-
โตโยต้า ลงนามสัญญา GR GARAGE เปิดตัวผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance อย่างเป็นทางการ
มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยตัวแทนจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ประกอบด้วย คุณพิเทพ จันทรเสรีกุล บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด คุณจิรเดช สมภพรุ่งโรจน์ บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด คุณสุชาวดี ประโยชน์อมร ภาณุประภา พร้อมด้วย คุณคาร์ล ออพเพนบอร์น บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด คุณเรืองชัย จิตรสกุล บริษัท โตโยต้าริช จำกัด คุณกมลพงศ์ สงวนตระกูล บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด และ คุณชัยภัทร ณ ระนอง บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่าย โตโยต้า จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR GARAGE ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ TOYOTA ALIVE ถนนบางนา-ตราด กม.3
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งสร้างแบรนด์ GR ในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากแผนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นจากการจำหน่ายรถยนต์ตระกูล GR Series ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาจาก Toyota Gazoo Racing ในประเทศญี่ปุ่น และยังมีแผนแนะนำรถยนต์สมรรถนะสูง GR Performance อย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัว GR Supra ในปี พ.ศ. 2562 โตโยต้ามีเป้าหมายมากกว่าการจำหน่ายรถยนต์ เรามุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ GR ให้แข็งแกร่ง ภายใต้แรงบันดาลใจจากโลกของมอเตอร์สปอร์ต และความยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งการขับขี่อย่างแท้จริง ทำให้ GR จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ แต่เป็นปรัชญาแห่งการพัฒนารถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นผ่านการแข่งขัน ให้กับลูกค้าชาวไทย
สำหรับบทบาทและความรับผิดชอบของ GR GARAGE นั้น จะเป็นยิ่งกว่าการเป็นโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นจุดเชื่อมโยงประสบการณ์ของแบรนด์ GR อย่างเต็มรูปแบบ โดยโตโยต้าได้ริเริ่มโครงการ GR GARAGE ผ่านการลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR GARAGE ประจำปี 2568 ร่วมกับ GR GARAGE เป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวน 6 แห่ง ในวันนี้
ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีการจำหน่ายรถยนต์ GR จำนวน 2 รุ่น คือ GR Yaris และ GR Corolla และภายในสิ้นปีนี้ เรามีแผนที่จะขยายการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มอีก 2 รุ่น ทำให้ภายในปี 2568 โตโยต้าจะจำหน่ายรถยนต์ GR Series รวมทั้งสิ้น 4 รุ่น”
สำหรับ GR Garage จะเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าที่ให้ความสนใจสมัครหลายแห่ง ที่มีความรักในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ GR รวมถึงกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตในประเทศ บริษัทฯ มีการคัดเลือก GR Garage อย่างเป็นทางการ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่
กรุงเทพฯ
- GR Garage Krungthai (บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด)
- GR Garage K.Motors (บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)
- GR Garage Thonburi (บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด)
ภาคเหนือ
- GR Garage Rich (บริษัท โตโยต้าริช จำกัด)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- GR Garage Khonkaen (บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)
ภาคใต้
- GR Garage Pearl (บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)
เชิญทำความรู้จัก GR Garage ทั้ง 6 แห่ง
ที่งาน GR Garage Mini Press Talk ภายในงาน Bangkok Auto Salon 2025
วันที่ 29 สิงหาคม เวลา 14:00 น.
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
Bridgestone ได้รับเลือกจาก Lamborghini ในฐานะพันธมิตรร่วมพัฒนายางสปอร์ตสมรรถนะสูง ด้วยผลิตภัณฑ์ “POTENZA SPORT” ให้ “Lamborghini Temerario” เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์ยางรถยนต์คุณภาพพรีเมียมสำหรับรถซูเปอร์สปอร์ตหรูระดับโลก
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา Bridgestone ได้เข้าร่วมงานเปิดตัว “Lamborghini Temerario” รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ปลั๊กอินไฮบริด V8 ทวินเทอร์โบ
สมรรถนะสูงล่าสุด พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ที่เร่งรอบได้สูงถึง 10,000 รอบต่อนาที มอบสมรรถนะกว่า 920 แรงม้า พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านประสิทธิภาพอันทรงพลัง ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ และสุนทรีย์แห่งการเดินทางอย่างเหนือชั้น ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทย ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ โดย Bridgestone ได้รับเลือกอีกครั้ง
ในฐานะพันธมิตรร่วมพัฒนาด้านเทคนิคอย่างเป็นทางการด้วยผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง “POTENZA SPORT” ด้วยนวัตกรรมที่ยกระดับความเร้าใจในการขับขี่สไตล์สปอร์ตให้รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Temerario ได้ถึงขีดสุดสมรรถนะเหนือชั้นของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ POTENZA SPORT ช่วยปลดปล่อยศักยภาพใน
การขับขี่ให้รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Temerario ได้เต็มพิกัด- ที่สุดแห่งนวัตกรรมกับสูตรเนื้อยางแบบใหม่: ด้วยเทคโนโลยีการผสมเนื้อยางที่แข็งแรงขึ้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะขั้นสุด และการขับขี่เต็มเสถียรภาพทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก - โครงสร้างยางออกแบบมาเพื่อรถสปอร์ต: โครงสร้างของยางได้รับการออกแบบและพัฒนาประสิทธิภาพของแรงยึดเกาะถนน จะเร็วแค่ไหนก็แม่นยำทุกการหักเลี้ยว เข้าโค้ง ตอบสนองอย่างฉับไวทุกการขับขี่
- เทคโนโลยีเสริมพลังแห่งการขับขี่: รวบรวมที่สุดแห่งเทคโนโลยีเพื่อศักยภาพขั้นสุดของยางรถสปอร์ตโดยการผสานกำลังเส้นใยเหล็กและดอกยางแบบไฮบริด ตอบสนองการควบคุมอย่างเหนือชั้นบนทุกความเร็ว
- เต็มสมรรถนะหน้าสัมผัสยางสไตล์สปอร์ต: ด้วยหน้ายางที่ออกแบบมาให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่ม
การยึดเกาะถนนอันทรงพลัง ในขณะเดียวกันยังเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ที่สนุกและควบคุมได้ดีขึ้นบนถนนแห้ง - ลายดอกยางแบบไม่สมมาตรเพิ่มการขับขี่ขั้นสุด: เสริมความแข็งแรงของแก้มยาง ลดการบิดตัวของบล็อกดอกยาง ยึดเกาะกับพื้นถนนได้ดี และเพิ่มเสถียรภาพทุกการเข้าโค้ง
- จัดวางร่องรีดน้ำให้เหมาะสม พร้อมทุกความท้าทาย: นอกจากจะให้ประสิทธิภาพการรีดน้ำได้เร็วขึ้นแล้วยังเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนน ยึดเกาะ เข้าโค้ง และเบรกบนถนนเปียกได้ดียิ่งขึ้น
- เทคโนโลยีใหม่ออกแบบร่องดอกยางแบบ 3 มิติ: พัฒนาดอกยางแบบ 3 มิติ เพื่อช่วยลดการบิดตัว เพิ่มความแข็งแรงของร่องดอกยาง ต้านทานการสึกหรอ และเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในย่านความเร็วสูงให้ดียิ่งขึ้น
พัฒนายางรถยนต์เสมือนจริงเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพการใช้งานและขับเคลื่อนความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ POTENZA SPORT สำหรับรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Temerario ได้รับการพัฒนาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริดจสโตนในประเทศอิตาลี โดยใช้เทคโนโลยี Virtual Tyre Development (VTD) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Bridgestone เทคโนโลยี VTD ช่วยส่งมอบประสิทธิภาพและขับเคลื่อนความยั่งยืนในกระบวนการพัฒนายางรถยนต์ โดยสามารถลดจำนวนยางรถยนต์ต้นแบบลงได้ประมาณ 200 เส้น ลดการทดสอบยานพาหนะจริงลง 80% รวมถึงลดระยะเวลาการพัฒนายางรถยนต์
ลงได้ถึง 50% นอกจากนี้เทคโนโลยี VTD ยังช่วยลดการใช้วัตถุดิบ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ไดออกไซด์ในขั้นตอนการพัฒนายางมาตรฐานติดรถยนต์ได้ถึง 60%ซึ่งรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Temerario ได้รับการติดตั้งด้วยผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ POTENZA SPORT ขนาด 255/35ZR20 สำหรับล้อหน้า และขนาด 325/30ZR21 สำหรับล้อหลัง
คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “Bridgestone รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกจาก Lamborghini ในฐานะพันธมิตรร่วมพัฒนาด้านเทคนิค
ด้วยการถ่ายทอดมรดกทางมอเตอร์สปอร์ตผ่านยางรถยนต์ทรงพลัง POTENZA SPORT ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะและยกระดับความเร้าใจในการขับขี่ให้รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Lamborghini Temerario นับเป็นอีกก้าวของความร่วมมือที่สำเร็จอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำแบรนด์ยางรถยนต์คุณภาพพรีเมียมที่แบรนด์รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตหรูระดับโลกเชื่อมั่นและไว้วางใจ”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
- ที่สุดแห่งนวัตกรรมกับสูตรเนื้อยางแบบใหม่: ด้วยเทคโนโลยีการผสมเนื้อยางที่แข็งแรงขึ้น
-
เอ็มจี ผงาดยอดขายโตขึ้น 28% ในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมร่วมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย–จีน ในงาน Yuyuan Lantern Festival 2025
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน กับงาน “Yuyuan Lantern Festival 2025” ภายใต้แนวคิดแห่งความร่วมมือ “Global Experiential Destination” ถ่ายทอดมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของสองประเทศผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จับต้องได้ พร้อมจัดแสดงยนตรกรรมรุ่นสำคัญเพื่อแสดงศักยภาพจีนสมัยใหม่ ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรม อุตสาหกรรม และอนาคตของยานยนต์อย่างกลมกลืน พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งสวนตลาดด้วยยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 11,367 คัน เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เอ็มจี นับเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนแบรนด์แรกที่เข้ามาวางรากฐานในประเทศไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง SAIC MOTOR CORPORATION ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 138 ใน Fortune Global 500 ปี 2025 ด้วยรายได้รวมมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 และติดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2025 SAIC MOTOR CORPORATION มียอดขายรถยนต์แบบขายส่งเพิ่มขึ้น 12.4% และยอดส่งมอบถึงลูกค้าอยู่ที่ 2.21 ล้านคัน และเครือเจริญโภคภัณฑ์ของไทย กับความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยแผนงานระยะยาวและการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงงานผลิตรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตขั้นสูงพร้อมเดินหน้าเพิ่มความคล่องตัว เร่งพัฒนารถ รุ่นใหม่ให้เร็วขึ้น และล่าสุดกับ โรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก รวมถึงยังมีคลังอะไหล่ โชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมแทบทุกจังหวัด และยังมีแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
จากก้าวแรกในไทยสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำด้านยนตรกรรม
ตลอดระยะเวลาเกินกว่าทศวรรษ รถยนต์แบรนด์ เอ็มจี ปรากฏบนท้องถนนเมืองไทยมากกว่า 2 แสนคัน ไม่เพียงแค่เติบโตด้วยยอดขายที่มั่นคง หรือการขยายเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่สร้างผลงานสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตแห่งพลังงานทางเลือกอย่างแท้จริง ด้วยวิสัยทัศน์ที่กล้าท้าทาย มองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ ผนวกกับความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ เอ็มจี ได้พัฒนายานยนต์อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นมากกว่าแค่ “รถ” แต่คือตัวแทนของเทคโนโลยี ดีไซน์ และ วิถีชีวิตแห่งอนาคตไว้ในทุกรุ่นอย่างแท้จริง เอ็มจี จึงเดินหน้าพัฒนาอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สู่เป้าหมายในการสร้าง MG EV ECOSYSTEM ที่แข็งแกร่งและครอบคลุม
เอ็มจี สู่บทบาทที่ภาคภูมิใจ ในฐานะ “ตัวแทนแห่งนวัตกรรมจีนยุคใหม่”
การปรากฏตัวของ เอ็มจี ในงาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการประกาศพลังของแบรนด์ในฐานะ “ตัวแทนแห่งนวัตกรรมจีนยุคใหม่” ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของ เอ็มจี ในฐานะ สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพอันมั่นคงระหว่างสองแผ่นดินที่เติบโตเคียงข้างกันด้วย คุณค่าด้านความคิดสร้างสรรค์ ความก้าวหน้า และวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายในงานนี้ เอ็มจี ยังนำทัพยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์มาจัดแสดง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสนวัตกรรมอย่างใกล้ชิด เริ่มจาก NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เสริมทัพด้วย e-SUV ระดับพรีเมียมอย่าง NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าซึ่งเป็น The First ever Premium Intelligent e-SUV ที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือชั้นและเทคโนโลยีอัจฉริยะตอบโจทย์ชีวิตดิจิทัล และ NEW MG S5 EV รถอีวีมหาชนรุ่นล่าสุด ที่มอบทั้งระยะทางการขับขี่ที่ไกล ดีไซน์ที่โดดเด่น ภายในกว้างขวาง และเทคโนโลยีครบครัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม LIFETIME WARRANTY” ทั้งหมดนี้ พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสจริง เพื่อพิสูจน์ว่า เอ็มจี ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตรถยนต์ แต่คือผู้นำด้านนวัตกรรมที่เข้าใจผู้คน และมุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตที่ทุกคนเข้าถึงได้
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของ เอ็มจี ในประเทศไทย คือบทพิสูจน์ว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระดับนโยบาย แต่แสดงออกอย่างชัดเจนในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบโจทย์และเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง การเข้าร่วมงาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การจัดแสดงรถยนต์ แต่เป็นการประกาศบทบาทของ เอ็มจี ในฐานะตัวแทนของนวัตกรรมจีนยุคใหม่ ที่ไม่หยุดเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันมั่นคงระหว่างสองแผ่นดิน ที่ร่วมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ความก้าวหน้า และวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของ เอ็มจี ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของแบรนด์ ด้วยยอดขายรวมกว่า 11,367 คัน เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จดังกล่าวมาจากโมเดลหลักที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ได้แก่ NEW MG4 ELECTRIC, NEW MG S5 EV, NEW MG IM6, ALL NEW MG3 HYBRID+ และ MG5 PRO ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง และสำหรับ ครึ่งปีหลังนี้ เอ็มจี ยังคงเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภคคนไทยต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งมิตรภาพไทย–จีน และชมยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์จาก เอ็มจี ได้ที่ งาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วง 1 – 6 สิงหาคมนี้ ที่ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โซน River Park ชั้น G
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจี ได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
SPRC ร่วมปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ร่วมกับ คาลเท็กซ์ โดย บริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SPRC และเป็นผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการประกอบธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้ชื่อคาลเท็กซ์ในประเทศไทย นำโดย นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการเพื่อความเป็นเลิศ SPRC (ที่ 5 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ให้แก่ นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง (กลาง) ณ อาคารศาลากลาง ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เพื่อนำไปบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดย SPRC หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการส่งมอบในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทยและสร้างขวัญกำลังใจแก่ทุกท่านให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ไปได้ ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ SPRC ในการยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในยามเกิดวิกฤต
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ นำเสนอหนัง Heritage Leather สะท้อนความคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลาในสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์เจนใหม่
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ (Bentley Mulliner) นำเสนอตัวเลือกการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนังแบบ Heritage Leather ที่มีต้นแบบมาจากในรถยนต์คลาสสิกรุ่น Blower และ Speed Six ในอดีต ตัววัสดุหนังได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกโดยแผนกออกแบบพิเศษของเบนท์ลีย์ โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นล่าสุดได้ผ่านตัวเลือกการปรับแต่งเฉพาะบุคคล สำหรับหนังแบบ Heritage Leather ที่คัดสรรโดย Bridge of Weir มอบรูปลักษณ์และสัมผัสแบบเดียวกับรถยนต์คลาสสิกในยุค 1930s ให้กับภายในห้องโดยสารของยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในยุคปัจจุบันที่มาพร้อมกับการตกแต่งแบบทูโทนและลายไม้แบบ Haircell Grain กับตัวเลือก 2 เฉดสีตามแบบฉบับดั้งเดิมของรถยนต์เบนท์ลีย์ในยุคนั้น อันได้แก่ สีแดง Ox Blood Red และสีเขียว Parsons Napier Green
เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้สั่งผลิตรถยนต์ตัวอย่าง รุ่น Bentley Continental GT Mulliner เจเนอเรชันล่าสุดด้วยเบาะโดยสารแบบ Heritage Leather ตามแบบยนตรกรรมคลาสสิกในอดีตอย่างรุ่น Speed Six Continuation Series ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีวิวัฒนาการที่ยาวนานกว่า 95 ปี โดยการพัฒนาในครั้งนี้ได้ใช้เวลาเพียงสองปี สำหรับยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่นได้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเฉดสีเทา Bedford Grey พร้อมด้วยเบาะโดยสารหนังแบบ Heritage Leather ในเฉดสีแดง Ox Blood Red
ในระหว่างการพัฒนาและการทดสอบรุ่น Blower Continuation Series หนังแบบ Heritage Leather ได้มอบสัมผัสที่ดีเยี่ยมและเทคนิคการผลิตแบบดั้งเดิมในการพัฒนารุ่น Mulliner Continuation Series ด้วยระดับความคงทนเช่นเดียวกับยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในยุคปัจจุบัน
ตัวเลือกเฉดสีเป็นสีแบบดั้งเดิมในช่วงทศวรรษ 1920 และ 1930 จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์ยานยนต์แห่งชาติ ณ เมืองโบลิเยอ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสีเหล่านี้ได้รวมถึงเฉดสีแดง Ox Blood Red และเฉดสีเขียว Parsons Napier Green
รถยนต์เบนท์ลีย์หลายรุ่นในยุคคริกเกิลวูดและยุคก่อนสงครามยังคงใช้วัสดุทำเบาะโดยสารแบบดั้งเดิมที่มีคุณสมบัติด้านความคงทนอันถือเป็นคุณสมบัติของวัสดุจากธรรมชาติที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
เบาะโดยสารของรถยนต์คลาสสิกรุ่น Speed Six ยังคงรักษาเทคนิคการทำเบาะโดยสารแบบดั้งเดิมในยุค 1920 และ 1930 ไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยโลโก้รูปตัว B แบบนูนที่เรียบง่าย ส่วนภายในห้องโดยสารของรุ่น Continental GT ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะอันหลากหลายของเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนพนักพิงของเบาะโดยสารที่เย็บและปักลาย การเจาะรูเป็นลวดลายเพชร การปักและการเดินเส้นแบบตัดกัน
ในยุคของ Speed Six รุ่นดั้งเดิม เบาะโดยสารหนังมักได้รับการเคลือบด้วยน้ำมันธรรมชาติ แว็กซ์ หรือแม้แต่สารเคลือบเงาเพื่อให้ได้พื้นผิวที่เรียบเนียนและเงางาม เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จึงได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์เพื่อจำลองความเงางามบนเบาะโดยสารหนังสำหรับยนตรกรรมทั้งสองรุ่นที่เข้าคู่กัน โดยเฉดสีที่ต่างกันเล็กน้อยจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของหนังที่ผ่านการขัดสีเก่า
Bridge of Weir ได้ให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ และผลิตวัสดุหนังที่ผ่านกระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำด้วยการจัดหาจากแหล่งที่ยั่งยืน ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ และกระบวนการผลิตแบบหมุนเวียน ซึ่งส่งผลให้มีระดับการประเมินวงจรชีวิตที่ผ่านการตรวจสอบแบบอิสระที่ 8 กิโลกรัม ต่อ CO2e/m2 (คาร์บอนที่สะสมต่อตารางเมตรของพื้นที่อาคาร) โดยเฉลี่ย ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุหนัง
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการขยะ และการควบคุมสารเคมี ทีมช่างฝีมือของเบนท์ลีย์ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อให้ผลงานของพวกเขาคงอยู่ได้นานหลายทศวรรษ ซึ่งหนังถือเป็นวัสดุทำเบาะโดยสารที่ยั่งยืน ทนทาน สวยงาม และเหนือสิ่งอื่นใดคือคุณภาพที่เป็นคุณสมบัติของยนตรกรรมเบนท์ลีย์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
จ่ายครั้งเดียว วอลโว่ คุ้มครองตลอดการเป็นเจ้าของรถ กับโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถวอลโว่กับโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ที่พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าวอลโว่ทั่วประเทศผ่านตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการมอบประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพ มอบความอุ่นใจว่าวอลโว่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดระยะการใช้รถ พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถวอลโว่
โปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty เป็นบริการรับประกันหลังการขายเพื่อดูแลผู้ใช้งานรถวอลโว่เพิ่มเติมจากการรับประกันที่ผู้ใช้งานได้รับเมื่อซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นการมอบความอุ่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแม้เมื่อรถหมดประกัน
สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ:
- อะไหล่แท้วอลโว่ที่ซื้อหลังจากครบกำหนดระยะเวลาการรับประกันรถยนต์และที่ติดตั้งโดยศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของวอลโว่ทั่วประเทศ จะมีสิทธิ์ในการรับประกันอะไหล่ชิ้นที่เปลี่ยนตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ
- หากอะไหล่ชิ้นดังกล่าวเกิดความบกพร่อง วอลโว่จะทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่รับประกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของอะไหล่และค่าแรง
เงื่อนไขการรับสิทธิโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ลูกค้าต้องซื้อรถจากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายวอลโว่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมพ.ศ. 2563 เป็นต้นไป, เป็นเจ้าของรถบุคคลเดิม และมีการซื้อและติดตั้งอะไหล่แท้วอลโว่จากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยมีหลักฐานการซื้อ อาทิ ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีที่ระบุชื่อตรงกับชื่อผู้ครอบครองรถ และมีการนำรถเข้ารับการบำรุงรักษา ณ ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการ ตามที่วอลโว่แนะนำอย่างต่อเนื่องตลอดการใช้งาน โดยหากมีการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถ สิทธิ์การรับประกัน Volvo Genuine Parts Extended Warranty จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ
คุณคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ”ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ การรับประกันอะไหล่ตลอดอายุการเป็นเจ้าของรถ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวอลโว่ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าในระยะยาว, ยกระดับการบริการซึ่งมาพร้อมมาตรฐานระดับสากลของวอลโว่ และมอบความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าว่าเราจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดการเป็นเจ้าของแม้ว่ารถจะพ้นระยะเวลาการรับประกันไปแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจุบัน วอลโว่ คาร์ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โปรแกรมดังกล่าวจึงเป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากวอลโว่ตลอดระยะเวลาที่ในการเป็นของเจ้าของรถ”
ลูกค้าที่สนใจสามารถตรวจสอบชิ้นส่วนอะไหล่ที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมในโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ได้ที่ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่เว็บไซต์ https://www.volvocars.com/th-th/l/service-and-maintenance/
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่
เว็บไซต์ – www.volvocars.com/th
Facebook – https://www.facebook.com/volvocarsth
Youtube – https://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand
LINE – https://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=trueเยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไป กรุณาโทร 02-544-0446
สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบันสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าได้ที่ https://bit.ly/459u6HD
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
กรุงศรี ออโต้ ชวนสัมผัสประสบการณ์ “ทดลองขับขี่” ยานยนต์แบบครบจบทุกสไตล์
ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ครั้งที่ 2“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) เชิญชวนเคนที่กำลังมองหารถป้ายแดงมาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนตัดสินใจซื้อรถ ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” งานทดลองขับขี่รถสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวี กว่า 29 แบรนด์ 70 รุ่น ไว้ในที่เดียว พร้อมจัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในงาน ลุ้นรับสิทธิ์ถึง 3 ต่อ และโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 500 บาท และรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เฉพาะภายในงานระหว่างวันที่ 16–17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK)
กรุงศรี ออโต้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในบริการสินเชื่อยานยนต์ ด้วยบริการทดลองขับขี่แบบครบวงจร เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ด้วยการให้ลูกค้าได้ทดลองขับขี่จริงก่อน
เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ ผ่านการจัดงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในครั้งนี้ กรุงศรี ออโต้ กลับมาในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่ผ่าน 4 โซนหลัก เพื่อเชื่อมต่อผู้บริโภคกว่า 3,000 คน และพันธมิตรยานยนต์กว่า 29 แบรนด์ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองขับขี่กันอย่างจุใจ โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย- Test Drive & Ride Zone ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อรถได้สัมผัสประสบการณ์ทดลองขับขี่ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มากกว่า 70 รุ่น จากกว่า 29 แบรนด์ชั้นนำ บนเส้นทางทดสอบที่ออกแบบมาให้สามารถสัมผัสสมรรถนะจริงของรถ เพื่อให้ผู้ทดลองสามารถพิจารณาก่อนตัดสินใจ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกทดลองได้สูงสุดถึง 3 คันต่อคน
- Krungsri Auto Advisory Zone พบกับทีมที่ปรึกษาด้านการเงินจาก กรุงศรี ออโต้ ที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนการผ่อนชำระให้เหมาะกับอาชีพ รายได้ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
- Market Zone รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักรถและการเดินทาง อาทิ หมวกกันน็อคที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Glancing Off ที่ช่วยเบี่ยงเบนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MUFU กล้องติดหมวกกันน็อค อันดับ 1 จากประเทศไต้หวัน ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพอัตโนมัติ
PT Maxnitron น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% คุณภาพสูง เกรดพรีเมียม พร้อมด้วยสินค้าและอุปกรณ์เสริมอื่นอีกมากมาย - Fill the Tank Zone อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดจากร้านดัง ที่ขนทัพมาเสิร์ฟถึงหน้างานให้ลิ้มลองอย่าง
ร้านสุกี้พรศิริ ร้านคั่วไก่ไอ้เครา ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านอาหารชื่อดังอื่น ๆ ที่น่าลิ้มลอง
ทั้งนี้ พลาดไม่ได้กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ! กรุงศรี ออโต้ ยังได้ขนทัพผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อ รวมถึงรางวัลมากมายสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025 ไม่ว่าจะเป็น
แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อรถใหม่ ‘กรุงศรี นิว คาร์’ รับสิทธิ์ 3 ต่อ
- ต่อที่ 1: ลูกค้าที่ร่วมงานและสมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 70 รางวัล มูลค่าสูงสุด 10,990 บาทต่อสัญญา รวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท
- ต่อที่ 2: ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 รับเพิ่มบัตรของขวัญกรุงศรี (Krungsri Gift Card) มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท
- ต่อที่ 3: ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเก่าที่ปิดบัญชีไม่เกิน 5 ปี (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ประกันภัย) รับสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 สัญญาเช่าซื้อ จากแคมเปญ ‘Welcome Back กรุงศรี นิว คาร์ รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อ ‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ และ ‘กรุงศรี บิ๊ก ไบค์’
- ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 จะได้รับของสมนาคุณตามประเภทรถ ได้แก่
- Big Bike ขนาด 250 ซีซี. ขึ้นไป รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 500 บาท
- Normal Bike และ Junior Bike ขนาดไม่เกิน 250 ซีซี. รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 200 บาท
- EV Bike รับบัตรกำนัล Lotus’s มูลค่า 200 บาท
- รับเพิ่ม! กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับลูกค้าที่จองและทำสัญญาภายในงาน และได้รับอนุมัติภายใน 90 วัน
ลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ได้ระหว่างวันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK) โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL จัดสรรอุปกรณ์ใหม่ เพิ่มรุ่นเริ่มต้น
ปรับไลน์อัพใหม่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน ราคาใหม่ 899,000 บาท คุ้มค่าเกินราคา
มาสด้าเผยโฉมอีกหนึ่งยนตรกรรมภายใต้ ESSENTIAL COLLECTION ครอสโอเวอร์เอสยูวีสปอร์ตพรีเมี่ยม NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL ภายใต้แนวคิด “LIVE A LIFE OF VALUE” เติมเต็มชีวิตให้คุ้มค่ากับเอสยูวีที่ใช่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สง่างามด้วย โคโดะ ดีไซน์ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวและทรงพลัง มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เหนือระดับด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบสนองดีที่สุดให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการควบคุมการขับขี่ที่แม่นยำและสมดุล ด้วยสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 899,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุด ลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์ www.mazda.co.th
ทั้งนี้ New Mazda CX-30 Essential ได้มีการปรับเพิ่มออพชันและฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกรุ่น ซึ่งปัจจุบัน Mazda CX-30 มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย
- CX-30 Carbon Edition ราคาจำหน่าย 1,211,000 บาท
- CX-30 SP ราคาจำหน่าย 1,199,000 บาท
- CX-30 S ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท
- CX-30 C ราคาจำหน่าย 989,000 บาท
สำหรับ New Mazda CX-30 Essential ได้มีปรับไลน์อัพใหม่ ประกอบด้วย
- รุ่น PRIME ราคาจำหน่าย 899,000 บาท รุ่นเริ่มต้นใหม่ ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- รุ่น ULTRA ราคาจำหน่าย 999,000 บาท ปรับอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น C
- ร่น SIGNATURE ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท ปรับเพิ่มอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น S ในราคาเท่าเดิม
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร มีประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานมากกว่า 74 ปี ด้วยการเป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อให้รถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความสุขและเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ผู้คน และสังคม อันเป็นปณิธานสูงสุดของเรา ทั้งนี้ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์มาสด้ายังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก คือ การคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของแบรนด์ในทุกยนตรกรรม ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานรูปแบบใดก็ตาม มาสด้ายังคงคุณค่าหลัก 5 ประการ หรือ 5 Common Values ในการพัฒนารถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ประกอบด้วย
- Artful Design การออกแบบสร้างสรรค์ดุจงานศิลปะชิ้นเอก Car As Art ถ่ายทอดภายใต้คอนเซ็ป KODO: Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดดเด่นด้วยความสวยงามต้องตาต้องใจผู้พบเห็น ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงสีภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาสด้าที่ผลิตขึ้นด้วยแนวทาง “ทาคุมินูริ” ที่หมายถึงการเพ้นท์สีโดยช่างผู้ชำนาญการ
- Japanese Mastery ความเชี่ยวชาญ พิถีพิถันในแบบฉบับของญี่ปุ่น คุณค่าระดับสูง สัมผัสได้จากคุณภาพอันประณีตพิถีพิถัน และมีเสน่ห์เฉพาะของชาวญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดลงในทุกองค์ประกอบของรถมาสด้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตัดเย็บและการคัดสรรวัสดุภายในที่ประณีตดุจงานทำมือ แบบสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น
- Human-Centricity การออกแบบโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงการใช้งานตามหลักสรีรศาสตร์ของมนุษย์เป็นหลัก ทั้งในเรื่องตำแหน่งผู้ขับขี่ การจัดวางอุปกรณ์ความสะดวกต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร รวมถึงการจัดวางตำแหน่งเบาะนั่งที่ช่วยรักษากระดูสันหลังให้มีรูปทรงตัว S ทำให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่
- Effortless Joyful Driving ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและควบคุมง่ายดั่งใจ กับระบบการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล มั่นใจทุกการเข้าโค้ง พร้อมรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsense ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องและโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟช่วยลดการบาดเจ็บให้น้อยที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- Ingenious Solution นวัตกรรมอัจฉริยะขั้นสูง อาทิ เครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า SKYACTIV-G และเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE โดดเด่นด้วยการรวมทุกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติจากทุกระบบเข้ามาไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว
ครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม New Mazda CX-30 Essential ได้รับการออกแบบตามสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ ภายใต้ KODO Design, Soul of Motion มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นถึงความเรียบง่ายแต่งดงาม ถือเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมขึ้นไปอีกขั้น เพราะปรัชญาการออกแบบมาสด้า คือรถยนต์เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก “Car As Art” ที่บรรจงสรรสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ และยังคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านเทคโนโลยี SKYACTIV และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย i-Activsense ที่ให้ทั้งสะดวกสบายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน
Mazda CX-30 คือครอสโอเวอร์เอสยูวีเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของมาสด้า ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์เหล่านี้ไว้อย่างลงตัวในทุกองค์ประกอบ ทั้งยังได้รับการการันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม Thailand Car of the year 2020 เป็นรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัล World Car of the Year 2020, คว้ารางวัล Golden Steering Wheel Award 2019 ประเภท Compact SUV จากประเทศเยอรมนี, รางวัล RedDot Award 2020 ประเภท Product Design จากประเทศเยอรมนี, รางวัล Design Trophy 2020 ประเภท SUV และ ประเภท “Champion of all Classes” จากประเทศเยอรมนี และยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย รถรุ่นนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สร้างศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดให้กับแบรนด์มาสด้ามาจนถึงปัจจุบัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “Mazda CX-30 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ในช่วเดียวกันกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้ว่าการเปิดตัวจะเจอกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่ทำให้ความนิยมรถยนต์รุ่นนี้ลดลง กลับทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบันมีรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยไปแล้วกว่า 25,000 คัน และยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดตัว New Mazda CX-30 Essential ภายใต้กลุ่ม ESSENTIAL COLLECTION ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ และปรับราคาใหม่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น โดยรุ่นเริ่มต้นใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีราคาให้เข้าถึงได้ง่ายเพียง 899,000 บาท ทางมาสด้าได้พัฒนาและออกแบบรุ่นย่อยใหม่ โดยคัดสรรอุปกรณ์ให้เหมาะสมและจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกรูปแบบ พร้อมราคาใหม่ที่ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีสไตล์ใหม่ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของชีวิตคู่ หรือเป็นครอบครัวเริ่มต้นขนาดเล็กที่ต้องการความอเนกประสงค์จากรถเอสยูวีที่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม”
นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus หนึ่งในเทคโนโลยี Skyactiv-Vehicle Dynamic ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
- รุ่น PRIME คุ้มสุด รุ่นเริ่มต้นใหม่ที่ออกแบบมาให้เป็นเจ้าของได้ง่าย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน กับราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม เพียง 899,000 บาท
โดยรวบรวมทุกเอกลักษณ์ของดีเอ็นเอรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่มาไว้อย่างลงตัว กับสมรรถนะเหนือระดับของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 13.0:1 ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมัน E85 ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร* ให้อัตราเร่งและการตอบสนองดีเยี่ยม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold และฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าปรับอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm ระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เบาะนั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 6 ทิศทาง พนักพิงด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว พนักพิงเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 กล้องมองหลัง พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
- รุ่น ULTRA สบายสุด มอบความสบายในราคาคุ้มค่ากว่าเคย ราคาจำหน่าย 999,000 บาท
มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต ทั้งระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด ผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่ออกแบบตามแนวคิดมนุษย์เป็นศูนย์กลางเอกลักษณ์ของมาสด้า ภายในตกแต่งอย่างประณีตมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายให้กับการใช้งานกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
*สำหรับ Android เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป สามารถเชื่อมต่อได้ทันที
- รุ่น SIGNATURE ครบทั้งสไตล์และฟังก์ชั่นที่ใช่ วางราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท
โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความครบครันในทุกฟังก์ชั่น มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟท้ายแบบ LED Signature กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน ขับสนุกได้อย่างใจด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และมอบความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC, ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS, ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC รบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยลัง ตอบรับความสุนทรีย์ได้ครบทุกจุดสัมผัสกับการออกแบบภายในห้องโดยสารที่พิถีพิถันเสมือนงานทำมือ เรียบหรูด้วยเบาะหนังสีดำ และเพิ่มอรรถรสให้การเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ประกอบด้วย
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature
- ไฟท้ายแบบ LED Signature
- กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
- ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-lighting System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนเนิน HLA (Hill Launch Assist)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- พวงมาลัยยุบตัวแปรผันตามการทำงานของถุงลมนิรภัย พร้อมแป้นเบรกยุบตัวได้
- คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
- หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
- ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
หมายเหตุ: สีแดง โซล เรด คริสตัล เพิ่ม 17,000 บาท สีเทา แมชชีน เกรย์ เพิ่ม 15,000 บาท และ สีขาว สโนเฟลค ไวท์เพิร์ล เพิ่ม 10,000 บาท
มาสด้าต้องการให้รถยนต์มาสด้าเข้ามาเติมเต็มวิถีการดำรงชีวิตของลูกค้า เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง ก่อเกิดเป็นความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-30 Essential จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ด้วยองค์ประกอบที่ใส่มาครบครัน พร้อมส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่และดีไซน์ที่สง่างาม ที่สำคัญมีการปรับราคาใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ลูกค้าที่สนใจสามารถแวะชมและสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
LAMBORGHINI SHOWCASE 2025 THE FUTURE UNLEASHED การปรากฎตัวของลัมโบร์กินีขุมพลังไฮบริดแบบครบไลน์ ครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2568 ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี
บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ ยกทัพลัมโบร์กินีขุมพลังไฮบริดแบบครบไลน์ ครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงในงาน LAMBORGHINI SHOWCASE 2025 อาทิ Lamborghini Temerario, Lamborghini Urus SE, Lamborghini Revuelto พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแห่งตำนาน เครื่องยนต์ N/A อย่าง Lamborghini Tecnica ภายในงานพบกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่พร้อมให้ทุกคนในครอบครัวได้ร่วมสนุกกัน ระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2568 ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น G
เรนาสโซ มอเตอร์ มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์การขับขี่และบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับท่านเจ้าของรถลัมโบร์กินี ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารงานด้านการบริการลูกค้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดของรถลัมโบร์กินีทุกคันก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้าคนสำคัญเสมอ
ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 2568 ยอดขายรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% คาดการณ์ตลาดปี 2568 อยู่ที่ 600,000 คัน
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 117,482 คัน ลดลง 1.5% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 185,212 คัน ลดลง 1.8% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 94,715 คัน ลดลง 12.7%
สำหรับยอดขายประจำเดือนมิถุนายน 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 9.4% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 2.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 15,307 คัน ลดลง 8.2%
- ประเด็นสำคัญ
- ตลาดรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 มียอดขาย 302,694 คัน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายสะสม 117,482 คัน ลดลง 1.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขายลดลง 1.8% ด้วยยอดขาย 185,212 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 94,715 คัน ลดลงถึง 12.7% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.8% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 21.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV อยู่ที่ 67,202 คัน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 56,529 คัน เติบโตขึ้น 54.5 %
- ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน 2568 มียอดขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 9.4% ด้วยยอดขาย 19,397 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 2.5% ด้วยยอดขาย 30,682 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 21,915 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.7% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 30.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 11.6% ด้วยยอดขาย 11,034 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 9,743 คัน เพิ่มขึ้น 59.9%
- ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนอาจลดหรือชะลอการลงทุนและการใช้จ่ายออกไป เพื่อรอความชัดเจนด้านต่างๆ จากสถานการณ์ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า รวมถึงความไม่แน่นอนระหว่างสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา
นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก โตโยต้ามียอดขายรถยนต์รวมที่ 113,889 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 37.6% โดยเฉพาะ ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up + รถกระบะดัดแปลง PPV) มียอดขายรวมอยู่ที่ 42,430 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์เซกเมนต์นี้ถึง 44.8% สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 39,644 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 33.7% อีกทั้งโตโยต้ายังมียอดขายรถยนต์ไฮบริดถึง 31,793 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 24% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มตลาด xEV ทั้งหมด
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในครึ่งปีแรก 2568 เริ่มส่งสัญญาณมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขยอดขายรวมครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 302,694 คัน หรือลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 1.7% เมื่อเทียบกับปี 2567 โตโยต้ายังคงคาดการณ์ระดับตลาดในปี 2568 ที่ระดับ 600,000 คัน สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% สร้างส่วนแบ่งทางการตลาด เท่ากับ 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยในครึ่งปีหลัง โตโยต้ามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่น ทั้งในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย เพื่อร่วมส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน”
- ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2568
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,105 คัน เพิ่มขึ้น 3% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,625 คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,149 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,575 คัน เพิ่มขึ้น 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,130 คัน ลดลง 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 16.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 876 คัน ลดลง 48.3% ส่วนแบ่งตลาด 4.5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,530 คัน ลดลง 4.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,625 คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 2,019 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.6%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,099 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 4,756 คัน ลดลง 22.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,399 คัน ลดลง 14.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,032 คัน
โตโยต้า 1,258 คัน – อีซูซุ 988 คัน – ฟอร์ด 578 คัน – มิตซูบิชิ 129 คัน – นิสสัน 33 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,269 คัน ลดลง 9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,841 คัน ลดลง 16% ส่วนแบ่งตลาด 51.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 3,768 คัน ลดลง 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 821 คัน ลดลง 23.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%
- สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 302,694 คัน ลดลง 7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 113,889 คัน ลดลง 2.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 37,506 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 35,355 คัน ลดลง 18.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 117,482 คัน ลดลง 5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 39,644 คัน เพิ่มขึ้น 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 19,672 คัน ลดลง 20.1% ส่วนแบ่งตลาด 16.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,915 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 185,212 คัน ลดลง 8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 74,245 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 37,506 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 20.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 15,683 คัน เพิ่มขึ้น 16.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 94,715 คัน ลดลง 12.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 42,430 คัน ลดลง 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 44.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 32,804 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 9,400 คัน ลดลง 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 20,714 คัน
โตโยต้า 7,294 คัน – อีซูซุ 6,183 คัน – ฟอร์ด 3,717 คัน – มิตซูบิชิ 888 คัน – นิสสัน 269 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 73,995 คัน ลดลง 4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 35,136 คัน ลดลง 17.7% ส่วนแบ่งตลาด 47.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 26,621 คัน ลดลง 23.2% ส่วนแบ่งตลาด 36%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,683 คัน ลดลง 19% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%
าง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine