• GEELY EX5 มอบข้อเสนอพิเศษแห่งปี “The Ultimate Deal” พร้อมส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

    1 Min Read

    GEELY EX5 มอบข้อเสนอพิเศษแห่งปี “The Ultimate Deal” พร้อมส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

    บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ จีลี่ (GEELY) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษแห่งปีกับแคมเปญ “The Ultimate Deal” สำหรับ GEELY EX5 รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า เกินราคาในแบบที่คุณคาดไม่ถึง การันตีคุณภาพระดับโลกด้วยรางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบจาก Red Dot Design Award 2025 พร้อมคะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากทั้ง Euro NCAP (European New Car Assessment Programme) และ ANCAP (Australasian New Car Assessment Program) ตอกย้ำมาตรฐานยานยนต์ระดับโลก พร้อมความมุ่งมั่นของ จีลี่ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และทันสมัยที่สุด เพื่อส่งมอบยานยนต์คุณภาพและความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าทั่วโลก

    ทั้งนี้ข้อเสนอพิเศษแห่งปี The Ultimate Deal” ขอมอบส่วนลดสูงสุดให้แก่ลูกค้ามูลค่า 100,000 บาท หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนนาน 60 เดือน เมื่อซื้อ GEELY EX5 ทั้ง 2 รุ่น จากราคาจำหน่ายปกติ ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

    • รุ่น MAX ราคาพิเศษ 899,000 บาท (ราคาปกติ 989,000 บาท)
    • รุ่น PRO ราคาพิเศษ 799,000 บาท (ราคาปกติ 899,000 บาท)
    • หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนนาน 60 เดือน จากราคาจำหน่ายปกติทั้ง 2 รุ่น

     

    พร้อมกันนี้ข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี “The Ultimate Deal” ยังมอบความคุ้มค่าแบบจัดเต็ม ด้วยสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้

    • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. นาน 1 ปี
    • ฟรี รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กม.
    • ฟรี รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี หรือ 160,000 กม.
    • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นานสูงสุด 8 ปี
    • ฟรี ฟิล์มกรองแสง Solar Gard Premium มูลค่า 22,000 บาท (เฉพาะรุ่น MAX)
    • ฟรี ส่วนลดพิเศษมูลค่า 25,000 บาท เมื่อซื้อ Home Charger พร้อม Portable Charger ที่โชว์รูม GEELY ทุกสาขา

    GEELY EX5 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี GEA (Global Intelligent Electric Architecture) พื้นฐานแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ จีลี่ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างที่ผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง CTB (Cell-to-Body Integration Technology) เทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับแพลตฟอร์มโครงสร้างรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย Short Blade Battery เทคโนโลยีแบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีขนาดเล็ก แต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพด้านระยะทางการขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย ADAS L2 (Advanced Driver Assistance System – Level 2) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ล้ำสมัย ครบครันด้วยฟังก์ชันความปลอดภัยรอบคัน 16 รายการ พร้อมกล้องมองภาพ 360 องศา ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดภาระผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 11-in-1 Intelligent Electric Drive ที่ผสานทุกเทคโนโลยีระบบการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน สนุกทุกการขับขี่ด้วยระบบเอนเทอร์เทนเมนต์ FLYME Auto ที่สามารถเชื่อมต่อและสั่งการด้วยเสียง พร้อมระบบเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยม FLYME Sound ที่ให้ครบทุกอรรถรสและมิติเสียง มาพร้อมกับชุดลำโพงระดับพรีเมียม 16 ตำแหน่ง ครบครันทุกรายละเอียดพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

    พร้อมกันนี้ บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ยังเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการขยายโชว์รูมและบริการหลังการขายให้ครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2568 กว่า 15 แห่งในหลายพื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา ระยอง บางบัวทอง มีนบุรี พัฒนาการ พระราม 3 เชียงราย ดอนเมือง ตลิ่งชัน และสระบุรี โดยภายในปี 2568 ยังตั้งเป้าเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติมครบ 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจทั้งในด้านการให้บริการ การซ่อมบำรุง การตรวจเช็กตามระยะ ความพร้อมของอะไหล่ ตลอดจนทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์พิเศษตามมาตรฐานของ จีลี่ ที่ทันสมัย เพื่อดูแลคุณภาพรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า GEELY EX5 ให้ดีที่สุดตั้งแต่วันส่งมอบจนถึงตลอดอายุการใช้งาน

    ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจมาร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับกับ GEELY EX5 อย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายในกิจกรรมโรดโชว์ “GEELY EX5: Road to New Experiences – สู่ประสบการณ์เต็มขั้น” ดังนี้

     

    • เซ็นทรัล เชียงใหม่    วันที่ 16 – 21 กรกฎาคม 2568
    • เซ็นทรัล ลาดพร้าว    วันที่ 31 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2568
    • บราโว บีเคเค             วันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2568
    • เซ็นทรัล ขอนแก่น    วันที่ 28 สิงหาคม – 3 กันยายน 2568

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “GWM HAVAL H6” ฉลองความสำเร็จครบรอบ 4 ปี สู่การเป็น SUV ขวัญใจคนไทย มอบ 3 ข้อเสนอพิเศษ ลูกค้าเก่ารับส่วนลดเพิ่ม 20,000 บาท

    2 Min Read

    GWM จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “GWM HAVAL H6” ฉลองความสำเร็จครบรอบ 4 ปี  สู่การเป็น SUV ขวัญใจคนไทย มอบ 3 ข้อเสนอพิเศษ ลูกค้าเก่ารับส่วนลดเพิ่ม 20,000 บาท

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุดจัดแคมเปญเฉลิมฉลองของ GWM HAVAL H6 ที่ได้ร่วมเดินทางพร้อมกับชาวไทยครบ 4 ปี โดยรถยนต์เอสยูวีรุ่นนี้เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ GWM ได้นำมาให้ชาวไทยได้สัมผัสเมื่อครั้งเปิดตัวแบรนด์ GWM ในประเทศไทย โดยตลอดรระยะเวลาดังกล่าว ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า GWM HAVAL H6 เป็นรถยนต์คุณภาพที่สามารถครองใจผู้ใช้งานชาวไทย และได้รับเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นเสมอมา ในโอกาสครบรอบ 4 ปีแห่งเส้นทางความสำเร็จครั้งใหญ่นี้ GWM ขอขอบคุณแฟน ๆ ชาวไทย ด้วยการมอบแคมเปญสุดพิเศษ “GWM HAVAL H6 4th Anniversary” ที่มาพร้อม โปรโมชันจัดเต็ม 3 ทางเลือก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยครอบคลุมทั้งรุ่น ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV และ ALL NEW GWM HAVAL H6 HEV ให้ผู้ที่สนใจได้เลือกข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจ ไม่ว่าจะสายชิล เน้นผ่อนเบา สบาย ๆ ทุกเดือน หรือสายอัปเกรดตัวจริง นำรถเก่ามาแลกใหม่ ให้จ่ายไม่พลาดทุกดีล และสายมองไกล ใช้ยาว คุ้มทุกระยะ พิเศษสุด! เพื่อขอบคุณลูกค้าคนสำคัญที่ได้ให้ความไว้วางใจในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ลูกค้าเก่าของ GWM ทุกรุ่น รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาทอีกทันที โดยทั้งสามข้อเสนอนี้ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ตั้งแต่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 นี้เท่านั้น

    เลือกข้อเสนอที่ใช่ ในสไตล์ที่เป็นตัวเองกับ ALL NEW GWM HAVAL H6 พร้อม 3 ทางเลือกสุดพิเศษ!*

    • แพ็กเกจที่ 1 : สายชิล ผ่อนเบา เอาอยู่ทุกเดือน**

    สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ “ผ่อนสบาย แบบไร้กังวล” GWM พร้อมตอบโจทย์ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระรายเดือนท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน ด้วยโปรแกรมช่วยผ่อนรายเดือนเพียง 5,000 บาท มอบให้นานถึง 12 เดือน สำหรับผู้เลือก ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV รวมมูลค่าสูงถึง 60,000 บาท และ 10 เดือน สำหรับผู้เลือก ALL NEW GWM HAVAL H6 HEV รวมมูลค่า 50,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับความคุ้มค่าทวีคูณด้วยข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ อย่าง ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.95% เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมรับส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท สำหรับรุ่น PHEV และ 70,000 บาท สำหรับรุ่น HEV

    • แพ็กเกจที่ 2 : สายอัปเกรดตัวจริง นำรถเก่ามาแลกใหม่ ให้จ่ายไม่พลาดทุกดีล**

    สำหรับผู้ที่มองหาความคุ้มค่าในการอัปเกรดรถคันใหม่แบบไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ GWM ขอมอบทางเลือกที่ 2 TRADE-IN รถเก่าแลกรถใหม่” พร้อมรับสิทธิประโยชน์เพิ่มสูงสุดถึง 60,000 บาท เมื่อซื้อ ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEVและรับสิทธิ 50,000 บาท เมื่อซื้อ ALL NEW GWM HAVAL H6 HEV โดยข้อเสนอสุดพิเศษนี้สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นหลัก ทั้งส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท สำหรับรุ่น PHEV และ 70,000 บาท สำหรับรุ่น HEV พร้อมดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 1.95% เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ทำให้สามารถควบรวมข้อเสนอด้านราคา ดอกเบี้ย และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้อย่างลงตัว

    • แพ็กเกจที่ 3 : สายมองไกล ใช้ยาว คุ้มทุกระยะ**

    สำหรับผู้ที่มองหา “ความคุ้มค่าในระยะยาว” GWM จัดเต็มข้อเสนอเพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเลือก ALL NEW GWM HAVAL H6 HEV หรือ PHEV ก็รับสิทธิประโยชน์ด้านการดูแลรักษาแบบครบครัน โดยมอบบริการ GWM Pro Service Inclusive (GPSI) ครอบคลุมค่าอะไหล่และค่าแรงในการบำรุงรักษาตามระยะทางสูงสุดถึง 10 ครั้ง ภายใน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมมูลค่าสูงสุด 43,820 บาท (ในรุ่น PHEV) และ 43,200 บาท (ในรุ่น HEV) พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรถได้อย่างเห็นผล สำหรับลูกค้าที่เลือกรุ่น PHEV ยังได้รับ GWM Home Charger พร้อมบริการติดตั้งฟรี 1 ครั้ง (ในระยะสายไฟไม่เกิน 15 เมตร) รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท พร้อมรับส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท สำหรับรุ่น PHEV และ 70,000 บาท สำหรับรุ่น HEV และดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 1.95% เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบสบายใจในระยะยาว ทั้งสะดวก ประหยัด และคุ้มค่าตั้งแต่วันแรกที่รับรถจนถึงทุกการเดินทางในอนาคต

    สำหรับลูกค้าเก่าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ GWM ทุกรุ่น รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาทจากข้อเสนอทั้ง 3 ทางเลือก** ยิ่งไปกว่านั้น ALL NEW GWM HAVAL H6 HEV และ PHEV ทุกรุ่นมาพร้อมกับการรับประกันภัยชั้น 1 นานถึง 1 ปีเต็ม มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ฟิล์มกรองแสง Lamina CM ONE มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท (รุ่น PHEV) และ 9,900 บาท (รุ่น HEV) บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท บริการระบบตรวจสอบและสั่งการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถนาน 3 ปีเต็ม มูลค่า 10,500 บาท รวมถึงการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร*** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และในรุ่น PHEV มีการรับประกันแบตเตอรี่ เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร*** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับรุ่น HEV ไม่จำกัดระยะทาง***

    * เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ ALL NEW GWM HAVAL H6 ได้ที่ แอปพลิเคชัน GWM และ www.gwm.co.th

    ** ทุกทางเลือก ได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าเก่า GWM ทุกรุ่น

    รับส่วนลดเพิ่ม 20,000 บาท จากโปรโมชันที่เลือก เพียงแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของรถ GWM รุ่นใดก็ได้

    *** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

    เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา GWM HAVAL H6 ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพระดับโลก ประสิทธิภาพขั้นสูง และความสามารถในการตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความคุ้มค่า ความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เรารู้สึกซาบซึ้งในความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศที่เลือกให้ GWM เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการเดินทาง และขอขอบคุณทุกเสียงตอบรับที่มีค่าต่อการพัฒนาแบรนด์ของเราอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสครบรอบ 4 ปีของ GWM HAVAL H6 ในประเทศไทย GWM จึงตั้งใจมอบแคมเปญสุดพิเศษนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนความเชื่อมั่นของลูกค้าทุกท่าน และออกแบบข้อเสนอที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งรุ่น HEV และ PHEV เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการและสไตล์การใช้ชีวิตของตนเองได้มากที่สุด สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ GWM ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้งาน (All Users) และตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ (All Scenarios) อย่างแท้จริง”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา NEW GWM TANK 500 DIESEL รถยนต์ PPV ระดับพรีเมียม 24 กรกฎาคมนี้!

    1 Min Read

    GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา NEW GWM TANK 500 DIESEL รถยนต์ PPV ระดับพรีเมียม 24 กรกฎาคมนี้!

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ยกระดับตลาด PPV ในประเทศไทย เตรียมนำสุดยอดรถยนต์ระดับพรีเมียม NEW GWM TANK 500 DIESEL ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งานในประเทศไทย ฉีกกฏการขับขี่และทุกความเชื่อเดิม ๆ ของเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน ด้วยการเป็น PPV เพียงหนึ่งเดียวในไทยจาก GWM ที่ผสานพลังดีเซลใหม่กับความหรูหรา สง่างาม สะดวกสบาย และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อมอบนิยามใหม่ของ PPV พรีเมียมอัจฉริยะในทุกมิติ สร้างมาตรฐานใหม่สู่การขับขี่ระดับพรีเมียมในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง พร้อมเปิดตัวเป็น “ประเทศแรกในโลก” อย่างเป็นทางการ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ รับชมการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศผ่านทาง Facebook, YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป

    นอกเหนือจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพิสูจน์จากความสำเร็จของ GWM TANK 300 DIESEL ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ ทรงพลัง แรง แต่เงียบกว่า นิ่งกว่า และนุ่มนวลกว่าแล้วนั้น NEW GWM TANK 500 DIESEL ยังเตรียมยกระดับการเดินทางทั้ง 4 ด้านให้แก่ลูกค้าชาวไทย ได้แก่ 1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ความสบายเหนือระดับ 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริปผจญภัย โดย NEW GWM TANK 500 DIESEL คือ นิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง

    NEW GWM TANK 500 DIESEL ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มอบการขับขี่ที่ลื่นไหล คล่องตัว โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก-ภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนัง Nappa และไฟ Ambient Light เพิ่มบรรยากาศพรีเมียมทุกมิติ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสกลางขนาด 12.3 นิ้ว และ 14.6 นิ้ว รองรับ Smart Dual Screen Interaction เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมโยงอย่างลงตัว รวมถึงกล้องแสดงภาพรอบคัน 540 องศา (กล้อง 360 องศาพร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ) เสริมด้วยฟังก์ชันระดับวีไอพี เช่น Welcome Seat พร้อมระบบนวด, ระบบเสียงรอบทิศจากลำโพง 12 ตำแหน่ง, พื้นที่เก็บสัมภาระจุใจ 795 ลิตร และระบบกรองอากาศ N95 รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับ L2+ ที่อัดแน่นและโครงสร้างตัวถังแบบ Cage-Type ที่แข็งแกร่ง ทนทานต่อการชนและแรงกระแทก พร้อมรับทุกความท้าทายในการเดินทางอย่างมั่นใจ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนทั้ง 2WD และ 4WD พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 รูปแบบ (ในรุ่น 2.4T ULTRA 4WD) โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.4T PRO, 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD* เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน โดยเฉพาะรุ่น ULTRA และ ULTRA 4WD ที่มาพร้อมสีตกแต่งพิเศษ Black Warrior” ถ่ายทอดอารมณ์เข้ม ดุดัน และทรงพลังได้อย่างมีเอกลักษณ์ (*ผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นมีข้อมูลและอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โปรดศึกษารายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยเพิ่มเติม)

    เตรียมนับถอยหลังไปด้วยกัน กับการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ยนตรกรรม PPV พรีเมียมอัจฉริยะ ที่พร้อมจะปลดล็อกทุกข้อจำกัดและเขียนนิยามบทใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ PPV เมืองไทย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นี้!


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM (Thailand) เตรียมเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL ผ่านกลยุทธ์ Presenter Marketing ดึง “ป้อง ณวัฒน์” สะท้อนกลุ่มเป้าหมายพรีเมียมเหนือระดับ

    1 Min Read

    GWM (Thailand) เตรียมเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL ผ่านกลยุทธ์ Presenter Marketing ดึง “ป้อง ณวัฒน์” สะท้อนกลุ่มเป้าหมายพรีเมียมเหนือระดับ

     

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” เตรียมเดินหน้าเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL รถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียม PPV 7 ที่นั่ง พร้อมขับเคลื่อนความพรีเมียมที่แตกต่างด้วยกลยุทธ์ Presenter Marketing ดึง “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” เป็น “พรีเซ็นเตอร์คนไทย” ของรถยนต์รุ่นนี้ เจาะอินไซต์ผู้ชายไทยที่ต้องการรถยนต์ ‘พรีเมียม + สมาร์ท’ สะท้อนภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมของรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นนี้ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกด้านของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้แก่วงการรถยนต์พร้อมกับการเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรับชมไลฟ์สดพร้อมกันทั่วประเทศได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป

    “ป้อง ณวัฒน์” สะท้อนถึงข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ซึ่งเป็นผู้ชายไทยวัยทำงานที่ประสบความสำเร็จ มีสไตล์ มีความชื่นชอบที่แตกต่าง เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ ๆ พร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต รักครอบครัว และต้องการบาลานซ์ระหว่าง “งาน ชีวิต ไลฟ์สไตล์” อย่างลงตัว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยภาพลักษณ์ของผู้ชายที่ใช้ชีวิตอย่างมีระดับ พร้อมมาดสุขุม ลุ่มลึก มีเอกลักษณ์ แข็งแกร่ง และทรงพลัง ทั้งในฐานะนักแสดงแถวหน้าของประเทศไทยและในประเทศจีน และบทบาทนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดย ป้อง ณวัฒน์ สามารถส่งต่อภาพลักษณ์อันโดดเด่น หรือ Brand Persona ของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ออกมาได้อย่างชัดเจน

    เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่าGWM มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับ ป้อง ณวัฒน์ ในครั้งนี้ การใช้ ป้อง ณวัฒน์ ไม่ได้เป็นแค่การสร้างการรับรู้ (Awareness) แต่เป็นการวางบุคลิกลักษณะของพรีเซ็นเตอร์และผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม จากภาพลักษณ์ที่ “สำเร็จแต่เปิดกว้าง” “เหนือระดับแต่ไม่อวดอ้าง” “มีวุฒิภาวะแต่ยังทันสมัย” และยังบาลานซ์ได้ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว และธุรกิจ ดังนั้น ป้อง ณวัฒน์ จึงมีความเป็นตัวตนที่สอดคล้องกับลักษณะอันโดดเด่นของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ได้อย่างกลมกลืน การใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ของเรา คือการเชื่อมโยงแบรนด์กับความเป็นพรีเมียม ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในแบบที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่ด้วยรูปลักษณ์ของรถยนต์ แต่ผ่านการเล่าเรื่อง ไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตจริงของพรีเซ็นเตอร์ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ GWM สู่ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียม PPV 7 ที่นั่งในประเทศไทย ด้วยการตลาดเชิงกลยุทธ์ที่ผสาน “ความเข้าใจคน” เข้ากับ “ความเข้าใจแบรนด์”

    NEW GWM TANK 500 DIESEL เตรียมมอบประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
    1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริปผจญภัย นิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง

    เตรียมนับถอยหลังสู่งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “NEW GWM TANK 500 DIESEL” วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ พร้อมยกระดับประสบการณ์ PPV พรีเมียมให้กับผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับก่อนใครได้แล้ววันนี้ ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Application, www.gwm.co.th หรือ GWM Contact Center 02-668-8888


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “อีซูซุ” แจกจริง กับแคมเพจ์นสุดพิเศษ “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์”

    1 Min Read

    “อีซูซุ” แจกจริง กับแคมเพจ์นสุดพิเศษ “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์”

    อีซูซุจัดแคมเพจ์นพิเศษ “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์” สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถอีซูซุ ดีแมคซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568  ลุ้นรับรางวัลจี้ทองคำน้ำหนัก 2 สลึง มูลค่า 26,051.39 บาท จับรางวัลทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 22 รางวัล จำนวน 9 สัปดาห์ รวม 198 รางวัล คิดเป็นมูลค่ารวม 5,158,175.17 บาท ตอกย้ำแนวคิด “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” รถปิกอัพคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” ปิกอัพที่รวมทุกความต้องการไว้ครบ ทั้งในเรื่องความแรง ความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน การเกาะถนน และความคุ้มค่า จับสลากครั้งแรกโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้แทนจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยและผู้แทนสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด

    ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม https://www.isuzu-tis.com/specialoffer/pup/dmdj

    หมายเหตุ

    – สิทธิ์ในการลุ้นรางวัลจะถูกแบ่งตามรอบการจับรางวัล ผู้ที่ซื้อและรับรถในช่วงเวลาของรอบใด จะมีสิทธิ์ ลุ้นรางวัลเฉพาะในรอบการจับรางวัลของสัปดาห์นั้นๆ เท่านั้น และสิทธิ์ดังกล่าวจะไม่ถูกนำไปรวมเพื่อจับรางวัลในรอบถัดไป

    – ผู้โชคดีมีสิทธิ์ได้รับรางวัลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และลูกค้า 1 สิทธิ์ จะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลจับสลากได้เพียง 1 ครั้ง (1รอบ) เท่านั้น ลูกค้านิติบุคคลและลูกค้ารายใหญ่ (Fleet Customer) สามารถร่วมแคมเพจ์นได้ และได้รับ 1 สิทธิ์เท่านั้น

    – ประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่มีการจับสลาก เวลา 18.00 น. ผ่านเพจ FB : All-New ISUZU D-Max และทางผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วประเทศ พร้อมรายละเอียดการรับรางวัล

    – ใบอนุญาตจับสลากเลขที่ 1047-1055/2568


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • เปิดตัวแล้ว! Café Amazon Digital Store แห่งแรกของไทย จับมือร่วมกับ LINE MAN Wongnai ชูเทคโนโลยียกระดับประสบการณ์ สั่ง-จ่าย-รับ ไม่ต้องต่อคิว

    1 Min Read

    เปิดตัวแล้ว! Café Amazon Digital Store แห่งแรกของไทย จับมือร่วมกับ LINE MAN Wongnai ชูเทคโนโลยียกระดับประสบการณ์ สั่ง-จ่าย-รับ ไม่ต้องต่อคิว

                Café Amazon ร้านกาแฟอันดับ 1 ขวัญใจผู้บริโภค จับมือร่วมกับ LINE MAN Wongnai ผู้นำแพลตฟอร์มออนดีมานด์ อันดับ 1 ของไทย พร้อมยกระดับประสบการณ์บริการที่ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ Wongnai POS Order and Pay ระบบสแกนสั่งอาหาร และชำระเงิน ผ่าน QR Code และฟีเจอร์ Pick & Go สั่งล่วงหน้าบน LINE MAN พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการที่ดีที่สุดเพื่อคนไทย โดยคนไทยอย่างแท้จริง

              คุณไกรพิท เปรมมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า “Café Amazon มุ่งมั่นส่งมอบ กาแฟคุณภาพให้เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่ม นอกจากจะร่วมมือกับ LINE MAN บริการเดลิเวอรีเพื่อ ส่งมอบความสุขไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศแล้ว ล่าสุดเรานำเทคโนโลยีดิจิทัลโซลูชั่น Wongnai POS Order & Pay และ Pick & Go สั่งล่วงหน้าบน LINE MAN เข้ามาใช้งานอย่างเป็นทางการ เริ่มที่ Café Amazon สาขา Forestry ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (EnCo) เป็นเรือธงสาขา Digital Store แห่งแรกของไทย ตอกย้ำความเป็นแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งรอบด้าน ทั้งคุณภาพ รสชาติ และนวัตกรรม โดยนำเทคโนโลยีจาก LINE MAN Wongnai เป็นพาร์ทเนอร์หลักที่ช่วยยกระดับการบริการให้กับผู้บริโภคและบริหารจัดการร้าน มุ่งเน้นผลลัพธ์ในการสร้างประสบการณ์ที่สะดวกสบายให้กับผู้บริโภค ทำให้การซื้อกาแฟเป็นเรื่องง่าย สะดวกและรวดเร็ว  และยังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการร้าน ที่เปลี่ยนจากการสั่งผ่านพนักงานเป็นดิจิทัล 100% LINE MAN ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างยอดขายเดลิเวอรีกับ Café Amazon อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดออเดอร์กว่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนของการสั่ง Bakery หรือสินค้า Non-beverage ควบคู่กับเครื่องดื่มสูงขึ้น และเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี

              คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า  “LINE MAN Wongnai มุ่งมั่นผลักดันผู้ประกอบการไทยให้เติบโตด้วยเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด ‘Digitalize Thailand’ โดยเชื่อว่าหัวใจของการทำธุรกิจยุคใหม่ คือการเชื่อมต่อระหว่างร้านค้าและผู้บริโภคอย่างลื่นไหล ความร่วมมือกับ Café Amazon เปิดสาขา Digital Store แห่งแรกของไทย จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจร้านอาหาร ผ่าน 2 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ Wongnai POS: Order & Pay ระบบที่ให้ลูกค้าสแกน QR Code ที่โต๊ะหรือเคาน์เตอร์เพื่อเลือกเมนู สั่งอาหาร และชำระเงินด้วยตัวเอง และ Pick & Go ฟีเจอร์สั่งล่วงหน้าผ่านแอป LINE MAN แล้วไปรับที่ร้านได้ทันที โดยไม่ต้องรอคิวฟีเจอร์เหล่านี้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและความสะดวก จากฐานข้อมูลของ LINE MAN Wongnai พบว่า ลูกค้ากว่า 72% ชอบร้านที่มีหลายช่องทางให้สั่ง และ 66% ต้องการจ่ายเงินได้หลายแบบ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถตอบโจทย์ได้ครบถ้วน พร้อมช่วยร้านค้าลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และขยายโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว”

    นำร่องใช้ฟีเจอร์ Mobile Order และ Pick & Go ยกระดับประสบการณ์การสั่งกาแฟที่ดีกว่าเดิม

    Café Amazon ร่วมมือกับ LINE MAN Wongnai เปิดตัว Digital Store แห่งแรกของไทย ณ สาขา Forestry ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (EnCo) นำร่องใช้ฟีเจอร์ Wongnai POS Order & Pay และ Pick & Go  มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เพิ่มศักยภาพในการรองรับลูกค้า สามารถผลิตกาแฟได้ถึง 60 แก้วต่อชั่วโมง หรือคิดเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับการบริการแบบเดิม รองรับคำสั่งซื้อจำนวนมากในช่วง เวลาเร่งด่วนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมขยายไปยังสาขาอื่น ๆ ทั่วประเทศ

    ความร่วมมือระหว่าง LINE MAN และ Café Amazon สะท้อนให้เห็นถึงผู้นำแบรนด์ไทยทั้งสองด้าน ที่พร้อมพัฒนาและเติบโตเพื่อผู้บริโภคคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยการยกระดับมาตรฐาน อุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นการดึงเทคโนโลยีมา ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไทยอย่างแท้จริง

    Café Amazon ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่านมาร่วมเปิดประสบการณ์ดิจิทัลครั้งใหม่กับ Café Amazon สาขา Forestry ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (EnCo) ลองใช้บริการสั่งซื้อด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านมือถือหรือ Kiosk พร้อมลิ้มลองเมนูโปรดในรูปแบบที่รวดเร็วและทันสมัยยิ่งกว่าเดิม ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Café Amazon


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ททท. ส่งแคมเปญ “Burn Out Break” ชวนคนทำงานเติมไฟ ออกเที่ยว 55 เมืองน่าเที่ยวทั่วไทย อัดโปรดีเพียบ

    1 Min Read

    ททท. ส่งแคมเปญ “Burn Out Break” ชวนคนทำงานเติมไฟ ออกเที่ยว 55 เมืองน่าเที่ยวทั่วไทย อัดโปรดีเพียบ

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าใจดีถึงความรู้สึกนี้ เลยจัดแคมเปญสุดปัง “Burn Out Break” มาเอาใจคนทำงานโดยเฉพาะ ภายใต้โครงการ “เมืองน่าเที่ยว Year of Celebration” ที่จะพาคุณไปชะลอจังหวะชีวิต พักกาย พักใจ และเติมพลังให้เต็มที่ใน 55 เมืองน่าเที่ยวทั่วไทย ตลอดหน้าฝนนี้ (มิถุนายน – สิงหาคม 2568)แนวคิดหลักของแคมเปญนี้คือ #JustSlowDown ให้คุณได้หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ ไปสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เรียบง่าย แถมมีสิทธิพิเศษและโปรโมชันจากพันธมิตรจัดเต็ม ทั้งที่พัก การเดินทาง กิจกรรม และไลฟ์สไตล์

    ททท. เผยผลสำรวจที่น่าสนใจว่า พนักงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้ม “หมดไฟ” สูง เพราะภาระงานที่หนักอึ้ง ความรับผิดชอบในระบบราชการ และเวลาส่วนตัวที่จำกัด ทำให้ดูแลสุขภาพจิตได้ไม่เต็มที่ แคมเปญนี้จึงเป็นเหมือน “ทางออก” ให้คนกลุ่มนี้ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง รวมถึงคนทำงานทุกคนที่อยากชาร์จพลังใจให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

    สิทธิพิเศษแน่นๆ จากเหล่าพันธมิตร

    เพื่อให้ทริปพักใจของคุณคุ้มค่าและสบายกระเป๋า ททท. ได้จับมือกับพันธมิตรชั้นนำ มอบส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย:

    • Patois: ลดทันที 8% สูงสุด 500 บาท สำหรับแพ็คเกจเที่ยว กิจกรรม ที่พักใน 55 เมืองน่าเที่ยว! ลูกค้า Max Card Plus รับ Max Point เพิ่ม x3 และส่วนลดพิเศษอีก 8% (สูงสุด 1,500 บาทตลอดโครงการ)
    • นครชัยแอร์: ซื้อตั๋ว 2 ที่นั่งในเส้นทางเมืองน่าเที่ยว รับส่วนลด 50 บาท
    • สายการบิน VietJet: ลด 15% สำหรับเส้นทาง กรุงเทพ–เชียงราย / กรุงเทพ–อุบลราชธานี / กรุงเทพ–อุดรธานี
    • Local Alike: แพ็คเกจเที่ยวชุมชนสุดฟิน! ลูกค้าทั่วไปลดสูงสุด 10% พิเศษ! พนักงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจลดสูงสุดถึง 20%
    • ธนาคารกรุงเทพ (BBL): ใช้บัตรเครดิต BBL ในร้านค้าที่ร่วมโครงการ แลกคะแนนสะสม Thank You Rewards เท่ายอดใช้จ่าย รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% (สำหรับบัตรท่องเที่ยว, พินนาเคิล, อินฟินิท, ผู้นำแพลทินัม) และ 13% สำหรับบัตรเครดิตประเภทอื่น
    • PTG / Max Card: สมาชิก Max Card รับคะแนนสะสม x2 เมื่อลงทะเบียนและเติมน้ำมันที่ปั๊ม PT ใน 55 เมืองน่าเที่ยว
    • ร้านคาเฟ่ท้องถิ่นกว่า 150 ร้าน: พร้อมมอบโปรโมชันและกิจกรรมพิเศษ ให้คุณได้นั่งชิลล์ในคาเฟ่บรรยากาศดีทั่วประเทศ

    เที่ยวครบ รับรางวัลใหญ่ “Burn Out Break to the Max”

    นอกจากโปรดีๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกับ “Burn Out Break to the Max” ลุ้นรับรางวัลใหญ่รวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท! เพียงสะสมยอดใช้จ่ายจากร้านค้าพันธมิตร (ร้านกาแฟ, ที่พัก, รถทัวร์, สายการบิน, แพ็กเกจเที่ยว) โดยสแกนใบเสร็จผ่าน LINE OA: Burn Out Break

    • นักท่องเที่ยวทั่วไป : สะสมยอดครบ 2,500 บาท
    • พนักงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ: สะสมยอดครบเพียง 2,000 บาท (พร้อมแสดงหลักฐานยืนยัน)

    กิจกรรมนี้มี 3 รอบตลอดแคมเปญ: เดือนมิถุนายน, กรกฎาคม และสิงหาคม 2568 ใครเป็น 1 ใน 10 คนแรกของเดือนที่สะสมยอดครบ รับของรางวัลพิเศษไปเลย!

    จำไว้ว่า…การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือการดูแลใจที่จำเป็น! แคมเปญ “Burn Out Break” คือโอกาสทองที่คุณจะได้ให้รางวัลตัวเอง ออกเดินทางสู่เมืองน่าเที่ยว ชะลอจังหวะชีวิต หยุดพักบ้าง แล้วค่อยก้าวต่อไปอย่างมีพลัง!

    สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้เลยที่เว็บไซต์ www.เมืองน่าเที่ยว2568.com


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ปอร์เช่ (Porsche) ลุยทดสอบ คาเยนน์ อิเล็กทริค เอสยูวี (Cayenne Electric SUV) โชว์เหนือชั้นทุกสมรรถนะ

    1 Min Read

    ปอร์เช่ (Porsche) ลุยทดสอบ คาเยนน์ อิเล็กทริค เอสยูวี (Cayenne Electric SUV) โชว์เหนือชั้นทุกสมรรถนะ

    คาเยนน์ อิเล็กทริค (Cayenne Electric) พรางตัวทดสอบสมรรถนะและความอเนกประสงค์ก่อนเปิดตัวสู่สาธารณชน

     

    การทดสอบ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) รุ่นใหม่ กำลังเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบทั่วโลก โดยปอร์เช่ได้พัฒนารถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าเจเนอเรชั่นที่สอง และได้ส่งรถต้นแบบที่ใกล้เคียงรุ่นผลิตจริงลงทดสอบเพื่อเก็บสถิติในด้านต่าง ๆ พร้อมเปิดเผยสมรรถนะและความอเนกประสงค์ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้าน

     

    สตุ๊ทการ์ท. ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ได้สร้างเอกลักษณ์จากความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งในรุ่นขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ คาเยนน์รุ่นใหม่ ก็ยังคงสานต่อจุดแข็งนั้น พร้อมยกระดับการผสานระหว่างสมรรถนะ การใช้งานในชีวิตประจำวัน ความสะดวกในการเดินทางไกล และความสามารถในการลุยเส้นทางออฟโรดให้ลงตัวยิ่งกว่าที่เคย โดยปอร์เช่ได้แจ้งเกิด คาเยนน์ อิเล็กทริค ก่อนเปิดตัวสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ ผ่านการร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศอังกฤษ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถรุ่นใหม่นี้

     

    ช่วงล่างแบบแอคทีฟมอบความเสถียรและความแม่นยำ สู่การทำลายสถิติใหม่

    ปอร์เช่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสมรรถนะระดับสูงของ คาเยนน์ อิเล็กทริค ที่กำลังจะเปิดตัว ในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ นั่นคือ สนามแข่งขึ้นเขาที่สูงชันอย่าง เชลสลี่ย์ วอลช์ (Shelsley Walsh) ซึ่งจัดแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1905 และถือเป็นหนึ่งในรายการมอเตอร์สปอร์ตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยรถต้นแบบที่ใกล้เคียงกับรุ่นผลิตจริงได้เข้าร่วมถ่ายทำ พร้อมกับคลุกคลีอยู่ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันรายการ บริติช ฮิลล์ไคลม์ แชมเปียนชิพ (British Hillclimb Championship) โดยมีผู้ควบคุมพวงมาลัยคือ กาเบรียลา ยิลโคว่า (Gabriela Jílková) นักขับซิมูเลเตอร์และนักพัฒนารถจากทีม แทค ฮอยเออร์ ปอร์เช่ ฟอร์มูลา อี (TAG Heuer Porsche Formula E) ซึ่งได้ขับ คาเยนน์ อิเล็กทริค รุ่นต้นแบบขึ้นเนินแอสฟัลต์ที่มีความกว้างเพียง 3.5 เมตรในบางจุด ความชันสูงสุดถึง 16.7 เปอร์เซ็นต์ และมีความยาวทั้งสิ้น 1,000 หลา (914 เมตร) และในความพยายามครั้งแรก เธอได้ทำลายสถิติเวลาเดิมในกลุ่มรถเอสยูวี โดยทำเวลาเร็วกว่าถึง 4 วินาที “สนามนี้ถือว่าโหดมากและไม่เปิดโอกาสให้พลาดเลย” ยิลโคว่ากล่าว “ไม่มีพื้นที่ run-off และแทบไม่มีที่ให้แก้ไขหากเกิดความผิดพลาด แต่ด้วยช่วงล่างแบบแอคทีฟของคาเยนน์ใหม่ ทำให้รถมั่นคงและควบคุมได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ ทำให้สัมผัสได้ถึงความมั่นใจตลอดเส้นทางอย่างแท้จริง”

    คาเยนน์ อิเล็กทริค ที่เข้าทดสอบในครั้งนี้ มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟ (Porsche Active Ride) ซึ่งจะได้รับการติดตั้งในคาเยนน์ อิเล็กทริคเมื่อออกสู่ตลาดจริง ระบบช่วงล่างนี้ช่วยให้ตัวรถทรงตัวได้อย่างสมดุลแม้ในสถานการณ์ที่มีการเบรกหนัก เข้าโค้งเร็ว หรือเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน พร้อมรักษาการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมด้วยการกระจายน้ำหนักล้อที่สมมาตร ไมเคิล แช็ทซ์เล (Michael Schätzle) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ คาเยนน์ กล่าวว่า “ระบบกันสะเทือน Porsche Active Ride ช่วยขยายขีดความสามารถของคาเยนน์ ใหม่ให้กว้างขึ้น ทั้งในด้านไดนามิกการขับขี่และความสะดวกสบายในการเดินทาง”

    คาเยนน์ อิเล็กทริค ไม่ได้สร้างความประทับใจแค่ตอนเข้าเส้นชัย แต่ยังสร้างความตื่นตะลึงตั้งแต่จุดสตาร์ท นอกจากจะทำสถิติใหม่ด้วยเวลา 31.28 วินาที แล้ว อีกหนึ่งตัวเลขที่สร้างความฮือฮาในสนามเชลสลี่ย์ วอลช์ คือเวลาที่รถผ่านจุดวัดแรกซึ่งอยู่ห่างจากเส้นสตาร์ทเพียง 60 หลา (18.3 เมตร) โดย คาเยนน์
    อิเล็กทริค ใช้เวลาเพียง 1.94 วินาที ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้ มีเพียงรถแข่งแบบที่นั่งเดียวและล้อเปิดแบบฟอร์มูล่าที่ใช้ยางสลิคซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเท่านั้น ที่สามารถทำความเร็วระดับนี้ได้ที่สนามแห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอันก้าวล้ำอย่างแท้จริง สะท้อนสมรรถนะการเร่งอันเหนือชั้นของเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่จากปอร์เช่  โดยรถทดสอบครั้งนี้ยังใช้เพียงยางฤดูร้อนทั่วไป ไม่ใช่ยางสเปคสนามแข่งแต่อย่างใด โดยรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ คาเยนน์ กล่าวเสริมว่า “แม้ยังอยู่ในขั้นตอนปรับจูนขั้นสุดท้ายก่อนการเปิดตัวสู่ตลาด แต่พละกำลังและอุปกรณ์ของ คาเยนน์ อิเล็กทริค คันที่ทำลายสถิตินั้น อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นผลิตจริง”

     

     

    สมรรถนะการลากจูงทรงพลังเทียบเท่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาป

    ในประเทศอังกฤษ ปอร์เช่ไม่ได้เพียงแค่เผยให้เห็นสมรรถนะของคาเยนน์ อิเล็กทริค เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอย่างเต็มรูปแบบ โดย ริชาร์ด แฮมมอนด์ (Richard Hammond) พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังของอังกฤษ ได้ใช้รถต้นแบบที่ถูกพรางตัวนี้ในการถ่ายทำรายการ ขณะลากรถคลาสสิกอายุกว่าร้อยปี น้ำหนักมากกว่า 2 ตัน จากเวิร์กช็อปในเมืองเฮียร์ฟอร์ด  (Hereford) ไปยังโรงรถส่วนตัว แม้น้ำหนักรวมจะสูงถึงประมาณ 3 ตัน แต่คาเยนน์ อิเล็กทริค สามารถทำภารกิจได้อย่างราบรื่น แฮมมอนด์กล่าวว่า “แม้ต้องลากน้ำหนักไม่น้อยเลยอยู่ด้านหลัง แต่คาเยนน์ควบคุมทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย จนคุณแทบไม่รู้สึกอะไรเลย” สมรรถนะการลากจูงนี้แสดงให้เห็นว่า เอสยูวี ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากปอร์เช่ พร้อมรองรับการใช้งานจริงได้อย่างทัดเทียมกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป ทั้งในเรื่องความมั่นคง ความสะดวกสบาย และแรงบิดที่ส่งต่ออย่างต่อเนื่องแม้ในสภาพการใช้งานที่ท้าทาย

     

    ปอร์เช่ได้ออกแบบคาเยนน์ อิเล็กทริคให้มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านโครงสร้าง ระบบขับเคลื่อน และระบบจัดการความร้อนของระบบแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อให้รถเอสยูวีสามารถตอบสนองทุกความต้องการ และเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ของโลกที่สามารถลากจูงได้สูงสุดถึง 3.5 ตัน (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของรถแต่ละคัน) และยังได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างเช่นเดียวกับ คาเยนน์ เครื่องยนต์สันดาปรุ่นปัจจุบัน “ลูกค้าของเราชื่นชมในความอเนกประสงค์ที่หลากหลายของคาเยนน์ มาโดยตลอด” แช็ทซ์เล กล่าวเสริม “เราจึงไม่ต้องการที่จะลดทอนมาตรฐานใดๆ ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่นี้”

     

    สร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยขุมพลังระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

    ไมเคิล แช็ทซ์เล กล่าวว่า “ลูกค้าของเรายังคงมีตัวเลือกเป็นรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์สันดาปและระบบไฮบริดที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพไว้ใช้งานไปจนถึงทศวรรษข้างหน้า และเราก็ยังคงลงทุนพัฒนาคาเยนน์รุ่นปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สมรรถนะที่เราเพิ่งสาธิตให้เห็นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในอังกฤษนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยศักยภาพของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเท่านั้น คาเยนน์ อิเล็กทริค จะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านสมรรถนะ โดยไม่ลดทอนความอเนกประสงค์ในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันแม้แต่น้อย” ด้วยพลังของการขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ คาเยนน์ อิเล็กทริค จึงไม่ได้เป็นเพียงก้าวใหม่ของปอร์เช่ในยุคยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผสานสมรรถนะและการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    หลังจากสร้างสถิติใหม่ที่สนาม เชลสลี่ย์ วอลช์ ปอร์เช่เตรียมนำคาเยนน์ อิเล็กทริค รุ่นต้นแบบ พรางตัวจัดแสดงอีกครั้งในงาน Goodwood Festival of Speed ระหว่างวันที่ 10–13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการเผยโฉมศักยภาพของรถเอสยูวี ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ ยางชั้นเยี่ยมที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถไฮเปอร์คาร์ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ โดยเฉพาะ

    1 Min Read

    มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1ยางชั้นเยี่ยมที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถไฮเปอร์คาร์ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ โดยเฉพาะ

    ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ (MICHELIN Pilot Sport Cup 2 R K1) สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของมิชลินได้เป็นอย่างดี โดยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี, วิศวกรรมที่เหนือชั้น และกระบวนการที่แปลกใหม่ ช่วยผลักดันให้ยางรุ่นนี้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสมรรถนะบนถนนแห้งเพื่อสุดยอดยนตรกรรมอย่าง ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’

    ครั้งแรกกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้เวลาเพียง 15 เดือน

    ขั้นตอนค้นคว้าทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางอย่างเข้มข้นด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง (Intensive Virtual Exploration Phase) ซึ่งผสานการออกแบบทางดิจิทัล, การจำลองภาพเสมือนจริงในกระบวนการระดับต้นน้ำ (Upstream Simulation) และกระบวนการผลิตพิเศษหนึ่งเดียวในโลกของมิชลินที่เรียกว่า C3M  ช่วยลดระยะเวลาพัฒนายางและจำนวนยางต้นแบบที่ต้องผลิตเพื่อทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพลงได้อย่างมาก  การผสานรูปแบบการดำเนินงานใหม่ ๆ ดังกล่าวช่วยให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ยางสำหรับจำหน่ายทั่วไปได้เร็วขึ้น โดยสามารถนำคุณสมบัติด้านสมรรถนะของรถ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานได้ตั้งแต่ขั้นตอนวิจัยแรกสุด  ที่สำคัญยังช่วยลดจำนวนยางต้นแบบที่ต้องผลิตเพื่อทดสอบลงได้ 20-30% ส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงมากตามไปด้วย

    ระบบจำลองภาพเสมือนจริงเพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่า

    ระบบจำลองภาพเสมือนจริง (Simulation) มักถูกสงวนไว้ใช้ในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะในการพัฒนายางสำหรับรถไฮเปอร์คาร์ แต่มิชลินและเฟอร์รารี่ได้นำระบบดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนการพัฒนายาง (Pre-Development Phase) ซึ่งรถยนต์ที่จะใช้งานด้วยยังอยู่ในรูปแบบเสมือนจริงเท่านั้น โดยระบบจำลองภาพที่นำมาใช้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดขนาดยางที่เหมาะสมกับรถที่สุด

     

    การทดลองเสมือนจริง (Virtual Trials) 2 ครั้ง ซึ่งจัดทำโดยใช้ระบบจำลองพลศาสตร์ (Dynamic Simulator) ของเฟอร์รารี่ ณ เมืองมาราเนลโล (Maranello) ประเทศอิตาลี ช่วยยืนยันความเหมาะสมในการนำระบบจำลองภาพเสมือนจริงมาใช้กำหนดขนาดยาง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างมิชลินและเฟอร์รารี่ได้เป็นอย่างดี

     

    นอกจากนี้ ในขั้นตอนการออกแบบยังมีการจำลองภาพเสมือนจริงเพิ่มอีก 3 ครั้ง ซึ่งช่วยให้สามารถระบุคุณสมบัติของยางที่เหมาะสำหรับสมรรถนะของรถยนต์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

     

    ยางที่มาพร้อมสมรรถนะโดดเด่นเพื่อ เฟอร์รารี่ เอฟ80

    เพื่อรองรับขุมพลัง, แรงบิด, แรงกดทางอากาศพลศาสตร์ และการทำความเร็วสูงสุดของรถไฮเปอร์คาร์ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’  มิชลินได้รังสรรค์เนื้อยางสูตรผสมใหม่โดยใช้กระบวนการผสมเช่นเดียวกับที่ใช้ในยางสำหรับกีฬามอเตอร์สปอร์ต แต่เป็นครั้งแรกที่นำกระบวนการดังกล่าวมาใช้กับยางสำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป ทำให้ได้เนื้อยางที่มีคุณสมบัติในการยึดเกาะเป็นเยี่ยมและสามารถรองรับทุกความเร็วในการขับขี่  นอกจากนี้ ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ ยังใช้โครงยางเรเดียลแบบ 2 ชั้น (Twin Layer) ที่เสริมความแข็งแกร่งและมีความหนาแน่นสูง จึงรองรับแรงเค้นแนวดิ่ง (Vertical Stress) และแรงเค้นแนวขวาง (Transverse Stress) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อีกทั้งยางรุ่นนี้ยังใช้เทคโนโลยีชั้นวัสดุเสริมแรงบริเวณไหล่ยางแบบใหม่ล่าสุด โดยเป็นยางรุ่นแรกที่สามารถลดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ลงได้อย่างเด่นชัด เนื่องจากมีการเพิ่มความหนึบบริเวณไหล่ยางตลอดรอบเส้นยางเพื่อเพิ่มศักยภาพการยึดเกาะในระดับสูงสุด

     

    ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่องค์ประกอบทั้งสามประการข้างต้นถูกนำมาใช้ในยางสำหรับใช้งานบนท้องถนนทั่วไป  นอกจากนี้ ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ ยังมีขนาดยางแตกต่างจากปกติ คือ 285/30R20 สำหรับยางล้อหน้า และ 345/30R21 สำหรับยางล้อหลัง

     

    C3M: กระบวนการผลิตที่พิเศษไม่เหมือนใคร

    เนื่องจากยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ มีการออกแบบทางเทคนิคที่ซับซ้อน เพื่อให้การผลิตยางรุ่นนี้เป็นไปอย่างแม่นยำมากที่สุด มิชลินจึงนำกระบวนการผลิต C3M ที่พัฒนาขึ้นเองมาใช้  กระบวนการผลิตนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการกำหนดและจัดวางวัสดุแต่ละประเภทอย่างแม่นยำ…คล้ายกับการพิมพ์ 3 มิติ ทั้งยังช่วยให้สามารถผลิตซ้ำได้ตรงตามคุณลักษณะที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการพัฒนายางอย่างไม่เคยทำได้มาก่อน และคงความสม่ำเสมอได้ทุกรอบการผลิต ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยี C3M ของมิชลินจึงถือว่ามีความแปลกใหม่อย่างแท้จริง

     

    มิชลินให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่ยั่งยืน

    การนำระบบจำลองภาพเสมือนจริงมาใช้ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางร่วมกับเฟอร์รารี่ตั้งแต่ปี 2559 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมิชลินที่มีต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากขึ้น  ทั้งนี้ ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์ เค1’ ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับรถไฮเปอร์คาร์ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ (มีสัญลักษณ์ K1 บนแก้มยางเพื่อให้ทราบว่าเป็นยางที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ) ผลิตจากโรงงานในเขตกราวองช์ (Gravanches) เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ทั้งยังเป็นหนึ่งในโรงงานของกลุ่มมิชลินที่มีปริมาณการใช้น้ำต่ำที่สุดอีกด้วย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Lamborghini Temerario GT3 กำเนิดสายพันธุ์เพื่อสนามแข่งขันจากโรงงานซัง’อกาตา

    1 Min Read

    Lamborghini Temerario GT3 กำเนิดสายพันธุ์เพื่อสนามแข่งขันจากโรงงานซังอกาตา

    ลัมโบร์กินี (Lamborghini) ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ เปิดตัว “Temerario GT3 รถยนต์สำหรับแข่งขันโมเดลใหม่ล่าสุดซึ่งพัฒนาต่อยอดจากรุ่นขับบนท้องถนน โดยมีกำหนดลงสนามแข่งขันในหลายรายการทั่วโลก พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถแข่งของบริษัท และยังเป็นรถยนต์คันแรกที่ได้รับการออกแบบ พัฒนา และผลิตขึ้นที่โรงงานซัง’อกาตา โบโลนเญส ในประเทศอิตาลีทั้งหมด โปรเจ็กต์ Temerario ถือกำเนิดขึ้นด้วยจุดประสงค์หลักเพื่อการพัฒนาต่อยอดสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต ทำให้บริษัทฯ บูรณาการเชิงกลยุทธ์ระบบวิศวกรรมเพื่อมุ่งเน้นการแข่งขันตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการออกแบบ

    ด้วยแนวทางอันสร้างสรรค์นวัตกรรมของลัมโบร์กินี ทำให้ GT3 เลือกใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมแบบสเปซเฟรม (Spaceframe) ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษให้ตรงตามข้อกำหนดด้านโครงสร้างและแนวทางวิธีการซ่อมบำรุงสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo 4 ลิตร เช่นเดียวกับรุ่นที่ผลิตสำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยมีการออกแบบใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของระบบอัดอากาศ พร้อมชิ้นส่วนเทอร์โบชาร์จที่ออกแบบใหม่ให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของ GT3 และมอบสมรรถนะสูงสุดในสนามแข่ง

    “Temerario GT3 คือรถต้นแบบสำหรับแข่งขันคันแรกจากโปรเจ็กต์ Temerario ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นอันแรงกล้าของลัมโบร์กินีที่มีต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตในฐานะเครื่องมือสำคัญ เพื่อส่งเสริมรถยนต์รุ่นขับบนท้องถนนของเรา” มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าว “หลังจาก ความสำเร็จทั้งในโลกกีฬาและเชิงพาณิชย์ของโปรเจ็กต์ Huracán GT3 ซึ่งเราสามารถคว้าแชมป์มาได้ถึง 96 รายการและมียอดขายมากกว่า 200 คัน เราจึงสานต่อวิสัยทัศน์ในการพัฒนารถต้นแบบสำหรับการแข่งขันในช่วงเริ่มต้นโปรเจ็กต์ Temerario โดย Temerario GT3 จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ที่เหนือแบรนด์คู่แข่ง เช่นเดียวกับที่ Temerario รุ่นขับบนท้องถนนที่ได้สร้างปรากฏการณ์มาก่อนหน้านี้”

    “Temerario GT3 ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก” มร.รูเว็น โมห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค    ลัมโบร์กินี กล่าว “ทุกองค์ประกอบผ่านการพิจารณาอย่างรัดกุม ตั้งแต่ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ เส้นโค้งกำลัง รวมไปถึงวิธีการทำงานกับตัวรถของทีมงาน โดยรถยนต์คันนี้มีสมรรถนะที่แตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อสร้างสมดุลให้กับรถยนต์ที่มีรูปแบบการใช้งานแตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เรามั่นใจว่ารถยนต์รุ่นนี้สามารถแข่งขันได้ในแง่ของเวลาต่อรอบ พร้อมประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในสถานการณ์ที่หลากหลาย รวมทั้งในยามค่ำคืนและขณะฝนตก ทีมพัฒนาได้ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นใจว่ารถยนต์รุ่นนี้มีสมรรถนะที่ครอบคลุม เพื่อให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกับรถยนต์ในสนามแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นได้”

    ทุกองค์ประกอบของ Temerario GT3 ได้รับการปรับแต่งสำหรับสนามแข่งอย่างพิถีพิถันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทีมงานออกแบบได้พยายามรักษาแบบฉบับของรถรุ่นผลิตจริงไว้ โปรเจ็กต์นี้ยังได้นำประสบการณ์การทำงานมาจากแผนกมอเตอร์สปอร์ตของลัมโบร์กินีในรุ่น Huracán GT3 ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วในการคว้ารางวัลมากถึง 96 รายการตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

    โครงแชสซีส์

    โครงอะลูมิเนียมแบบสเปซเฟรม (Spaceframe) นำมาจากสายการผลิตของรุ่น Temerario และผ่านการดัดแปลงเพื่อการใช้งานในสนามแข่ง ทั้งการลดน้ำหนักและความซับซ้อนให้น้อยลง โดยเฉพาะการปรับรูปแบบโครงให้เรียบง่ายเพื่อให้สามารถถอดและประกอบซับเฟรมด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องทำงานในสนามแข่ง โดยซับเฟรมด้านหลังแบบถอดได้ ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดย Squadra Corse เพื่อรองรับส่วนประกอบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบใหม่ ในขณะที่ส่วนขายึดทั้งหมดที่ไม่จำเป็น ซึ่งติดตั้งในรุ่นขับบนท้องถนนเพื่อรองรับส่วนประกอบไฮบริด ก็ได้ถูกถอดออกไป เนื่องจากไม่จำเป็นในรุ่นแข่งขัน สำหรับบริเวณส่วนกลางของโครงอะลูมิเนียม ติดตั้งโครงสร้างนิรภัยโรลเคจ (Roll cage) ให้สอดคล้องตามมาตรฐานความปลอดภัยของ FIA GT3 ส่วนซับเฟรมด้านหน้าก็มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน เพราะมีการนำมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเคยติดตั้งในรุ่นขับบนท้องถนนออกไป

    ตัวถัง

    ตัวถังแบบใหม่ซึ่งถูกติดตั้งเข้ากับโครงแชสซีส์ ใช้วัสดุคาร์บอนคอมโพสิตเป็นครั้งแรกเพื่อช่วยลดน้ำหนักฐานของรถให้ได้เบาที่สุด การพัฒนาตัวถังนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างทีมอากาศพลศาสตร์ของ Squadra Corse และ Lamborghini Centro Stile โดยมีเป้าหมายคือการรักษาสไตล์ที่โดดเด่นของรถยนต์รุ่นขับบนท้องถนน ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องตามข้อกำหนดด้านเครื่องยนต์และระบบระบายความร้อนเบรกแบบใหม่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสมรรถนะตามที่ต้องการ ทั้งในด้านแรงกดและแรงต้าน ซึ่งจะสร้างความมั่นใจต่อสมดุลอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุด

    นอกจากนี้ ตัวถังรถยังได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้สามารถถอดและประกอบชิ้นส่วนได้อย่างรวดเร็วในระหว่างการแข่งขันเพื่อลดเวลาการซ่อมรถในช่องพิท โดยตัวถังด้านหน้าและด้านหลังเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ในขณะที่      ดิฟฟิวเซอร์หลัง ฝาครอบเครื่อง และฝากระโปรงหน้า ถูกออกแบบให้ถอดออกได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ไปจนถึงไฟหน้าซึ่งใช้ระบบการถอดประกอบที่รวดเร็ว ส่วนพื้นรถแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ สองส่วนด้านหน้าเพลาหน้า หนึ่งส่วนบริเวณกลางรถ และดิฟฟิวเซอร์หลังอันทรงพลัง โดยส่วนกลางได้รับการออกแบบให้สามารถเปลี่ยนได้เมื่อจำเป็น แม้ในขณะที่รถอยู่บนแม่แรงลมในช่องพิท

    ระบบเติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มอัตราการไหลเข้าสู่ถังให้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังเปลี่ยนดีไซน์ถังให้สามารถใช้กับเซ็นเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิงแบบใหม่เพื่อให้ผลการวัดที่แม่นยำยิ่งขึ้นสำหรับทีมงาน ระบบอากาศพลศาสตร์ถูกยกระดับเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของรถในขณะเบรกและลดอาการเสียสมดุลขณะเข้าโค้ง และเพื่อจัดการความร้อนให้ดีขึ้นจึงมีการปรับปรุงระบบการไหลเวียนของอากาศไปยังหม้อน้ำด้วย รวมถึงการออกแบบหม้อน้ำด้านหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพเป็นหลัก เพราะการนำชุดไฮบริดออกจากเครื่องยนต์ส่งผลให้ต้องใช้เครื่องเทอร์โบชาร์จเจอร์มากขึ้น ทำให้ต้องการการระบายอากาศมากขึ้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม

    ระบบส่งกำลัง

    ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo ขนาด 4 ลิตรที่ผลิตขึ้นในโรงงาน โดยถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรของลัมโบร์กินี พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์และชุดคอมเพรสเซอร์แบบใหม่ และเนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้ต้องสอดคล้องตามข้อกำหนดสากล GT3 ซึ่งไม่อนุญาตให้ใช้ระบบไฮบริด ทำให้ลัมโบร์กินีเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ส่งกำลังขนาด 550 แรงม้า (ขึ้นอยู่กับความสมดุลของสมรรถนะ) แทนที่จะเป็น 800 แรงม้าเหมือนกับเครื่องยนต์ของรุ่นขับบนท้องถนน

    ระบบส่งกำลังของรถยนต์ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาของลัมโบร์กินี โดยใช้การออกแบบสถาปัตยกรรมที่เน้นการบูรณาการเข้ากับกีฬามอเตอร์สปอร์ตตั้งแต่แนวคิดตั้งต้น รวมถึงโซลูชันทางวิศวกรรมที่ทันสมัย ​​เช่น เพลาข้อเหวี่ยงระนาบราบมุม 180° ระหว่างหมุดข้อเหวี่ยง โดยเป็นระบบเพลาข้อเหวี่ยงที่มักใช้ในเครื่องยนต์ของรถแข่ง จึงมั่นใจได้ถึงระบบพลศาสตร์ของไหลที่ดีที่สุด ทั้งยังให้ลำดับการจุดระเบิดที่สม่ำเสมอเมื่อเปรียบเทียบกับเพลาข้อเหวี่ยงแบบระนาบไขว้ รวมถึงเสียงคำรามอันน่าประทับใจ ในขณะที่ก้านสูบไทเทเนียมช่วยลดมวลการหมุนรอบแกนและยังมอบคุณสมบัติของวัสดุที่ดีเยี่ยม ทั้งในด้านความแข็งแรงและความเบา ช่วยลดน้ำหนักรถได้อีกทางหนึ่ง

    เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบทวินเทอร์โบถูกจับคู่กับเกียร์ 6 สปีด โดยออกแบบกล่องกรองอากาศใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ของเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในรถแข่งซึ่งแตกต่างจากรุ่นขับบนท้องถนน เครื่องยนต์ได้รับการปรับจูนใหม่ทั้งหมดเพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดตลอดช่วงรอบเครื่องยนต์ที่กว้างขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้ใช้น้ำมันเครื่อง Pertamax Turbo สำหรับการแข่งขัน ส่วนระบบไอเสียเป็นโซลูชันเฉพาะทางที่คิดค้นขึ้นสำหรับรุ่น Temerario GT3 โดยเฉพาะ โดยมี Capristo เป็นซัพพลายเออร์

    ล้อและระบบกันสะเทือน

    รถยนต์รุ่นนี้มีฐานล้อที่ยาวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังมีระยะวิ่งที่กว้างขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพเมื่อเข้าโค้ง นับเป็นครั้งแรกที่ระบบกันสะเทือนมีการใช้โช้คอัป 6 ทิศทางแบบใหม่จากทาง KW ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของโปรเจ็กต์ SC63 LMDh ทำให้จุดยึดของระบบกันสะเทือนไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นคาร์บอนกับแชสซีอีกต่อไป แต่ใช้แผ่นยึดแทน ระบบกันสะเทือนแบบใหม่นี้ยังสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วในช่องพิท ช่วยย่นเวลาในการทำงานด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์พื้นฐานที่รวดเร็ว ยางติดตั้งกับล้อ 18 นิ้วที่จัดหาโดย Ronal AG โดย Temerario GT3 ยังมาพร้อมกับแร็คพวงมาลัยไฮดรอลิกที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้รูปแบบกันสะเทือนที่เหมาะสมที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้วยผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตยางชั้นนำทุกราย เพื่อให้มั่นใจว่า Temerario GT3 จะได้เปรียบในรายการแข่งขันต่าง ๆ ทั่วโลก 

    การออกแบบภายใน

    การออกแบบประสบการณ์การขับขี่ยังได้รับการสนับสนุนจากนักขับของโรงงานลัมโบร์กินี ทั้งมาร์โก มาเปลลี (Marco Mapelli) และแอนเดรีย คัลดาเรลลี (Andrea Caldarelli) ผู้ซึ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องการปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ รูปแบบการควบคุม และการใช้งานเมื่อขับขี่แบบสมรรถนะสูง การออกแบบภายในห้องคนขับ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ รวมถึงการผสานรวมฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่ลัมโบร์กินีปรับแต่งมาโดยตรงได้ เพื่อให้มั่นใจถึงการควบคุมรถที่ดีที่สุด สวิตช์เกียร์ในห้องคนขับยังได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมกราฟิกแบบใหม่ และระบบบันทึกข้อมูลที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พวงมาลัยได้รับการออกแบบจากทางลัมโบร์กินี โดยอิงตามข้อกำหนดเฉพาะทาง บวกกับการรวบรวมความคิดเห็นจากบรรดานักขับจากโรงงานและลูกค้าของแบรนด์


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment