-
News Car1 Min Read
วอลโว่ ทรัคส์ มอบของขวัญปีใหม่ เปิดตัว “Volvo FM13 PRO” รถบรรทุกพรีเมียมสเปคคุ้มค่า ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกจากประเทศสวีเดน ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมขนส่ง มอบของขวัญปีใหม่แก่ผู้ประกอบการไทยด้วยการเปิดตัวรถบรรทุกรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด “Volvo FM13 PRO” ภายใต้แนวคิด “The Professional Choice for Every Journey” โดยเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของรุ่น Euro 5 ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อส่งมอบสมรรถนะระดับมืออาชีพในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิม พร้อมร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนส่งไทยสู่ความยั่งยืน
นางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่าย วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า “เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีและเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข วอลโว่ ทรัคส์ ขอมอบ ‘ของขวัญ’ ชิ้นพิเศษให้กับผู้ประกอบการขนส่งชาวไทย ด้วยการเปิดตัว Volvo FM13 PRO ซึ่งเราตั้งใจออกแบบมาให้เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับธุรกิจ โดยการปรับจูนสเปคให้ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัย สมรรถนะ และความเป็นมืออาชีพตามแบบฉบับของวอลโว่ ทรัคส์ อย่างครบถ้วน”
“เราเชื่อว่า Volvo FM13 PRO จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์ และพันธมิตรทางธุรกิจของเราสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมตอบโจทย์การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสีย Euro 5” นางสาววิลาวัลย์กล่าวเสริม
ไฮไลต์เทคโนโลยีและข้อมูลผลิตภัณฑ์ Volvo FM13 PRO:
- สมรรถนะเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ 13 ลิตร 380 แรงม้า มาตรฐาน Euro 5 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SCR ช่วยบำบัดไอเสียอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไบโอดีเซล
- ระบบส่งกำลัง: เกียร์กึ่งอัตโนมัติ I-Shift Generation G ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย เปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว และเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมัน
- ช่วงล่างและระบบเบรก: ระบบช่วงล่างถุงลมพร้อมดิสก์เบรก ระบบควบคุมเบรกแบบไฟฟ้า (EBS) เพื่อการรับน้ำหนักและสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่เหนือกว่า พร้อมเบรกเสริม Volvo Engine Brake (VEB) เพิ่มความปลอดภัย
- ความปลอดภัยอัจฉริยะ: ระบบถุงลมพวงมาลัย (Airbag) และทางออกฉุกเฉินทางหลังคา (Sky Window) ตามมาตรฐานสากล
- ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่: เบาะนั่งแบบถุงลมลดความเมื่อยล้า จอแสดงผลข้อมูลดิจิทัลขนาด 12 นิ้วที่อ่านง่าย และระบบ Central door locks พร้อมรีโมทคอนโทรล
- ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์: โคมไฟหน้าโฉมใหม่พร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Light) รูปตัว “V” ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความพรีเมียมของแบรนด์
ด้าน นายมาร์ติน ซอมเมอร์ รองประธานฝ่ายขาย วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ว่า “Volvo FM13 PRO คือรถบรรทุกที่ให้ความโปรเฟชชั่นนัลในทุกมิติ โดยเรายังคงใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ 13 ลิตร 380 แรงม้า มาตรฐาน Euro 5 และเกียร์ I-Shift Generation – G รุ่นล่าสุดที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดน้ำมันและการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น โดยรุ่น PRO นี้มีการปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับรถบรรทุกสมรรถนะสูงในงบประมาณที่คุ้มค่าที่สุด”
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้ว วอลโว่ ทรัคส์ ยังคงให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายอย่างมืออาชีพผ่านเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 23 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการเดินทางของลูกค้าจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นคง
“เรามั่นใจว่า Volvo FM13 PRO จะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง (The pro choice) สำหรับทุกเส้นทางและทุกธุรกิจขนส่งที่มองหาความคุ้มค่าโดยไม่สูญเสียมาตรฐานระดับพรีเมียม” นายมาร์ติน กล่าวปิดท้าย
วอลโว่ ทรัคส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนส่งไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงสเปครถบรรทุกให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงในประเทศไทยอย่างสูงสุด (Specification Optimization) เพื่อให้รถบรรทุกของเราเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างแท้จริง เราเชื่อมั่นว่าการมอบสมรรถนะมาตรฐานยุโรปในรูปแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยแข็งแกร่งขึ้น สามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย พร้อมเติบโตได้อย่างมั่นคงควบคู่ไปกับความปลอดภัยที่เป็นเลิศและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
กรังด์ปรีซ์ฯ คว้ารางวัลดีเด่น “อาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน” จาก พพ. กระทรวงพลังงาน ในงาน Thailand Energy Awards 2024
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดย นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้ารับรางวัลดีเด่น ประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สาขา อาคารปรับปรุงเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Retrofitted Building) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติ ในงาน “Thailand Energy Awards 2024” จัดโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน โดยได้รับเกียรติจาก นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ณ ห้องแซฟไฟร์ 202 อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ชั้น 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันอังคารที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
ภายในงานยังมีการจัด “นิทรรศการความสำเร็จ Thailand Energy Awards 2024” โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางสาวนันธิกา ทั้งสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้ให้เกียรติเดินเยี่ยมชมผลงานที่ได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ สำหรับผลงานของบริษัท กรังด์ปรีซ์ฯ มี นางสาวชิดชนก ไทยสาครพันธ์ หัวหน้างานอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม/QMR เป็นผู้แทนนำเสนอผลงาน
การประกวด Thailand Energy Awards มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูหน่วยงานและอาคารที่มีผลงานโดดเด่นด้านการประหยัดพลังงาน โดยเน้นการออกแบบและการบริหารจัดการพลังงานอย่างสร้างสรรค์ สะท้อนศักยภาพของคนไทยในการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านพลังงานให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ และสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2050
ทั้งนี้ โครงการ Thailand Energy Awards ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 25 โดยในปี 2024 (พ.ศ. 2567) มีผลงานส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 109 ผลงาน คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาคัดเลือกอย่างเข้มข้น จนได้ผลงานที่สมควรได้รับรางวัลจำนวน 54 ผลงาน ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้พลังงานคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 11,357 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2.20 ล้านตัน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ส่งผลงานเข้าประกวดในเวที ASEAN Energy Awards 2024 และสามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง 19 รางวัล ซึ่งบริษัท กรังด์ปรีซ์ฯ ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภท Retrofitted Building of the ASEAN Energy Efficiency and Conservation Best Practices Awards 2024 มาด้วยในครั้งนี้ ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านพลังงานของประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) พร้อมยืนหยัดในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า – ททท. เปิดฉากความมันส์สายท่องเที่ยว คัด 20 ครีเอเตอร์ทั่วไทยเข้ารอบสุดท้าย ลุยภารกิจเฟ้นหาผู้ชนะ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย”
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศรายชื่อ 20 ครีเอเตอร์ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในแคมเปญ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” หลังได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากครีเอเตอร์ทั่วประเทศ โดยมีผลงานวิดีโอส่งเข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 400 คลิป จากหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย สะท้อนถึงพลังของครีเอเตอร์รุ่นใหม่ในการถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวไทยผ่านมุมมองที่สร้างสรรค์และหลากหลาย
ตลอดช่วงการเปิดรับสมัครที่ผ่านมา คอนเทนต์ที่ถูกส่งเข้ามาไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิต และวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ แต่ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว และสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ผ่านการเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซึ่งเป็นพาหนะที่อยู่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของคนไทย
ไทยฮอนด้าและ ททท. ขอขอบคุณครีเอเตอร์ทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญในครั้งนี้ โดยผลงานทุกคลิปช่วยขยายฐานผู้สื่อสารด้านการท่องเที่ยวไทย และเปิดพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ท้องถิ่นได้แสดงศักยภาพ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวผ่านคอนเทนต์ที่เข้าถึงได้ง่ายและสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางเที่ยวทั่วไทยได้จริง
สำหรับครีเอเตอร์ 20 คนสุดท้าย จะได้เข้าร่วม Thai Honda Creator Connect Camp ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 วัน 2 คืน ที่เป็นกระบวนการพัฒนาครีเอเตอร์อย่างเข้มข้น ผ่านการเรียนรู้ใกล้ชิดกับครีเอเตอร์มืออาชีพ การลงพื้นที่ท่องเที่ยวจริง และการฝึกฝนทักษะการเล่าเรื่องผ่านการขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โดยผู้เข้าร่วมจะต้องร่วมทำ Assignment เพื่อเฟ้นหาผลงานที่สามารถถ่ายทอด “ความสุขจากการขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” ได้อย่างโดดเด่น และต่อยอดสู่การเป็นผู้ชนะของโครงการ คว้ารางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
รายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้าย Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย จำนวน 20 ท่าน
- พัชรพล พิริยานุพงศ์ Facebook : @Navigatier
- ณัฏฐณิชา เหลืองสอาดกุล Facebook : FenderFotoPortfolio
- ศิริศักดิ์ รินทะ TikTok : @khuntanriderv1
- สุปาณี เทียนชัย TikTok : @fern.stf
- พีรพล พงษ์ประยูร TikTok : @aumpheera
- ศิรภัสสร โรจนเดชานนท์ TikTok : @maichuanrok
- สุทธิเดช คำมณี TikTok : @nooknsk
- นาวี อุดมพันธ์ TikTok : Nawee9898
- ศรัณย์ภัทร สว่างแสง Facebook : JapanSalaryman
- สโรชา หงส์พรรคมนุญ Facebook : @nursenheetiew
- สราญกุล เย็นสุวรรณ์ TikTok : ไดอารี่สีเขียว
- ปฏิญญา คูณค้ำ Facebook : Meen Patinya
- ปัฐวีกาญจน์ ศรีวะสุทธิ์ TikTok : Go_Kan
- ปิยะวัชร เขตนิมิตร TikTok : @paintyourdream_
- อนันตชัย บุญมาก TikTok : ลองตะลุย
- สุภัสสร บุบพันธุ์ TikTok : @toeytii_su
- ชานนทร์ รอดนิ่ม Instagram : @stobcnr
- สุรชัย ดอนเตาเหล็ก Facebook : ต้อมหัวหยอง
- คนางค์นุช บุญพัฒน์ TikTok : @pownproud
- อ่องคำ อ้ายส่า TikTok : Goldzonex
ทั้งนี้ ทีมงานได้ทำการติดต่อผู้ผ่านเข้ารอบเพื่อยืนยันสิทธิ์ผ่านทางอีเมลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการแจ้งรายละเอียดกิจกรรมในลำดับถัดไป โดยลำดับรายชื่อผู้เข้ารอบดังกล่าว ไม่เรียงตามคะแนนหรือผลการตัดสิน และ ไม่มีผลต่อการพิจารณาคะแนนในรอบถัดไป
สำหรับรางวัลมีรายละเอียดดังนี้*
- รางวัลผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ได้แก่ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า All New Honda Scoopy รุ่น Club12 จำนวน 1 คัน เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยวไทยมูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยวไทยมูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัลมูลค่ากว่า 30,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยวไทยมูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รวมถึงรางวัลชมเชยอีก 6 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท
แคมเปญ Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย จะเดินหน้าสู่กิจกรรม Thai Honda Creator Connect Camp เพื่อเฟ้นหาครีเอเตอร์ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวไทยผ่านมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าได้อย่างโดดเด่นที่สุด และคัดเลือกผู้ชนะของแคมเปญต่อไป สามารถติดตามและร่วมลุ้นผลผู้ชนะได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย #ThaiHondaCreatorConnectClub2025 #HondaBigBike #CUBHouse #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HondaSafetyThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
อีซูซุร่วมกับเอส เอฟ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุดใหม่ล่าสุด “ISUZU V-CROSS 4×4 THE ONE & ONLY EXPERIENCE”
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ โดย คุณสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุดใหม่ล่าสุด “ISUZU V-CROSS 4×4 THE ONE & ONLY EXPERIENCE” พร้อมสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงอย่างใกล้ชิดของ ISUZU V-CROSS 4x4 “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด รุ่นใหม่ล่าสุด ในสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 Experience” ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุ และ SF Cinema เป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องมา 17 ปีแล้ว โดยในปีนี้เป็นการร่วมมือกันสร้างภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุดที่ 16 ยกระดับประสบการณ์การรับชมทั้งภาพและเสียงให้ทรงพลังยิ่งขึ้น สำหรับปีนี้จะเป็นการเล่าถึงสมรรถนะของ ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ผ่าน ISUZU 4×4 EXPERIENCE สนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งประกอบด้วย 9 สถานี ที่ออกแบบและปรับปรุงโดย nendo บริษัทดีไซน์ระดับโลกจากญี่ปุ่น ในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ เรานำเอกลักษณ์ของสถานีต่าง ๆ มาผสานเข้ากับภาพและเสียงจากธรรมชาติ เช่น ป่า ลม หรือภูเขา เพื่อสะท้อน “สมรรถนะหนึ่งเดียว” ของ ISUZU V-CROSS 4×4 ในสภาพแวดล้อมจริงอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งภาพยนตร์ชุดนี้จะทำให้ผู้ชม ได้สัมผัสสมรรถนะของรถทั้งภาพและเสียงตั้งแต่วินาทีแรก และนี่คือที่มาของการสร้างสรรค์ Digital Sound Check ชุดใหม่ในปีนี้”
คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพและเสียงในโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ยังคงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับอีซูซุในการนำเสนอ Digital Sound Check ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ มาอย่างยาวนาน โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด “ISUZU V-CROSS 4x4 THE ONE & ONLY EXPERIENCE” จะพาผู้ชมทั่วประเทศสัมผัสถึงศักยภาพของภาพและเสียงที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศ ทุกโรง ทุกรอบ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป โดยความพิเศษในวันนี้ ทุกท่านจะได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวก่อนใคร ณ โรงภาพยนตร์ Zigma CineStadium ด้วย ระบบฉาย Digital 4K ผสานกับระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดในโลกภาพยนตร์”
ภายในงานยังได้พบกับแขกรับเชิญพิเศษ “คุณนนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์” ที่ได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ การขับรถ ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ที่สนาม ISUZU 4×4 EXPERIENCE กับพิธีกรหนุ่ม “คุณแบม ปีติภัทร คูตระกูล” โดยเผยว่า “ผมมีโอกาสได้ไปถ่ายรายการที่สนาม ISUZU 4x4 EXPERIENCE มาแล้วครับ ต้องบอกเลยว่าสนามสวยมาก การใช้เส้นสายตกแต่งหลากสี กับความท้าทายของสถานีทดสอบนี่มันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วภาพที่ออกมาในรายการนี่สวยและโหดมากครับ ที่สำคัญคือได้ขับ ISUZU V-CROSS 4×4 คันนี้ บอกเลยว่าสมรรถนะนี่สุด ๆ ผ่านทุกสถานการณ์ยาก ๆ ไปได้แบบนิ่ง ๆ ชิล ๆ แถมยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ลุยได้ง่ายและมั่นใจอย่าง พวงมาลัยไฟฟ้า EPS และกล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมมุมมองใต้ท้องรถอีกด้วย อย่างที่ทางอีซูซุบอกเลยว่าเป็น THE ONE & ONLY จริง ๆ ครับ อยากให้ ทุกท่านรอติดตามชมความสนุกกันในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ครับ”
เชิญร่วมสัมผัสปรากฏการณ์เหนือระดับของ ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรดรุ่นล่าสุดได้อย่างเต็มอรรถรส ผ่านภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุด “ISUZU V-CROSS 4×4 THE ONE & ONLY EXPERIENCE” ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ในโรงภาพยนตร์เครือ เอส เอฟ ซีเนม่า ทุกสาขาทั่วประเทศ และติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com และ LINE Official: @isuzuthai
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
GEELY EX2 ล็อตแรกออกเดินทางสู่ประเทศไทย เตรียมพร้อมทยอยส่งมอบให้ลูกค้าตามแผน
บริษัท ธนบุรีนอยสเติน จำกัด ในเครือกลุ่มธนบุรี ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ จีลี่ (GEELY) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เผยความคืบหน้า GEELY EX2 ล็อตแรกกำลังออกจากท่าเรือกวางโจว ประเทศจีน และจะเดินทางถึงไทยเร็วๆ นี้ หลังสร้างกระแสตอบรับอย่างล้นหลามในระหว่างงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา โดยกวาดยอดจองถึง 4,016 คัน ทั้งนี้ GEELY EX2 จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐาน ก่อนทยอยส่งมอบให้ลูกค้าที่จองครบ 2,000 สิทธิ์แรก และพร้อมรับรถภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ตอกย้ำความพร้อมในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน
นายณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติน จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จของ GEELY EX2 ที่สะท้อนผ่านยอดจองทั่วประเทศ 4,016 คัน พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนถึงศักยภาพของแบรนด์ในการขยายตลาดและเติบโตอย่างมั่นคงในประเทศไทย จากความโดดเด่นของนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและคุณภาพคุ้มค่าเกินราคาของ GEELY อีกทั้งบริการหลังการขายที่มั่นใจได้จากประสบการณ์กว่า 85 ปี ของกลุ่มธนบุรี การเร่งนำ GEELY EX2 ล็อตแรกเข้าไทยนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนบุรีนอยสเตินในการทำงานร่วมกับ จีลี่ ออโต้ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น อย่างใกล้ชิด และยังมีแผนทยอยนำเข้าล็อตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กระบวนการส่งมอบรถเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ลูกค้าได้รับรถโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าวางรากฐานระยะยาวผ่านแผนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อรองรับฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มเครือข่ายเป็น 65 แห่งภายในปี 2569 เพื่อเสริมความเชื่อมั่นของแบรนด์ GEELY ในประเทศไทย”
GEELY EX2 ซิตี้คาร์พลังงานไฟฟ้า 100% เปิดตัวด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น MAX มาพร้อมแนวคิด “EXtra in Ordinary เปลี่ยนทุกวันธรรมดา…ให้พิเศษ มากกว่าเดิม” โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายทันสมัย มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วย Global Intelligent Electric Architecture (GEA) แพลตฟอร์มเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 11-in-1 Intelligent Electric ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) และช่วงล่างแบบ Multi-link ให้ขับขี่ได้อย่างมั่นคงและนุ่มนวล ขุมพลังแบตเตอรีลิเธียมไอออนฟอสเฟต LFP ขนาด 39.4 kWh วิ่งได้ไกล 395 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัดแน่นด้วยฟังก์ชันดีที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.95 เมตร เพื่อความคล่องตัวสูงสุดในทุกสภาพจราจร พื้นที่เก็บของทางด้านหน้าขนาดใหญ่ ความจุถึง 70 ลิตร มอบประโยชน์ใช้สอยได้เต็มพิกัด
พร้อมกันนี้ ธนบุรีนอยสเตินร่วมกับ จีลี่ ออโต้ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศมอบของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการขยายระยะเวลาแคมเปญโปรโมชันพิเศษ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดังนี้
- GEELY EX2 รุ่น PRO ราคา 399,990 บาท
- GEELY EX2 รุ่น MAX ราคา 429,990 บาท
พร้อมรับสิทธิพิเศษ ภายใต้ Basic Package ได้แก่
- ฟรี รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- ฟรี รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. นาน 1 ปี
- ฟรี Portable Charger
- ฟรี พรมปูพื้น
สำหรับลูกค้าที่จองรถ GEELY EX2 ในแคมเปญราคาพิเศษนี้ จะต้องรับรถภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 เพื่อรักษาสิทธิ์ตามโปรโมชัน โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
ทั้งนี้ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา GEELY สามารถทำยอดจองรวมทั่วประเทศได้ถึง 4,831 คัน เป็น GEELY EX2 4,016 คัน และ GEELY EX5 815 คัน โดยการนำเข้า GEELY EX2 ล็อตแรกนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความพร้อมของแบรนด์ในการรุกตลาดไทยอย่างจริงจัง ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ รวมถึงระบบบริการหลังการขายที่พร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อขับเคลื่อน GEELY สู่ผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยในอนาคต
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-081-9999 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.thonburineustern.com และ เฟสบุ๊ก Geely Thonburi Thailand
-
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าห่วงใยทุกการเดินทาง แจกฟรี ‘Safety Sticker Have a Good Ride’ สติกเกอร์เรืองแสง เพิ่มทัศนวิสัย ขับขี่ปลอดภัยตลอดช่วงปีใหม่
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน ชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ร่วมดูแลความปลอดภัยของตนเองและผู้ร่วมทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ ผ่านแคมเปญ ‘Safety Sticker Have a Good Ride’ ก่อนเทศกาลปีใหม่นี้ขับขี่ปลอดภัย นำรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นเข้ารับบริการตรวจเช็กฟรี 10 รายการ ที่ Honda Wing Center รับฟรีทันที ‘Safety Sticker Have a Good Ride’ สติกเกอร์สะท้อนแสงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจยังสามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการฮอนด้าจนกว่าสินค้าจะหมด และเตรียมมอบเพิ่มเติมอีก 100,000 แผ่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2569 รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 4,000,000 บาท
ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “การส่งเสริมความปลอดภัยในการขับขี่เป็นสิ่งที่ฮอนด้าดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจในการช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและลดความเสี่ยงบนท้องถนน เพื่อให้ทุกคนเดินทางในช่วงปีใหม่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น เดินทางถึงบ้านและที่หมายอย่างปลอดภัย มาร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมการขับขี่ และทำให้ทุกเส้นทางในช่วงปีใหม่นี้ปลอดภัยที่สุดไปกับฮอนด้ากัน”
Honda Safety Sticker เป็นสติกเกอร์สะท้อนแสงที่ช่วยให้รถจักรยานยนต์มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในที่มืด ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญของ Honda Wing Center พร้อมให้บริการติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมตามความสมัครใจของผู้ใช้รถ กิจกรรมนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่อย่างปลอดภัย และร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ทุกการเดินทางในช่วงปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความอุ่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#HondaMotorcycleThailand #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า
-
News Car1 Min Read
ปอร์เช่ ประเทศไทย มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการขับขี่ ขับเคลื่อนปีแห่งสมรรถนะ การรวมตัว และความหลงใหลในปอร์เช่
ปัจจุบันความสำเร็จในอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่เพียงแค่วัดผลจากยอดจดทะเบียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังวัดจากคุณค่าของแบรนด์ ความสัมพันธ์กับลูกค้า และพลังการเชื่อมโยงกับผู้คน โดยในปี 2568 ปอร์เช่ ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างกลุ่มผู้หลงใหลในแบรนด์ที่แข็งแกร่งไม่ได้แยกจากกัน แต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ด้วยความมุ่งมั่นต่อลูกค้าและแฟนๆ ของปอร์เช่ ควบคู่กับกลุ่มรถยนต์ที่พร้อมรับความต้องการในอนาคต และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในฐานะหนึ่งในผู้นำกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเติบโตของเราในปี 2568 ไม่ได้เพียงวัดจากยอดจดทะเบียนหรือยอดจองรถ แต่ยังสะท้อนผ่านความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าและกลุ่มผู้หลงใหลปอร์เช่ในวงกว้าง เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรมและประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณและเอกลักษณ์ของปอร์เช่ การรวมกลุ่มของผู้หลงใหลไม่เพียงช่วยเสริมความสัมพันธ์กับแบรนด์ให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่ยังทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเดียวกัน ปอร์เช่ ประเทศไทย ภูมิใจที่ได้สนับสนุนทุกกิจกรรมของผู้หลงใหลในปอร์เช่ เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”
พลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพตลาดที่ท้าทาย
แม้ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมจะมีการแข่งขันสูง และยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในระดับโลก ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตลอดช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 โดยมีแรงขับคลื่อนสำคัญมาจากกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คิดเป็นสัดส่วนถึง 89% ของยอดจำหน่ายรวมของปอร์เช่ ประเทศไทย สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างชัดเจน และความเชื่อมั่นต่อกลยุทธ์ในการนำเสนอระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายของแบรนด์ การเติบโตดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความต้องการซื้อที่ยังคงมีความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่สมดุลและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ รุ่นประกอบในประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียมยังคงเป็นกลุ่มตลาดที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งคาเยนน์ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำของปอร์เช่ในเซกเมนต์ดังกล่าว ด้วยการผสานดีเอ็นเอ แห่งรถสปอร์ตเข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ส่งผลให้สามารถดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และผู้หลงใหลในปอร์เช่มาอย่างต่อเนื่อง
เดินหน้าขยายเครือข่าย เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
ตลอดปี 2568 ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้เดินหน้าขยายและพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ”Destination Porsche” เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ และชลบุรี ครอบคลุมตั้งแต่ Porsche Centre Bangna, Porsche Centre Pattanakarn และ Porsche Centre Pattaya ซึ่งทุกที่ได้ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่สอดคล้อง เป็นหนึ่งเดียว และสะท้อนตัวตนของปอร์เช่
การพัฒนา Porsche Centre Bangkok นับเป็นหมุดหมายสำคัญลำดับถัดไป โดยเป็นการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569 โดยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์บริการปอร์เช่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งงานขาย บริการหลังการขาย และพื้นที่สำหรับชุมชนอย่างครบวงจรในแห่งเดียว รวมถึงการเตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ Porsche Centre Kanlapaphruek ในช่วงปลายปี 2569 เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงอีกหนึ่งแห่ง
โดยภายในสิ้นปี 2569 ปอร์เช่ ประเทศไทย จะมีเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมทั้งสิ้น 6 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” เพื่อสร้างเครือข่ายที่พร้อมสำหรับอนาคต ที่จะรองรับทั้งการเติบโตและความพึงพอใจของลูกค้า
ตำนานรถยนต์ที่เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบัน
ทิศทางธุรกิจของปอร์เช่ ประเทศไทย ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มรถยนต์ที่สืบสานเอกลักษณ์เดิมและพร้อมมุ่งสู่อนาคต โดยในปี 2568 ได้เปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น 911 จีทีเอส ที-ไฮบริด (911 GTS T-Hybrid) รุ่นล่าสุด ซึ่งพิสูจน์ความคล่องตัวบนเส้นทางภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ และ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นปี 2026 ที่ยกระดับอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นปีล่าสุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรุ่นหรือระบบขับเคลื่อนแบบใด จิตวิญญาณจากสนามแข่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และหล่อหลอมอยู่ในปอร์เช่ทุกคัน
ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ายังคงเป็นหนึ่งในทิศทางหลักของปอร์เช่ ประเทศไทย โดยรุ่นสำคัญอย่าง ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของปอร์เช่ ยังคงสร้างมาตรฐานใหม่ด้านสมรรถนะไฟฟ้า ขณะที่ มาคันน์ (Macan) เอสยูวีที่ผสานความสปอร์ตและการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง ได้ถ่ายทอดการผสานพลังงานไฟฟ้าและอารมณ์การขับขี่แบบปอร์เช่ สู่อีกหนึ่งกลุ่มตลาดสำคัญของประเทศไทย
ปอร์เช่ยังคงยึดมั่นในแนวคิดว่ารถสปอร์ตแห่งอนาคตจะต้องรองรับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย จึงได้พัฒนาเครื่องยนต์สันดาป ไฮบริด และระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าไปพร้อมกัน ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว
คาเยนน์ อิเล็กทริค (Cayenne Electric) ที่มีพละกำลังสูงสุดถึง 1,156 แรงม้า ตอกย้ำบทบาทของปอร์เช่ในการสร้างมาตรฐานใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงแค่ด้านสมรรถนะ แต่ยังเปิดมิติใหม่ในด้านความสามารถในการชาร์จ ประสิทธิภาพ และการใช้งานในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากทางเลือกระบบขับเคลื่อน การปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ร่วมกับปอร์เช่ ผ่านโปรแกรม Porsche Exclusive Manufaktur เปิดโอกาสให้เจ้าของรถได้ถ่ายทอดตัวตนผ่านรถของตนเอง เปลี่ยนปอร์เช่แต่ละคันให้เป็นผลงานที่สะท้อนเอกลักษณ์ส่วนบุคคล มากกว่าเพียงรถยนต์หนึ่งคัน
ชุมชนและประสบการณ์ที่มากกว่าแค่รถยนต์
สำหรับปอร์เช่ การสร้างชุมชนไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงหลังพวงมาลัย โดยตลอดปี 2568 ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยมองลูกค้าในฐานะกลุ่มผู้หลงใหลในปอร์เช่ร่วมกัน
ปอร์เช่ ประเทศไทย สร้างประสบการณ์ร่วมผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ในด้านประสบการณ์การขับขี่อย่าง การเดินทาง Epic Road Trip จากกรุงเทพฯ สู่สตุ๊ทการ์ท การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2025 (PCCA) ที่บางแสน กิจกรรมขับรถในสนามแข่งต่างๆ กิจกรรมโรดโชว์จากตัวแทนจำหน่าย นิทรรศการต่าง ๆ ที่ เคอร์วิสตาน แบงคอก (Curvistan Bangkok) ซึ่งได้จัดแสดงรถแข่งระดับตำนานอย่างปอร์เช่ 956 (Porsche 956) รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมของ Porsche Club Thailand อย่างต่อเนื่อง อาทิ Drive of the year, Grand Summer Trip และ Track Day ซึ่งทุกกิจกรรมสะท้อนแนวคิดของปอร์เช่ที่เชื่อว่าการเป็นเจ้าของปอร์เช่ยกระดับคุณค่าผ่านการเดินทางและการสร้างความทรงจำร่วมกัน
กิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดคือดาส เทรฟเฟ่น ครั้งที่ 10 (Das Treffen X) งานรวมตัวของคนรักปอร์เช่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งฉลองครบรอบ 10 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพฯ โดยปอร์เช่ ประเทศไทย สนับสนุนงานนี้อย่างต่อเนื่องมากว่าทศวรรษ และในวันนี้ ดาส เทรฟเฟ่น ได้เติบโตจนเป็นหมุดหมายทางวัฒนธรรมของชุมชนปอร์เช่ในภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลและเชื่อมโยงผู้คนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างคุณค่าลึกซึ้งและยั่งยืนยิ่งกว่าตัวเลขทางธุรกิจ
นอกเหนือจากประสบการณ์ ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังเชื่อว่าสินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นอีกหนึ่งการแสดงตัวตนของแบรนด์ ตั้งแต่การร่วมออกแบบคอลเลคชั่นร่วมกับดีไซเนอร์ต่างๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ารุ่นพิเศษ โดยสินค้าปอร์เช่ ไลฟ์สไตล์ (Porsche Lifestyle) ได้ต่อยอดความผูกพันกับผู้หลงใหลให้ไปไกลกว่าแค่รถยนต์ อย่างเสื้อยืดรุ่นพิเศษที่ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัวล่าสุด ที่ได้ร่วมสร้างสรรค์กับ TRK หรือ เติ้ล – ธีระยุทธ พืชเพ็ญ ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทยชื่อดัง ก็ได้ถ่ายทอดงานออกแบบสุดพิเศษที่ผสานความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย วัฒนธรรมไทย และจิตวิญญาณของปอร์เช่ ผ่านลวดลายที่โดดเด่น
ทุก ๆ การดำเนินงานตลอดปี 2025 ได้ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของปอร์เช่ ประเทศไทย ที่เชื่อว่าชุมชนที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดจากรถยนต์และกิจกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้างคุณค่าให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตร่วมกับปอร์เช่ในทุกวัน ผ่านทั้งในสิ่งที่สัมผัสได้และความรู้สึกในระดับลึกซึ้ง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
อีซูซุร่วมยินดีแชมป์ THAI FIGHT 2025 พร้อมแจกรางวัลใหญ่ รถปิกอัพ Isuzu D-Max
ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับการแข่งขันมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT 2025” รอบชิงชนะเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศแสงสีเสียงสุดอลังการและลมหนาวริมกว๊านพะเยา โดยได้รับเกียรติจาก คุณอรอาภา โล่ห์วีระ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวเปิดงานในฐานะประธานจัดการแข่งขัน THAI FIGHT พะเยา พร้อมด้วย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีกับเหล่านักชกไทยที่คว้าชัยบนเวทีการต่อสู้ โดยมีกำลังใจจากแฟนมวยทั่วโลก ณ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง จังหวัดพะเยา
การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้เป็นการช่วงชิงรางวัลเกียรติยศสูงสุด ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข็มขัดแชมป์ พร้อมรับรางวัลใหญ่รถปิกอัพ ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2.2 Ddi MAXFORCE และเงินสดรวมมูลค่ารางวัลกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งเหล่านักชกไทยต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะใน 3 คู่เอกที่สะกดสายตาผู้ชม เริ่มต้นด้วยการก้าวขึ้นสังเวียนของ จรวดศึก สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว แชมป์จากรายการ Isuzu Thailand Championship 2025 โชว์ชั้นเชิงมวยไทยเอาชนะคะแนน อาหมัด มาซูมิเนีย จากอิหร่านไปอย่างสุดเดือด คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ คู่ถัดมาเป็นศึกสายเลือดที่เป็น การเจอกันระหว่างยอดฝีมือชาวไทยด้วยกันเอง เขี้ยวเพชร ซีทรู วิตามินโด-ฮวาน เฉือนเอาชนะคะแนน พรพิทักษ์ สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว ไปอย่างสมศักดิ์ศรี คว้าชัยเป็นเจ้าของรถปิกอัพอีซูซุไปได้ในที่สุด ปิดท้ายด้วยความประทับใจกับนักชกขวัญใจมหาชน น้องโอ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า อาศัยความแกร่งและอาวุธ ที่หนักหน่วงเอาชนะคะแนน รุสลาน นากิเยฟ จากอาเซอร์ไบจาน ประกาศศักดามวยไทยให้ก้องโลก ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มไปทั้งกว๊านพะเยา
มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับ จรวดศึก และ เขี้ยวเพชร ที่คว้าแชมป์ THAI FIGHT 2025 มาครองได้อย่างสง่างาม ด้วยหัวใจนักสู้ที่แข็งแกร่งจนได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจในอาชีพนักชก ผมขออวยพรให้ทั้งสองท่านประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปในอนาคต พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณผู้ชมทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนรถอีซูซุ รายการ Isuzu Thailand Championship และ THAI FIGHT ด้วยดีเสมอมา ทุกแรงใจของท่านคือพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนให้อีซูซุมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความไว้วางใจจากทุกท่านเช่นนี้ตลอดไป”
ผลการแข่งขัน THAI FIGHT 2025 รอบชิงชนะเลิศ
- ดาวแพร่ ปุ๋ยไข่มุก (ไทย) ชนะน็อกยกที่ 2 เซเยดชาโฮ กีซาเรี่ยน (อิหร่าน)
- จูดี้ ฮัมเบอร์ (สกอตแลนด์) แพ้คะแนน จัสติน เดอปอร์เตส (ฝรั่งเศส)
- จรวดศึก สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว (ไทย) ชนะคะแนน อาหมัด มาซูมิเนีย (อิหร่าน)
- กล้าศึก พุ่มพันธุ์ม่วง อคาเดมี่ (ไทย) แพ้คะแนน ยอดคมปฏัก ซินบีมวยไทย (ไทย)
- เขี้ยวเพชร ซีทรู วิตามิน โด-ฮวาน (ไทย) ชนะคะแนน พรพิทักษ์ สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว (ไทย)
- ไลอ้อน มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า (ไทย) ชนะน็อกยกที่ 1 ยาอีร์ เมนาเฮ็ม (อิสราเอล)
- น้องโอ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า (ไทย) ชนะคะแนน รุสลาน นากิเยฟ (อาเซอร์ไบจาน)
- แสนชัย พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม (ไทย) ชนะคะแนน ฮามิด บาห์เรห์มานด์ฟาร์ (อิหร่าน)
ติดตามข่าวสารของกลุ่มตรีเพชรได้ที่ www.tripetchgroup.com
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า มอบหมวกกันน็อก 1,500 ใบ ให้กระทรวงคมนาคม ร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน มุ่งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิต
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้ารณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ผ่านกิจกรรมส่งมอบหมวกนิรภัยมาตรฐาน มอก. จำนวน 1,500 ใบ ให้แก่กระทรวงคมนาคม ภายใต้โครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” นำโดย มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร และ ดร. อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด พร้อมกับ นางสาวิตรี แก้วพวงงาม กรรมการบริหาร นายณัฐชัย ศรีโสวรรณา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานวางแผนธุรกิจ เป็นผู้แทนมอบ โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนรับมอบ ที่กระทรวงคมนาคม
การมอบหมวกกันน็อกให้แก่กระทรวงคมนาคมในครั้งนี้ สอดคล้องกับการรณรงค์ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีเป้าหมายลดอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 โดยขับเคลื่อนมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง และกำหนดให้การสวมหมวกนิรภัยเป็นมาตรการสำคัญ รวมถึงการผลักดันพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100% ปลูกฝังพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ และร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยบนท้องถนนให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในสังคมไทย โดยกระทรวงคมนาคมจะนำหมวกกันน็อก 1,500 ใบไปแจกจ่ายให้กับผู้ใช้อื่นๆ ต่อไป
มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของไทยฮอนด้า เราอยากแสดงความขอบคุณและตอบแทนสังคมไทย ภายใต้แนวคิด ‘60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน’ ด้วยการส่งมอบหมวกนิรภัยจำนวน 60,000 ใบ มูลค่า 60 ล้านบาท ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายฮอนด้าทั่วประเทศที่สมทบเพิ่มเติมอีก 52,440 ใบ รวมเป็น 112,440 ใบ มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ยังได้มอบให้กับหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไปกระจายต่อให้กับประชาชนรวมถึงการส่งมอบให้กับ กระทรวงคมนาคมในครั้งนี้ด้วย ”
โครงการคาราวานหมวกกันน็อกครั้งนี้ ไทยฮอนด้าและร้านผู้จำหน่ายฯ ได้เดินทางส่งมอบหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. ครบทั้ง 77 จังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปิดภารกิจที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวไม่เพียงจัดขึ้นในวาระครบรอบ 60 ปีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนบทบาทของไทยฮอนด้าในการร่วมลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ไทยฮอนด้าจะเดินหน้าผลักดันสังคมไทยไปสู่เป้าหมายการลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ หรือ Zero Accident อย่างยั่งยืนต่อไป
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ได้ที่เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย #HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
PTG ผนึก “กาแฟพันธุ์ไทย-แอตลาส เอ็นเนอยี” ส่งต่อกำลังใจหนุนฮีโร่ทหารกล้า
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รวมพลังบริษัทในเครือ คือ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด และ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS ร่วมส่งต่อความห่วงใย และส่งกำลังใจให้กับทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาซึ่งถือเป็นการทำหน้าที่ของประชาชนคนไทยที่อยู่แนวหลังที่พร้อมสนับสนุนผู้ปฎิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของประเทศในทุกสถานการณ์
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า PTG ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจไทยที่เติบโต มาพร้อมกับการสนับสนุนจากคนไทยเล็งเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการต่างๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน โดยมองว่าการช่วยเหลือสังคมไม่ใช่แค่หน้าที่แต่เป็นส่วนหนึ่ง ของการสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตไปพร้อมกับสังคมอย่างแท้จริง กลุ่มบริษัทฯ จึงขอส่งกำลังใจ และความห่วงใยให้กับทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ผ่านบริษัทในเครือ
ทั้งนี้ในส่วนของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ร่วมส่งกำลังใจและสนับสนุนเหล่าทหารกล้า ผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทุกการสั่งซื้อเมนู “ไทยการิโน” ทั้งชนิดร้อน และเย็นจำนวน 1 แก้ว จะมีส่วนร่วมในการบริจาค เงินจำนวน 5 บาท เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะ พื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2568 – 18 มกราคม 2569 ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ เดลิเวอรีไม่ร่วมรายการ
ขณะที่ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS ได้ร่วมส่งกำลังใจสู่แนวหน้า โดยมอบแก๊สกระป๋องพีที จำนวน 1,800 กระป๋อง พร้อมเตาแก๊สอเนกประสงค์ จำนวน 50 เตาให้กับกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 มอบแก๊สกระป๋องพีที จำนวน 3,000 กระป๋อง พร้อมเตาแก๊สอเนกประสงค์ จำนวน 100 เตา ให้กับกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา และมอบแก๊สกระป๋องพีที จำนวน 50 ลัง พร้อมเตาแก๊สอเนกประสงค์ จำนวน 50 เตาให้กับกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อนำไปใช้สนับสนุนภารกิจเสริมความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตยของไทย และเตรียมส่งมอบให้กับฐานปฏิบัติการในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนผู้ปฎิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของประเทศในทุกสถานการณ์ และขอส่งกำลังใจ ความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ และหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine





















































































