• “Profender เปิดตัวระบบโช้คปรับไฟฟ้าอัจฉริยะครั้งแรกของไทย ตอบโจทย์ Painpoint ผู้ใช้รถไทยอย่างแท้จริง”

    1 Min Read

    “Profender เปิดตัวระบบโช้คปรับไฟฟ้าอัจฉริยะครั้งแรกของไทย ตอบโจทย์ Painpoint ผู้ใช้รถไทยอย่างแท้จริง”

    Profender ผู้นำด้านระบบกันสะเทือนสัญชาติไทย เปิดตัว Smart Electric Suspension Control หรือ “โช้คปรับไฟฟ้า Profender” รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาจากคำถามง่าย ๆ แต่นำไปสู่เทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่:“จะทำอย่างไรให้รถขับดีขึ้น โดยที่ผู้ขับไม่ต้องลงไปหมุนโช้คอีกต่อไป?”

    ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดUser-Centered Engineering โดยคำนึงถึงสภาพถนนไทยทางเรียบสลับหลุมบ่อ คอสะพาน ลูกระนาด และการใช้งานจริงของรถคนไทยในชีวิตประจำวัน

    ไฮไลต์ฟีเจอร์เด่นของ Profender Electric Shock

    1) ปรับโช้คจากในรถได้ทันทีผ่าน Wireless Controller:ไม่ต้องลงจากรถ ไม่ต้องหมุน Manual ไม่ต้องกลัวฝนหรือกลางคืน  กดปุ่มเดียว ปรับพร้อมกันได้ทั้งหน้า–หลังแบบ Real-Time

    2) ติดตั้งง่าย ตรงรุ่น 100% – ไม่มีการเจาะ ตัด หรือดัดแปลงตัวรถ เพราะเป็นระบบ Plug & Play พร้อมการรับประกัน 2 ปีเต็ม ทั้งโช้คและกล่องควบคุม

    3) GPS Intelligent Mode – ปรับตามความเร็วจริงแบบอัตโนมัติ โช้คจะวิเคราะห์ความเร็วแล้วปรับค่าความหนืดให้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ เช่น

    • ขับช้า → นุ่มสบาย
    • ทางด่วน → เฟิร์มและมั่นคง
    • ขับเร็ว → เพิ่มความหนืดเพื่อการควบคุมที่มั่นใจ
    • ลดความเร็ว → กลับมานุ่มอีกครั้ง

    4) Load Mode สำหรับรถบรรทุกหนัก / ใส่อุปกรณ์เพิ่ม : ช่วยลดอาการ ท้ายย้วย,โคลงเวลาเลี้ยว,หน้าเชิด,เบรกแล้วท้ายส่าย   เพิ่มความมั่นคงอย่างเห็นผลทันที

    5) ปรับเองได้ 100% หลังติดตั้ง เลือกโหมดได้หลากหลาย เช่น (หรือปรับละเอียดทีละระดับ)

    • Comfort
    • Normal
    • Sport

    6) มอเตอร์ความเร็วสูง (High-Speed Actuator) ตอบสนองทันที ไม่ดีเลย์ ไม่ต้องรอเหมือนระบบรุ่นเก่า

    7) ระบบความปลอดภัย 3 ชั้น (Triple Protection System)

    • ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อระบบผิดปกติ
    • สัญญาณไร้สายไม่รบกวน ECU
    • ปลอดภัยต่อรถและผู้โดยสาร

    8) จูนพิเศษสำหรับถนนไทยโดยเฉพาะ ผ่านการทดสอบจริงในหลายจังหวัดและหลายรูปแบบถนน ได้ฟีลลิ่งที่ นุ่ม–นิ่ง–มั่นคง–ขับสบายกว่าเดิมทุกความเร็ว

    รุ่นที่พัฒนาเสร็จในตอนนี้ ระบบโช้คปรับไฟฟ้า 1-Way และ 2-Way

    มีรองรับสำหรับรถยอดนิยม เช่น

    • Alphard A30 / A40
    • Denza D9
    • New Fortuner
    • GWM Tank 300 / 500
    • Everest Next Gen

    1-WAY Adjustable (ปรับ 1 ทาง หน้าหลัง)

    รุ่นรถ ราคา SET (บาท) อุปกรณ์ใน SET
    Alphard A30 STD–Load 30 mm. 64,000 โช้ค + สปริง
    Alphard A40 STD–Load 30 mm. 69,000 โช้ค + สปริง
    Denza D9 Std–Load 35 mm. 64,000 โช้ค + สปริง
    New Fortuner Load 2” 67,000 โช้คหน้าอัพเกรดคาร์ทริดจ์ + หลัง Piggyback + สปริงหลัง
    GWM TANK300 Load 2” 68,000 โช้คหน้าอัพเกรดคาร์ทริดจ์ + หลังปรับ 8 ระดับ + สปริงหลัง

    2-WAY Adjustable (ปรับ 2 ทาง หน้าหลัง)

    รุ่นรถ ราคา SET (บาท) อุปกรณ์ใน SET
    New Fortuner Load 35 mm. 110,000 โช้ค 2-Way + สปริงหลังโหลด + เพลทเลื่อนกันโคลง
    Everest Next Gen Load 2” 115,000 โช้ค 2-Way + สปริงหลังโหลด + ลูกหมากกันโคลง
    GWM Tank 300 Load 2” 110,000 โช้ค 2-Way + สปริงหลังโหลด + เพลทเลื่อนกันโคลง
    GWM Tank 500 Load 2” 113,000 โช้ค 2-Way + สปริงหลังโหลด + เพลทเลื่อนกันโคลง

    หมายเหตุ: ราคานี้ไม่รวมปีกนกปรับองศา

    Profender ภูมิใจนำเสนอ Smart Electric Suspension Control ระบบโช้คปรับไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยทีมวิศวกรไทยทั้งหมด  ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่สามารถสร้างเทคโนโลยีระดับสากลด้วยตัวเอง

    งานเปิดตัวครั้งนี้นับเป็น การเปิดตัวระบบโช้คปรับไฟฟ้าแบบ Plug & Play อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

    แสดงศักยภาพของผู้ผลิตไทยในเวทีโลก และเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีด้านช่วงล่างอัจฉริยะถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ “ถนนและผู้ใช้รถไทย” โดยเฉพาะ ด้วยแนวคิด “ไทยทำ เพื่อลูกค้าคนไทย” Profender จึงไม่เพียงพัฒนาโช้คให้ล้ำสมัย แต่ยังให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย การใช้งานง่าย ความทนทาน และราคาที่เข้าถึงได้—เพราะเราเชื่อว่าคนไทยควรได้ใช้เทคโนโลยีดีระดับโลกในราคาที่เหมาะสม


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ไทยฮอนด้า จับมือ กทม. ยกระดับความปลอดภัยทางถนน สู่ Zero Accident มอบหมวกกันน็อก 16,500 ใบ ปิดคาราวานฯ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า จับมือ กทม. ยกระดับความปลอดภัยทางถนน สู่ Zero Accident มอบหมวกกันน็อก 16,500 ใบ ปิดคาราวานฯ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่

    ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งต่อความห่วงใยสู่สังคมไทยในวาระครบรอบ 60 ปี ภายใต้โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ล่าสุด คาราวานหมวกกันน็อกไทยฮอนด้า ได้เดินทางปิดจบภารกิจอย่างสมบูรณ์ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมยกระดับความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่เมืองหลวง โดยมี ดร. อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบ และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เกียรติร่วมรับมอบและกล่าวสนับสนุนโครงการฯ

    พิธีดังกล่าวนับเป็นการ ปิดท้ายคาราวานส่งมอบหมวกกันน็อกเนื่องในวาระครบรอบ 60 ปี ไทยฮอนด้า ซึ่งได้เดินทางส่งมอบหมวกกันน็อกให้แก่เยาวชนและประชาชน ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ก่อนปิดจบภารกิจที่กรุงเทพมหานคร โดยในโอกาสนี้ ไทยฮอนด้าได้ส่งมอบหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. ให้แก่กรุงเทพมหานครจำนวน 16,500 ใบ เพื่อสนับสนุนการยกระดับความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่เมืองหลวง

    ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ไทยฮอนด้าและตัวแทนผู้จำหน่ายฯ ได้ส่งมอบหมวกกันน็อกรวมทั้งสิ้น 112,440 ใบ มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และส่งเสริมวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อกในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม

    ดร. อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “โครงการคาราวานหมวกกันน็อกในวาระครบรอบ 60 ปี ไทยฮอนด้า เป็นความตั้งใจของไทยฮอนด้า ในการตอบแทนคืนสู่สังคมไทย ผ่านการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน โดยกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายของการเดินทาง ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ในการร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย”

    ด้าน นายฮายาโตะ เซกุจิ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ไทยฮอนด้า บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการภายใต้แนวคิด ‘60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน’ โดยตั้งใจส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 60,000 ใบ และได้รับความร่วมมือจากผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ร่วมสมทบเพิ่มเติมอีก 52,440 ใบ ทำให้สามารถส่งมอบหมวกกันน็อกรวมทั้งสิ้น 112,440 ใบ ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ”

    “สำหรับการส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 16,500 ใบ ให้แก่กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ไทยฮอนด้าหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อก และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษา ในการส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม”

    ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ การได้รับการสนับสนุนหมวกกันน็อกจากไทยฮอนด้าในครั้งนี้ จะช่วยเสริมการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษา ในการสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการสวมหมวกกันน็อกในชีวิตประจำวัน

    ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเช่นนี้ เป็นพลังสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน และสร้างสังคมเมืองที่ปลอดภัย”

    โครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” สะท้อนความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการดำเนินกิจกรรมด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงในวาระครบรอบ 60 ปีเท่านั้น แต่เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และผลักดันสังคมไทยไปสู่เป้าหมาย การลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ (Zero Accident) ต่อไป

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
    เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย #HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Flying Spur รุ่นพิเศษ เฉลิมฉลองสุดยอดยนตรกรรมซีดาน 3 เจเนอเรชัน

    2 Min Read

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Flying Spur รุ่นพิเศษ เฉลิมฉลองสุดยอดยนตรกรรมซีดาน 3 เจเนอเรชัน

    เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เฉลิมฉลองปีแห่งการครบรอบการถือกำเนิดของสุดยอดยนตรกรรมแบบซีดาน 3 เจเนอเรชันของเบนท์ลีย์ด้วยการเผยโฉม รุ่น Flying Spur กับการตกแต่งพิเศษที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ 3 สุดยอดยนตรกรรมแห่งตำนานในรุ่น T Series ปี 2508, Turbo R ปี 2528, และ Continental Flying Spur ปี 2548 ที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนิยามของยนตรกรรมแบบซีดานของเบนท์ลีย์ด้วยวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งสู่การถือกำเนิดรุ่น ​​Flying Spur ในปัจจุบัน โดยเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ (Bentley Mulliner) แผนกออกแบบเฉพาะบุคคลของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้รังสรรค์ Flying Spur รุ่นปี 2568 จำนวน 3 คันเพื่อถึงสะท้อนถึงจิตวิญญาณและเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นต้นแบบ สำหรับการรังสรรค์รถยนต์รุ่นใหม่ในแต่ละคันได้สื่อถึงแรงบันดาลใจ พร้อมกับแนวการออกแบบที่ร่วมสมัยเพื่อให้เข้ากับยุคใหม่ แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการด้านการออกแบบตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

    ยนตรกรรมซีดานคลาสสิกทั้ง 3 รุ่นเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันรถยนต์เบนท์ลีย์ Bentley Heritage Collection จำนวน 50 คัน และเช่นเดียวกับยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ ในคอลเลกชันคลาสสิก ยนตรกรรมทุกคันจะได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ในเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ

    T Series ปี 2508 ยุคใหม่แห่งยนตรกรรมซีดาน

    ยนตรกรรมคลาสสิก รุ่น T-Series เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ปารีสเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2508 นับเป็นยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อกที่ใช้สำหรับโครงสร้างเครื่องบินและรถยนต์สมรรถนะสูงแทนการใช้แชสซีและการประกอบตัวถังแบบแยกชิ้นในแบบรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นก่อน รุ่น T-Series ที่ออกแบบโดย John Blatchley มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและโดดเด่น แม้ว่าตัวถังจะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ก็มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์ รุ่น V8 ขนาด 6.2 ลิตร เจ้าของขุมพลัง 202 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงในเวลาเพียง 10 วินาทีเศษ และทำความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง รุ่น T-Series อยู่ในคอลเลกชัน Bentley Heritage Collection และถือเป็นรุ่น T-Series คันแรกที่ผลิตออกมา พร้อมกับหมายเลขตัวถัง 0001 โดยได้รับการบูรณะภายนอกใหม่ด้วยเฉดสีเทา Shell Grey แบบดั้งเดิม พร้อมภายในห้องโดยสารในเฉดสีน้ำเงิน และการตกแต่งด้วยวีเนียร์แบบ Burr Walnut 

    ส่งต่อเอกลักษณ์จากรุ่นสู่รุ่น

    Flying Spur Azure มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ High Performance Hybrid สมรรถนะสูง 680 แรงม้า มอบสมรรถนะที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า ในด้านรูปลักษณ์ที่สง่างาม ความประณีต และการให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งสองรุ่นยังคงถ่ายทอดดีเอ็นเอร่วมกัน สำหรับในรุ่น T Series ตัวรถโดดเด่นด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่น การติดตั้งซับเฟรม ‘Vibrashock’ และระบบควบคุมความสูงของตัวรถแบบไฮดรอลิก โดยรุ่น Flying Spur Azure ยังมอบความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารด้วยระบบช่วงล่างแบบ Bentley Dynamic Ride และเบาะโดยสารแบบ Bentley Wellness พร้อมฟังก์ชั่นการนวดหลากหลายรูปแบบ

    ในด้านรูปลักษณ์ Flying Spur Azure มาในเฉดสีเทา Shell Grey สะท้อนเอกลักษณ์ของรุ่น T Series พร้อมกับล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วสามแฉกหกก้านเช่นเดียวกับรุ่นต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาใหม่โดยแผนกทำสีของเบนท์ลีย์ นอกจากนี้ กระจังหน้าโครเมียมแนวตั้งในรุ่น Azure ยังสะท้อนถึงรุ่น T Series โดยได้นำไปสู่การตกแต่งด้วยชิ้นส่วนโครเมียมเงางามตลอดความยาวของตัวรถเช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิม

    ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังเฉดสีเทาอมฟ้าเป็นหลัก ซึ่งจับคู่สีให้เข้ากับภายในห้องโดยสารของ T Series รุ่นต้นแบบโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ พร้อมเสริมด้วยหนังเฉดสีดำ Beluga เป็นเฉดสีรองกับแผงหน้าปัด คอนโซล แผงประตู และโต๊ะพับที่รังสรรค์ขึ้นจากวีเนียร์แบบ Burr Walnut ด้วยลายไม้อันประณีต ระบบไฟ Mood Lighting ภายในห้องโดยสาร ระบบเสียง Naim for Bentley และจอแสดงผลแบบ Bentley Rotating Display เหล่านี้ คือ คุณสมบัติที่จะสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่อบอุ่นและคลาสสิก

    Turbo R ปี 2528 กับมาตรฐานใหม่แห่งสมรรถนะ

    Turbo R เปิดตัวครั้งแรกในปี 2528 ตัวรถมาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ Garrett AiResearch T04 ที่เพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6¾ ลิตรเป็น 298 แรงม้า Turbo R มีอัตราเร่งที่เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์ ในขณะเดียวกันก็มอบความสะดวกสบายและพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารที่รองรับสูงสุดได้ถึง 5 คน Turbo R สามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ในขณะที่อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงใช้เวลาเพียง 7.0 วินาที และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ความแข็งแกร่งและความทนทานของช่วงล่างที่เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยหลังจากเปิดตัวไม่นาน Turbo R มีผู้ต้องที่ต้องการครอบครองที่ต้องรอนานถึง 9 เดือน นี่จึงพิสูจน์ให้เห็นถึงการกลับมาอีกครั้งของยนตรกรรมรุ่นนี้ ในฐานะยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางด้วยจำนวนการผลิต 4,111 คันในช่วงระยะเวลาการผลิต 9 ปี รุ่น Turbo R ในคอลเลกชัน Heritage เป็นรุ่นปี 2534 ในเฉดสีเขียว Brooklands Green พร้อมแถบสีเหลืองพาดตัวรถ ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังเฉดสีเบจ Magnolia ขอบสีเขียว Spruce และวีเนียร์แบบ Burr Walnut 

    การถ่ายทอดต้นแบบแห่งยนตรกรรมสมรรถนะสูง

    40 ปีหลังจาก Turbo R เปิดตัว ยนตรกรรม รุ่น Flying Spur Speed ​​ยังคงสืบทอดต้นแบบยนตรกรรมกับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ที่ผสานเข้ากับความหรูหราแบบเหนือระดับ ตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงแบบ Ultra Performance Hybrid ที่จะมอบความเงียบสงบในโหมดไฟฟ้า (EV) ที่มีพิสัยการเดินทางได้ไกลถึง 76 กิโลเมตร พร้อมด้วยพละกำลังรวมกว่า 782 แรงม้าจากเครื่องยนต์ รุ่น V8 และมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะมอบสมรรถนะอันน่าตื่นเต้น โดยตัวรถสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที

    เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์รังสรรค์ Flying Spur Speed ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ Turbo R จาก Heritage Collection ตัวรถตกแต่งด้วยเฉดสีเขียว Brooklands Green ซึ่งเป็นเฉดสีเดียวกับรุ่นในคอลเลกชันคลาสสิก โดยมีเส้นขอบตัวถังสีเหลือง Monaco Yellow และล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วในเฉดสีเทา พร้อมขอบล้อขัดเงา โลโก้ปรับระดับ และมาสคอต Flying B บนกระจังหน้าที่ผลิตจากสแตนเลสแบบเงาที่โดดเด่นในเวลากลางคืนด้วยคุณสมบัติเรืองแสง

    ภายในห้องโดยสารของรุ่น Flying Spur Speed ​​ได้รับแรงบันดาลใจจากภายในห้องโดยสารของ รุ่น Turbo R ที่ตกแต่งด้วยหนังเฉดสีขาว Linen เป็นสีหลัก และเฉดสีเขียว Cumbrian Green เป็นสีรองที่ตัดกัน แผงหน้าปัดยังคงรูปแบบด้วยวีเนียร์แบบ Walnut สีเข้มแบบทูโทนตัดกับวีเนียร์เปียโนเฉดสีเขียว Cumbrian Green โดยมีการตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมคั่นระหว่างสองส่วนนี้ อีกทั้ง เฉดสีเหลือง Signal Yellow ยังปรากฏให้เห็นในรายละเอียดของโลโก้เบนท์ลีย์บนเบาะโดยสาร ขอบเบาะ พรมปูพื้น และบนพวงมาลัยเพื่อช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับเฉดสีของตัวถังภายนอก

    Continental Flying Spur W12 ปี 2548

    ยนตรกรรมแบบ 4 ประตูรุ่นแรกของยุค Volkswagen AG เปิดตัวในปี 2548 เพียง 2 ปีหลังจากการเปิดตัว รุ่น Continental GT ที่พลิกโฉมวงการ ชื่อรุ่นนี้เป็นการนำชื่อจากดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น S1 Continental Flying Spur แบบ 4 ประตูที่ผลิตโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ในปี 2501 กลับมาใช้ใหม่ โดยรุ่นใหม่นี้มีสมรรถนะใกล้เคียงกับ รุ่น Continental GT ด้วยการผสมผสานขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตรเข้ากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและตัวถังแบบ 4 ประตูที่กว้างขวาง พร้อมมอบพละกำลังสูงสุด 558 แรงม้า และค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำกว่า 0.31 Cd โดย Continental Flying Spur สามารถทำความเร็วสูงสุดกว่า 320 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงในระหว่างการทดสอบ แม้ว่าเบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะระบุความเร็วสูงสุดไว้ที่ 310 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงก็ตาม

    Continental Flying Spur คือ หนึ่งในคอลเลกชัน Bentley Heritage Collection โดยถือเป็น Continental Flying Spur คันแรกที่ออกจากสายการผลิต ณ โรงงานเมืองครูว์ในเดือนพฤษภาคม 2548 ในรุ่นพวงมาลัยขวา และตัวถังเฉดสีเขียว Cypress Green หมายเลขตัวถัง VIN 20001 สำหรับภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังเฉดสีน้ำตาล Saddle เป็นหลัก และเฉดสีน้ำตาล Cognac เป็นเฉดสีรอง พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยวีเนียร์ Burr Walnut รถยนต์คันนี้เพิ่งได้รับการจดทะเบียนและใช้งานบนท้องถนนเมื่อไม่นานมานี้จากเลขไมล์ 800 กิโลเมตร

    สู่ยุคใหม่แห่งสุดยอดยนตรกรรมซีดาน

    Flying Spur Speed ออกแบบโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์รุ่นนี้ถือเป็นการยกย่องจิตวิญญาณของ Continental Flying Spur รุ่นแรกที่ปรับโฉมให้เข้ากับปี 2568 ด้วยเฉดสีเขียว Cypress และล้ออัลลอยด์แบบ 10 ก้านขนาด 22 นิ้วในเฉดสีเทา Dark Grey Satin พร้อมกับการตกแต่งด้วยชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ Styling Specification รอบคัน และการตกแต่งด้วยแถบเฉดสีน้ำตาล Saddle

    ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยงานฝีมือสั่งทำพิเศษจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ด้วยหนังเฉดสีน้ำตาล Saddle เสริมด้วยเฉดสีเขียว Special Green ที่เข้ากับโทนเฉดสีภายนอก เฉดสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์นี้รังสรรค์ขึ้นโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์สำหรับรถยนต์รุ่นพิเศษโดยเฉพาะ พร้อมด้วยการใช้เป็นเฉดสีแบบคอนทราสต์กับลวดลายการเดินด้ายแบบรูปทรงเพชร และยังใช้กับโลโก้เบนท์ลีย์ บนพวงมาลัย และพรมจากมูลินเนอร์ นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยแผงหน้าปัดแบบทูโทนด้วยการใช้วีเนียร์ Open Pore Dark Burr Walnut และวีเนียร์แบบ Burr Walnut พร้อมการตกแต่งด้วยเส้นลายเฉดสีเขียว Cypress Green ที่ตกแต่งไปตามช่องปรับอากาศด้านบนและแผงประตูห้องโดยสาร พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยวีเนียร์แบบ Burr Walnut บนแผงประตูห้องโดยสารด้านหลัง

    สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • กลุ่มอีซูซุสานต่อความร่วมมือ สนับสนุนกองทุนวิจัยวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ – อีซูซุ เป็นปีที่ 17

    1 Min Read

    กลุ่มอีซูซุสานต่อความร่วมมือ สนับสนุนกองทุนวิจัยวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ – อีซูซุ เป็นปีที่ 17

    กลุ่มอีซูซุเดินหน้าส่งเสริมความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 17 โดยมี มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และพร้อมคณะผู้บริหาร เข้ามอบเงินสนับสนุน จำนวน 400,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ให้แก่ “กองทุนวิจัยวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ – อีซูซุ” (CU Engineering – Isuzu Research Fund) คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นผู้แทนรับมอบโดยมีเป้าวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการ และต่อยอดองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมยานยนต์ผ่านงานวิจัย เพื่อพัฒนานวัตกรรมและบุคลากรคุณภาพสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ไพรม์มัส กรุ๊ป กวาดรางวัลยอดจอง No.1 4 แบรนด์ชั้นนำ ในงาน Motor Expo

    1 Min Read

    ไพรม์มัส กรุ๊ป กวาดรางวัลยอดจอง No.1 4 แบรนด์ชั้นนำ ในงาน Motor Expo

    ไพรม์มัส กรุ๊ป ตอกย้ำศักยภาพดีลเลอร์ชั้นนำ กวาดรางวัลยอดจองสูงสุด No.1 ทั้งประเภทองค์กรและบุคคล จาก 4 แบรนด์ดัง ในงาน Motor Expo สะท้อนความมั่นใจลูกค้าไทย เร่งเดินหน้าขยายโปรส่งมอบความสุขส่งท้ายปีเก่า

    นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในงาน Motor Expo 2025 ที่ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ที่ผ่านมา “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงโดยสามารถรางวัลผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ที่มียอดจองสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในประเภทองค์กรและประเภทบุคคล จากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ Mercedes-Benz, MG, Zeekr และ Deepal

    ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของทีมที่ปรึกษาการขาย ที่เชี่ยวชาญและมีความรู้รอบด้าน ควบคู่มาตรฐานด้านการบริการที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับสูงของโชว์รูมและศูนย์บริการ ส่งผลทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและมอบความไว้ใช้บริการกับ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับรางวัลอย่างมากมายในงาน Motor Expo ครั้งนี้

    นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนของบริษัทแม่แต่ละแบรนด์ ที่ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในประเทศ ผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี และแคมเปญส่งเสริมการขาย ที่สอดรับกับความต้องการของตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนสำคัญในความสำเร็จและได้รับรางวัลจากแบรนด์รถยนต์ทั้ง 4 ยี่ห้อ

    นายจิระพล กล่าวว่า “ในนามผู้บริหาร “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ขอขอบคุณบริษัทแม่ทุกแบรนด์ที่ให้การสนับสนุนด้านการขายเป็นอย่างดี รวมทั้งลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจและให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา “ไพรม์มัส กรุ๊ป”มุ่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการบริการให้มีศักยภาพในทุกมิติ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ควบคู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์อย่างยั่งยืนต่อไป”

    พร้อมกันนี้ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ได้จัดแคมเปญพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz, MG, Zeekr, Deepal และ Aion โดยสามารถเลือกชมและทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ อาทิ ส่วนลดราคาพิเศษ, ส่วนลด On Top 3%, โปรช่วยผ่อน 100,000 บาท, อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน, ดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ฟรี! ประกันภัย+พ.ร.บ.นาน 3 ปี และ Lifetime Warranty เป็นต้น พบที่ปรึกษาการขาย ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ในเครือ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ทั้ง 5 ยี่ห้อ ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ, ชลบุรี และเชียงใหม่ เท่านั้น


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • PTG คว้าหุ้นยั่งยืน “ระดับสูงสุด AAA” จาก SET ESG Ratings ปี 2568

    1 Min Read

    PTG คว้าหุ้นยั่งยืน “ระดับสูงสุด AAA” จาก SET ESG Ratings ปี 2568

    บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้รับผลการประเมินความยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ในระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่บูรณาการมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้ากับกลยุทธ์และการดำเนินงานขององค์กรอย่างเป็นรูปธรรม

    นอกจากนี้ พีทีจียังได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งใน Showcases: SET ESG Ratings 2025 ในฐานะตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้นำเสนอภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ครอบคลุมตั้งแต่กลยุทธ์ธุรกิจ การขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน การบริหารความเสี่ยงด้าน ESG แผนการลดก๊าซเรือนกระจก การดำเนินงานด้านสังคม รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในองค์กร

    การได้รับผลการประเมินในระดับ AAA และการได้รับคัดเลือกเป็น Showcase ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพีทีจีในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ควบคู่กับการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ‘พันธุ์ไทย’ ปล่อยหนัง Branding Film ใหม่ อบอุ่นหัวใจ! ผู้กำกับ ‘มอร์ วสุพล’ จับมือ ‘สกาย-นานิ’ ถ่ายทอดแนวคิด ‘พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก’ พร้อมเสียงร้องอบอุ่นจาก ‘Polycat’ รีเมคเพลงฮิตยุค 80s

    1 Min Read

    ‘พันธุ์ไทย’ ปล่อยหนัง Branding Film ใหม่ อบอุ่นหัวใจ! ผู้กำกับ ‘มอร์ วสุพล’ จับมือ ‘สกาย-นานิ’ ถ่ายทอดแนวคิด ‘พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก’ พร้อมเสียงร้องอบอุ่นจาก ‘Polycat’ รีเมคเพลงฮิตยุค 80s

    Branding Film ฟีลกู๊ด! พันธุ์ไทยปล่อยหนังโฆษณาตัวใหม่ ฉลอง 13 ปี ถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ในคอนเซ็ปต์ ‘พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก’ ผ่านการนำเสนอเรียบง่ายแต่กินใจ จากฝีมือผู้กำกับชื่อดัง ‘Morvasu’ เสียงร้องมีเสน่ห์ของ ‘นะ Polycat’ ในเวอร์ชั่นใหม่ของเพลง ‘เพียงชายคนนี้…ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ และเรื่องราวน่ารักสุดประทับใจของเพื่อนซี้ ‘สกาย-นานิ’ พรีเซนเตอร์คู่ล่าสุดของพันธุ์ไทย พร้อมรับชมได้ทุกช่องทางแล้ววันนี้

    ‘มอร์ วสุพล เกรียงประภากิจ’ หรือ Morvasu ผู้กำกับโฆษณาและมิวสิควิดีโอชื่อดังที่มีสไตล์เฉพาะตัว ด้วยโปรดักชันคุณภาพ มีความละเอียดอ่อนและถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี มาเปิดใจถึงแกนหลักของหนังว่า “คอนเซปต์หลักคือ พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก ซึ่งมาจาก Brand Tagline #พันธุ์ไทยอะไรก็เป็นไปได้” โดยถ่ายทอดผ่าน ‘สกาย-นานิ’ ที่มาเป็นตัวแทนของแบรนด์พันธุ์ไทยที่คอยดูแลลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย สื่อสารการเป็นแบรนด์ของทุกคน ทุกเจเนอเรชัน และที่น่าสนใจคือการดีไซน์ดนตรี ที่เราเลือกใช้เพลงเก่า แต่เลือกนักร้องคนรุ่นใหม่มาถ่ายทอด เพื่อสร้าง Bonding ระหว่าง 2 เจเนอเรชั่นเข้าด้วยกัน เพราะเพลงเก่ามีพลังในการเชื่อมโยงความทรงจำและอารมณ์ของคนรุ่นก่อนที่เติบโตมาพร้อมกับเพลงเหล่านั้น และถูกนำมาตีความใหม่ พร้อมถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงและสไตล์ที่ทันสมัย โดยนักร้องในยุคนี้ ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเข้าถึงได้และเกิดความผูกพัน การผสมผสานนี้ทำให้เพลงกลายเป็นสะพานเชื่อมแต่ละเจเนอเรชันได้อย่างลงตัว ดังนั้นการใช้เพลงเก่าจึงไม่ใช่แค่การสร้างความคิดถึงแบบ Nostalgia แต่เป็นการสื่อสารว่าแบรนด์พันธุ์ไทยเป็นส่วนหนึ่งของทุกช่วงชีวิต ทุกยุค ทุกสมัย และเชื่อมโยงทุกเจเนอเรชันเข้าไว้ด้วยกัน”

    Branding Film เล่าเรื่องผ่านสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของพนักงานพันธุ์ไทย เป็น Base on True Story ที่มาจาก Real Insight สัมผัสได้ถึงความจริงใจ ตอบโจทย์ “พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย เติมความสดชื่นเวลาที่ลูกค้าเหนื่อยล้ เป็นร่มเงา หลบร้อน เมื่อลูกค้าต้องการที่พักพิงเพื่อผ่อนคลาย เป็นผู้ส่งมอบความรัก สิ่งดีๆ เหมือนเพื่อนสนิท และเป็นผู้หวังดีที่พร้อมช่วยเหลือดูแลลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว สะท้อนสิ่งที่พันธุ์ไทยตั้งใจเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของทุกคนทุกวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ไปจนถึงครอบครัว นอกจากนี้ คุณมอร์ยังใส่ไอเดียสนุกๆ ด้วย Symbolic ที่แฝงความหมายได้อย่างลงตัว ทั้งภาพดอกบัวเบ่งบาน สื่อถึงการทำความดี ความปีติยินดีจากช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์พันธุ์ไทย แม้กระทั่งรายละเอียดของสุนัขและแมว ที่คอมมูนิตี้แฟนคลับ SkyNani มักพูดถึงทั้งสองคนที่มีบุคลิกต่างกันแต่ก็เข้ากันได้ดี สกาย ขี้เล่น สดใส ร่าเริง เหมือนสุนัข ส่วนนานิ หน้านิ่งแต่ใจดี ดื้อนิดๆ อ้อนเก่งเหมือนแมว ทำให้แฟนคลับรู้สึกเชื่อมโยงกับหนังโฆษณามากขึ้น

    อีกหนึ่งไฮไลท์คือการเลือก ‘นะ’ นักร้องนำวง Polycat วงดนตรีไทยแนวซินธ์ป็อป (Synth-pop) สไตล์วินเทจ และเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ มาร้องเพลงประกอบ โดยเลือกเพลง “เพียงชายคนนี้…ไม่ใช่ผู้วิเศษ” ของคุณเพชร โอสถานุเคราะห์ เพลงแนวป็อปบัลลาดโรแมนติกที่โด่งดังมากในยุค 80s

    คุณมอร์ เล่าเหตุผลในการเลือกเพลงนี้ว่า “เพลงนี้ทำหน้าที่ช่วยเล่าเรื่องว่า พันธุ์ไทย เป็นได้ทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนรัก โดยสื่อสารความเรียบง่ายของแบรนด์ ที่เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่ก็ยินดีที่จะดูแล และรักทุกคน คุณมอร์ Rearrange เพลงให้เข้ากับหนัง ให้เหมาะกับเสียงของ พี่นะ เราทำให้เพลงมันวินเทจด้วย Attitude ของสมัยใหม่ มีการเปลี่ยนเครื่องดนตรีบางอย่าง ได้ฟีลเล่นดนตรีสดมากขึ้น สังเคราะห์น้อยลง”

    เสียงร้องของ “นะ” รัตน จันทร์ประสิทธิ์ ที่หวานละมุน เจือกลิ่นอายโซล สดใสแต่ถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้ง เหมาะกับเพลงโรแมนติก โทนอบอุ่น ทำให้เพลงนี้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ไม่เก่าเกินไป แต่ก็ไม่ทันสมัยจนเกินพอดี เป็นความกลมกล่อมที่แมชกับ Mood & Tone ของหนังได้อย่างลงตัว

    ‘นะ’ Polycat เปิดใจว่า “ตั้งใจจะถ่ายทอดเป็นพิเศษ มีการใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปด้วย แต่ผมไม่อยากให้ติดสำเนียงเพลงเดิม เพราะเขาจะลากยาว ผมจึงดีไซน์ให้มีความพอดีเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน แต่ยังคงความละมุนของต้นฉบับเดิม ซึ่งเพลง ‘เพียงชายคนนี้…ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ เป็นเพลงที่มีความจริงใจ สื่อให้เห็นว่าเราก็คนธรรมดานี่แหละ ไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน แต่ว่าเราพร้อมจะดูแล จะทำให้เธอเต็มที่เลยนะ ผมว่ามันคือต้นแบบเพลงยุค 80s ถ้าทุกคนชอบเพลงนี้ในตอนนั้น ก็น่าจะชอบเพลงนี้ด้วยเหมือนกันครับ”

    และแน่นอนว่า ‘สกาย-นานิ’ ก็ตื่นเต้นตั้งแต่เห็นสตอรี่บอร์ด พร้อมเล่าเบื้องหลังการถ่ายทำสนุกๆ

    นานิ “ผมรู้สึกว่า สิ่งที่พันธุ์ไทยอยากสื่อคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เราพร้อมให้บริการคุณครับ ถ้าถามถึงซีนโปรดต้องยกให้ซีนที่ทุกคนนั่งรวมกันในร้าน บรรยากาศคลาสสิค ดูเป็นการทำสิ่งดีๆ ต่อกันน่ารักมาก ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย ครอบครัว ร้านพันธุ์ไทยดูแลทุกคนด้วยหัวใจ หลากหลายแต่ลงตัว ใครก็มากินได้ ก็อยากให้แฟนพันธุ์ไทย ติดตามพวกเราด้วยนะครับ ร่วมงานครั้งแรกกับกาแฟพันธุ์ไทย รับรองว่ามีเซอร์ไพรส์ประทับใจแน่นอนครับ”

    สกาย “หนังน่ารักมากเลยครับ เห็นความตั้งใจของพันธุ์ไทยที่เซอร์วิสผู้บริโภคทุกคนเท่าเทียม ไม่ว่าอาชีพไหน อายุเท่าไหร่ เราบริการดีที่สุดทุกระดับ ตอนถ่ายหนังชอบหลายโมเมนต์เลย โดยเฉพาะซีนทำหัวใจกับคุณป้า รู้สึกอบอุ่นสุดๆ แล้วตัดสลับกับ Voice Over และน้องนักเรียน ดูแล้วใจฟูเลยครับ ก็อยากให้ทุกคน Support พันธุ์ไทยด้วยนะครับ มีแฟนคลับทั่วไทย ใครคิดงานไม่ออก มานั่งร้าน คิดไป ดื่มไป หรือแวะต่างจังหวัด ซื้อกาแฟ ขนม มีพลังขับรถปลอดภัยถึงที่หมาย”

    คุณมอร์ ทิ้งท้ายว่า “อยากให้คนดูหนังเรื่องนี้ ได้รับความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ได้รับรู้ถึงความใส่ใจและความตั้งใจของแบรนด์พันธุ์ไทยที่พร้อมเป็นได้ทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนรัก และอยากให้ทุกคนรักแบรนด์มากขึ้น”

    รับชม Branding Film ‘พันธุ์ไทย เป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้ทุกคนรัก’ ได้ทุกช่องทาง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    Facebook: https://www.facebook.com/punthaicoffee
    Instagram: https://www.instagram.com/punthaicoffee_official
    TikTok: https://www.tiktok.com/@punthai_coffee_official
    X: https://x.com/Punthaiofficial
    Youtube: https://www.youtube.com/@punthaicoffeeofficial

    แฟนคลับ ‘สกาย-นานิ’ เตรียมปักหมุดรอต้นปี 2026 นี้ กับอีเวนท์สุดยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองที่พันธุ์ไทยตั้งใจสุดๆ เพื่อตอบแทนทุกคน รับรองว่าแฟนๆ คาดไม่ถึงแน่นอน ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/punthaicoffee และ https://x.com/Punthaiofficial

    #PunthaixSkyNani #พันธุ์ไทยอะไรก็เป็นไปได้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย–มูลนิธิอุทกพัฒน์ เดินหน้าฟื้นฟูป่าต้นน้ำและแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนในชุมชนหนองโน จังหวัดชัยภูมิ

    1 Min Read

    กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย–มูลนิธิอุทกพัฒน์ เดินหน้าฟื้นฟูป่าต้นน้ำและแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนในชุมชนหนองโน จังหวัดชัยภูมิ

    กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์โดยเน้น การส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าร่วมมือกับองค์กรการกุศลและชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลทรัพยากรธรรมชาติของไทยอย่างต่อเนื่อง

    ตั้งแต่ปี 2558–2568 มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยได้ดำเนินงานร่วมกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริ ครอบคลุม 6 ลุ่มน้ำ 9 จังหวัด และ 14 ชุมชน มุ่งบรรเทาปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในฤดูฝน เพิ่มน้ำต้นทุนในฤดูแล้ง และสร้างศักยภาพการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน  โดยผลสำเร็จตลอดระยะเวลา 10 ปี ได้แก่ สามารถปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร , ครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์กว่า 14,000 ครัวเรือน, พื้นที่เกษตรได้รับน้ำกว่า 44,800 ไร่ และลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมถึงเปิดพื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติให้ชุมชนใกล้เคียงได้เข้ามาศึกษาและขยายผล

    โครงการชุมชนหนองโน (ปี 2567–2569) : ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ–แก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำหลากที่ยาวนานกว่า 60 ปี

    ชุมชนหนองโน ตำบลหนองไผ่ เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ประสบปัญหาน้ำแล้ง–น้ำหลากต่อเนื่องยาวนานกว่า 60 ปี แม้จะเป็นพื้นที่รับน้ำจากลำน้ำเชิญและเทือกเขาเพชรบูรณ์ แต่ในฤดูฝนน้ำกลับหลากล้นตลิ่งในลำห้วยคณฑาและลำห้วยตะกร้า ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่เกษตรและไหลลงสู่พื้นที่ปลายน้ำในอำเภอคอนสวรรค์และอำเภอโคกโพธิ์ชัย

    ชุมชนหนองโนได้ร่วมจัดตั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำชุมชนหนองโน เรียนรู้การอ่านแผนที่–ผังน้ำ การเก็บข้อมูลแหล่งน้ำ การใช้ค่าระดับความสูง และนำความรู้มาวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร ทั้งการฟื้นฟูลำห้วยแบบอนุรักษ์ การสร้างฝายและโครงสร้างนำน้ำ การพัฒนาระบบประปาหมู่บ้าน–น้ำดื่มสะอาด จนสามารถจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีเงินสะสมกว่า 360,000 บาท และเป็นต้นแบบให้กับหมู่บ้านใกล้เคียงอีก 4 หมู่บ้าน

    สำหรับปี 2567–2569 มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยสนับสนุนงบประมาณรวมประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำในชุมชนหนองโน จำนวน 3 ผืนป่า รวมพื้นที่กว่า 232 ไร่ และปรับปรุงลำห้วยสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงน้ำแล้ง–น้ำหลาก

    กิจกรรม “ฟื้นฟูป่าโคกสนามม้า” ขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วยพลังจิตอาสา จังหวัดชัยภูมิ

    ในกิจกรรมประจำปีนี้ มีจิตอาสาจากชุมชนหนองโน นักศึกษาทวิภาคี ผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในจังหวัดชัยภูมิ รวมถึงตัวแทนมูลนิธิต่าง ๆ ร่วมกันปลูกไม้ท้องถิ่นจำนวน 1,000 ต้น, ปลูกหญ้าแฝกจำนวน 20,000 ต้น, และก่อสร้างฝายชะลอน้ำจำนวน 20 ฝาย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงของป่าต้นน้ำ

    การฟื้นฟูป่าต้นน้ำมีความสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำ ลดน้ำไหลบ่าและการพังทลายของดิน พร้อมเพิ่มน้ำต้นทุนให้ชุมชนมีน้ำใช้ตลอดปี ทั้งยังรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ

    นอกจากนี้ ป่าต้นน้ำที่สมบูรณ์ยังเป็นพื้นฐานในการสร้าง รายได้อย่างยั่งยืน จากพืชท้องถิ่น ผลผลิตป่า และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำให้ชุมชนสามารถ อยู่ร่วมกับป่าโดยไม่ทำลาย ใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล และรักษาป่าให้เป็นแหล่งน้ำและแหล่งอาหารต่อไปในอนาคต

    #กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย
    #HondaMotorcycleThailand #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Post Image

    OR จับมือ OKJ เปิดตัว “JOE WINGS” ดันโมเดล Mobility Hub เสิร์ฟไก่ทอดสไตล์ Fast Casual ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ สาขาแรกในสถานี พีทีที สเตชั่น วิภาวดี 62

    1 Min Read

    OR จับมือ OKJ เปิดตัว “JOE WINGS” ดันโมเดล Mobility Hub เสิร์ฟไก่ทอดสไตล์ Fast Casual ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ สาขาแรกในสถานี พีทีที สเตชั่น วิภาวดี 62

    OR เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ Mobility Hub จับมือพันธมิตรธุรกิจด้านอาหาร OKJ ผู้บริหารแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เปิดให้บริการร้านไก่ทอด “JOE WINGS” เอ็กซ์คลูซีฟสาขาแรกภายใน พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี 62 นำเสนอไก่ทอดสไตล์ Fast Casual Serve ทางเลือกอาหารที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นทางเลือกที่ Healthier ต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้เดินทางบนถนนเส้นหลัก พร้อมผลักดันโมเดลร้านอาหารเรือธงให้เติบโตในเครือข่ายสถานีบริการของ OR ในอนาคต

    คุณไกรพิท เปรมมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า OR และ OKJ เดินหน้าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับธุรกิจร้านอาหารภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น โดยอิงข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่มักมองหาความรวดเร็วเป็นอันดับต้น ๆ มาร่วมผลักดันการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ “All Lifestyles” หนึ่งในเสาหลักสำคัญของ OR ในการสร้างพื้นที่บริการที่ตอบโจทย์ทุกจังหวะการใช้ชีวิตครบในจุดเดียว โดยความสำเร็จของร้าน “โอ้กะจู๋” ตลอดกว่า 5 ปีในพื้นที่ของ OR สะท้อนศักยภาพการทำงานร่วมกันของทั้งสององค์กรได้อย่างชัดเจน จนนำไปสู่การต่อยอดเปิดตัวร้าน “JOE WINGS” เพื่อเป็น Healthier Choice ให้ผู้บริโภค ด้วยเมนูพิเศษที่ปรับให้กระชับขึ้น เลือกทานง่ายขึ้น พร้อมให้บริการในรูปแบบ Takeaway และ Dine-in สอดรับกับเทรนด์ของนักเดินทางที่ต้องการอาหารอร่อย รวดเร็ว และได้มาตรฐานด้านสุขอนามัยตามแบบฉบับของ OKJ ภายใต้ Mobility Hub ของ OR ที่ผสานบริการพลังงาน อาหาร และไลฟ์สไตล์ไว้ในระบบนิเวศเดียวกันอย่างไร้รอยต่อ โดยเชื่อมั่นว่า JOE WINGS จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Ecosystem ของ OR และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทั้งความสะดวกและคุณภาพในทุกการเดินทางได้อย่างตรงจุด

    JOE WINGS สาขา พีทีที สเตชั่น วิภาวดี 62 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของ พีทีที สเตชั่น ที่ต้องเน้นความเร็วและความสะดวกสำหรับการเดินทาง ด้วยพื้นที่ขนาดกะทัดรัด ผสานบรรยากาศทันสมัยโดดเด่นด้วยโทนสีแดงและวัสดุสเตนเลส ที่สื่อถึงความเผ็ดร้อนและพลังงานที่พร้อมเสิร์ฟทันที เคาน์เตอร์แบบเปิดช่วยให้บริการได้ไวยิ่งขึ้น พร้อมระบบสั่งอาหารแบบ Order Kiosk เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความคล่องตัว ทั้งแบบ Takeaway และรับประทานภายในระยะสั้น

    ด้านเมนู JOE WINGS นำเสนอไก่ทอดคุณภาพทางเลือกที่ดีกว่า ชูความโดดเด่นด้วยมาตรฐาน “Better Oil, Better Chicken, Better Way” พร้อมกระบวนการผลิตแบบ No Shortcut ปรุงกันสด ๆ ทุกขั้นตอน เพื่อให้ทุกชิ้นเสิร์ฟแบบสดใหม่ กรอบร้อน และคงคุณภาพสม่ำเสมอ นอกเหนือจากไก่ทอด ยังมีเมนูอาทิเช่น Lite Tender Cheesy Wrap สำหรับลูกค้าที่ต้องการมื้อเช้าแบบเบา ๆ หรือ เมนูข้าวไก่ทอดพร้อมชุดอิ่มคุ้มสำหรับมื้อเร่งด่วน ทั้งยังโดดเด่นด้วยการคัดชิ้นส่วนไก่ยอดนิยมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Crunch Wing ปีกกรอบเต็มคำ Tender อกไก่นุ่มละมุน หรือ Boneless สะโพกไก่ไร้กระดูกที่หยิบจับได้สะดวก พร้อมด้วย 7 รสชาติฮิตที่คัดสรรมาแล้ว ได้แก่ Classic, Garlic Parmesan, Lemon Pepper, Hot Too Hot, Midnight, Thai Spice Up และ American Nashville ทำให้สาขานี้เป็นอีกหนึ่งจุดแวะที่สามารถเติมพลังได้ทั้งความอร่อย ความรวดเร็ว และความสะดวกครบในที่เดียว

    การเปิดตัว JOE WINGS ภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ครั้งนี้ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาพื้นที่บริการของ OR ที่มุ่งเพิ่มบริการด้านไลฟ์สไตล์ในสถานีบริการให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้ผู้ใช้บริการบนเส้นทางหลักอย่างครบวงจร โดยเตรียมขยายสาขา JOE WINGS ในพื้นที่ของ OR ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสาขา พีทีที สเตชั่น พัฒนาการ (ขาออก) ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2569 รวมถึงมีแผนขยายเฉลี่ยเพิ่มเติมปีละ 5–10 สาขา โดยมีเป้าหมายเปิดครบ 30 สาขา ภายในปี 2573


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ไทยฮอนด้า ผนึกกำลังร้านผู้จำหน่าย พร้อมกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และสื่อมวลชน ร่วมส่งมอบถุงยังชีพ 8,603 ถุง มูลค่ารวม 5.16 ล้านบาท บรรเทาผลกระทบน้ำท่วมหาดใหญ่

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า ผนึกกำลังร้านผู้จำหน่าย พร้อมกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และสื่อมวลชน ร่วมส่งมอบถุงยังชีพ 8,603 ถุง มูลค่ารวม 5.16 ล้านบาท บรรเทาผลกระทบน้ำท่วมหาดใหญ่

    บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมกับกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และคณะสื่อมวลชน เดินหน้าส่งต่อความห่วงใยสู่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายใต้โครงการ “ไทยฮอนด้า ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม หาดใหญ่” ด้วยการมอบถุงยังชีพรวมทั้งสิ้น 8,603 ถุง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5,161,800 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือด้านการดำรงชีวิตในช่วงวิกฤต

    การส่งมอบถุงยังชีพดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายวิวัฒน์ เลิศผาติ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานขายและการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้แทนส่งมอบ และมี นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้แทนรับมอบ ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา โดยถุงยังชีพที่นำมามอบในครั้งนี้แบ่งเป็นถุงยังชีพจากความร่วมมือของไทยฮอนด้า ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ และคณะสื่อมวลชน จำนวน 8,003 ถุง และ ถุงยังชีพจากกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย จำนวน 600 ถุง โดยได้มีการส่งมอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม พร้อมส่งต่อกำลังใจในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่หลังสถานการณ์น้ำท่วม

    นอกจากนี้ ไทยฮอนด้ายังได้ช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูยานพาหนะ ด้วยการระดม ทีมช่างอาสาสมัครจากศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศกว่า 200 คน ลงพื้นที่ตั้ง จุดให้บริการช่วยเหลือซ่อมรถจักรยานยนต์ฟรี จำนวน 9 จุด ระหว่างวันที่ 8–14 ธันวาคม 2568 โดยตลอดระยะเวลา 7 วันของการให้บริการ สามารถช่วยซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ของประชาชนได้รวมทั้งสิ้น 4,011 คัน ครอบคลุมทั้งกรณีความเสียหายเล็กน้อยและกรณีความเสียหายหนัก เพื่อให้รถจักรยานยนต์สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย และสนับสนุนการเดินทางและการประกอบอาชีพในช่วงฟื้นฟูหลังอุทกภัย

     

    สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบและยังไม่สามารถเข้ารับบริการในช่วงตั้งจุดช่วยเหลือดังกล่าว ยังสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กรถจักรยานยนต์ฟรี 10 รายการ (ตามคู่มือมาตรฐาน) ณ เครือข่ายร้านผู้จำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการ ครอบคลุมทั้ง Honda Wing Center ศูนย์บริการ Honda BigWing และร้าน CUB House ใน 10 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 ณ ร้านผู้จำหน่ายที่เข้าร่วมในแต่ละพื้นที่ (ตรวจสอบรายชื่อสาขาที่เข้าร่วมโครงการได้ที่: Facebook)

     

    ไทยฮอนด้า ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฟื้นฟูสังคมไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

    ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand

    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha

    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #ไทยฮอนด้า #ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย #ไทยฮอนด้าร่วมใจสู้ภัยน้ำท่วม  #ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaBigBike #CUBHouse #CUBHousebyHonda #HondaMotorcycleThailand #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda  #ช่วยน้ำท่วม #น้ำท่วมภาคใต้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment