-
PTG ชู Non-Oil โตเด่นผ่านฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus
คุณธีรพันธ์ ดิษยบุตร (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน พร้อมด้วยคุณปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และบริหารการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส1/68 ในงาน Opportunity Day บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยประเมินภาพรวมธุรกิจ PTG ยังมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาของ กาแฟพันธุ์ไทย ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่มีความแข็งแกร่งในการใช้บริการภายใต้ ระบบนิเวศ Max World กว่า 25 ล้านราย ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร เพื่อเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ อาคาร CW ทาวเวอร์ รัชดา กรุงเทพฯ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เติ้น-ทัศนพล ฝ่าเรซสุดหิน ในศึก FIA Formula 3 Championship 2025 สนาม 3 และ 4
หลังจบเกมการแข่งขันดวลความเร็วระดับเวิล์ดคลาสในศึก FIA Formula 3 Championship 2025 สนามที่ 3 และ 4 ของ “เติ้น-ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” นักขับดาวรุ่งแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย จาก AAS Motorsport ภายใต้สังกัดทีมคัมโปส เรซซิ่ง (Campos Racing) โดยเริ่มเปิดฉากที่สนามเอาโตโดรโม เอนโซ เอ ดิโน เฟอร์รารี หรืออิโมลาเซอร์กิต ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 16-18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยการพารถสูตรหมายเลข 11 ลงสนามเทสเต็มระบบในรอบซ้อม (Practice) แต่ต้องมาพบกับอุปสรรคใหญ่ในรอบคัดเลือก (Qualifying) ส่งผลให้ต้องออกสตาร์ทจากท้ายกริดทั้งสองเรซ
เข้าสู่การแข่งขันรอบสปริ้นต์ เรซ (Sprint Race) ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นใจ เมื่อ “เติ้น-ทัศนพล” ต้องออกสตาร์ทจากท้ายแถว (P30) แต่ด้วยหัวใจสู้ก็ไม่ขอยอมแพ้ รวบรวมสมาธิแก้สถานการณ์คุมเกมความเร็วอย่างมุ่งมั่น โชว์พลังแซงคู่แข่งจนไต่ขยับอันดับขึ้นมาได้ถึง 11 คัน ทำผลงานในรอบนี้ได้ดีเกินคาด รับธงหมากรุกไปในอันดับที่ 19 (P19) อย่างเป็นทางการ
ลุยกันต่อในรอบฟีเจอร์เรซ (Feature Race) ที่ “เติ้น-ทัศนพล” ยังคงเดินหน้ารับมือกับความท้าทายของสนามอิโมลาที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น หลังออกสตาร์ทเพียงไม่กี่นาที ก็โชว์ฟอร์มแกร่งไล่แซงดุเดือดขึ้นมาถึง 5 คันรวด ก่อนงัดทุกสกิลเหยียบเต็มสปีดทะลุ “Top 20” ทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 17 (P17) จนครบ 22 รอบของการแข่งขัน ถึงแม้ว่าจะพลาดแต้มคะแนนเก็บในเรซนี้ไป แต่ต้องนับเป็นอีกสนามที่นักแข่งไทยได้แข่งขันกับตัวเองอย่างยอดเยี่ยม
สำหรับการแข่งขันล่าสุดสนามที่ 4 ณ เซอร์กิต เดอ โมนาโก ประเทศโมนาโก เมื่อวันที่ 22-25 พฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มจากรอบการซ้อม (Practice) ที่ เติ้น ทำเวลาอยู่ในอันดับ 22 (1:27:248) ก่อนตามไปลุ้นอันดับออกสตาร์ทต่อในรอบคัดเลือก (Qualifying) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามเบอร์รถ โดยนักแข่งไทยจะทำการควอดิฟายใน Group B ซึ่งสามารถทำเวลาดีที่สุด 1:26.209 จัดอยู่ลำดับที่ 9 (P9) ของ Group B เมื่อรวมกับ Group A ทำให้อันดับในการออกสตาร์ทอยู่ในอันดับที่ 18 (P18)
ทันทีที่การแข่งขันรอบสปริ้นต์ เรซ (Sprint Race) มาถึงกับ สตรีท เซอร์กิต ที่สวยงามและท้าทายที่สุดสนามหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อเรื่องข้อจำกัดทั้งในการทำความเร็วและการหาจังหวะขึ้นแซง ทำให้เกมนี้ “เติ้น-ทัศนพล” เข้าเส้นชัยไปในอันดับที่ 18 (P18) ทำได้เพียงรักษาอันดับเท่ากับลำดับออกสตาร์ท แต่ภายหลังโดนพิจารณาโทษปรับบวกเวลา 30 วินาที ทำให้อันดับตกไปอยู่ที่ 23 อย่างน่าเสียดาย…
ส่วนผลงานในรอบฟีเจอร์เรซ (Feature Race) ต้องขอยอมรับในความใจสู้ของ “เติ้น-ทัศนพล” ที่กดสปีดความเร็วใส่ไม่ยั้งตั้งแต่เริ่มเกม พยายามต่อสู้ไต่อันดับขึ้นมาได้อย่างไม่ลดละและรักษาอันดับเอาไว้ได้ ก่อนปิดเกมสนามโมนาโก ไปด้วยอันดับที่ 13 แต่ภายหลังคณะกรรมการตัดสินให้ Ivan Domingues (นักแข่งทีม Van Amersfoort Racing) โดนปรับโทษ 10 วินาที เนื่องจากทำผิดกติกาลัดสนามแซงรถแข่งหมายเลข 11 ของเติ้น-ทัศนพล ส่งผลให้นักแข่งไทยขยับขึ้นมาจบอันดับ 12 อย่างเป็นทางการ… แม้ว่าจะยังไม่สามารถเก็บคะแนนสะสมในสนามนี้ได้ แต่สิ่งที่แฟนๆ ได้เห็นในสัปดาห์นี้ คือความมุ่งมั่นที่จะผลักดันตัวเองและสร้างผลงานที่ดีขึ้นในทุกๆ เรซ
ทั้งนี้โปรแกรมการแข่งขัน Formula 3 – สนามที่ 5 #SpanishGrandPrix จะจัดขึ้นสัปดาห์ถัดไป ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายนนี้ ณ สนามเซอร์กิต เดอ บาร์เซโลนา-กาตาลุนญ่า ประเทศบาร์เซโลน แฟนความเร็วและ Fc. เติ้น ทัศนพล เตรียมปักหมุดติดตามเชียร์นักแข่งไทย และเพื่อไม่พลาดทุกข่าวสารรายงานความมันส์ส่งตรงจากทางเพจก่อนใคร กดติดตามและถูกใจ ได้ที่แฟนเพจ Facebook & Instagram : AAS Motorsport และเว็บไซต์หลัก https://www.aasautoservice.com/
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
FIT Auto ชวนเช็กรถหน้าฝน รับฟรี! กาแฟพร้อมดื่ม Café Amazon เสิร์ฟโปรอุ่นเครื่องรับลมฝน เพื่อคนรักรถและความสดชื่น
คุณสุรเชฏฐ์ พรพิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจบริการยานยนต์ และ คุณวิไล บุญเจริญชัย ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดคาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) พร้อมด้วย คุณอภิวุฒิ ทรัพย์เจริญดีอาภา ผู้จัดการแบรนด์ Café Amazon พร้อมดื่ม บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ร่วมเปิดตัวแคมเปญรับฤดูฝน “FIT Auto ชวนเช็กรถหน้าฝน รับฟรี! กาแฟพร้อมดื่ม Café Amazon” ดูแลรถให้พร้อมรับหน้าฝน และเติมความสดชื่นให้กับผู้ขับขี่ เพียงเข้ารับบริการที่ FIT Auto ทุกสาขา และมียอดชำระตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรี! กาแฟพร้อมดื่ม Café Amazon ขนาด 200 มล. 1 ขวด มูลค่า 35 บาท (คละรสชาติ) อร่อยกับ 2 รสชาติโปรดของสายกาแฟ ได้แก่ Café Amazon Black No Sugar และ Café Amazon Espresso ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 –15 มิถุนายน 2568
FIT Auto เชี่ยวชาญบริการจากใจ พร้อมเติมเต็มความใส่ใจในทุกเส้นทาง อย่าพลาด! รีบมาเช็กรถให้ชัวร์แล้วรับกาแฟให้ชื่นใจที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 15 มิถุนายน 2568 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด (จำกัด 1 ขวด / ใบเสร็จ รวมทั้งสิ้น 12,000 ขวด ตลอดแคมเปญ)
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pttfitauto.com/th/promotions หรือโทร 1365 Contact Center ติดตามข่าวสารทาง หรือเช็ก FIT Auto ใกล้บ้าน ได้ที่ www.pttfitauto.com/th/branch
#FITAuto #เชี่ยวชาญบริการจากใจ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
Balenciaga x Lamborghini แฟชั่นอาวองต์การ์ดจับมือซูเปอร์คาร์ระดับตำนาน ปลุกจิตวิญญาณแห่งความเร็วในโลกแฟชันสุดไฮเอนด์
ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) และบาเลนเซียกา (Balenciaga) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการร่วมรังสรรค์คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง 2025 (Fall 25 Collection) การจับมือกันครั้งนี้ถือเป็นการยกย่องจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมด้วยขีดสุดแห่งดีไซน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถูกนำมาร้อยเรียงกับภาษาของแฟชั่นระดับสูงได้อย่างกลมกลืนและโดดเด่น
บาเลนเซียกา (Balenciaga) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1917 โดยคริสโตบัล บาเลนเซียก้า (Cristóbal Balenciaga) ดีไซเนอร์ชาวสเปนและเริ่มต้นธุรกิจในกรุงปารีสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ได้กลายเป็นผู้ปฏิวัติวงการแฟชั่นด้วยโครงสร้างและเทคนิครูปแบบใหม่อันล้ำสมัย โดยในปี ค.ศ. 20215 เป็นต้นมา เด็มนา (Demna) ได้รับหน้าที่นำทีมบาเลนเซียกายกระดับคำว่าลักซ์ชัวรีสู่มิติใหม่ ผ่านผลงานที่กล้าท้าทายกรอบเดิม ๆ ในปัจจุบัน บาเลนเซียกานำเสนอผลิตภัณฑ์แฟชั่นครอบคลุมทั้งเสื้อผ้าแนว ready-to-wear ทั้งสำหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ รวมถึงเครื่องหนัง เครื่องประดับ และของตกแต่งงานศิลป์ ซึ่งสะท้อนถึงการสืบทอดมรดกแห่งดีไซน์และภาพลักษณ์ที่สวยงามทันสมัยในหนึ่งเดียว
Balenciaga | Automobili Lamborghini ผสานจิตวิญญาณแห่งสนามแข่งเข้ากับความโก้หรูแบบอาวองต์การ์ดผ่านผลงานออกแบบเสื้อผ้าแนว ready-to-wear เครื่องหนัง เครื่องประดับอัญมณี และของตกแต่งที่หลากหลาย อาทิ แจ็กเก็ตบอมเบอร์ทรงโอเวอร์ไซส์ เสื้อหนังรถแข่งดีไซน์สปอร์ต ตลอดจนเสื้อยืด ฮู้ดดี้ และเสื้อพิมพ์ลายสไตล์ trompe-l’œil ที่โดดเด่นด้วยงานอาร์ตเวิร์กจาก Lamborghini Temerario โดยจะวางจำหน่ายในสโตร์บาเลนเซียกาสาขาที่ร่วมรายการทั่วโลก รวมถึงเว็บไซต์ balenciaga.com และ balenciaga.cn
คอลเลกชันนี้ยังนำเสนอกระเป๋ารุ่นไอคอนิกของบาเลนเซียกาอย่าง Rodeo, Hourglass, Explorer และ Carrie ซึ่งถูกนำมาตีความใหม่ภายใต้ดีไซน์ของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี พร้อมประดับโลโก้ Shield อันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับกระเป๋าคลัตช์รุ่น Dashboard และชาร์มประดับที่ได้แรงบันดาลใจจากโลโก้ Shield และกุญแจของรุ่น Temerario
แคมเปญโฆษณาคอลเลกชันนี้ยังได้ช่างภาพชื่อดัง สเต็ฟ มิตเชลล์ (Stef Mitchell) รับหน้าที่ถ่ายทอดภาพ Lamborghini Revuelto ประกบกับนางแบบและนายแบบชั้นนำในคอลเลกชัน Fall 25 พร้อมสวมใส่ผลงานอื่น ๆ จาก ซีรีส์เดียวกันอย่างลงตัว
เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวครั้งสำคัญ บาเลนเซียกาเตรียมจัดกิจกรรมพิเศษที่สโตร์ของแบรนด์ในมหานครหลายแห่งทั่วโลก โดยมีทั้งการจัดแสดงซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นคัสตอม อาร์ตเวิร์ก และกิจกรรมท่องโลกเสมือนจริงด้วยแอป Apple Vision Pro ชูไฮไลต์การนำรถซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Revuelto[1] ที่ตกแต่งด้วยกราฟฟิตี้ลายบาเลนเซียกา มาจัดแสดงหน้าแฟล็กชิปสโตร์ทั่วโลก เช่น Avenue Montaigne ในปารีส, Taikoo Hui เซี่ยงไฮ้, Greene Street นิวยอร์ก, Design District ไมอามี, Aoyama โตเกียว, Dubai Mall ดูไบ และ The Hyundai โซล ซึ่งแต่ละเมืองจะจัดแสดงอาร์ตเวิร์กในโทนสีที่แตกต่างกัน
อีกหนึ่งไฮไลต์คือโครงการ Balenciaga Art in Stores รูปแบบใหม่ ชูผลงานจากซีรีส์ “Platooning Facial Skeleton” ของศิลปินเยอรมัน Yngve Holen ที่นำชิ้นส่วนของลัมโบร์กินีมาจัดวางในมุมมองใหม่ เพื่อเผยให้เห็นความงามเชิงกายวิภาคของยานยนต์ระดับมาสเตอร์พีซ กำหนดจัดแสดงในแฟล็กชิปสโตร์สาขา Avenue Montaigne ปารีส, Via Montenapoleone มิลาน และ New Bond Street ลอนดอน
นอกจากนี้ การเฉลิมฉลองยังประกอบด้วยการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยเครื่องจำลองการขับขี่จาก Vesaro ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยชิ้นส่วนแท้จากลัมโบร์กินี ภายใต้ความร่วมมือออกแบบโดยทีม Lamborghini Centro Stile โดยจะติดตั้งไว้ในสโตร์บาเลนเซียกาชั้นนำทั้ง Rue Saint-Honoré ปารีส, Sloane Street ลอนดอน และ Taikoo Hui เซี่ยงไฮ้
ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตกับแอป Apple Vision Pro โดยออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี มอบโอกาสให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับ Lamborghini Temerario ผ่านประสบการณ์เสมือนจริงสุดล้ำ นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงการหลอมรวมระหว่างแฟชั่นสมัยใหม่เข้ากับโลกแห่งยนตรกรรมระดับตำนานได้อย่างเร้าใจและยิ่งใหญ่ระดับโลก
[1] การสิ้นเปลืองเพลิงและการปล่อยมลพิษของเรวูเอลโต: อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม 11.86 ลิตร/100 กม. อัตราสิ้นเปลืองพลังงานรวม 10.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. อัตราการปล่อย CO2 รวม 276 ก./กม. ระดับประสิทธิภาพ CO2 รวม ระดับ G อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมกับแบตเตอรี่ที่ปล่อยประจุ 17.8 ลิตร/100 กม. ระดับการปล่อย CO2 รวมกับแบตเตอรี่ที่ปล่อยประจุ ระดับ G [WLTP]
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ถึงไทย! ทัพซูเปอร์คาร์ GT3 ระดับพระกาฬจากทั่วโลก เตรียมประชันโฉม-ดวลความเร็วศึก ”จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025″
การจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “GT World Challenge Asia 2025” (จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ) เดินทางมาถึงสนามที่ 3 ของฤดูกาล โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แข่งขันทั้งสิ้น 2 เรซ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งยังมีซัพพอร์ตเรซที่แฟนความเร็วห้ามพลาดเชียร์นักแข่งไทยในรายการ Honda One Make Race 2025 แข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ด้วย
ทั้งนี้ จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย เป็นหนึ่งในซีรีส์แห่งการดวลความเร็วของรถซูเปอร์คาร์ ระดับ GT3 ที่จัดแข่งขันในหลากหลายทวีปทั่วโลกทั้งในยุโรป, อเมริกา ,ออสเตรเลีย และเอเชีย โดยซีรีส์การแข่งขันของเอเชีย จัดแข่งขันภายใต้ชื่อ รายการ “GT World Challenge Asia” ฤดูกาล 2025 ดวลความเร็วทั้งสิ้น 6 สนาม 12 เรซ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย, ญี่ปุ่น และจีน
ล่าสุด ทัพรถแข่ง GT3 ระดับพระกาฬจากทั่วโลก ได้เดินทางมาถึง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยในช่วงวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. ตู้คอนเทนเนอร์นำรถแข่งตัวแรง 33 คัน พร้อมอุปกรณ์การจัดการแข่งขันเดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อย จากนั้นในวันอังคารที่ 27 พ.ค. จะเป็นการเปิดตู้คอนเทนเนอร์และเซ็ตอัพรถเข้าพิต เพื่อเตรียมความพร้อมดวลความเร็วในสุดสัปดาห์นี้
จากนั้นนักแข่งชั้นนำ จะทยอยเข้าสู่สนาม โดยวันพฤหัสบดีที่ 29 พ.ค. เวลา 11.30 น. และ 14.30 น. จะมีกำหนดการซ้อมแบบเสียค่าใช้จ่าย หรือ Official Paid Test จำนวน 2 รอบ และช่วงเย็น เวลา 17.30-18.30 น. จะเป็น Track Walk หรือการเดินสำรวจแทร็กของนักแข่งและทีมแข่งต่างๆ
ส่วนวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. จะมีกิจกรรม Driver Briefing ซึ่งนักแข่งต้องเข้าฟังบรีฟที่สำคัญสำหรับทำการแข่งขันในสนามประเทศไทย ก่อนเข้าสู่โปรแกรมการ “ซ้อม” แข่งขันอย่างเป็นทางการ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. และแข่งขันเรซแรกในบ่ายของวันเดียวกัน จากนั้นจะดวลความเร็วเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย. 2568
โดยกิจกรรมที่แฟนความเร็วห้ามพลาด คือ “พิตวอล์ค” ที่ได้รับการขนานนามว่า “พิตวอล์คพันล้าน” ด้วยรถแข่งและมูลค่าการสร้างทีมมหาศาล และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมสัมผัสความสวยงาม ตื่นตาไปกับเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัยอย่างใกล้ชิด จัดขึ้นอย่างเต็มอิ่มจุใจถึง 2 วัน ทั้งวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.เวลา 11.45-12.40 น. และวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย.เวลา 9.55-10.15 น. แฟนความเร็วที่มีบัตรชมการแข่งขัน ได้เข้าร่วมกิจกรรม “ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “HOT Lab” สำหรับแฟนความเร็ว ร่วมลุ้นสิทธิ์สุดเอ๊กซ์คลูซีฟ ได้นั่งรถซูเปอร์คาร์ สัมผัสประสบการณ์พิเศษในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กับกิจกรรม GT World Challenge HOT LAP ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย.นี้ จำกัดเพียง 5 สิทธิ์
โดยเงื่อนไขการร่วมสนุก เพียงถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง และบัตรเข้าชมการแข่งขัน GT World Challenge 2025 ภายในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แล้วโพสต์รูปลงใน Facebook ของตัวเอง และบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #ChangFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram รวมถึงเปิดเป็นสาธารณะ จากนั้น Capture ภาพที่โพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวส่งมาที่ inbox เพจ Chang Circuit Buriram เพื่อยืนยันร่วมกิจกรรม หมดเขตวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. เวลา 17.00 น. ประกาศรายชื่อผู้โชคดีเวลา 18.00 น. ผู้มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรมต้องทำตามกติกาที่ผู้จัดกำหนด และคำตัดสินของคณะกรรมการ ถือเป็นที่สิ้นสุด
พิเศษ! ซื้อบัตรชมการแข่งขัน จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025 ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ บัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass” ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram
ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซด์ allticket บัตร VIP 1 วัน ราคา 2,000 บาท 2 วัน ราคา 3,000 บาท และบัตร GRANDSTAND 1 วัน ราคา 200 บาท 2 วัน ราคา 300 บาท
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” สานต่อพลังแห่งการให้ มอบเต้านมเทียม 600 ชุด จากกิจกรรม “เย็บเต้ารวมใจ สู้ภัยมะเร็งเต้านม” ปีที่ 2 พร้อมเงินบริจาครวมมูลค่า 200,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี
ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 สานต่อเจตนารมณ์ในการมอบสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม ด้วยการจัดกิจกรรม “เย็บเต้ารวมใจ สู้ภัยมะเร็งเต้านม” ปีที่ 2 โดยคณะผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟสตรีระดับโลก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” ได้ส่งมอบเต้านมเทียมจำนวน 600 ชุด, ชุดตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง, บราสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม พร้อมหมวกไหมพรม รวมถึงเงินบริจาคจากกิจกรรมฯ และค่าสมัครการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers รวมมูลค่า 200,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
การแข่งขันฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จังหวัดชลบุรี ได้มีการจัดกิจกรรม “เย็บเต้ารวมใจ สู้ภัยมะเร็งเต้านม” ปีที่ 2 ระหว่างสัปดาห์การแข่งขัน โดยได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน รวมถึงนักกอล์ฟระดับโลก อาทิ อากิเอะ และ ชิซาโตะ อิวาอิ สองพี่น้องคู่แฝดจากญี่ปุ่น จอร์เจีย ฮอลล์ โปรกอล์ฟชื่อดังจากอังกฤษ และ มาย-ตรีฉัฐ จีนกลับ โปรกอล์ฟสาวชาวไทยได้ร่วมลงมือเย็บเต้านมเทียม ซึ่งการมีส่วนร่วมของนักกอล์ฟและประชาชนทั่วไปถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมในวงกว้างอีกด้วย
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม และสร้างความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับโรคนี้ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญในระดับโลก โดยในประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยมากถึง 22,000 รายต่อปี การเผยแพร่ความรู้และสนับสนุนการตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษา และลดอัตราการเสียชีวิต
ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ไม่เพียงเป็นทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักกีฬากอล์ฟสตรี แต่ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตามเจตนารมณ์ในการสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคมไทย พร้อมมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ ตลอดการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
สรุปประเด็นสำคัญจากการแถลงทิศทางธุรกิจของฮอนด้า ปี 2025
– ฮอนด้า เดินหน้าปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้ตอบรับสภาพแวดล้อมธุรกิจในปัจจุบัน –
บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นำโดยนาย โทชิฮิโระ
มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของฮอนด้า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นที่การขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีข้อสรุปดังนี้- การเปลี่ยนแปลงของตลาด EV และการปรับกลยุทธ์ทิศทางใหม่
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ผนวกกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากหลายปัจจัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่เป็นพื้นฐานสำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานอย่างแพร่หลาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของประเทศต่าง ๆ ฮอนด้า จึงจำเป็นต้องสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวน และไม่ใช่เพียงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังผนวกการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วย เพื่อนำเสนอคุณค่าเหล่านั้นไปยังลูกค้าในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเข้าถึงได้ง่ายและจับต้องได้
โดย ฮอนด้า จะปรับกลยุทธ์ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ 2 ทิศทาง คือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ และเสริมรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง ผ่านการปรับพอร์ตโฟลิโอด้านระบบขับเคลื่อนใหม่ อีกทั้งเตรียมพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ พร้อมผนวกความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
รวมถึงปรับแผนเปิดตัวรถใหม่ เนื่องด้วยการชะลอตัวของตลาด EV ทั่วโลกที่ส่งผลให้เป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 30% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยนับจากนี้จะเน้นขุมพลังไฮบริด เป็นหลักในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป พร้อมเร่งขยายไลน์อัปไฮบริดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการปรับแนวทางนี้ ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายในปี 2030 ให้มากกว่าระดับปัจจุบันที่ 3.6 ล้านคัน โดยมีเป้าหลักอยู่ที่ยอดขายรถยนต์ไฮบริด (HEV) ที่ 2.2 ล้านคัน
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ ผ่านการพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่อย่างแพร่หลาย
- ฮอนด้า อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถช่วยในการขับขี่ได้ เช่น การเร่งและการบังคับเลี้ยวตลอดเส้นทาง ตามจุดหมายที่ผู้ขับขี่ป้อนลงในระบบนำทาง ไม่ว่าจะขับบนทางด่วนหรือถนนในเมือง ผ่านการต่อยอดองค์ความรู้ที่สั่งสมจากการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
- โดยฮอนด้ามีแผนในการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถไฮบริด (HEV) รุ่นหลัก ๆ ที่เตรียมเปิดตัวในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ในปี 2027
- สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีนที่มีการเติบโตของเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างก้าวกระโดด ฮอนด้า มีแผนที่จะทำงานร่วมกับ Momenta Global Limited ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อพัฒนา ADAS รุ่นถัดไปที่เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศจีน และติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในประเทศจีนในอนาคต
- เสริมแกร่งกลยุทธ์ EV
- ฮอนด้า มุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฮบริด e:HEV ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้เป็นระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้าในแง่มุมต่าง ๆ โดยพัฒนาต่อยอดบนระบบไฮบริด 2 มอเตอร์เดิม ผนวกเข้ากับ
1) การพัฒนาแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ที่ล้ำสมัย มีเสถียรภาพในการขับขี่และน้ำหนักที่ลดลง และ 2) ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อ (Electric AWD) ที่พัฒนาใหม่ ที่มอบการควบคุมที่แม่นยำและการตอบสนองของมอเตอร์ที่ทันใจ - ตั้งเป้าพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่ ให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น 10% รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนให้กับรถไฮบริด (HEV) ของฮอนด้า และปรับต้นทุนของระบบฯ ลง 50% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ที่เปิดตัวรุ่นปี 2018 และลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ที่เปิดตัวในปี 2023 ในรุ่นปัจจุบัน
- สำหรับตลาดอเมริกาเหนือที่เป็นตลาดหลักของรถไฮบริด (HEV) ฮอนด้า มีแผนที่จะพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับรถขนาดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดนี้ โดยเตรียมที่จะติดตั้งในรถที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของทศวรรษ 2020
- มีแผนเปิดตัวรถไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า รวมทั้งหมด 13 รุ่นทั่วโลก ภายในระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2027 เพื่อขยายไลน์อัปไฮบริด (HEV) ให้ครอบคลุมและตอบรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-
- แนวคิดของฮอนด้า ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่ง EV อย่างเต็มรูปแบบ
- ฮอนด้า คาดว่าเป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจลดลงต่ำกว่าเป้าที่ 30% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า เนื่องด้วยการชะลอตัวของตลาด EV ทั่วโลก
- โดยยังคงเชื่อมั่นในแนวคิดว่ายานยนต์ไฟฟ้า (EV) คือหนทางสำคัญในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ดังนั้นฮอนด้า จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการเตรียมรากฐานความพร้อมที่มั่นคง เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
- สำหรับไลน์อัป Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ที่นับเป็นเสาหลักของธุรกิจ EV ของฮอนด้าในอนาคต จะมีการเผยโฉมรถยนต์รุ่นแรกในไลน์อัปในปีหน้า ซึ่งฮอนด้า จะส่งมอบคุณค่า SDV (Software-Defined Vehicle) ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคนผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ผ่านการทำงานร่วมกันของระบบปฏิบัติการยานยนต์ ASIMO OS และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่/ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่ได้นำเสนอไปในงาน CES 2025
- นอกจากนี้ Honda 0 Series เจเนอเรชันถัดไป จะมาพร้อมสถาปัตยกรรมยานยนต์แบบ Centralized E&E Architecture เพื่อมอบระบบ AD/ADAS ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
- บทสรุปการปรับกลยุทธ์ EV
- ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์ สอดรับกับยุคสมัยแห่งยานยนต์อัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ (Joy of Driving) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรถยนต์ฮอนด้า
- เตรียมใช้โลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่ ในรถไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า ที่จะเริ่มเปิดตัว
สู่ตลาดในปี 2027 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าในไลน์อัป Honda 0 Series ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้า สะท้อนสัญญะแห่งการเปลี่ยนผ่านในธุรกิจยานยนต์ของฮอนด้า
- ระบบการผลิตและการจัดสรรทรัพยากรด้านการผลิต
- มุ่งดำเนินงานตามกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเตรียมจัดทำระบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น ที่สามารถปรับการผลิตได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการและเป้าการขายได้ ผ่านการสร้างสายการผลิตที่สามารถผลิตได้ทั้ง EV และ HEV เพื่อรองรับกับการเติบโตของการจำหน่ายรถไฮบริดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าในระยะกลางถึงระยะยาว
- พร้อมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานในแนวคิด “ผลิตสินค้าให้ใกล้ชิดลูกค้า” ซึ่งเป็นแนวคิดของ “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งขึ้น และสามารถรองรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ในอนาคต
- ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในธุรกิจรถจักรยานยนต์
สำหรับปีงบประมาณล่าสุด ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ฮอนด้า มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 20.57 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของยอดขายรวมในตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก โดยความสำเร็จครั้งนี้ยังสร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 37 ประเทศและภูมิภาคอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก อันเนื่องมาจากการขยายตัวของประชากรและระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ยอดขายรวมของอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 50 ล้านคัน เป็น 60 ล้านคันภายในปี 2030
เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฮอนด้า ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจ ผ่านการออกแบบที่สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดหาวัตถุดิบและระบบการกระจายสินค้าที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม ฮอนด้า ได้เร่งการใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันในรุ่นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก
สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้า ได้เริ่มวางจำหน่ายรุ่น Active e: และ QC1 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้มีการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อปีก่อน ขณะเดียวกัน ฮอนด้ายังได้เริ่มจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก อย่างรุ่น CUV e: และ ICON e: ในประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งแรก และมีแผนขยายตลาดต่อไปยังเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์
สำหรับรุ่น CUV e: ฮอนด้ามีกำหนดวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปและประเทศญี่ปุ่นภายในปีนี้ โดยฮอนด้าจะดำเนินการพัฒนาโมเดลไฟฟ้า พร้อมทั้งจัดตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะที่มีประสิทธิภาพสูงในประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2028 ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างธุรกิจจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยฮอนด้าวางแผนที่จะนำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
เมื่อดำเนินการเช่นนี้แล้ว ฮอนด้าจะสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความโดดเด่นและการพัฒนาระบบซัพพลายเชนที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มเครื่องยนต์สันดาป (ICE) และกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยในระยะยาว ฮอนด้าตั้งเป้าสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงด้วยส่วนแบ่งตลาดระดับโลกที่ 50% และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ROS) มากกว่า 15% ภายในปีงบประมาณ 2531 (ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2031)
- กลยุทธ์ด้านการเงิน – การพัฒนากำไร การประเมินการลงทุนใหม่ และการจัดสรรการลงทุน
- ฮอนด้า คาดการณ์ว่าจะเพิ่มผลกำไรของบริษัทฯ ภายในปี 2030 ด้วยแนวทางดังนี้
- การขยายธุรกิจรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง
- การลดต้นทุนในธุรกิจยานยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับการปรับใช้ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่และแพลตฟอร์มใหม่
- การเพิ่มยอดขายต่อหน่วยของรถไฮบริด (HEV) และจะยังคงมุ่งหน้าต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมาย ROIC (Return on Invested Capital) ของบริษัทที่ 10% สำหรับปีงบประมาณ 2031 (ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2031)
- สำหรับแผนการลงทุนในกลยุทธ์ด้าน EV ที่ประกาศไว้เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 10 ล้านล้านเยนฮอนด้า ได้ปรับลดวงเงินลงทุนลง 3 ล้านล้านเยน เหลือ 7 ล้านล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2031 (ปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2031) โดยเป็นผลจากการตัดสินใจเลื่อนโครงการสร้าง value chain สำหรับ EV แบบครบวงจรในประเทศแคนาดา รวมถึงการยืดเวลาในการสร้างโรงงานที่จะผลิต EV เฉพาะออกไปก่อน
- สำหรับการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินทุนในช่วง 5 ปี นับจากปีงบประมาณ 2027 เป็นต้นไป ฮอนด้ามีเป้าหมายในการสร้างกระแสเงินสดรวมมากกว่า 12 ล้านล้านเยน โดยผสมผสานศักยภาพในการสร้างเงินสดอย่างมั่นคงจากธุรกิจรถจักรยานยนต์ควบคู่กับการเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าต่อหน่วย สำหรับการจัดสรรทรัพยากรจนถึงปีงบประมาณ 2031
- ลดการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ EV ลง 3 ล้านล้านเยน โดยฮอนด้า คาดว่าจะเพิ่มการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถยนต์ไฮบริด (HEV) เพียงเล็กน้อย โดยในส่วนของผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ฮอนด้าจะยังคงรักษาเป้าหมายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ และมุ่งมั่นให้ได้ผลกำไรให้มากกว่า 6 ล้านล้านเยน
เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่รวดเร็วและมีความผันผวน ฮอนด้าจะปรับปรุงการจัดสรรทรัพยากรอย่างยืดหยุ่นและทันการณ์ พร้อมทั้งจัดตั้งธุรกิจยานยนต์ที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต และยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนแม้ในสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ฮอนด้าได้ตัดสินใจนำอัตราส่วนเงินปันผลต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (DOE) มาใช้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการรักษาผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ ด้วยวิธีการนี้ ฮอนด้าจะสามารถเสริมสร้างโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่องแก่ผู้ถือหุ้นควบคู่กันไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
NEX POINT “โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” สนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองภูเก็ต
บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย ได้ส่งรถบัสโดยสารซึ่งเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เป็นรถประกอบการขนส่งผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย เพื่อเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีงดงามของจังหวัดภูเก็ตในเวทีระดับสากล ซึ่งงานนี้จัดโดยสมาคมเพอรานากันประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเทศบาลนครภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต และภาคีเครือข่าย โดยกิจกรรมปีนี้ ได้ยกระดับการท่องเที่ยวทุกรูปแบบในเกาะภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ
อนึ่ง ทางบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ได้ที่มีโอกาสนำรถบัสไฟฟ้า เข้าร่วมงานดังกล่าว ซึ่งทาง เน็กซ์ พอยท์ คำนึงถึงคำว่า “โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” จึงมีความมุ่งมั่น พยายาม และตั้งใจในการขยายเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์กับองค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อพัฒนางานให้สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่กับการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ห่วงใย ใส่ใจ และเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยัง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้จัดการระบบขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง “Green Logistics” คือ กุญแจทองสำคัญที่จะนำพาอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ และโลกของเราไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
พบกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าล้ำสมัย พร้อมสิทธิประโยชน์สูงสุดกว่า 1 ล้านบาท กับกิจกรรม Volvo Roadshow 2025 ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน นี้
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดกิจกรรม Volvo Roadshow 2025 นำเสนอนวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากวอลโว่ทั้งในรุ่นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และรุ่นปลั๊กอินไฮบริด ให้ผู้สนใจได้ทดลองสัมผัสและเป็นเจ้าของ พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษหลากหลายรายการภายในงาน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ศูนย์การค้าเมกาบางนา
กิจกรรม Volvo Roadshow 2025 จัดแสดงรถวอลโว่รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบสำหรับผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมาพร้อมพลังการขับเคลื่อนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และกลุ่มรถปลั๊กอินไฮบริดสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้พลังการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าแต่ยังมีน้ำมันเป็นทางเลือกเพื่อมอบความอุ่นใจในทุกเส้นทางการขับ
โดยกิจกรรม Volvo Roadshow 2025 จะจัดขึ้นที่ :
- วันที่ 23 – 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว ลานโปรโมชัน ชั้น 1
โซน B
- วันที่ 28 พฤษภาคม – 03 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์การค้า เมกาบางนา ชั้น 1 โซน C
รถไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดงทุกรุ่น อาทิ รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ Volvo EX90, EC40, EX40 และ EX30 และรถปลั๊กอินไฮบริด รุ่น Volvo XC90, XC60, S90, S60 และ V60 นำเสนอจุดเด่นของแบรนด์วอลโว่ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีความปลอดภัย ซึ่งได้รับการพัฒนาและทดสอบมาอย่างยาวนานเพื่อปกป้องและป้องกันชีวิตของทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน, คุณภาพของวัสดุทั้งภายนอกและภายในที่ผ่านการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนที่สะท้อนความเรียบหรูผ่านความความเรียบง่ายโดยคำนึงถึงการใช้งานเป็นสำคัญตามคอนเซ็ปต์ form follows function ประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่ของตัวรถที่ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากสวีเดน
ภายในงาน 1รับข้อเสนอพิเศษเพื่อส่งเสริมการขายด้วยสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนออีกมากมาย อาทิ
- ฟรีประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุด 3 ปี
- ฟรีแพ็คเกจรับประกันคุณภาพและบำรุงรักษา Volvo Premium Service Package – Pro ซึ่งรวมถึง บริการรับประกันคุณภาพ, บริการบำรุงรักษา และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
- บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
- ฟรีเครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนังและการรับประกัน และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง
หมายเหตุ
1ข้อเสนอและสิทธิประโยชน์มีรายละเอียดแตกต่างกันตามรุ่นรถที่จำหน่าย กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับข้อเสนอที่เว็บไซต์ https://www.volvocars.com/th-th/l/offers/
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่
Website – www.volvocars.com/th
Facebook – https://www.facebook.com/volvocarsth
Youtube – https://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand
LINE – https://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=true
เยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไป กรุณาโทร 02-544-0446
สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบันสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าได้ที่ https://bit.ly/459u6HD
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตนเดินหน้ายกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน ร่วมขับเคลื่อนสังคมการเดินทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน สะท้อนความมุ่งมั่นดำเนินงานผ่านการรับรองด้าน “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” จาก TGO
กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตน ได้แก่ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด (โรงงานหนองแค และศูนย์ยางหล่อดอก บริดจสโตน-บันแดก) บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต (ขอบเขตที่ 1 และ 2)*1 ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า (ขอบเขตที่ 3) *2 ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วทั้งองค์กร ควบคู่กับการสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพความพรีเมียมสู่ผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้พร้อมตอบรับสังคมการเดินทางยุคใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางให้สังคมไทย นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการมุ่งบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมของบริดจสโตนด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และสอดรับกับนโยบายสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนทางธุรกิจของบริดจสโตน
คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวโดยรวมว่า “กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตนมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เราได้ปรับเปลี่ยนชนิดของแหล่งพลังงานและเชื้อเพลิงด้วยการเพิ่มสัดส่วนการไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการลงทุนปรับเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยอนุรักษ์พลังงาน เช่น การขยายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ การใช้ระบบแสงสว่างแบบ LED อัจฉริยะ (Smart LED Lighting) และการดำเนินโครงการ Energy Efficiency Project เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยความแม่นยำสูง นอกจากนี้ยังสร้างเครือข่ายร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การเข้าร่วมเวิร์กชอปนวัตกรรมคาร์บอนเครดิต การทดลองใช้พลังงานทดแทนรุ่นใหม่สำหรับอุปกรณ์และยานพาหนะไฟฟ้า (EV Fleet Integration) ตลอดจนศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น IoT และ AI เพื่อบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสในอนาคต เป็นต้น”
นอกจากนี้เรายังตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมและกระตุ้นให้พนักงานทุกระดับภายในองค์กรมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมวันความยั่งยืนของบริดจสโตนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน ของทุกๆ ปี โดยในปีนี้เน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่องการประยุกต์ใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตลอดจนความสำคัญของพลังงานยั่งยืนที่จะส่งผลต่ออนาคตของโลก มนุษยชาติ สิ่งแวดล้อม ธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลกด้วย รวมถึงการพาพนักงานไปศึกษาดูงานจากกองค์กรชั้นนำด้านการจัดการพลังงานเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและนำแนวทางมาประยุกต์ใช้ในองค์กร เป็นต้น เพราะเราเชื่อมั่นว่าพนักงานนอกจากจะเป็นส่วนสำคัญ
ที่ส่งผลให้องค์กรมีความยั่งยืนระยะยาวแล้วยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสังคมและประเทศ” คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กล่าวเพิ่มเติมอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตน คือการได้รับ ประกาศนียบัตรรับรองด้าน “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” (Carbon Footprint for Organization: CFO) ประจำปี พ.ศ. 2567 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานขององค์กรภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตน และยังครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย ศูนย์บริการ ตลอดจนการนำโครงยางเข้าสู่กระบวนการหล่อดอก สะท้อนถึงการตระหนักและใส่ใจในทุกกระบวนการทั้งในส่วนของการใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการควบคุมการรั่วไหลของสารที่ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นตลอดการดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ. 2566 ตามข้อกำหนดของ TGO ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทในเครือไทย บริดจสโตนจะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามนโยบายสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมการเดินทางของประเทศ พร้อมผลักดันวงการยานยนต์ไทยให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืน ด้วยเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามที่ได้ตั้งไว้คาร์บอนตามที่ได้ตั้งไว้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine