• “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สร้างประวัติศาสตร์สะเทือนแดนปลาดิบ “นีโม่-จิรัฎฐ์” บิด Honda CRF450R คว้าโพเดียมแรกให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ศึก All Japan Motocross Championship สนามที่ 6

    1 Min Read

    “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สร้างประวัติศาสตร์สะเทือนแดนปลาดิบ “นีโม่-จิรัฎฐ์” บิด Honda CRF450R คว้าโพเดียมแรกให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ศึก All Japan Motocross Championship สนามที่ 6

    “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ยกระดับความสำเร็จในการแข่งขันรายการทางฝุ่นสู่ระดับนานาชาติ จากผลงานของ “นีโม่-จิรัฎฐ์” ยอดนักบิดทางฝุ่น เจ้าของแชมป์ Premier MX-1 คนแรกของประเทศไทย พารถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R สร้างประวัติศาสตร์ความเร็วต่อเนื่อง ก่อนประกาศผลงานคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 รุ่นท็อปสุดของรายการ IA-1 450 โดยเป็นโพเดียมครั้งแรกของนักแข่งไทยในรายการ D.I.D All Japan Motocross Championship สนามที่ 6 ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

    โดยตลอดสุดสัปดาห์ที่ประเทศญี่ปุ่นมีตำนานแชมป์ทางฝุ่นของไทยอย่าง “โค้ชโย” ชาคริต รุ่งสุวรรณ ที่คอยซัพพอร์ตและดูแลนักแข่งอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการดวลความเร็วกันต่อเนื่อง 3 เรซ

    การแข่งขันเรซที่ 1 “นีโม่” จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ หมายเลข 47 ดวลกับมือระดับท็อปที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทันทีด้วยการเก็บท็อป 10 มาครองได้ก่อน โดยการแข่งขันเรซที่ 2 ยังคงรักษาระดับการต่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างแข็งแกร่ง เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 12

    การแข่งขันเรซที่ 3 นักบิดไทยสร้างประวัติศาสตร์ความเร็วปักหลักดวลความเร็วในกลุ่มนำ พร้อมกับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 ในการแข่งขันเพื่อลุ้นชัยชนะจนถึงช่วงปลายเกม ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2  โชว์ธงชาติไทยในผลการแข่งขันศึกโมโตครอสในตำนาน ที่ดวลกันมาอย่างดุเดือดและยาวนานของประเทศญี่ปุ่น

    จากผลงานอันยอดเยี่ยมของ “นีโม่-จิรัฎฐ์” และ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” นักบิดไทยจะได้ร่วมทำการแข่งขันอีกครั้งในศึก MFJ-GP#63 D.I.D All Japan Motocross 2025 สนามที่ 7 สนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ที่สนาม Sportland Sugo จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1 – 2 พฤศจิกายน 2568 นี้

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #ThaiHonda #Motorsport #Motocross #AllJapanMotocrossChampionship


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ฮอนด้าแข็งแกร่งเหนือชั้น “โทชา ชาเรน่า” ทะยานฝ่าอุปสรรคสุดโหด คว้าแชมป์ 2025 World Rally Raid Championship สนามที่ 5 โมร็อกโก

    1 Min Read

    ฮอนด้าแข็งแกร่งเหนือชั้น “โทชา ชาเรน่า” ทะยานฝ่าอุปสรรคสุดโหด คว้าแชมป์ 2025 World Rally Raid Championship สนามที่ 5 โมร็อกโก

    “โทชา ชาเรน่า” ยอดนักขับชาวสเปน สังกัด มอนสเตอร์ เอนเนอร์จี ฮอนด้า เอชอาร์ซี (Monster Energy Honda HRC) บิด Honda CRF450 RALLY โชว์สมรรถนะสุดแกร่งและตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง คว้าชัยชนะในการแข่งขันสเตจที่ 5 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้ายของรายการ Rallye Du Maroc 2025 พร้อมผงาดคว้าแชมป์ศึก World Rally Raid Championship สนามที่ 5 โมร็อกโก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    “โทชา ชาเรน่า” หมายเลข 68 ออกสตาร์ตอย่างมุ่งมั่น ซึ่งการเข้าสู่จุดเช็คเวลาครั้งแรกก็ไล่บดคู่แข่งอยู่ในกลุ่มหัวแถวทันที ก่อนที่นักบิดฮอนด้าจะเร่งความเร็วฝ่าความโหดของภูมิประเทศการแข่งขัน ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง จึงสามารถแซงขึ้นนำในเวลารวม ก่อนที่จะบิดคว้าชัยชนะไปครอง พร้อมกับประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ 2025 World Rally Raid Championship สนามที่ 5 รายการ Rallye Du Maroc 2025 ปิดซีซั่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

    ขณะที่ “ริกกี้ บราเบค” ทีมเมทชาวอเมริกัน หมายเลข 9 เดินหน้าเต็มกำลังในสนามสุดเดือดของการแข่งขัน ทะยานขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ พร้อมกับรั้งอันดับที่ 3 ในตารางคะแนนของสนามที่ 5 โดยมี “เอเดรียน ฟาน เบเวเรน” อีกหนึ่งนักขับชาวฝรั่งเศสของ Monster Energy Honda HRC หมายเลข 42 รั้งอันดับท็อป 4 ของการแข่งขันและตารางคะแนน

    #Rally #CRF450 #HondaMotorcycle #HRC #MonsterEnergyHondaTeam


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียกับ Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมดุลให้ทุกการเดินทาง

    1 Min Read

    เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียกับ Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมดุลให้ทุกการเดินทาง

    วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเอเชียที่มาพร้อมกับนิยามใหม่แห่งความอเนกประสงค์ และนวัตกรรมการขับขี่อันล้ำสมัยไว้อย่างลงตัว ผ่านรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากการนำเอาจุดเด่นในแง่ของความเรียบหรู สง่างามของรถซีดาน ความเอนกประสงค์ของรถที่มีหลังคาลาดเทต่อเนื่องไปจนถึงท้ายรถ (fastback) พื้นที่ภายในกว้างขวางพร้อมความสูงใต้ท้องรถที่ยกสูงขึ้นแบบรถ SUV  ทำให้ Volvo ES90 เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อมอบความลงตัวให้ทุกการเดินทางบนท้องถนนไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว หรือกับครอบครัว ในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต

    คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ, วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเชีย กล่าวว่า “Volvo ES90 ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบอันเรียบหรูสไตล์สแกนดิเนเวียน และความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารไว้ในรถเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบพรีเมี่ยมตามแบบฉบับวอลโว่          Volvo ES90   ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของเราได้อย่างดีเยี่ยมผ่านการออกแบบที่ควบคุมการทำงานของรถด้วยซอฟต์แวร์ และการประมวลผลผ่านชิปเซ็ตที่ทรงพลัง ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถวอลโว่ในประเทศไทย ปัจจุบันวอลโว่อยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 50 ปี และเรายังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การขับขี่ มอบความปลอดภัยในการเดินทาง และร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความไว้ใจที่ลูกค้าวอลโว่ในประเทศไทยมีต่อแบรนด์เสมอมาจากรุ่นสู่รุ่น”

    ความทันสมัย ความโดดเด่น และใช้งานได้คล่องตัว

    ดีไซน์การออกแบบภายนอกของ Volvo ES90 สะท้อนได้ถึงความทันสมัย ความโดดเด่น อย่างชัดเจน รวมถึงความสูงจากพื้นของท้องรถซึ่งทำให้สมรรถนะ และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เส้นหลังคาที่ลาดลงด้านท้ายรถผสานความทันสมัย และความสง่างามไว้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง       นอกจากนั้นช่วยเสริม แอโรไดนามิกแก่ตัวรถทำให้การจัดสรรพลังงานแบตเตอรี่ดีขึ้น จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น

     

    ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s Hammer คงเอกลักษณ์ของวอลโว่ ไฟท้าย LED จัดวางเรียงตามทรงลาดท้ายของหลังคาเชื่อมกับไฟท้ายรูปทรงตัว C ที่เสริมความโดดเด่นให้ท้ายของตัวรถ พร้อมแพทเทรินการแสดงไฟสัญลักษณ์เพื่อต้อนรับและอำลาตามแบบฉบับของวอลโว่ ตัวรถมาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี รวมถึงสีใหม่อย่าง สีเงิน Aurora Silver

    ท้ายรถที่มีขนาดใหญ่ และลาดลงในสไตล์ fastback ให้ความโดดเด่นสะดุดตา และยังให้พื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระที่กว้างสำหรับทุกกิจกรรมของครองครัว โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังสามารถจัดเก็บได้ถึง 446 ลิตร และขยายกว้างได้ถึง 904 ลิตร หากพับเบาะผู้โดยสารแถวสองลง  อีกทั้งเบาะผู้โดยสารแถวสองของรถยังสามารถพับลงแบบแยกจากกันได้อย่างอิสระ (40/20/40)  นอกจากนี้ยังมีที่จัดเก็บสัมภาระด้านหน้ารถหรือ FRUNK ขนาด 27 ลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดเก็บสายชาร์จรถ

    สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในทุกที่นั่ง

    การออกแบบภายในของห้องโดยสารสะท้อนความสะดวกสบาย และความพรีเมี่ยม ด้วยวัสดุไม้จริงที่ใช้ตกแต่งแดชบอร์ด ประตู และด้านหลังที่นั่ง พร้อมการออกแบบที่คำนึกถึงถึงการใช้งานจริงเป็นสำคัญตามแนวคิดการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนของวอลโว่  ฐานล้อขนาด 3.1 เมตร ให้พื้นที่โดยสารแถวสองที่กว้าง จึงให้การโดยสารที่สบายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ธีมไฟบรรยากาศภายในรถสามารถเลือกปรับได้ถึง 6  ธีมสีตามความต้องการผู้ใช้รถ พร้อมเบาะที่นั่งที่เลือกได้ทั้งในแบบหนัง Nappa สีดำ Charcoal และขาว Dawn

    หลังคาพาโนรามิกแบบอิเล็กโทรโครมิกที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้เพื่อผู้ใช้งานจะสามารถปรับความเข้มของแสงที่สะท้อนเข้าถึงตัวรถ รวมถึงความเป็นส่วนตัว ได้เพียงแค่การกดปุ่มปรับตั้งค่า ตัวหลังคายังมาพร้อมคุณสมบัติในการกรองแสงยูวีได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

    ระบบปรับอากาศในห้องโดยสามารถควบคุมได้อย่างอิสระทั้งสี่ที่นั่ง พร้อมระบบฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละอองระดับ PM2.5 ได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และกรองละอองขนาดเล็ก ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ ได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

    Volvo ES90 คือหนึ่งในรถวอลโว่ที่ถูกออกแบบให้ห้องโดยสารมีความเงียบ เพื่อทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารจะดื่มด่ำไปกับเครื่องเสียงระดับพรี่เมียมแบรนด์ Bowers & Wilkins ผ่านลำโพงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 25 ตัว รวมถึงบนหลังคา และบริเวณพนักพิงศรีษะที่ตำแหน่งเบาะโดยสารแถวหน้า ให้กำลังขับสูงถึง 1,610 วัตต์ เพื่ออรรถรสการฟังทั่วห้องโดยสารรอบทิศทางกับระบบเสียง Dolby Atmos® และพิเศษกับโหมดเสียงที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากห้องอัดเสียงจากลอนดอนระดับตำนานอย่าง Abbey Road Studios

    ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Volvo ES90 รองรับการใช้งาน Google built-in เพื่อการใช้บริการ Google Maps เพื่อการนำทาง, Google Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้เสียงในการสั่งงาน  หรือใช้บริการแอปอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Play ตัวรถยังรองรับการใช้งานสัญญาณเครือข่ายระดับ 5G ผ่านแพลตฟอร์มประมวลผล Snapdragon® Cockpit Platform จากบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำอย่าง Qualcomm Technologies ให้การใช้งานหน้าจอที่ลื่นไหลตอบสนองแม่นยำ ทำให้ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ขับแสดงผลผ่านจอขนาด 9 นิ้ว ด้านหน้าของผู้ขับได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการแสดงผลบริเวณ head-up display ที่กระจกหน้า

    จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 14.5 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเข้าถึงฟังก์ชัน เช่น ระบบนำทาง ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์, ฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ฟังก์ชันการโทรและรับสาย และอื่น ๆ     และเพื่อช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น Volvo ES90 ยังมาพร้อมกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติใหม่ล่าสุด เพื่อมอบความอุ่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับในทุกครั้งที่ต้องจอดในที่แคบ

    อัพเดทการใช้งานให้ดีขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอ

    Volvo ES90 ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวอลโว่ Superset tech stack ที่รวมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์โมดูล เข้าไว้ด้วยกันเพื่อรองรับการพัฒนาต่อยอดรถไฟฟ้าของวอลโว่ในอนาคต โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะทำให้ วอลโว่ คาร์ สามารถพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ของรถวอลโว่ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Superset ได้ตลอดอายุการใช้งานรถผ่านการอัพเดทในแบบ over-the-air

    นอกจากนี้ ES90 ยังเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของวอลโว่ที่มาพร้อมชิปประมวลผล NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ทำให้รถมีพลังในการประมวลผลด้วย คอร์ คอมพิ้วติ้ง มากกว่าที่เคยมีมา ซึ่งประสิทธิภาพในการประมวลผลขั้นสูงนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และประสิทธิภาพของตัวรถให้เพิ่มขึ้นจากการผสานการทำงานระหว่างข้อมูล ซอฟต์แวร์ และ AI

    ในแง่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Volvo ES90 มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มความเร็วให้การชาร์จ และระยะทางในการขับขี่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และระยะทางรวมสูงสุดถึง 755 กิโลเมตร* เมื่อชาร์จเต็มตามมาตรฐาน NEDC

    พลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ถูกควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีน้ำหนักเบาจึงช่วยลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิของตัวรถโดยรวมซึ่งรวมถึง อัตราเร่ง, ระยะทางการขับ

    และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ที่เพียง 0.25 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 6.6 วินาที

    สานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน

    นอกเหนือจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Volvo ES90 คือความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนของวอลโว่ ผ่านวัสดุที่เลือกใช้ซึ่งไม่เพียงเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ แต่ยังเป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณก๊าซ Co2 ในการผลิต และในส่วนของตัวรถก็มีการนำวัสดุรีไซเคิลอย่าง อะลูมินั่มราว 29% และเหล็กราว 18% โพลีเมอร์ราว 16% มาใช้ รวมถึงการใช้งานวัสดุชีวภาพ และวัสดุธรรมชาติอย่างไม้จริงที่มาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองโดย FSC

    มาตรฐานความปลอดภัยระดับวอลโว่ ทั้งนอกและในรถกับ Safe Space Technology

    Volvo ES90 Exterior

    เพราะความปลอดภัยคือหัวใจหลักของวอลโว่ Volvo ES90 จึงถูกออกแบบให้มาพร้อมการปกป้องทั้งภายในและนอกรถ ตามมาตรฐานความปลอดภัยของวอลโว่ คาร์ (Volvo Cars Safety Standard) ที่มีการทำการทดสอบ และศึกษาค้นคว้าตลอด 55 ปีที่ผ่านมาจากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มากกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยทั่วไป โดยเมื่อผสานการทำงานของระบบความปลอดภัยเข้ากับการทำงานที่ทรงพลังของระบบประมวลผลจาก คอร์ คอมพิ้วติ้ง แล้ว Volvo ES90 จึงเป็นรถที่สานต่อปฐมบทความปลอดภัยรูปแบบใหม่ของ วอลโว่ คาร์ อย่างแท้จริง

    Volvo ES90 มีโครงสร้างตัวถังนิรภัยที่แข็งแกร่ง ระบบป้องกันการชนขั้นสูง รวมถึงมีพื้นที่ในการซับแรงกระแทกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยในการขับขี่    แบบแอคทีฟผ่านการใช้งานเซนเซอร์ล้ำสมัยรวมถึงเรดาห์ 5 ตัว, กล้อง 7 ตัว, เซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และ lidar จาก Luminar Technologies

    โดยระบบเซนเซอร์เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นที่ไกลกว่าสายตาของคนจึงให้ประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และอันตรายบนท้องถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม  Volvo ES90 ยังมาพร้อมระบบ driver understanding system ที่สามารถตรวจจับได้เมื่อผู้ขับขี่สูญเสียสมาธิจากถนน และเข้ามาช่วยสนับสนุนได้ทันที

    Safe Space Technology ใน Volvo ES90 มอบการปกป้องไม่เพียงแค่ระหว่างการขับขี่ แต่ยังรวมถึงขณะจอดรถด้วยระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (door opening alert) ช่วยป้องกันอุบัติเหตุกับนักปั่นจักรยานและคนเดินถนนที่สัญจรผ่านขณะเปิดประตู

    ราคา

    Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range 2,990,000  บาท

    Volvo ES90 คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าในประเทศภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หรือ ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2569


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • สนามแข่งรถเลียบชายหาดสมิหลา “PT Songkhla Grand Prix 2025” ทีม ZIC พร้อมล่ารางวัล

    1 Min Read

    สนามแข่งรถเลียบชายหาดสมิหลา “PT Songkhla Grand Prix 2025” ทีม ZIC พร้อมล่ารางวัล

    หากพูดถึงการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ แบบ street circuit พลาดไม่ได้กับรายการแข่ง “PT Songkhla Grand Prix 2025”

    ระยะทาง 2.7 กม. รวม 13 โค้ง พร้อมไฮไลท์ทางตรงเลียบทะเลกว่า 1 กม.พร้อมแฟนคลับใจรักความเร็ว ที่มาส่งกำลังใจแบบใกล้ชิดติดสนามงานนี้ ทีม ZIC ขนทัพรถแข่งและนักแข่งมืออาชีพ มากประสบการณ์ เมื่อวันที่ 16 – 19 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นำทีมโดย

     

     

     

    ทีม ZIC Tune by Aot โชว์พลังการขับรถกระบะดีเซล เอาใจสายรีแมพ และทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องและน้ำยาหล่อเย็น ZIC ได้ทั้งความลุ้น และ ความมันส์ตลอดการแข่งขัน สูงชัยชนะ

    🏁รุ่น Siam Truck

    – วริศ อ่อนระยับ No.88 Class Pro A แข่งจบอันดับที่ 2 ในสนามที่ 6 และ แข่งจบอันดับที่ 3 ในสนามที่ 7 ( ที่ 4 Overall )

    – ดนุวัศ วรกิติไชย No.45 Class Pro A แข่งจบอันดับที่ 3 ในสนามที่ 6 และ แข่งจบอันดับที่ 1 ในสนามที่ 7 ( ที่ 1 Overall )

    – พลกฤต แซ่เฮง No.74 Class AM แข่งจบอันดับที่ 3 ในสนามที่ 6 และ แข่งจบอันดับที่ 4 ในสนามที่ 7

    ทีม ISM ( Insane Motorsport by ZIC ) แจกความสดใส แต่ฝีมือการขับสุดโหด ลงแข่งพร้อมรถคู่ใจอย่าง HONDA CR-Z
    🏁รุ่น Siam Group A

    -ชนัญชิชา ธนัฐิธาดากุล หรือเนท No.65 A แข่งจบอันดับที่ 2 ในสนามที่ 6 และ แข่งจบอันดับที่ 1 ในสนามที่ 7

    นอกจากการแข่งขันทางทีมยังพร้อมมอบความใกล้ชิดให้กับแฟนๆได้ใกล้ชิดทั้งรถแข่ง และ นักแข่งมากประสบการณ์ เรียกได้ว่าเป็น สนามแข่งที่มีทั้งความอบอุ่น และ ความสนุกไปตลอดทั้งงาน

    เรื่องการปกป้องเครื่องยนต์ ไว้ใจ น้ำมันเครื่อง ZIC “แรงทุกหยด ปกป้องทุกการเดินทาง”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • OMODA & JAECOO เผยโฉมอุปกรณ์เสริมใหม่เพื่อไลฟ์สไตล์การผจญภัย สำหรับ JAECOO 5 EV และ JAECOO 7 SHS

    1 Min Read

    OMODA & JAECOO เผยโฉมอุปกรณ์เสริมใหม่เพื่อไลฟ์สไตล์การผจญภัย สำหรับ JAECOO 5 EV และ JAECOO 7 SHS

    OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ) ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม เตรียมยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้กับเจ้าของรถยนต์ JAECOO ในประเทศไทย ด้วยชุดอุปกรณ์เสริมพิเศษที่พึ่งเปิดตัวภายในงาน OMODA & JAECOO Eco Show เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เมืองอู๋หู ประเทศจีน โดยออกแบบมาสำหรับ JAECOO 5 EV และ JAECOO 7 SHS โดยเฉพาะ

    สำหรับเจ้าของ JAECOO 5 EV จะสามารถเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยชุดอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ประกอบด้วยเต็นท์ด้านข้างระบบติดตั้งรวดเร็วที่กางได้ภายในเวลาเพียง 3 นาที แร็คหลังคาอลูมิเนียมพร้อมที่ยึดจักรยานแบบหมุนล็อค กล่องเก็บของอเนกประสงค์แบบถอดประกอบได้ และระบบเครื่องเสียงพร้อมไฟแอมเบียนท์สำหรับสร้างบรรยากาศแคมป์ปิ้งที่สมบูรณ์แบบ

    ส่วนเจ้าของ JAECOO 7 SHS จะได้สัมผัสประสบการณ์การผจญภัยที่เหนือระดับด้วยชุดอุปกรณ์เสริมที่เน้นการใช้งานจริง ทั้งแพลตฟอร์มหลังคาอเนกประสงค์ที่ผสานระบบกันแดดและพื้นที่เก็บสัมภาระ บันไดด้านข้างที่แข็งแรงทนทาน ระบบเต็นท์กางอัตโนมัติ และระบบจัดเก็บแบบปลดเร็วพร้อมล้อเลื่อนที่ช่วยให้การขนย้ายอุปกรณ์เป็นเรื่องง่าย

    OMODA & JAECOO มุ่งมั่นพัฒนาระบบนิเวศน์ “Car + Outdoor” ที่ครบวงจร โดยชุดอุปกรณ์เสริมทั้งหมดได้รับการออกแบบให้ติดตั้งและถอดประกอบได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้ใช้รถยนต์ JAECOO ในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่เน้นความแข็งแกร่งและการใช้งานจริงในทุกสภาพภูมิประเทศ ทั้งสองรุ่นสะท้อนความเข้าใจผู้ใช้ของ JAECOO อย่างลึกซึ้ง

    ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดอุปกรณ์เสริมได้เร็ว ๆ นี้ ได้ที่เว็บไซต์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของ OMODA & JAECOO ประเทศไทย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM เดินหน้าต่อไม่พัก ร่วมกับกลุ่ม HAVAL JOLION Sport Club Thailand รวมพลคนรัก ‘เจ้าสิงโตอารมณ์ดี’ ออกเดินทางสู่จังหวัดจันทบุรี

    1 Min Read

    GWM เดินหน้าต่อไม่พัก ร่วมกับกลุ่ม HAVAL JOLION Sport Club Thailand รวมพลคนรัก ‘เจ้าสิงโตอารมณ์ดี’ ออกเดินทางสู่จังหวัดจันทบุรี

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “อยู่ในท้องถิ่น เพื่อตลาดท้องถิ่น และบูรณาการกับชุมชนท้องถิ่น” (Being in the Local Market, For the Local Market, and Integrating into the Local Community) ผสานความร่วมมือกับกลุ่ม HAVAL JOLION Sport Club Thailand จัดกิจกรรม “HAVAL JOLION Sport Club Meeting ครั้งที่ 3” ระหว่างวันที่ 11 – 13 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดจันทบุรี เพื่อรวมพลผู้ใช้รถยนต์ GWM HAVAL JOLION HEV จากทั่วประเทศ พร้อมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า และสะท้อนพลังของคอมมูนิตี้ผู้ใช้รถยนต์ GWM ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

    กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้ใช้งาน GWM HAVAL JOLION HEV ทั้งรุ่น Sport และ Ultra กว่า 18 คัน รวมแล้วกว่า 45 คน ร่วมด้วย น.ส.ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร GWM (Thailand) และทีมงาน เพื่อร่วมเดินทางไปยังจุดหมายสำคัญของจังหวัดจันทบุรี ภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพ และความอบอุ่นของครอบครัว “GWM Family” โดยครอบครัวสมาชิกเจ้าสิงโตอารมณ์ดีได้สัมผัสสมรรถนะของ HAVAL JOLION อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งอัตราเร่ง ความสะดวกสบายในการเดินทาง และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวในทริปพิเศษนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจ รวมถึงดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในที่ลงตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัวทั้งวันทำงานและวันหยุด

    สำหรับทริปในครั้งนี้ สมาชิกได้ร่วมออกเดินทางสัมผัสมนต์เสน่ห์ของจังหวัดจันทบุรี ผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ วัดโยธานิมิต วัดสำคัญเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่สะท้อนรากเหง้าแห่งความศรัทธา สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในวัดมีพระคู่บ้านคู่เมือง หรือหลวงพ่อใหญ่ที่เป็นที่เคารพสักการะ ต่อด้วยการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การพาณิชย์นาวีของไทย และความรุ่งเรืองทางการค้าทางทะเลที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี และเข้าชมความงดงามที่อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์สไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีอายุกว่า 100 ปี ภายในมีรูปปั้นพระแม่มารีอา ที่ประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของภาคตะวันออก และจุดสุดท้ายกับการแวะถ่ายภาพและชมวิวสุดตระการตา ณ จุดชมวิวเนินนางพญา อีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมที่มอบทัศนียภาพของทะเลจันท์สุดลูกหูลูกตา ตลอดเส้นทาง ครอบครัวเจ้าสิงโตอารมณ์ดีได้ร่วมทำกิจกรรมสันทนาการมากมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์  เช่น การรับประทานอาหารค่ำแบบอบอุ่น การจับฉลากของรางวัล และการแนะนำสมาชิกใหม่ของคลับ สะท้อนให้เห็นถึงความแน่นแฟ้นและจิตวิญญาณของ “GWM Family” โดย GWM (Thailand) ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนครอบครัวเจ้าสิงโตอารมณ์ดีและรับฟังพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกสมาชิก เพื่อนำไปพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และการให้บริการต่อไป

    กิจกรรม HAVAL JOLION Sport Club Meeting ครั้งที่ 3 ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ GWM (Thailand) ในการสร้าง “คอมมูนิตี้แห่งการเดินทาง” ที่รวมผู้ใช้รถยนต์ไว้ด้วยความผูกพัน ความภาคภูมิใจ และความเป็นครอบครัวเดียวกัน GWM จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมของแฟนคลับในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ “มากกว่า” ทั้งในด้านเทคโนโลยี การบริการ และความอบอุ่นในทุกเส้นทาง

    #GWM #GWMThailand #HAVALJOLION #GWMHAVALTHAILAND


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    2 Min Read

    อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    อีซูซุเดินหน้าเปิดตัวรถปิกอัพแห่งอนาคต ครบทุกไลน์อัพ ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! รถปิกอัพที่สืบทอด DNA แห่งความเชื่อมั่นมากว่าครึ่งศตวรรษ นำทีมโดย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” รถปิกอัพสปอร์ตออฟโรด ดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน กับสีใหม่! อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค (Inishmore Gray Opaque) พร้อมฟังก์ชัน ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด!

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาพร้อม ชุดแต่งใหม่! The X Package และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX

    นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อีซูซุภูมิใจนำเสนอ คือ การพลิกโฉมสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่สนาม “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น

    มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด  เผยว่า “หลังจากที่เราเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคตไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยอย่างดีเยี่ยม ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ ในวันนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้รถชาวไทย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! ด้วย DNA หนึ่งเดียวที่สืบทอดความเชื่อมั่นของอีซูซุมากว่าครึ่งศตวรรษ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

    นำโดย “ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4” “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด รุ่นใหม่ล่าสุด! กับสีใหม่! “อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค” (Inishmore Gray Opaque) ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับการขับขี่ให้สะดวกสบายขึ้นด้วย ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ขับง่ายสบายทุกสภาพถนน และเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยด้วย ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่! แบบสปอร์ต REV TRONIC และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ออกแบบเพื่อเครื่องยนต์ 2.2 โดยเฉพาะ แรงจัดจ้าน เต็มสไตล์สปอร์ต มาพร้อมชุดแต่งใหม่! The X Package ทั้งภายนอกและภายใน

    และยังส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต เพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX ลดการสั่นสะเทือน และการโคลงของรถขณะขับขี่ นุ่มนวล มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง นอกจากรถรุ่นใหม่แล้ว อีซุซุจัดงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่ “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” สนามทดสอบที่จะสร้างประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้ โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ออกแบบ Japan Pavilion อันเลื่องชื่อในงาน Osaka World Expo 2025 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มากกว่าการ “ทดลองขับ” แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ให้ได้เข้ามาสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของรถ ISUZU 4×4 อย่างเต็มที่และน่าตื่นเต้น เราใช้เทคนิคการสร้างประสบการณ์ให้เป็นภาษาภาพ โดยการใช้เสา และโทนสีแบบ Full Spectrum ภายใต้องค์ประกอบ 3 ประการ คือ เอียง (TILT) สูงชัน (HIGH) และพลัง (POWER) และ 2 สถานีใหม่! “Haunted Tunnel” (ลุยฝ่า อุโมงค์หลอน) และ “MYSTERY ROAD” (พิลึก ทางพิศวง) ให้คุณท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง สถานีทดสอบสุดเร้าใจที่ได้จำลองสภาพแวดล้อมและอุปสรรคตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์รวม 9 สถานี จะเปลี่ยนอุปสรรคสุดท้าทาย ให้กลายเป็นความสนุกที่ควบคุมได้ ด้วย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ยนตรกรรมปิกอัพ สปอร์ตออฟโรด และ MU-X “THE NEXT PEAK” 4WD ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี”

    ร่วมสัมผัสรถปิกอัพรุ่นใหม่! “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!  ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE!” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! รวมถึง MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมสิทธิพิเศษแห่งปี “MAXFORCE BIG THANKS ขอบคุณจากใจให้ร้อยล้าน” ฉลองความสำเร็จของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ลุ้นขับฟรีสูงสุด 100,000 กิโลเมตร และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าอีซูซุ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ “สัปดาห์พิเศษแนะนำรถรุ่นใหม่” ด้วย สามารถติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    Hi-Lander

    MU-X

    VCROSS

    X-Series Speed

    No Comment
  • สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    1 Min Read

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ นำสื่อมวลชนสมาชิกสมาคมฯ เยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ภายใต้กิจกรรม “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์และสายพานการผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิดเป็นกลุ่มแรก

    นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) เปิดเผยว่า สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (Nex Point) จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” นำสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนสายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้าเยี่ยมชมโรงงานสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกได้รับความรู้และมีประสบการณ์ตรงกับกระบวนการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังไฟฟ้าและกระบวนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปเผยแพร่สู่สาธารณะได้อย่างถูกต้องทั้งด้านสมรรถนะ คุณภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน

    “สำหรับการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง เน็กซ์ พอยท์ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เดินทางมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโรงงานทั้ง 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และบริษัท เน็กซ์ พอยต์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรแห่งแรกของคนไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอมิตา (Amita) ดำเนินการโดยบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)” นายสุรศักดิ์ กล่าว

    ด้านนายวีรพัฒน์ พิณพาทย์ รักษาการ ผู้จัดการแผนกบริหารจัดการเครื่องจักร อาคารและสถานที่ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่
    1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ในเขตการค้าเสรีที่อำเภอบ้านโพธิ์ ภายใต้
    การสนับสนุนด้านการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์

     

     

    ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โดยมีกําลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยกระบวนการผลิตบนพื้นที่ภายในโรงงานจะประกอบไปด้วย ส่วนของโรงงานประกอบ, โรงงานเชื่อมตัวถัง, โรงงานพ่นสี และสนามทดสอบ

     

    “โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถยนต์โดยสารไฟฟ้า เช่น รถโดยสารประจำทาง (City Bus) รถตู้โดยสาร, รถมินิบัส, รถหัวลาก และรถบรรทุกต่างๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV หรือ ไฟฟ้า 100% ทั้งหมด รวมไปถึงเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้อีกด้วย”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    2 Min Read

    GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ  เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) สร้างกระแสในวงการยานยนต์ด้วยงาน TANK FEST 2025” และการแข่งขัน TOP RANK TANK MOD” มหกรรมรวมพลคนรักสายลุยและแฟนพันธุ์แท้ GWM TANK จากทั่วประเทศ งานครั้งนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมทั้งชาว TANKER, สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป กว่า 1,000 คน ที่มาร่วมเฉลิมฉลอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และโชว์ความหลงใหลในการขับขี่ออฟโรดสุดเร้าใจ พร้อมกิจกรรมไฮไลต์อย่าง TOP RANK TANK MOD CONTEST การแข่งขันแต่งรถ GWM TANK ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย โดยมี GWM TANK 300 เข้าร่วมประชันทั้งรูปแบบ Appearance และ Performance รวม 108 คัน สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้และศักยภาพวิศวกรรมออฟโรดของตัวรถได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ GWM ยังถ่ายทอดสดบรรยากาศความตื่นเต้นของงานผ่านช่องทางหลักของแบรนด์ พร้อมกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ทั่วประเทศ มียอดรับชมรวมเกือบ 4 ล้านวิว เสริมความคึกคักให้มหกรรมยิ่งใหญ่ GWM ประกาศหมุดหมายสำคัญด้วยการส่งมอบ GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งานในประเทศไทยจนกลายเป็นเทรนด์แห่งปี ขณะที่ไฮไลต์ปลายงานคือการเปิดตัวครั้งแรกของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL ที่มาพร้อมขุมพลังดีเซลใหม่ล่าสุดจาก GWM งานนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความนิยมในรถยนต์ทรง Boxy และไลฟ์สไตล์การขับขี่แบบผจญภัยของคนไทยที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังตอกย้ำถึงวัฒนธรรมอันโดดเด่นของผู้ใช้ GWM TANK (TANKER) และความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น พร้อมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับวงการยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือพิธีเฉลิมฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน ทั่วประเทศไทย ตอกย้ำถึงความนิยมและความไว้วางใจจากคนไทยในรถยนต์คุณภาพที่มอบทั้งสไตล์และสมรรถนะการขับขี่ที่แตกต่างและเหนือกว่า โดยมีทีมผู้บริหาร นำโดย เจมส์ หยาง รองประธาน ตลาดต่างประเทศ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด และ เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ร่วมส่งมอบรถคันที่ 5,000 ในไทยให้กับลูกค้า และอีกไฮไลต์สำคัญคือการแข่งขันการแต่งรถสุดยิ่งใหญ่ ที่ถือเป็นครั้งแรกในไทยที่เปิดให้ TANKER ทั่วประเทศร่วมแข่งขันทั้งจากช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยการแข่งขัน 2 ด้าน ได้แก่ ด้าน Performance เพื่อเฟ้นหา The Off-Road King ผู้ที่ขับขี่ออฟโรดบนสนามแข่งขันสุดครีเอทีฟ และการแข่งขัน The Custom King ทั้งประเภท THE BEST STYLISH และ THE BEST ADVENTURE ถือเป็นการสะท้อนตัวตน จินตนาการ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของ TANKER ได้อย่างชัดเจน

    อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สร้างกระแสฮือฮาในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD คือการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ที่พร้อมยกระดับสู่ Next Level of Lifestyle Partner” สำหรับผู้ใช้ชาวไทย เป็นรถยนต์รุ่นที่ 3 ใน GWM Diesel Family ต่อจาก NEW GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ multi-powertrain ของ GWM  มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดดเด่นด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ การขับขี่ นิ่ง เงียบ นุ่มนวล พิเศษยิ่งกว่า ด้วยความสามารถในการปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สายแคมป์ปิ้งที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทางและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ, สายกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการสมรรถนะในการบรรทุกและลากจูง และสายขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มรูปแบบ ด้านความสำเร็จของ GWM ในประเทศจีน ในตลาดรถกระบะ GWM ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 มาเป็นระยะเวลา 27 ปีต่อเนื่องกัน ด้วยสัดส่วนตลาดประมาณ 50% นอกจากประเทศจีน รถกระบะของ GWM ยังมีขายใน 60 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมรวมถึง 2.78 ล้านคัน นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัล “Pickup of the Year” จากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อเมริกาใต้ หรือแอฟริกาใต้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณภาพ ความทนทาน และการตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์

    บรรยากาศของงานเฟสติวัลครั้งนี้คับคั่งไปด้วยพลังของ TANKER อย่างชัดเจน พลังของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่ขับเคลื่อนกันเองและยืนอยู่เคียงข้างกันทั้งบนถนนและในชีวิตจริง พร้อมกันนั้นยังพิสูจน์ถึงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณอันโดดเด่นของชาว TANKER หรือ TANK Spirit ทั้ง 6 ข้อ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร (Independent) เปี่ยมไปด้วยความรัก (Love) มีอิสระในความคิดและการกระทำ (Freedom) มีจิตวิญญาณในการผจญภัย (Adventurous) เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและความชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน (Active & Passionate) และมีหัวใจที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ (Good at Heart) ทั้งนี้ในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การแต่งรถ การขับขี่ออฟโรด การทดลองขับ ไปจนถึงการพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ล้วนสะท้อนพลังและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และเติบโตอย่างมั่นคงของชาว TANKER ทั่วประเทศได้อย่างชัดเจน

    นอกจากนี้ ภายในงานยังมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์มากมาย ตั้งแต่ KIDS Workshop ให้ TANKER ตัวน้อยได้ร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรม DIY โซนเกมให้ร่วมสนุก และขบวน Food Truck เมนูหลากหลายหมุนเวียนตลอดวัน พร้อมโซนทดลองขับให้พิสูจน์สมรรถนะจริงของ GWM Diesel Family ทั้ง GWM TANK 300 DIESEL, GWM TANK 500 DIESEL และ NEW GWM POER SAHAR DIESEL แบบใกล้ชิด ในพื้นที่เดียวกันยังมีบูธอุปกรณ์แต่งรถแบรนด์ดังเข้าร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมคัดสรรไอเทมยอดฮิตและโปรโมชันเฉพาะงาน เพื่อสายแต่งได้อัปเกรดคันโปรด เสริมบรรยากาศความคึกคักด้วย MC และ DJ ที่สลับกันสร้างสีสัน ก่อนจะพีคสุดด้วยมินิคอนเสิร์ต URBOY TJ ที่ขนเพลงฮิตมาเต็มปลุกพลังให้ทั้งงานร้องและเต้นไปพร้อมกัน ส่งท้ายวันอย่างประทับใจและครบทุกอารมณ์ของคนรัก GWM TANK และคาร์คัลเจอร์ตัวจริง

    เวยน์ โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวไทยในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD ครั้งนี้ เราขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน หรือการเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 35 ปี ของ GWM ซึ่งเติบโตจากแบรนด์เอสยูวีในจีนสู่บริษัทเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะระดับโลกด้วย สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงสนับสนุนจากลูกค้าของเราทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยพลังที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้ GWM ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราขอขอบคุณจากใจ และขอให้ทุกท่านร่วมเดินทางไปกับเราในทุกเส้นทางของการผจญภัย โดยงานนี้ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ GWM ในการส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้ใช้ของเราอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการเป็นมากกว่าผู้ผลิตยานยนต์ แต่คือผู้ส่งมอบแรงบันดาลใจและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง”


    #GWM #GWMThailand #TANKFEST2025 #TOPRANKTANKMODCONTEST

    #POERSAHARDIESEL #GWMTANK #TANK300 #TANK500


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    1 Min Read

    CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    CHANGAN Automobile หรือ ฉางอาน ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมรอบด้าน ชูความสำเร็จในตลาดควบคู่กับความมุ่งมั่นระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด DEEPAL NEW S07 และ DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พร้อมส่งมอบทั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ดีไซน์อัจฉริยะ และประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้ใช้รถ

    นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเชีย จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท
    ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
    กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับ CHANGAN ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการดำเนินกิจการในประเทศที่เรารัก ก้าวที่มากไปกว่าความสำเร็จทางธุรกิจ นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเต็มยานยนต์ไทยผ่านการสร้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยตลอดระยะเวลาสองปีที่ CHANGAN ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ช่วยให้เกิดการจ้างงานรวมตลอดห่วงโซ่อุปทาน กว่า 20,000 ตำแหน่ง โดยพนักงานของ CHANGAN กว่า 90% เป็นคนไทย อีกทั้งยังใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ผลิตภายในประเทศมากกว่า 60% และเพิ่มเป็น 80% ภายในปี 2573 และที่สำคัญเรายังเตรียมส่งออกรถ DEEPAL S05 จำนวนกว่า 1,000 คัน ที่ผลิตในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในยุโรปภายในสิ้นปีนี้ สนับสนุนการสร้างรายได้ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยอีกด้วย สะท้อนพันธกิจของ CHANGAN ในการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตเคียงคู่กันอย่างยั่งยืน”

     

    CHANGAN ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (2573) เดินหน้ากลยุทธ์อย่างรอบด้าน ประกอบด้วย

    • นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ : วางแผนที่จะสนับสนุนการ Transform ประเทศไทยจากสังคมที่ใช้รถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) สู่ไลฟ์สไตล์การใช้รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และพร้อมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศที่ครอบคลุมด้าน
      การวิจัยและพัฒนา การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน และการตลาด โดยตั้งเป้าสู่การเป็น Top 3 บริษัทรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย ภายในปี 2573
    • การพัฒนาผีมือแรงงานไทย : ต่อยอดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์: AHRDA) ในการฝึกอบรมทักษะด้านงานซ่อมบำรุงและบริการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ช่างไทยมีความรู้ความเชี่ยวชาญ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
    • การขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง : ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเป็น 200 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดและ
      หัวเมืองสำคัญทั่วประเทศไทย
    • บริการหลังการขายที่เป็นเลิศ : สร้างเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจรทั่วประเทศและพัฒนาระบบจัดหาชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วตั้งเป้าให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

     

    ที่ผ่านมา CHANGAN มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นตลาดสำคัญ สะท้อนผ่านการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
    ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ามาทำตลาด โดยได้ทยอยเปิดตัวและขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุก
    เซ็กเมนต์หลัก ได้แก่ DEEPAL S07, DEEPAL L07, DEEPAL E07, DEEPAL S05, DEEPAL HUNTER K50, LUMIN และ AVATR 11 โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า CHANGAN มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อีกมากกว่า 7 โมเดลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครั้งนี้ได้นำร่องเปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอิดิชันรวม 3 รุ่น ประกอบด้วย

    • DEEPAL NEW S07 – ยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ

    ยนตรกรรมที่มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขั้นสูง รองรับการชาร์จเร็วจาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 15 นาที มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและความทนทานในระยะยาว มีระบบกันสะเทือนสไตล์ยุโรปช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความแม่นยำในการควบคุมรถ เสริมด้วยดีไซน์ล้อใหม่และความละเอียดอ่อนในการปรับรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการการออกแบบที่สดใหม่

    • DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD – นวัตกรรมสำหรับการผจญภัย

    โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและฟังก์ชันการใช้งานที่ปรับแต่งมาให้ตอบโจทย์การผจญภัยและการใช้งาน มาพร้อมการอัปเกรดดีไซน์ขององค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ ราวหลังคา ไฟสปอร์ตบนหลังคา ประตูท้ายอเนกประสงค์ สปอร์ตบาร์ กันชนเหล็กด้านล่าง และระบบล็อกเฟืองท้ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงตัวทั้งสมรรถนะทรงพลังและสไตล์ที่ปราณีต ตกแต่งภายในด้วยเพดานสีดำและโทนสีดำ-ส้มเฉดใหม่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม พร้อมยกระดับความสะดวกสบายด้วย USB Type-C 2 พอร์ตและ Type-A 1 พอร์ต ส่วนระบบ V2L ใหม่สามารถรองรับเอาต์พุต DC 22 กิโลวัตต์ เพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้นสำหรับการจ่ายพลังงานขณะเดินทาง

    • AVATR 11 Royal Edition – นิยามใหม่ของความหรูหราระดับผู้นำ

    AVATR 11 Royal Edition มอบนิยามใหม่ของความหรูหราระดับแนวหน้าด้วยปรัชญาการออกแบบที่เหนือกว่าและสมรรถนะล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับซูเปอร์คาร์ ช่วยปรับการหน่วงในเสี้ยววินาทีเพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายสูงสุด ตัวถังสองโทนสีเทาและดำตกแต่งด้วย เส้นขอบสีเงินสตาร์ไลน์สุดหรู เสริมด้วยล้อแม็กที่หล่อเป็นรูปดาว 7 แฉกขนาด 22 นิ้วช่วยเพิ่มพลวัตเสมือนงานประติมากรรม ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงห้อมล้อมด้วยหนังแท้แบบกึ่งอนิลิน (Semi-aniline leather) สี Rose-White พร้อมที่นั่ง VIP 4 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่พักผ่อนด้านหลังซึ่งมาพร้อมที่วางแขนแบบลอยตัว ฟังก์ชันนวด 8 จุด และระบบชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส เรียกได้ว่ารังสรรค์ทุกรายละเอียดมาเพื่อยกระดับการเดินทางสู่ประสบการณ์ทรงพลังที่ทั้งปราณีตและสง่างาม เตรียมเปิดตัวภายในพฤศจิกายน 2568 นี้

    “เราไม่เพียงผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในท้องถิ่นและสนับสนุน
    ความมุ่งหวังของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการสร้างโลกใหม่ที่ทั้ง
    ชาญฉลาด รักษ์โลก และเชื่อมโยงผู้คนกับเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ เราจึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า ‘30@30’ ของประเทศไทย การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม 2 รุ่นใหม่นี้ คือ
    บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของตลาดไทยและตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย ความสำเร็จในวันนี้คือคำมั่นสัญญาของเราที่จะสานต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความร่วมมือ และการมีส่วนเสริมสร้างอนาคตยานยนต์ไทยที่สะท้อนคุณภาพความเป็นเลิศระดับโลกและความภาคภูมิใจของประเทศ” นายเซิน
    ซิงหัว
    กล่าวสรุป

     

    CHANGAN Automobile ประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทแม่ China Changan Automobile Group มีสินทรัพย์รวม 3.087 แสนล้านหยวน มีบริษัทฯ ในเครือรวม 143 บริษัททั่วโลก และมีพนักงานรวมทั่วโลก 145,000 คน โดยภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกรวม 4 ล้านคัน ซึ่ง 60% จะเป็นรถพลังงานใหม่ และ 30% มาจากตลาดต่างประเทศ อีกทั้งยังวางแผนลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการผลิตในประเทศไทยอีกด้วย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment