจาะลึกตำนาน “ไซโคลน” มอเตอร์ไซค์ไอ้มดแดง กับวิวัฒนาการบนท้องถนน
นับตั้งแต่ปี 1971 ที่ “คาเมนไรเดอร์” (Kamen Rider) ได้ถือกำเนิดขึ้นมา มอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ถูกดัดแปลงให้เป็น “ไซโคลน” (Cyclone) ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แยกจากฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมคนนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน “ไซโคลน” ก็ยังคงเป็นพาหนะสำคัญที่พาคาเมนไรเดอร์ออกไปต่อสู้กับองค์กรช็อคเกอร์เสมอมา และสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ต้นกำเนิดของมอเตอร์ไซค์ในตำนานนี้ ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยเกร็ดประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่เราจะมาเจาะลึกกันในสกู๊ปนี้กันครับ
Suzuki T20 (Super Six)


Suzuki T20 หรือที่รู้จักในต่างประเทศในชื่อ Super Six เป็นรถจักรยานยนต์สปอร์ตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 2 สูบคู่ ขนาด 247 ซีซี (250cc) เกียร์ 6 สปีด, แรงม้าประมาณ 29 แรงม้า (PS) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1965 และวางขายในปี 1966 โดดเด่นด้วยเกียร์ 6 สปีดและระบบหล่อลื่นอัตโนมัติ ‘Posi-Force’ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในยุคนั้น ในบทบาทของไซโคลน มันถูกดัดแปลงให้มีรูปลักษณ์ที่ดุดันและสมรรถนะเหนือมนุษย์ ถูกนำมาใช้ในการออกแบบ Cyclone ในตอนที่ 1-13
Honda SL350K1 ปี 1971


เมื่อการถ่ายทำดำเนินต่อไป มีการเปลี่ยนรถมาใช้ Honda SL350K1 ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์แบบ Scrambler หรือ Enduro ขนาด 325 ซีซี เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบคู่ (SOHC) ที่เน้นการขับขี่ทั้งบนถนนและทางฝุ่น ซึ่งเหมาะกับการผจญภัยของคาเมนไรเดอร์มากขึ้น ถูกนำมาใช้ในการออกแบบ Cyclone ในตอนที่ 14 เป็นต้นไป
การกำเนิดคาเมนไรเดอร์หมายเลข 2 และท่าแปลงร่างในตำนาน

ระหว่างการแสดง ฟุจิโอกะ ฮิโรชิ (ผู้แสดงเป็นฮอนโก ทาเคชิ) ได้ประสบอุบัติเหตุขาหักระหว่างการถ่ายทำ ทำให้ต้องมีการปรับแก้บทอย่างเร่งด่วน โดยให้ฮอนโกเดินทางไปต่างประเทศเพื่อปราบช็อคเกอร์ต่อ ทีมงานจึงดึงตัว ซาซากิ ทาเคชิ มารับบทเป็น อิจิมอนจิ ฮายาโตะ หรือคาเมนไรเดอร์หมายเลข 2 ผู้เป็นมนุษย์ดัดแปลงที่ถูกสร้างขึ้นโดยช็อคเกอร์เช่นกัน แต่ได้รับการช่วยเหลือไว้ได้ทัน และเนื่องจาก ซาซากิไม่มีใบขับขี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ในเวลานั้น (และเพื่อความปลอดภัย/ควบคุมการแสดง) จึงมีการเพิ่มฉากที่คาเมนไรเดอร์หมายเลข 2 ต้อง โพสท่าตะโกนว่า “Henshin!” เพื่อรอรับพลังงานลมให้เต็มที่ก่อน ซึ่งการโพสท่านี้กลายเป็น เอกลักษณ์ และ ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่สืบทอดมาถึงคาเมนไรเดอร์รุ่นหลังๆ เกือบทุกตัว
Suzuki T125
Suzuki T125 หรือ Wolf 125 เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาด 125 ซีซี 2 จังหวะ เปิดตัวในปี 1967 ในซีรีส์ Kamen Rider (Skyrider) (1979) และยังถูกนำมาใช้ในจักรวาลหนังใหญ่ของ Toei ในชื่อ Cyclone อีกครั้งใน Kamen Rider Saber x Kikai Sentai Zenkaiger Super Heroes Senki (2021) ด้วย
Suzuki TS250 Super Motard ปี 1978

มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นรถวิบาก/สแครมเบลอร์ 2 จังหวะ 250cc ถูกดัดแปลงเป็น “นิว ไซโคลน” (New Cyclone) ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นและรูปลักษณ์ที่ทันสมัยกว่าเดิมสำหรับคาเมนไรเดอร์หมายเลข 1 และ 2 ในช่วงหลังของซีรีส์แรก
Honda CBR1000RR Fireblade ปี 2005


Superbike ตัวท็อปของ Honda ในขณะนั้น มาพร้อม เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 998cc ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและสมรรถนะในสนามแข่ง ถูกนำมาดัดแปลงเป็น Cyclone สำหรับ คาเมนไรเดอร์หมายเลข 1 ในภาพยนตร์ Kamen Rider: The First (2005) และ The Next (2007) ที่โทนเรื่องมีความจริงจัง โหด และมืดหม่นมากกว่าเดิม
Honda CB1300 Super Bold’Or ปี 2005
มอเตอร์ไซค์ Naked Bike สไตล์ Big-1 ที่ทรงพลังของ Honda ในยุคนั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,284 cc เน้นกำลังและแรงบิดที่ดุดัน ถูกดัดแปลงเป็น ” Cyclone II” สำหรับ คาเมนไรเดอร์หมายเลข 2 (อิจิมอนจิ ฮายาโตะ) ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ดูบึกบึนและทรงพลัง ต่างจากรถสปอร์ตของหมายเลข 1 เล็กน้อย
Honda Goldwing F6C


Goldwing F6C คือมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์/แบกเกอร์ขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ 6 สูบนอน 1,832cc ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็น “Neo Cyclone” ในภาพยนตร์ Kamen Rider Ghost the movie: คาเมนไรเดอร์หมายเลขหนึ่ง ไอ้มดแดงอาละวาด (2016) ซึ่งเป็นการกลับมาของ ฟุจิโอกะ ฮิโรชิ ในบทบาทฮอนโก ทาเคชิ ฉบับดั้งเดิม ที่เน้นความบึกบึนและความน่าเกรงขาม
Honda CBR650R
Cyclone (ซ้าย), Honda CBR650R E-Clutch (ขวา)
มอเตอร์ไซค์สปอร์ตขนาดกลาง 4 สูบเรียงของ Honda ที่ได้รับความนิยม ถูกนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับ ” Cyclone “ ของ คาเมนไรเดอร์หมายเลข 1 (ฮอนโก ทาเคชิ) รูปลักษณ์ภายนอกถูกดัดแปลงให้มีแฟริ่งแบบคลาสสิกแต่มีความล้ำสมัย
Honda CB250R
มอเตอร์ไซค์ Naked Bike ในตระกูล Neo Sports Café ของ Honda ถูกนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับ ” Shin-Cyclone ” ของ คาเมนไรเดอร์หมายเลข 2 (อิจิมอนจิ ฮายาโตะ) แม้จะเป็นรุ่น 250cc แต่ด้วยการดัดแปลงและพลังงานจากมนุษย์ดัดแปลง ทำให้มันกลายเป็นยานพาหนะคู่ใจที่ทรงพลังไม่แพ้กัน
มอเตอร์ไซค์ของคาเมนไรเดอร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงระหว่าง “พลังดัดแปลง” กับ “อิสรภาพ” ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม จาก Suzuki T20 ในยุค 70s จนถึง Honda CBR650R ในยุคปัจจุบัน “Cyclone” ได้พิสูจน์แล้วว่าคือ “คู่หู” ที่ขาดไม่ได้ของฮีโร่ในตำนานตัวนี้อย่างแท้จริง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อภารกิจยานยนต์พลังงานสะอาด ส่งมอบรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า NEX BEV TRACTOR ให้กับบริษัท สยามคอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล จำกัด

เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อภารกิจยานยนต์พลังงานสะอาด ด้วยการส่งมอบรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า NEX BEV TRACTOR 423.93 kWh จำนวน 6 คัน ให้กับบริษัท สยามคอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล จำกัด หนึ่งในผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำในประเทศไทย โดยมี คุณณัฏฐสิทธิ์ เทพไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสายการขายและการตลาด บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ส่งมอบ และ คุณณรงค์ชัย อำนวยโชคหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามคอนเทนเนอร์เทอร์มินอล จำกัด เป็นผู้รับมอบ ณ บริษัท สยามคอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล จำกัด จ.สมุทรปราการ

การส่งมอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเพื่อสนับสนุนระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคโลจิสติกส์ โดยรถหัวลากไฟฟ้า NEX BEV TRACTOR 423.93 kWh มีมอเตอร์กำลังสูง 410 กิโลวัตต์ ให้แรงบิดสูงสุด 2,800 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด รองรับการทำงานหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้า High Tensile Steel ที่แข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มความทนทานในการบรรทุก ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ขนาดใหญ่ถึง 423.93 kWh ที่ชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ DC Fast Charge ช่วยประหยัดเวลา พร้อมตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงานขนส่งหนักภายในท่าเทียบตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่งไม่แพ้รถหัวลากที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ประหยัดพลังงาน และไม่มีการปล่อยมลพิษระหว่างการใช้งานบริษัท สยามคอนเทนเนอร์เทอร์มินอล จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรและท่าเทียบตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard – CY) ที่มีบทบาทสำคัญในระบบขนส่งสินค้าทางเรือของประเทศไทย โดยให้บริการรับฝาก–ขนย้ายตู้สินค้า บริการซ่อมบำรุง และขนส่งต่อเนื่องไปยังปลายทางทั้งในและนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงและประสิทธิภาพการดำเนินงานระดับสากล

คุณณรงค์ชัย อำนวยโชคหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามคอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล จำกัด เปิดเผยถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเปลี่ยนจากการใช้รถบรรทุกดีเซลมาเป็นรถหัวลากไฟฟ้า “NEX BEV TRACTOR 423.93 kWh” ของบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ว่า “การที่สยามคอนเทนเนอร์ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถบรรทุกดีเซลมาใช้รถหัวลากพลังงานไฟฟ้า ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของลูกค้า SCT ซึ่งเป็นสายเรือชั้นนำของโลกที่มีนโยบายมุ่งสู่ Carbon Neutral และให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เรามองหานวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้ามาตอบโจทย์นโยบายดังกล่าว
พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาดมากกว่าดีเซลและมีต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งในด้านการบำรุงรักษาก็มีความสะดวกและค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รถหัวลากไฟฟ้า ‘NEX BEV TRACTOR 423.93 kWh’ จึงตอบโจทย์เส้นทางการขนส่งหลักของบริษัท ซึ่งเส้นทางระหว่างศูนย์ปฏิบัติการ SCT ไปยังแหลมฉบังคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของปริมาณการขนส่งทั้งหมด”
นอกจากนี้ คุณณรงค์ชัย ยังกล่าวถึงการสนับสนุนจากพันธมิตรว่า “บริการหลังการขายของ NEX POINT ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้กับเรา หากผลการใช้งานในระยะยาวแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในด้านต้นทุน บริษัทก็มีแผนที่จะขยายการใช้รถหัวลากไฟฟ้าเพิ่มเติมอย่างแน่นอน”

พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดว่า “ตลาดการขนส่งคอนเทนเนอร์ในประเทศไทยมีดีมานด์สูงมาก ปีหนึ่งมีปริมาณตู้สินค้าที่เข้า–ออกประเทศกว่า 10 ล้านตู้ แต่ปัจจุบันการขนส่งด้วยรถหัวลากไฟฟ้ายังมีสัดส่วนไม่ถึง 0.01% ดังนั้นตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ารถพลังงานไฟฟ้าสามารถให้ความประหยัดและมีต้นทุนการแข่งขันที่ทัดเทียมกับรถดีเซล”
ปัจจุบัน สยามคอนเทนเนอร์ มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตามและจัดการการขนส่ง ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของสินค้าที่ทำการขนส่งได้อย่างเรียลไทม์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการใช้รถขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่งส่งมอบในครั้งนี้ความร่วมมือระหว่าง NEX POINT และสยามคอนเทนเนอร์เทอร์มินอล จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับการขนส่งไทยสู่ “Green Logistics” อย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวทางการลด Carbon Footprint และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิดโชว์รูมแฟลกชิปกลางกรุง รับแขกวีไอพีร่วมงาน Bentayga Azure Hybrid Private Viewing พร้อมมอบแคมเปญรถสต็อกแห่งปี

เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เลทเทอร์ส อะราวด์ จำกัด (Letters Around) ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณา การตลาด การจัดงานอีเวนต์ และที่ปรึกษาทางธุรกิจระดับสากล เชิญแขกระดับวีไอพีร่วมงาน Bentayga Azure Hybrid Private Viewing ยลโฉมยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ที่มีเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะตัว รุ่น Bentayga Azure Hybrid ที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแขกคนพิเศษและ Friends of Letters Around พร้อมจัดข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบ ณ โชว์รูมรถยนต์เบนท์ลีย์ อาคาร ซีทีไอ ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11-12 ตุลาคมที่ผ่านมา

งาน Bentayga Azure Hybrid Private Viewing ได้รวมเอาเหล่าบรรดาเซเลบริตีอย่าง ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ คลาวเดีย จักรพันธุ์ หนุ่ม อรรถพร ธีมากร และแขกวีไอพีในแวดวงธุรกิจเข้าไว้มากมาย โดยผู้เข้าร่วมงานมีโอกาสได้สัมผัสกับ Bentayga Azure Hybrid ยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายและความผ่อนคลายภายในห้องโดยสารจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี การออกแบบ และงานฝีมือผ่านคุณสมบัติเบาะโดยสาร Front Seat Comfort Specification ที่สามารถปรับได้ถึง 22 แบบ พร้อมการดีไซน์เบาะโดยสารแบบ Harmony Diamond Quilting Specification ที่สามารถระบายอากาศเพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมของร่างกาย และฟังก์ชันพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิเพื่อความสบายและการตื่นตัวขณะขับขี่ พร้อมกันนี้ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังมอบโอกาสทดลองขับ Bentayga Hybrid เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 แบบไฮบริดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพและสมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นในแบบฉบับรถยนต์เบนท์ลีย์ โดยผู้สนใจทดลองขับได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่ผสานเข้ากับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ได้อย่างลงตัว อีกทั้ง เบนท์ลีย์ แบงค็อก ได้จัดแสดงยนตรกรรมรุ่น New Continental GT และ รุ่น New Flying Spur สุดยอดแกรนด์ ทัวเรอร์สมรรถนะสูงโฉมใหม่ที่ทรงสมรรถนะที่สุดด้วยเครื่องยนต์แบบ High Performance V8 Hybrid วิวัฒนาการล่าสุดที่สามารถผลิตพละกำลังกว่า 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 930 นิวตันเมตร พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางด้วยการผสมผสานสมรรถนะในแบบซูเปอร์คาร์เข้ากับคุณสมบัติการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายที่ได้มาเติมเต็มความพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นพิธีเปิดงานด้วยชุดการแสดงเครื่องดนตรีไทยแนวร่วมสมัยจากคุณราชศักดิ์ เรืองใจ เจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ครั้งที่ 21 และการแสดงเดินแบบจาก Kornkanok โดย คุณกรกนก สนิทวงศ์ ณ อยุธยากับผลิตภัณฑ์ GOOD GOODS by Central Group ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล โดย คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ แขกภายในงานฯ ยังได้เพลิดเพลินไปกับเมนูคานาเป้ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจากวัตถุดิบชั้นเลิศโดยเชฟมากฝีมือจาก Your Kitchen Catering by YUU และลิ้มรสไวน์ระดับพรีเมียมจาก Penfolds ผู้นำเข้าไวน์ชั้นนำจากประเทศออสเตรเลีย สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งการดื่มไวน์อันเป็นศิลปะชั้นสูงในแก้ว Baccarat (บาคาร่าต์) โดย Baccarat Thailand ผู้นำเข้าเครื่องแก้วเจียระนัยชั้นสูงจากประเทศฝรั่งเศสที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับศตวรรษ พร้อมสัมผัสความงดงามของคอลเลกชันเครื่องกระเบื้องพอร์ชเลน (Porcelain) ที่ละเอียดอ่อนและทรงคุณค่าจากแบรนด์ Lladró (ยาโดร) และเครื่องประดับอัญมณีสุดเลอค่าหลากหลายคอลเลกชันจาก Chateau des Gems (ชาโตว์ เดส เจมส์) อัญมณีที่สะท้อนอัตลักษณ์และเรื่องราวของผู้สวมใส่ได้อย่างงดงามและทรงคุณค่า พร้อมเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสาธิตการแต่งหน้าจาก UZI Cosmetic แบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผิวแพ้ง่ายของคนไทยที่พัฒนาจากสารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ โดย ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ และปิดท้ายงานฯ ด้วยกิจกรรม Lucky Draw กับของรางวัลมากมายจากผู้สนับสนุนชั้นนำ อาทิ APEX Signature, น้ำดื่ม Miracle Pi Water, C2 VITAMIN, Serene และ Flow Yacht Club

วันนี้ เบนท์ลีย์ แบงค็อก มอบข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษสำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบ (Stock Car) พร้อมอุ่นใจไปกับการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม และสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตสูงสุด 4 ปี เอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อเลือกครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“Omoda 4” เปิดตัวแล้ว: รถไฟฟ้าครอสโอเวอร์ไซไฟ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกวิดีโอเกมและอวกาศ

Omoda แบรนด์รถยนต์ภายใต้ Chery Group ได้สร้างความฮือฮาในงาน International User Summit ประจำปี ด้วยการเผยโฉมรถครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่ล่าสุด Omoda 4 ที่มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำในสไตล์ “Cyber Mecha” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิทยาศาสตร์-แฟนตาซี (Sci-Fi), หุ่นยนต์ และวิดีโอเกม
Omoda 4 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถยนต์ระดับเริ่มต้น (Entry-level) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ โดยมีเป้าหมายในการดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักในเทคโนโลยีและต้องการรถยนต์ที่สะท้อนถึงตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร
ดีไซน์ “Cyber Mecha” สุดล้ำ

Omoda 4 นำเสนอการออกแบบที่ดุดันและมีเหลี่ยมมุมชัดเจน ซึ่งทางแบรนด์เรียกว่า “Cyber Mecha” ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและผิวสัมผัสแบบเมทัลลิก ทำให้รถดูเหมือนหลุดออกมาจากฉากแอ็กชันในวิดีโอเกมหรือภาพยนตร์ไซไฟ
ภายในห้องโดยสารยังคงตอกย้ำแนวคิดนี้ ด้วยการออกแบบที่เหมือนห้องนักบินอวกาศ (Spaceship Cockpit) มีปุ่มควบคุมและสวิตช์ที่มีลักษณะคล้ายเพชรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยานอวกาศ และไฮไลท์สำคัญคือปุ่มสตาร์ท-หยุดเครื่องยนต์แบบมีฝาปิดสีแดงคล้าย “ปุ่มยิง” หรือ “ปุ่มเริ่มปฏิบัติการ” ซึ่งถูกนำแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของรถซูเปอร์คาร์ระดับตำนาน
ตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลายและการปรับแต่งภายใน
Omoda 4 จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “New Energy Vehicles” ของ Omoda โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอทางเลือกของระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE), ระบบไฮบริด (Hybrid) และรุ่นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ล้วนๆ
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดสเปคและราคาอย่างเป็นทางการสำหรับทุกตลาด แต่คาดการณ์ว่ารุ่น EV อาจมาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งประมาณ 400 กิโลเมตร (248 ไมล์)
นอกจากนี้ Omoda 4 ยังมาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์และธีมภายในรถที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ ทำให้เจ้าของรถสามารถผนวกเอาความชอบและความคิดสร้างสรรค์ของตนเองเข้าไปในประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างเต็มที่
กลยุทธ์ “Co-Creation” และการเปิดตัวในตลาดโลก

ในงานเปิดตัว Omoda ได้เน้นย้ำถึงแนวคิดการร่วมสร้างสรรค์กับผู้ใช้งาน (Co-Creation) โดยผู้สนใจและแฟนๆ ของแบรนด์จะได้รับโอกาสเป็น “Co-Creation Ambassadors” เพื่อส่งข้อมูลป้อนกลับและข้อเสนอแนะต่างๆ แก่ทีมพัฒนา ก่อนที่รถจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Omoda 4 ได้รับการยืนยันว่าจะเข้าสู่ตลาดสำคัญทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และจะมาพร้อมกับการรับประกัน 7 ปี/100,000 ไมล์ สำหรับตัวรถ และการรับประกัน 8 ปีสำหรับแบตเตอรี่ (สำหรับรุ่น EV/Hybrid)
การเปิดตัว Omoda 4 ในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศจุดยืนของแบรนด์ในการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด (B-segment) ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เน้นเทคโนโลยี และการออกแบบที่โดนใจกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่แสวงหาสิ่งที่ “กล้าฉีกกฎ” อย่างแท้จริง
ที่มา : Top Gear
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
Honda Prelude ตำนานล้อหลังเลี้ยวได้!!

ท่ามกลางกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดที่กำลังมาแรง การกลับมาของชื่อชั้นระดับตำนานอย่าง Honda Prelude ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ Honda Prelude รุ่นล่าสุด ที่ถูกนำมาจัดแสดงในงาน The M.O.V.E. By Honda ณ ห้าง Emsphere ยิ่งตอกย้ำถึงการกลับมาอย่างสง่างามของรถสปอร์ตคูเป้ในตำนานคันนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงที่มาที่ไป เราจะพาไปเจาะลึกวิวัฒนาการของ Honda Prelude ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงยุคใหม่ในฐานะรถไฮบริด
โฉมที่ 1 (1978-1982)

ในช่วงปลายยุค 70s กระแสรถยนต์คูเป้ขนาดเล็กกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมี Toyota Celica เป็นผู้นำตลาดที่สร้างยอดขายอย่างน่าประทับใจ Honda จึงไม่ยอมอยู่เฉย และตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันนี้ โดยได้มอบหมายให้ Hiroshi Kizawa เป็นหัวหน้าวิศวกรในการออกแบบ Honda Prelude รุ่นแรก ซึ่งหมายมั่นปั้นมือให้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nissan Silvia
Prelude รุ่นแรกเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1978 และมีจุดเด่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับยุคนั้น:
- เป็นรถรุ่นแรกๆ ของ Honda ที่มี หลังคามูนรูฟไฟฟ้า (Power Moonroof) ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
- เป็นรถรุ่นแรกๆ ที่มีการติดตั้ง พวงมาลัยพาวเวอร์ สำหรับรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า ลิตร ซึ่งทำให้การขับขี่คล่องตัวขึ้นอย่างมาก
- ได้รับคำชมจากสื่อมวลชนชั้นนำอย่าง Motortrend ในด้านการออกแบบและนวัตกรรม
- มาพร้อมกับเครื่องยนต์หลัก รุ่น คือ เครื่องยนต์ EL ขนาด ลิตร และ เครื่องยนต์ EK CVCC ขนาด ลิตร
- ในปี 1980 มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ครั้งสำคัญด้วยระบบวาล์วแปรผัน CVCC II พร้อม Catalytic Converter เพื่อให้ไอเสียสะอาดขึ้น และมีการใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Hondamatic (เกียร์อัตโนมัติ สปีดในตอนแรก ก่อนเปลี่ยนเป็น สปีด)
โฉมที่ 2 (1982-1987)

Prelude เจเนอเรชันที่ เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1982 ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัยและแอโรไดนามิกมากขึ้น
- ใช้เครื่องยนต์หลัก คือ A18A ขนาด ลิตร
- ในปี 1985 มีการอัปเดตเครื่องยนต์ครั้งใหญ่ไปใช้ B20A ขนาด ลิตร
- นับเป็น Prelude รุ่นแรกที่ใช้ไฟหน้าแบบป๊อปอัป (Pop-up Headlights) ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของรถสปอร์ตในยุคนั้น และช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างดีเยี่ยม
- เป็นรถรุ่นแรกๆ ที่มีการนำเสนอบระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) เป็นทางเลือก
โฉมที่ 3 (1987-1991)

เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1987 ด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น
- ดีไซน์ของรถได้ถูกนำไปต่อยอดและมีอิทธิพลต่อรถซูเปอร์คาร์ในตำนานอย่าง Honda NSX ที่เปิดตัวในปี 1990
- มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัย เช่น กระจกมองข้างไฟฟ้า และ แอร์ออโต้ (Automatic Climate Control)
- คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดและกลายเป็นฉายาที่รู้จักกันดีคือ ระบบเลี้ยว ล้อ (Four-Wheel Steering – 4WS) ซึ่งเป็นระบบกลไก (Mechanical 4WS) ที่เป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้ในรถยนต์นั่งผลิตจำนวนมาก โดยระบบนี้จะบังคับให้ล้อหลังเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเล็กน้อยเมื่อขับด้วยความเร็วสูง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ หรือเลี้ยวในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ เพื่อช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวและเพิ่มความคล่องตัว จนเป็นที่มาของฉายาที่ผู้คนชอบเรียกว่า “ล้อหลังเลี้ยวได้”
- ในปี 1988 รถรุ่นนี้ขึ้นแท่นเป็นอันดับสามในรางวัล European Car of the Year ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในระดับสากล
โฉมที่ 4 (1991-1996)

เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1991 ด้วยการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่จากรูปทรงเหลี่ยมเป็นแบบโค้งมนตามสมัยนิยม
- ยกเลิกไฟหน้าป๊อปอัป โดยเปลี่ยนไปใช้ไฟหน้าที่ซ่อนอยู่ในแนวนอนที่ดูเพรียวบาง
- เริ่มมีการนำระบบวาล์วแปรผันอันเลื่องชื่อของ Honda คือ VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) มาใช้ในเครื่องยนต์ รุ่น ลิตร DOHC ซึ่งให้พละกำลังที่สูงขึ้น
- มีประวัติเคยถูกใช้เป็นรถ Safety Car ในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน Japanese Grand Prix ปี 1994 ณ สนาม Suzuka Circuit
โฉมที่ 5 (1996-2001)

เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1996 โดยการออกแบบกลับไปใช้รูปทรงที่ดูเป็น สี่เหลี่ยมมากขึ้น ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับรากฐานของรุ่นก่อนหน้า
- ยังคงใช้รูปแบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FF Layout) และช่วงล่างตอนหน้าเป็นแบบอิสระ
- รายละเอียดรถรุ่น Canada: ในตลาดแคนาดาและอเมริกาเหนือจะมีรุ่นย่อยที่โดดเด่น เช่น รุ่น SH (Super Handling) ซึ่งมาพร้อมกับระบบ ATTS (Active Torque Transfer System) ที่ช่วยควบคุมการกระจายแรงบิดไปที่ล้อหน้า ทำให้การเข้าโค้งมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่มีการควบคุมดีที่สุดในโลก
- รายละเอียดรถรุ่น Type S (เฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น): เป็นรุ่นสมรรถนะสูงสุดในตลาดญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ ลิตร DOHC VTEC ที่ให้กำลังสูงสุดถึง แรงม้า (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา) โดยไม่มีหลังคามูนรูฟ และติดตั้งระบบควบคุมแรงบิด ATTS เป็นมาตรฐาน
- ประวัติและรายละเอียดรถ Prelude Motegi: รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่มีการแต่งภายนอกที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น และใช้ชื่อ “Motegi” เพื่อเป็นเกียรติแก่สนามแข่ง Twin Ring Motegi ที่ Honda เป็นเจ้าของ
หลังจากนั้น Honda Prelude ก็ได้ยุติสายการผลิตไปในปี 2002 เนื่องจากกระแสความนิยมรถสปอร์ตคูเป้ขนาดเล็กที่เริ่มลดน้อยลง ทำให้ชื่อของ Honda Prelude หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตลอด 20 ปี
โฉมที่ 6 (ปัจจุบัน)
หลังจากยุติการผลิตไปในปี 2001 Honda Prelude ได้กลับมาอีกครั้งในฐานะรถสปอร์ตยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพของระบบไฮบริด
- เปิดตัวในรูปแบบ Concept เป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 และมีการโชว์ตัวจริงพร้อมรายละเอียดทางเทคนิคที่งาน Goodwood Festival of Speed ในเดือนกรกฎาคม 2024
- เริ่มขายจริงในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ในวันที่ 5 กันยายน 2025 ซึ่งเป็นการกลับมาอย่างเป็นทางการในรอบกว่าสองทศวรรษ และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมียอดจองในช่วงเดือนแรกสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 8 เท่า (ประมาณ 2,400 คัน จากเป้าหมาย 300 คันต่อเดือน)
- เป็นการกลับมาในฐานะรถ ไฮบริด (Hybrid-Electric) โดยใช้ระบบ Two-Motor Hybrid ที่ผสานเครื่องยนต์ ลิตร Atkinson-cycle เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า
- มาพร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ที่เรียกว่า Honda S+ Shift ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจำลองประสบการณ์การขับขี่รถสปอร์ตด้วยเกียร์ “เสมือนจริง” และการปรับจูนเสียงเครื่องยนต์เพื่อให้ผู้ขับขี่มีอารมณ์ร่วม
- สเปคของรถ (สำหรับตลาดญี่ปุ่น): มาพร้อมพละกำลังรวมประมาณ แรงม้า และใช้ชิ้นส่วนช่วงล่างด้านหน้าแบบ Dual-Axis Strut จาก Civic Type R เพื่อให้มีการควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี
- รูปทรงตัวถังเป็นสปอร์ตคูเป้ ประตูที่ทันสมัย (ไม่ได้เป็น Liftback ตามที่เคยคาดการณ์ในตอนแรก)
Honda Prelude รุ่นที่ 6 นี้ เป็นการผสมผสานตำนานเข้ากับเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว โดยนำเสนอสมรรถนะที่น่าตื่นเต้นควบคู่ไปกับความประหยัดน้ำมันในแบบฉบับรถไฮบริด
Honda Prelude ไม่ได้เป็นเพียงรถสปอร์ตคูเป้เท่านั้น แต่ยังเป็นตำนานที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะระบบ “ล้อหลังเลี้ยวได้” ในยุคที่รถสปอร์ตคูเป้ยังเป็นที่ต้องการ ซึ่งการกลับมาของ Prelude ในยุคแห่งพลังงานไฟฟ้าและไฮบริดนี้ ก็เป็นเหมือนการตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งความท้าทายและการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ของ Honda อีกครั้ง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
“ก้อง-ก๊องส์” ลุยศึก ลุ้นล่าแต้ม โมโตจีพี สนาม 20 ที่ มาเลเซีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เดินหน้าล่าผลงาน ลุ้นเก็บแต้มเพิ่มในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 20 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคมนี้ ขณะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทย เตรียมบิด โมโตทรี ต่อเนื่องหลังคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ โดยจะดวลกันที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ เดินทางถึงสนาม เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกับทีม โดย เซปังฯ นับเป็นอีกหนึ่งในสนามที่ดาวบิดชาวไทยคุ้นเคย และมีโอกาสลุ้นแต้มอีกครั้งในแทร็กที่เปรียบเหมือน “โฮมเรซ” แห่งที่สองของเจ้าตัว

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เพิ่งคัมแบ็กสู่สนาม โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พร้อมแล้วสำหรับการแข่งขัน มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ โดยตั้งเป้าขยับเข้าหากลุ่มกลางให้ได้เพื่อลุ้นเก็บแต้ม

ทั้งนี้ ศึก มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยจะจับเวลารอบควอลิฟายและสปรินต์เรซในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบเมนเรซจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 11.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 12.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #MotoGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ผนึกกำลังร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ขอบคุณลูกค้าทั่วไทย พร้อมส่งต่อพลังแห่งการให้สู่สภากาชาดไทย ในวาระครบรอบ 60 ปี

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรมพิเศษ “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” เติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่มอบความไว้วางใจในแบรนด์มาอย่างยาวนานกว่า 6 ทศวรรษเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ภายใต้แนวคิด “60 ปีไทยฮอนด้า เคียงข้างกันตลอดไป” เพื่อส่งต่อพลังแห่งความไว้วางใจจากผู้ใช้รถสู่สังคมไทย

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ณ ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Wing Center) ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 18 ล้านคัน ร่วมเติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท โดยรายได้จากกิจกรรมทั้งหมดจะบริจาคให้กับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการแพทย์และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป

ตลอดกิจกรรมมีลูกค้าเข้าร่วมกว่า 25,200 คน รวมยอดเงินบริจาคทั้งสิ้นกว่า 1.5 ล้านบาท สะท้อนถึงความร่วมมือของเครือข่ายจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ทั้ง ผู้ใช้รถ (User) และ ผู้จำหน่าย (Dealer) ที่ร่วมกันขับเคลื่อนพลังแห่งการให้ เพื่อสังคมไทยที่เข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ เครือข่ายร้านผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศยังให้การสนับสนุนกิจกรรมอย่างเต็มที่ โดยแต่ละร้านที่เข้าร่วมได้เตรียมน้ำมันไว้ร้านละ 300 ลิตร รวมทั้งสิ้น 126,000 ลิตร

กิจกรรม “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญในโอกาสครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า ที่สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างคนไทยด้วยความห่วงใย พร้อมร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และส่งต่อความสุขให้ทุกการเดินทางของคนไทยอย่างแท้จริง
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า” ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สร้างประวัติศาสตร์สะเทือนแดนปลาดิบ “นีโม่-จิรัฎฐ์” บิด Honda CRF450R คว้าโพเดียมแรกให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ศึก All Japan Motocross Championship สนามที่ 6

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ยกระดับความสำเร็จในการแข่งขันรายการทางฝุ่นสู่ระดับนานาชาติ จากผลงานของ “นีโม่-จิรัฎฐ์” ยอดนักบิดทางฝุ่น เจ้าของแชมป์ Premier MX-1 คนแรกของประเทศไทย พารถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R สร้างประวัติศาสตร์ความเร็วต่อเนื่อง ก่อนประกาศผลงานคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 รุ่นท็อปสุดของรายการ IA-1 450 โดยเป็นโพเดียมครั้งแรกของนักแข่งไทยในรายการ D.I.D All Japan Motocross Championship สนามที่ 6 ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยตลอดสุดสัปดาห์ที่ประเทศญี่ปุ่นมีตำนานแชมป์ทางฝุ่นของไทยอย่าง “โค้ชโย” ชาคริต รุ่งสุวรรณ ที่คอยซัพพอร์ตและดูแลนักแข่งอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการดวลความเร็วกันต่อเนื่อง 3 เรซ

การแข่งขันเรซที่ 1 “นีโม่” จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ หมายเลข 47 ดวลกับมือระดับท็อปที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทันทีด้วยการเก็บท็อป 10 มาครองได้ก่อน โดยการแข่งขันเรซที่ 2 ยังคงรักษาระดับการต่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างแข็งแกร่ง เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 12
การแข่งขันเรซที่ 3 นักบิดไทยสร้างประวัติศาสตร์ความเร็วปักหลักดวลความเร็วในกลุ่มนำ พร้อมกับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 ในการแข่งขันเพื่อลุ้นชัยชนะจนถึงช่วงปลายเกม ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 โชว์ธงชาติไทยในผลการแข่งขันศึกโมโตครอสในตำนาน ที่ดวลกันมาอย่างดุเดือดและยาวนานของประเทศญี่ปุ่น
จากผลงานอันยอดเยี่ยมของ “นีโม่-จิรัฎฐ์” และ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” นักบิดไทยจะได้ร่วมทำการแข่งขันอีกครั้งในศึก MFJ-GP#63 D.I.D All Japan Motocross 2025 สนามที่ 7 สนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ที่สนาม Sportland Sugo จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1 – 2 พฤศจิกายน 2568 นี้
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #Motocross #AllJapanMotocrossChampionship
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าแข็งแกร่งเหนือชั้น “โทชา ชาเรน่า” ทะยานฝ่าอุปสรรคสุดโหด คว้าแชมป์ 2025 World Rally Raid Championship สนามที่ 5 โมร็อกโก

“โทชา ชาเรน่า” ยอดนักขับชาวสเปน สังกัด มอนสเตอร์ เอนเนอร์จี ฮอนด้า เอชอาร์ซี (Monster Energy Honda HRC) บิด Honda CRF450 RALLY โชว์สมรรถนะสุดแกร่งและตอกย้ำศั
กยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง คว้าชัยชนะในการแข่งขันสเตจที่ 5 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้ายของรายการ Rallye Du Maroc 2025 พร้อมผงาดคว้าแชมป์ศึก World Rally Raid Championship สนามที่ 5 โมร็อกโก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 
“โทชา ชาเรน่า” หมายเลข 68 ออกสตาร์ตอย่างมุ่งมั่น ซึ่งการเข้าสู่จุดเช็คเวลาครั้
งแรกก็ไล่บดคู่แข่งอยู่ในกลุ่ มหัวแถวทันที ก่อนที่นักบิดฮอนด้าจะเร่ งความเร็วฝ่าความโหดของภูมิ ประเทศการแข่งขัน ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง จึงสามารถแซงขึ้นนำในเวลารวม ก่อนที่จะบิดคว้าชัยชนะไปครอง พร้อมกับประกาศความยิ่งใหญ่ด้ วยการคว้าแชมป์ 2025 World Rally Raid Championship สนามที่ 5 รายการ Rallye Du Maroc 2025 ปิดซีซั่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม 
ขณะที่ “ริกกี้ บราเบค” ทีมเมทชาวอเมริกัน หมายเลข 9 เดินหน้าเต็มกำลังในสนามสุดเดื
อดของการแข่งขัน ทะยานขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ พร้อมกับรั้งอันดับที่ 3 ในตารางคะแนนของสนามที่ 5 โดยมี “เอเดรียน ฟาน เบเวเรน” อีกหนึ่งนักขับชาวฝรั่งเศสของ Monster Energy Honda HRC หมายเลข 42 รั้งอันดับท็อป 4 ของการแข่งขันและตารางคะแนน #Rally #CRF450 #HondaMotorcycle #HRC #MonsterEnergyHondaTeam
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียกับ Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมดุลให้ทุกการเดินทาง

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเอเชียที่มาพร้อมกับนิยามใหม่แห่งความอเนกประสงค์ และนวัตกรรมการขับขี่อันล้ำสมัยไว้อย่างลงตัว ผ่านรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากการนำเอาจุดเด่นในแง่ของความเรียบหรู สง่างามของรถซีดาน ความเอนกประสงค์ของรถที่มีหลังคาลาดเทต่อเนื่องไปจนถึงท้ายรถ (fastback) พื้นที่ภายในกว้างขวางพร้อมความสูงใต้ท้องรถที่ยกสูงขึ้นแบบรถ SUV ทำให้ Volvo ES90 เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อมอบความลงตัวให้ทุกการเดินทางบนท้องถนนไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว หรือกับครอบครัว ในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต

คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ, วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเชีย กล่าวว่า “Volvo ES90 ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบอันเรียบหรูสไตล์สแกนดิเนเวียน และความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารไว้ในรถเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบพรีเมี่ยมตามแบบฉบับวอลโว่ Volvo ES90 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของเราได้อย่างดีเยี่ยมผ่านการออกแบบที่ควบคุมการทำงานของรถด้วยซอฟต์แวร์ และการประมวลผลผ่านชิปเซ็ตที่ทรงพลัง ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถวอลโว่ในประเทศไทย ปัจจุบันวอลโว่อยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 50 ปี และเรายังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การขับขี่ มอบความปลอดภัยในการเดินทาง และร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความไว้ใจที่ลูกค้าวอลโว่ในประเทศไทยมีต่อแบรนด์เสมอมาจากรุ่นสู่รุ่น”
ความทันสมัย ความโดดเด่น และใช้งานได้คล่องตัว

ดีไซน์การออกแบบภายนอกของ Volvo ES90 สะท้อนได้ถึงความทันสมัย ความโดดเด่น อย่างชัดเจน รวมถึงความสูงจากพื้นของท้องรถซึ่งทำให้สมรรถนะ และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เส้นหลังคาที่ลาดลงด้านท้ายรถผสานความทันสมัย และความสง่างามไว้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง นอกจากนั้นช่วยเสริม แอโรไดนามิกแก่ตัวรถทำให้การจัดสรรพลังงานแบตเตอรี่ดีขึ้น จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น

ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s Hammer คงเอกลักษณ์ของวอลโว่ ไฟท้าย LED จัดวางเรียงตามทรงลาดท้ายของหลังคาเชื่อมกับไฟท้ายรูปทรงตัว C ที่เสริมความโดดเด่นให้ท้ายของตัวรถ พร้อมแพทเทรินการแสดงไฟสัญลักษณ์เพื่อต้อนรับและอำลาตามแบบฉบับของวอลโว่ ตัวรถมาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี รวมถึงสีใหม่อย่าง สีเงิน Aurora Silver

ท้ายรถที่มีขนาดใหญ่ และลาดลงในสไตล์ fastback ให้ความโดดเด่นสะดุดตา และยังให้พื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระที่กว้างสำหรับทุกกิจกรรมของครองครัว โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังสามารถจัดเก็บได้ถึง 446 ลิตร และขยายกว้างได้ถึง 904 ลิตร หากพับเบาะผู้โดยสารแถวสองลง อีกทั้งเบาะผู้โดยสารแถวสองของรถยังสามารถพับลงแบบแยกจากกันได้อย่างอิสระ (40/20/40) นอกจากนี้ยังมีที่จัดเก็บสัมภาระด้านหน้ารถหรือ FRUNK ขนาด 27 ลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดเก็บสายชาร์จรถ
สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในทุกที่นั่ง

การออกแบบภายในของห้องโดยสารสะท้อนความสะดวกสบาย และความพรีเมี่ยม ด้วยวัสดุไม้จริงที่ใช้ตกแต่งแดชบอร์ด ประตู และด้านหลังที่นั่ง พร้อมการออกแบบที่คำนึกถึงถึงการใช้งานจริงเป็นสำคัญตามแนวคิดการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนของวอลโว่ ฐานล้อขนาด 3.1 เมตร ให้พื้นที่โดยสารแถวสองที่กว้าง จึงให้การโดยสารที่สบายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ธีมไฟบรรยากาศภายในรถสามารถเลือกปรับได้ถึง 6 ธีมสีตามความต้องการผู้ใช้รถ พร้อมเบาะที่นั่งที่เลือกได้ทั้งในแบบหนัง Nappa สีดำ Charcoal และขาว Dawn
หลังคาพาโนรามิกแบบอิเล็กโทรโครมิกที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้เพื่อผู้ใช้งานจะสามารถปรับความเข้มของแสงที่สะท้อนเข้าถึงตัวรถ รวมถึงความเป็นส่วนตัว ได้เพียงแค่การกดปุ่มปรับตั้งค่า ตัวหลังคายังมาพร้อมคุณสมบัติในการกรองแสงยูวีได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

ระบบปรับอากาศในห้องโดยสามารถควบคุมได้อย่างอิสระทั้งสี่ที่นั่ง พร้อมระบบฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละอองระดับ PM2.5 ได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และกรองละอองขนาดเล็ก ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ ได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์
Volvo ES90 คือหนึ่งในรถวอลโว่ที่ถูกออกแบบให้ห้องโดยสารมีความเงียบ เพื่อทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารจะดื่มด่ำไปกับเครื่องเสียงระดับพรี่เมียมแบรนด์ Bowers & Wilkins ผ่านลำโพงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 25 ตัว รวมถึงบนหลังคา และบริเวณพนักพิงศรีษะที่ตำแหน่งเบาะโดยสารแถวหน้า ให้กำลังขับสูงถึง 1,610 วัตต์ เพื่ออรรถรสการฟังทั่วห้องโดยสารรอบทิศทางกับระบบเสียง Dolby Atmos® และพิเศษกับโหมดเสียงที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากห้องอัดเสียงจากลอนดอนระดับตำนานอย่าง Abbey Road Studios
ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Volvo ES90 รองรับการใช้งาน Google built-in เพื่อการใช้บริการ Google Maps เพื่อการนำทาง, Google Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้เสียงในการสั่งงาน หรือใช้บริการแอปอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Play ตัวรถยังรองรับการใช้งานสัญญาณเครือข่ายระดับ 5G ผ่านแพลตฟอร์มประมวลผล Snapdragon® Cockpit Platform จากบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำอย่าง Qualcomm Technologies ให้การใช้งานหน้าจอที่ลื่นไหลตอบสนองแม่นยำ ทำให้ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ขับแสดงผลผ่านจอขนาด 9 นิ้ว ด้านหน้าของผู้ขับได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการแสดงผลบริเวณ head-up display ที่กระจกหน้า
จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 14.5 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเข้าถึงฟังก์ชัน เช่น ระบบนำทาง ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์, ฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ฟังก์ชันการโทรและรับสาย และอื่น ๆ และเพื่อช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น Volvo ES90 ยังมาพร้อมกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติใหม่ล่าสุด เพื่อมอบความอุ่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับในทุกครั้งที่ต้องจอดในที่แคบ
อัพเดทการใช้งานให้ดีขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอ
Volvo ES90 ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวอลโว่ Superset tech stack ที่รวมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์โมดูล เข้าไว้ด้วยกันเพื่อรองรับการพัฒนาต่อยอดรถไฟฟ้าของวอลโว่ในอนาคต โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะทำให้ วอลโว่ คาร์ สามารถพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ของรถวอลโว่ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Superset ได้ตลอดอายุการใช้งานรถผ่านการอัพเดทในแบบ over-the-air
นอกจากนี้ ES90 ยังเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของวอลโว่ที่มาพร้อมชิปประมวลผล NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ทำให้รถมีพลังในการประมวลผลด้วย คอร์ คอมพิ้วติ้ง มากกว่าที่เคยมีมา ซึ่งประสิทธิภาพในการประมวลผลขั้นสูงนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และประสิทธิภาพของตัวรถให้เพิ่มขึ้นจากการผสานการทำงานระหว่างข้อมูล ซอฟต์แวร์ และ AI

ในแง่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Volvo ES90 มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มความเร็วให้การชาร์จ และระยะทางในการขับขี่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และระยะทางรวมสูงสุดถึง 755 กิโลเมตร* เมื่อชาร์จเต็มตามมาตรฐาน NEDC
พลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ถูกควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีน้ำหนักเบาจึงช่วยลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิของตัวรถโดยรวมซึ่งรวมถึง อัตราเร่ง, ระยะทางการขับ
และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ที่เพียง 0.25 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 6.6 วินาที
สานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน

นอกเหนือจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Volvo ES90 คือความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนของวอลโว่ ผ่านวัสดุที่เลือกใช้ซึ่งไม่เพียงเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ แต่ยังเป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณก๊าซ Co2 ในการผลิต และในส่วนของตัวรถก็มีการนำวัสดุรีไซเคิลอย่าง อะลูมินั่มราว 29% และเหล็กราว 18% โพลีเมอร์ราว 16% มาใช้ รวมถึงการใช้งานวัสดุชีวภาพ และวัสดุธรรมชาติอย่างไม้จริงที่มาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองโดย FSC
มาตรฐานความปลอดภัยระดับวอลโว่ ทั้งนอกและในรถกับ Safe Space Technology

Volvo ES90 Exterior เพราะความปลอดภัยคือหัวใจหลักของวอลโว่ Volvo ES90 จึงถูกออกแบบให้มาพร้อมการปกป้องทั้งภายในและนอกรถ ตามมาตรฐานความปลอดภัยของวอลโว่ คาร์ (Volvo Cars Safety Standard) ที่มีการทำการทดสอบ และศึกษาค้นคว้าตลอด 55 ปีที่ผ่านมาจากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มากกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยทั่วไป โดยเมื่อผสานการทำงานของระบบความปลอดภัยเข้ากับการทำงานที่ทรงพลังของระบบประมวลผลจาก คอร์ คอมพิ้วติ้ง แล้ว Volvo ES90 จึงเป็นรถที่สานต่อปฐมบทความปลอดภัยรูปแบบใหม่ของ วอลโว่ คาร์ อย่างแท้จริง
Volvo ES90 มีโครงสร้างตัวถังนิรภัยที่แข็งแกร่ง ระบบป้องกันการชนขั้นสูง รวมถึงมีพื้นที่ในการซับแรงกระแทกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยในการขับขี่ แบบแอคทีฟผ่านการใช้งานเซนเซอร์ล้ำสมัยรวมถึงเรดาห์ 5 ตัว, กล้อง 7 ตัว, เซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และ lidar จาก Luminar Technologies
โดยระบบเซนเซอร์เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นที่ไกลกว่าสายตาของคนจึงให้ประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และอันตรายบนท้องถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม Volvo ES90 ยังมาพร้อมระบบ driver understanding system ที่สามารถตรวจจับได้เมื่อผู้ขับขี่สูญเสียสมาธิจากถนน และเข้ามาช่วยสนับสนุนได้ทันที
Safe Space Technology ใน Volvo ES90 มอบการปกป้องไม่เพียงแค่ระหว่างการขับขี่ แต่ยังรวมถึงขณะจอดรถด้วยระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (door opening alert) ช่วยป้องกันอุบัติเหตุกับนักปั่นจักรยานและคนเดินถนนที่สัญจรผ่านขณะเปิดประตู
ราคา
Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range 2,990,000 บาท
Volvo ES90 คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าในประเทศภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หรือ ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2569
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazineVolvo ES90 Exterior Volvo ES90 Exterior Volvo ES90 Exterior Volvo ES90 Exterior







































































































































































