• ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

     

    ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มอบเงินบริจาคจำนวน 1,962,414 บาท ให้แก่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจในการจัดหาและบริหารโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ ซึ่งการมอบเงินในครั้งนี้จัดขึ้น เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้ชื่อโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ในโอกาสนี้ ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้มอบเงินบริจาค โดยมี รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ คุณปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ณ สภากาชาดไทย

    โครงการฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยไทยฮอนด้าร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เชิญชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 18 ล้านคัน ร่วมกิจกรรมเติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท ณ ร้านผู้จำหน่ายฮอนด้า (Honda Wing Center) ที่เข้าร่วมกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ เป็นรายได้จากกิจกรรมรวม 981,207 บาท และไทยฮอนด้าได้ร่วมสมทบเพิ่มอีกหนึ่งเท่า รวมเป็นยอดบริจาคทั้งหมด 1,962,414 บาท เพื่อสนับสนุนการจัดหาโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ

    ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าได้เติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ แต่ยังคงยึดมั่นในการส่งต่อความสุขและความปลอดภัยให้กับผู้คนรอบข้างในทุกเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ในนามของบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ขอขอบพระคุณ สภากาชาดไทย ที่เปิดโอกาสให้ฮอนด้าได้เป็นส่วนหนึ่งของการ “ให้ชีวิต” ผ่านการบริจาคโลหิตและการสนับสนุนภารกิจอันทรงคุณค่าต่อประเทศ ไทยฮอนด้าขอให้คำมั่นว่า จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งดีให้กับสังคมไทยต่อไป เพื่อให้ทุกก้าวของการเดินทางเป็นไปตามปณิธานอันมั่นคงของเรา”

    การมอบเงินบริจาคในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แต่ยังขับเคลื่อนด้วยจิตสำนึกแห่งการให้ เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยอย่างแท้จริง

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย
    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ZEEKR มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

    1 Min Read

    ZEEKR มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

    จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทยในขณะนี้ บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายอเล็กซ์ เป่า กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เดินทางเข้ามอบเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 100,000 บาท ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมีคุณสายสม วงศาสุลักษณ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิฯ เป็นผู้รับมอบ

    ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ขอส่งกำลังใจให้ทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย รวมถึงอาสาสมัครจากทุกหน่วยงานที่ร่วมภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรู้สึกขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าเคียงข้างคนไทยสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • NEX POINT เปิดประสบการณ์ทดสอบ “รถหัวลากไฟฟ้า” และ “รถโดยสารไฟฟ้า”

    1 Min Read

    NEX POINT เปิดประสบการณ์ทดสอบ “รถหัวลากไฟฟ้า” และ “รถโดยสารไฟฟ้า”

    บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX POINT ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “NEX EV Driving Experience” ทดสอบการขับขี่ยานยนต์เชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้จัดให้มีการทดสอบรถหัวลากไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของ NEXPOINT ในการเป็นผู้นำตลาดด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย ด้วยยอดจดทะเบียนรถบรรทุกไฟฟ้าและรถโดยสารไฟฟ้ามากกว่า 2,800 คัน ทั่วประเทศ และสนับสนุนนโยบายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Net Zero Emission) รวมถึงนโยบายการลดหย่อนภาษี จากสิทธิประโยชน์ หักค่าเสื่อมสูงสุด 2 เท่า เป็นเวลา 5 ปี สำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ประกอบภายในประเทศ อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่งของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์และขนส่งมวลชน

    โดยรถที่ใช้ในการทดสอบนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น

    1. NEX EV Tractor 423 kWh

    เป็นรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% ออกแบบมาเพื่องานขนส่งขนาดใหญ่และหนักโดยเฉพาะ ความจุแบตเตอรี่ 423 kWh 550 แรงม้า กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 410 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 2,800 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด มีหัวชาร์จแบบ DC สามารถชาร์จได้พร้อมกัน 2 หัว ระยะทางวิ่งประมาณ 300 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถ)

    1. NEX EV City Bus 8 m

    รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ขนาด 8 เมตร จำนวน 22 ที่นั่ง และ มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสูงสุด 165 kW แรงบิดสูงสุด 2,000 นิวตันเมตร โดยระยะทางวิ่งประมาณ 120-140 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถ) พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฮดรอลิค มือจับสำหรับผู้โดยสารยืน 16 จุด ทั้งนี้ยังไม่รวมเสาสำหรับจับยึดในตัวรถ อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน อาทิ อุปกรณ์ดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ทางออกหนีไฟฉุกเฉิน

    โดยจุดเด่นของรถทั้ง 2 รุ่นนี้คือ  รถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่สร้างโดยฝีมือคนไทยโดยโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล โดยขีดความสามารถของ Nex Point สามารถประกอบสร้างรถโดยใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นถือได้ว่าเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน

    ในการทดสอบครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนด้านสถานที่ทดสอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโรงเรียนสอนขับรถ 3K Solution Management ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนขับรถโดยสารไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย และเตรียมสอนขับรถหัวลากในอนาคต เหตุผลสำคัญสำหรับสถานที่ในการทดสอบจำเป็นต้องเป็นสถานที่แบบปิดเพราะการที่จะทดสอบรถหัวลากหรือรถบัสนั้นจำเป็นต้องมีใบขับขี่เฉพาะที่เรียกว่า ใบขับขี่ ท.1-4 ซึ่งจะแยกประเภทของรถที่ใช้ในการขับขี่ ดังนั้นถ้ายังไม่มีก็ไม่สามารถขับบนถนนสาธารณะได้

    โดยโรงเรียนสอนขับรถ 3K Solution Management เป็นโรงเรียนที่ได้มาตราฐานการรับรองจากกรมขนส่งทางบก จึงทำให้มีสถานที่ที่เหมาะสมในการขับขี่รถบรรทุกได้หลากหลายรูปแบบ ในการทดสอบแบ่งออกเป็นสองสถานี แยกระหว่าง EV Tractor 423 kWh และ EV City Bus 8 m

    EV Tractor 423 kWh รถหัวลากไฟฟ้า วิ่งทดสอบในส่วนหัวลาก เพื่อให้ง่ายต่อการทดสอบและได้เห็นถึงประสิทธิภาพเบื้องต้นจุดเด่นสำหรับรถไฟฟ้าคือกำลังแรงบิดที่มีมากทำให้การออกตัวนั้นไม่ต้องรอรอบเรียกได้ว่าการขับขี่นั้นเป็นไปอย่างง่ายดาย แม้ว่ารถที่ไม่มีประสบการณ์ในการขับขี่ก็สามารถขับขี่ได้อย่างสบาย ๆ จุดหลักสำคัญหรับการขับขี่รถหัวลากนั้นคือวงเลี้ยว ที่ต้องกะระยะในการเลี้ยว ในส่วนประสิทธิภาพของตัวรถนั้นถ้าเทียบกับรถที่มีเครื่องยนต์จะรู้สึกได้เลยว่ารถไฟฟ้าขับขี่ได้ง่ายกว่า

    EV City Bus 8 m รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่หลายคนเคยเห็นตามท้องถนนกันมาบ้างแล้ว ในการทดสอบกับสถานที่ ที่จำลองสภาพพื้นที่แบบในเมือง ทำให้เห็นว่าจุดเด่นคืออัตราเร่งที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจในการเร่งออกตัวทุกครั้ง วงเลี้ยวแคบทำให้มีความคล่องตัว ในสภาพพื้นที่ต่างจากในเมือง ด้วยแรงบิดที่มีมหาศาลทำให้การขึ้นเนิน หยุดเบรก และออกตัวทำได้แบบสบาย ๆ

    ในการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของรถไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ ให้การขับขี่ที่ดีเยี่ยม ขับขี่ง่าย และการที่ผลิตด้วยคนไทยทำให้ในเรื่องการบำรุงรักษานั้นง่ายดาย มั่นใจในเรื่องของการดูแลรักษาและบริการหลังการขายได้ จุดเด่นที่สำคัญ คือช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้อย่างแน่นอน แม้ว่าระยะในการวิ่งอาจจะดูน้อยแต่ถ้าวิ่งในเส้นทางประจำก็สามารถวางแผนการเดินทางได้

    มากกว่ายานยนต์รถไฟฟ้าที่ดี บริการที่ดี คือ หัวใจหลักสำคัญ  โดยทาง NEX POINT  การันตีทีมช่างที่เก่งความรู้ เก่งความชำนาญ และเก่งประสบการณ์ฝีมือขั้นเทพ ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปกับศูนย์บริการ และเคียงข้างไปพร้อมผู้จัดจำหน่ายทั่วภูมิภาค โดยจะทำหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าเสมือนเป็นมิตรแท้ ทางธุรกิจ และให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วและฉับไว อาทิ การติดตั้งไปจนถึงการบำรุงรักษายานยนต์ การดูแลระบบแบตเตอรี่ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบควบคุมการชาร์จ ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมยานยนต์ และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้า สร้างความไว้วางใจสร้างมาตรฐานแก่ลูกค้าในการดูแลระดับ Professional โดยลูกค้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานอย่างแน่นอน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา WEY G9 Hi4 และ NEW POER SAHAR DIESEL อย่างเป็นทางการ พร้อมส่ง “Secret Model” สร้างเซอร์ไพรส์สุดเร้าใจในงาน Motor Expo 2025

    1 Min Read

    GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา WEY G9 Hi4 และ NEW POER SAHAR DIESEL อย่างเป็นทางการ พร้อมส่ง “Secret Model” สร้างเซอร์ไพรส์สุดเร้าใจในงาน Motor Expo 2025

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” สำหรับ Motor Expo 2025 ครั้งนี้ GWM (Thailand) สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ชาวไทยอีกครั้งกับไฮไลต์ด้วยการเปิดตัวของแบรนด์ใหม่และการเผยโฉมพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการของยนตรกรรมล้ำหน้าทั้ง 3 รุ่น 3 เซกเมนต์ ตั้งแต่ GWM WEY แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์ ที่นำโดย WEY G9 Hi4 (เวย์ จีไนน์ ไฮโฟร์) ยนตรกรรม MPV ลักชัวรี่รุ่นใหม่ล่าสุด (New-Generation Luxury MPV) ที่ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพื่อการเดินทางที่เหนือระดับและสะดวกสบายขั้นสุด พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยแนวคิดการออกแบบที่หรูหรา สร้างการจดจำและตอบทุกเป้าหมายของการเดินทาง ตามมาด้วยการเผยโฉมพร้อมประกาศราคาของ NEW POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงระดับพรีเมียมกับสมรรถนะพร้อมลุยด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T รุ่นใหม่ล่าสุดของ GWM และปิดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์แบบคาดไม่ถึงที่พร้อมจะหยุดทุกสายตากับยนตรกรรม Top Secret ที่จะเข้ามาสร้างสีสันบนท้องถนนในไทยเพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง

    3 ไฮไลต์สำคัญภายในบูธ GWM งาน Motor Expo 2025

     

    ไฮไลต์ที่ 1: การเปิดตัวแบรนด์ GWM WEY และประกาศราคา WEY G9 Hi4  (เวย์ จีไนน์ ไฮโฟร์) เตรียมพบกับ GWM WEY แบรนด์ระดับ Luxury ของ GWM พร้อมกันครั้งแรกในประเทศไทย GWM WEY เป็นแบรนด์ระดับลักชัวรี่ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของ แจ็ค เวย์ ประธานและผู้ก่อตั้ง GWM สะท้อนถึง “เกียรติยศ ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่น” ของ แจ็ค เวย์ ที่มีต่อแบรนด์นี้ พร้อมกันนี้ในงาน Motor Expo 2025 GWM จะประเดิมนำรถยนต์ MPV หรูระดับไฮเอนด์ WEY G9 Hi4 เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นรุ่นแรก ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ MPV ในประเทศไทย ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งยนตรกรรมลักชัวรี่อัจฉริยะได้ครบถ้วน ทั้งความปลอดภัย เทคโนโลยี และความสะดวกสบายเหนือระดับ ขับเคลื่อนด้วย Hi4 Technology ระบบขับเคลื่อนไฮบริดสี่ล้ออัจฉริยะที่ล้ำสมัยที่สุดของ GWM ผสานพลังเครื่องยนต์และ 2 มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างลงตัว เพื่อการขับขี่ที่มั่นคง นุ่มนวล และทรงพลังในทุกสภาพถนน มอบความสะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะแถวสองแบบสภาวะไร้น้ำหนัก (Zero-Gravity Seat) ที่ทำให้ผู้โดยสารแถวสองรู้สึกสบายเหมือนนั่งอยู่ในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วง โดยร่างกายของผู้โดยสารไม่ได้สัมผัสกับชิ้นส่วนหรือพื้นของรถ ลดแรงกดทับ พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า 6 รูปแบบ และระบบเบาะระบายอากาศที่พนักพิงและที่นั่ง มอบความผ่อนคลายขั้นสุดตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ WEY G9 Hi4 มาพร้อมระบบ Coffee OS 3.3 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะรุ่นล่าสุดที่ทำงานร่วมกับ AI เชื่อมต่อทุกฟังก์ชันในรถให้ใช้งานง่าย ปลอดภัย และล้ำสมัย รวมถึงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกข้อมูลทางธุรกิจและข้อมูลส่วนตัวได้รับการปกป้องขั้นสุด WEY G9 Hi4 จึงเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของรถ MPV ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่หรูหรา ปลอดภัย และสะดวกสบาย พร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต

    ไฮไลต์ที่ 2: การเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ NEW POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม ที่จะมาเป็นเพื่อนรู้ใจที่จะช่วยยกระดับทุกไลฟ์สไตล์ไปอีกขั้น หรือเรียกว่า “The Next Level of Lifestyle Partner” พร้อมรองรับการตกแต่งได้อย่างหลากหลาย ฉีกกฎรถกระบะเดิม ๆ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ถ่ายทอดพลังต่อเนื่อง ตอบสนองฉับไว สมรรถนะสูง ประหยัดน้ำมัน พร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์ มาพร้อมมิติตัวรถใหญ่ที่สุดในรถเซกเมนต์เดียวกัน พร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดุดัน เร้าใจกว่าที่เคย มอบความมั่นใจในการขับขี่ด้วยกล้อง 360° พร้อมฟังก์ชัน Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ มอบความพรีเมียมเหนือชั้นด้วยห้องโดยสารกว้าง เบาะหลังปรับเอนได้ หน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จไร้สาย มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยล้ำสมัยรวมถึงระบบช่วยขับขี่มากกว่า 26 รายการ พร้อมความสะดวกสบายแบบเต็มพิกัด แฟน ๆ สายผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้ง และสายออฟโรดต้องจับตามอง

    ไฮไลต์ที่ 3: พบกับ “Secret Model” รถยนต์รุ่นลับที่ GWM ตั้งใจรังสรรค์มาเพื่องาน Motor Expo โดยเฉพาะ และจะมาเป็นเซอร์ไพร์สที่เหนือความคาดหมาย ที่สำคัญยังมี “เอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนทำให้ทุกสายตาต้องหยุดมอง” รับรองว่าจะกลายเป็นจุดสนใจและสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟน ๆ ขาวไทย เผยโฉมพร้อมกันภายในงาน อีกไม่นานเกินรอ รับรองว่าถูกใจใช่เลย!

    พบกับงานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์ GWM WEY และการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ WEY G9 Hi4 ได้ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.25–13.35 น. และงานเปิดตัวและประกาศราคาของ NEW POER SAHAR DIESEL และ Secret Model ในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00–14.20 น. ห้ามพลาด! กับ 3 ไฮไลต์สำคัญภายในงาน Motor Expo 2025 และทัพยานยนต์อีกหลากหลายรุ่นที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดในงาน Motor Expo 2025 ณ บูธ GWM หมายเลข A05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

    #GWM #GWMThailand #MotorExpo2025 #GWMWEY #WEYG9 #POERSAHARDIESEL


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อก เคลียร์สต็อกสุดท้าย Bentayga Hybrid เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนปรับราคาปีหน้า

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก เคลียร์สต็อกสุดท้าย Bentayga Hybrid เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนปรับราคาปีหน้า

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ลุยเคลียร์รถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบ Bentayga Hybrid สต็อกสุดท้าย เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคารถยนต์เบนท์ลีย์จากผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยราคา Bentayga Hybrid จะมีการปรับขึ้น 8-10% ในปีหน้าตามโครงสร้างภาษีใหม่ปี 2569

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก เผยว่านโยบายจากภาครัฐในเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ปี 2569 ในรถยนต์กลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ขนาดความจุกระบอกสูบ 3,000 ซีซี ขึ้นไป จะส่งผลต่อราคาขายปลีกของรถยนต์เบนท์ลีย์ โดยอัตราโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป และจะมีผลทำให้ราคารถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga แบบเครื่องยนต์ไฮบริด (PHEV) มีการปรับราคาขายสูงขึ้นเฉลี่ย 8-10% ในปีหน้า ดังนั้น ในปี 2568 นี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีเดิมกับราคาที่ดีที่สุดพร้อมทั้งรับข้อเสนอพิเศษ โดยลูกค้าที่ทำการจองและออกรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะยังคงได้รับราคาเดิมจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด พร้อมส่งมอบรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid ทันทีกับสต็อกเฉดสีและออปชันที่ครบครันและครอบคลุมทุกความต้องการกับราคาที่ดีที่สุด เริ่มต้นที่ 13.XX ล้านบาท สำหรับ Demo Car และ เริ่มต้นที่ 15.XX ล้านบาท สำหรับ New Stock Car พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเพื่อให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์เป็นเรื่องง่าย และเหนือกว่าด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต สูงสุด 4 ปี เอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อเลือกครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น

    สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    1 Min Read

    ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ จัดงาน “ไทรอัมพ์ เดย์ 2025” (Triumph Day 2025: Brit Night Spirit) คอมมูนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนพันธุ์แท้ไทรอัมพ์ ที่ให้ทุกคนได้มาพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมถึงความประทับใจกับผู้ขับขี่ไทรอัมพ์จากทั่วประเทศ พร้อมเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจไปด้วยกัน ผ่านการชมนิทรรศการรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์หลากหลายรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มาพร้อมเรื่องราวและแรงบันดาลใจ รวมถึงรับชมการแสดงจากวงดนตรีชื่อดังและดีเจที่มาสร้างสีสันตลอดทั้งงาน โดยภายในงานมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ Scrambler 400 XC, Scrambler 1200 XE, Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert  Edition อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในค่ำคืนสุดพิเศษแก่ผู้ร่วมงานทุกคน ณ Issara Estates Winery อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

    มาร์เซโล ซิลวา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด กล่าวว่า “งาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit เป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าไทรอัมพ์ ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์ และความประทับใจให้กับแฟน ๆ ไทรอัมพ์ รวมถึงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วประเทศ ตามหัวใจหลักของแบรนด์ “ฟอร์ เดอะ ไรด์” (For The Ride) ที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์เฉพาะตัวผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและจิตวิญญาณของการขับขี่อย่างแท้จริง นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังเล็งเห็นว่าการสร้างสังคมของการขับขี่ที่แข็งแกร่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ของการการขับขี่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษที่ไทรอัมพ์ได้ส่งมอบประสบการณ์ทั้งความสนุกสนานที่มาพร้อมมิตรภาพดี ๆ ให้เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่น่าจดจำแก่ลูกค้ารวมถึงพันธมิตรของไทรอัมพ์ที่มาร่วมงานทุกคน”

    มาร์เซโล กล่าวเสริมว่า “ภายในงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit ครั้งนี้ได้รวบรวมกิจกรรมสุดพิเศษตลอดค่ำคืนเพื่อแฟนไทรอัมพ์ ไม่ว่าจะเป็น Triumph Vintage นิทรรศการย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่รวบรวมรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่นไอคอนิกในตำนาน และรุ่นหายากมาให้ชมอย่างใกล้ชิด การถ่ายทอดเรื่องราวแรงบันดาลใจจากตำนาน 123 ปี แห่งความยิ่งใหญ่ผ่านดีไซน์ และพัฒนาการของรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ ในแต่ละช่วงเวลาอย่างมีเอกลักษณ์ ช้อปปิ้งเสื้อผ้า สินค้าสุดพิเศษจากไทรอัมพ์และพันธมิตร พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศและการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง  Dax Rock Rider, Flure และ DJ Foamie  นอกจากนี้ในโซน Street Food & Beverage Experience ยังได้รวบรวมเมนูเด็ดจากร้านอาหารชื่อดังหลากหลายสไตล์มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ ตลอดจนโซนกิจกรรมให้ร่วมสนุกและลุ้นรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากไทรอัมพ์ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

    นอกจากนี้ ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์กับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดให้สาวกไทรอัมพ์ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่จะมาเสริมทัพกลุ่ม Modern Classics และกลุ่ม Adventure ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประกอบด้วย Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ 400 ซีซี ที่อัดแน่น DNA การออกแบบสไตล์ Scrambler อันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นล้อซี่ลวดพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและยางแบบไม่มียางใน เพื่อการผจญภัยบนท้องถนนทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันแข็งแกร่ง ทั้งบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่ออกแบบให้เข้าชุดกับตัวรถ เพิ่มความมีสไตล์พร้อมมอบการปกป้องให้ผู้ขับขี่ในทุกสภาพถนนสุดท้าท้าย โดยมาพร้อม 3 เฉดสีสดใสร่วมสมัย ได้แก่ สี Racing Yellow สี Storm Grey และสี Vanilla White ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท

    ด้านรุ่น Scrambler 1200 XE ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1200 ซีซี ยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด พร้อมการอัปเกรดระบบกันสะเทือนช่วงล่างระดับพรีเมียมยิ่งขึ้น ทั้งโช้คหน้า Showa ขนาด 47 มม. ปรับได้เต็มรูปแบบ และโช้คหลัง Öhlins RSU คู่พร้อมสปริงคู่ ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยกราฟิก XE และรายละเอียดสีทองบนถังน้ำมัน มาพร้อมตัวเลือกสีพรีเมียม ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย สี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท

    ปิดท้ายด้วยสองเสือสายลุยขนาดกลางรุ่นพิเศษ ออกแบบมาเพื่อพิชิตสองสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและหลากหลายที่สุดในโลก ได้แก่ Tiger 900 Alpine Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น GT Pro ที่เน้นการขับขี่บนท้องถนน ผสานเทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศบนเทือกเขาอัลไพน์ มาพร้อมโทนสีพรีเมียมให้เลือกคือ สีSnowdonia White และ สี Sapphire Black พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท

    ขณะที่ Tiger 900 Desert  Edition ออกแบบมาเพื่อลุยเนินทรายอันร้อนระอุ พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Rally Pro เน้นย้ำสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดอันเลื่องชื่อของ Tiger มีให้เลือกด้วยโทนสี Urban Grey และ สี Sapphire Black เสริมด้วยไฮไลท์สีส้ม Baja Orange สุดโดดเด่น ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท

    ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2445 (ค.ศ.1902) นับเป็นระยะเวลากว่า 123 ปี มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน เบเนลักซ์ บราซิล จีน รวมถึงประเทศไทย มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 950 ราย ใน 68 ประเทศทั่วโลก มีฐานการผลิตรถจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่ง ได้แก่ เมืองฮิงค์ลีย์ ประเทศอังกฤษ และจังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ปัจจุบันในไทยไทรอัมพ์มีผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ที่ครอบคลุมกับผู้ขับขี่ทุกประเภท ได้แก่ กลุ่ม Modern Classics ที่ประกอบไปด้วยตระกูล TR-Series เครื่องยนต์ 400 ซีซี ตระกูล Bonneville ตระกูล Scrambler และตระกูล Speed ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Adventure ตระกูล Tiger ที่มีทั้งเครื่องยนต์ 660 ซีซี 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Roadsters & Sport ได้แก่ Trident, Daytona, Street Triple 765 และ Speed Triple 1200 ปิดท้ายด้วยกลุ่ม Rocket 3 ที่มาพร้อมขนาดเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในสายพานการผลิตรถจักรยานยนต์ของโลก มาร์เซโล กล่าวทิ้งท้าย

    ผู้สนใจสามารถติดตามบรรยากาศงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit  รวมถึงติดตามข้อมูล ข่าวสาร และกิจกรรมอื่น ๆ จากไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

    #ForTheRide #Triumph #TriumphThailand #TriumphMotorcycles #TriumphDay2025 #BritNightSpirit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โตโยต้า สร้างความมั่นใจและตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการบริการลูกค้า จัดกิจกรรม “การแข่งขันทักษะการบริการลูกค้า” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 47 The 47th Toyota Dealer Customer Service Skills Contest

    1 Min Read

    โตโยต้า สร้างความมั่นใจและตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการบริการลูกค้า จัดกิจกรรม “การแข่งขันทักษะการบริการลูกค้า” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 47 The 47th Toyota Dealer Customer Service Skills Contest

     

    พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบชิงชนะเลิศ ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นางสาว ฉัตรประอร นิยม  รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา  และผู้บริหารภาครัฐในสังกัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และส่วนงานพื้นที่ฉะเชิงเทราเข้าร่วมกิจกรรม โดยมี มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคณะผู้บริหารระดับสูง ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

    บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Company) และหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร นั่นคือ การแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า ที่โตโยต้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาทักษะการบริการของบุคลากรผู้แทนจำหน่าย  ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้า ภายใต้ความเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้า และเทคโนโลยียานยนต์ที่มีพัฒนาการก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความผูกพันของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

    โดยในปี 2568 นี้ เป็นการแข่งขันปีที่ 47 (47th Toyota Dealer Customer Service Skills Contest) โดยมีการจัดกิจกรรมแข่งขันครบทั้ง 8 ประเภทการแข่งขันครอบคลุมการปฏิบัติงานด้านบริการลูกค้า และด้านตัวถังและสีรถยนต์ พร้อมเนื้อหาที่เข้มข้น มุ่งเน้นการประยุกต์จากการปฏิบัติที่หน้างานจริงที่ผู้แทนจำหน่าย โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทุกผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศกว่า 1,100 คน เข้าร่วมสอบทฤษฎีเพื่อคัดกรอง และผ่านเข้าสู่การแข่งขันภาคปฏิบัติในรอบคัดเลือก รวม 730 คน และมีเพียง 90 คนเท่านั้น ที่เป็นสุดยอดฝีมือผ่านการแข่งขันเข้ามาจนถึงรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

    มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาบุคลากรว่า “การพัฒนาทรัพยากรบุคคลคือหัวใจสำคัญในการสร้าง Ever Better Dealer และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า”

    ภายใต้กรอบนโยบาย Toyota Service Promise โตโยต้ามุ่งเน้นการสร้างความสุขของพนักงาน (Employee Happiness) ผ่านการพัฒนาทักษะ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และกิจกรรมส่งเสริมแรงจูงใจ เพราะเมื่อพนักงานมีความสุข จะส่งต่อบริการที่มีคุณภาพไปยังลูกค้าได้อย่างแท้จริง โดยโตโยต้ามีแนวทางสำคัญในการพัฒนาบุคลากรผู้แทนจำหน่าย เริ่มจากการผลิตบุคลากรคุณภาพผ่านวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า ซึ่งได้ผลิตบุคลากรกว่า 3,900 คน พร้อมเปิดหลักสูตรเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโต ควบคู่กับความร่วมมือกับภาครัฐผ่านโครงการ T-TEP และระบบทวิภาคี (DVT) เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกงานจริงและได้รับการรับรองมาตรฐานโตโยต้า รวมถึงการอบรมต่อเนื่องครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ โดยมีบุคลากรกว่า 6,000 คนต่อปีเข้ารับการอบรม

    โตโยต้าจะเดินหน้าพัฒนาบุคลากรและยกระดับมาตรฐานการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และรักษาความเป็นผู้นำด้านบริการในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคต่อไป”

    สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ โดย พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างโตโยต้ากับกระทรวงแรงงานว่า “ที่ผ่านมาโตโยต้าได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาความสามารถ ของกำลังแรงงานในภาคบริการ โดยใช้กระบวนการพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เหมาะสมกับความต้องการของแรงงาน รวมถึงการยกระดับความสามารถของแรงงานเดิมให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี”

    พร้อมทั้งกล่าวถึงการจัดงานการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า “นับเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้บุคลากรมีการพัฒนาศักยภาพทักษะฝีมือและความรู้ในการทำงานของตนให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล และรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้คุณภาพการบริการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกค้ามีความอุ่นใจและมั่นใจในบริการ ทั้งยังเป็นตัวอย่างกลไกที่ดีในการยกระดับศักยภาพแรงงานไทย สอดคล้องกับแผนพัฒนาและยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

    ผลการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบชิงชนะเลิศ ประจำปี 2568

    1. ประเภท ผู้บริหารงานตัวถังและสีรถยนต์
      รางวัลชนะเลิศ             คุณพัชราภรณ์ แจ้งสนอง             โตโยต้า โฆสิตอ่างทอง
      รองชนะเลิศอันดับ 1           คุณดารารัตน์ พินิจเขียน              โตโยต้า ฉะเชิงเทรา
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณนลินรัตน์ บุราณรมย์              โตโยต้า ทองรวยสีมา
    2. ประเภท ช่างซ่อมตัวถังรถยนต์
      รางวัลชนะเลิศ           คุณชนน สีขาว                           โตโยต้า เพิร์ล
      รองชนะเลิศอันดับ 1           คุณมานพ นนท์ลา                      โตโยต้า บัสส์
      รองชนะเลิศอันดับ 2           คุณอรรถพล ลือชัย                     โตโยต้า สระบุรี
    3. ประเภท ช่างซ่อมสีรถยนต์
      รางวัลชนะเลิศ           คุณวัชระ ปรีจินดา                      โตโยต้า เมืองตรัง
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณวิเชียร โทธุโย                        โตโยต้า ขอนแก่น
      รองชนะเลิศอันดับ 2           คุณมานะ วิเศษสิงห์                    โตโยต้า อุตรดิตถ์
    4. ประเภท พนักงาน Call Center
      รางวัลชนะเลิศ           คุณดวงจิตร บุบผา                      บริษัท พิธานพาณิชย์ (หาดใหญ่)
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณวาสนา ขัมอุปถัมป์                 โตโยต้า วิชั่น
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณนันทนา บุญชู                       โตโยต้า ชัยรัชการ
    5. ประเภท พนักงานลูกค้าสัมพันธ์
      รางวัลชนะเลิศ           คุณกัลยาณี ปันวงค์                    โตโยต้า ล้านนา
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณปุณณ์นิษฐ์ฐา นิ่มนวล           โตโยต้า สุพรรณบุรี
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณนิรชา เนินคีรี                         โตโยต้า นครระยอง
    6. ประเภท พนักงานอะไหล่
      รางวัลชนะเลิศ           คุณชัญญานุช พงษ์วัน                โตโยต้า พนมรุ้ง
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณวุฒิไกร สุวรรณแจ่ม               โตโยต้า เมืองเลย
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณจักรภัทร เทียมสอน                โตโยต้า นนทบุรี
    7. ประเภท ผู้บริหารงานบริการ
      รางวัลชนะเลิศ           คุณชนิตา นิ่มพริก                       โตโยต้า เพิร์ล
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณอรรถพล คันศร                     โตโยต้า นนทบุรี
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณสิทธิชัย จันทะแจ่ม                โตโยต้า เน็กซ์
    8. ประเภท ช่างเทคนิคระดับพื้นฐาน
      รางวัลชนะเลิศ             คุณวิชัย จันชฎา                         โตโยต้า เค.มอเตอร์ส
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณสิทธา ปัญญากุล                   โตโยต้า ขอนแก่น
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณปิยะณัฐ โสตะบรรณ์              โตโยต้า กรุงไทย
    9. ประเภท ช่างเทคนิคระดับสูง
      รางวัลชนะเลิศ                    คุณธีรพล  คุณวงศ์                     โตโยต้า เค.มอเตอร์ส
      รองชนะเลิศอันดับ 1             คุณสยุมภู คูหาทอง                    โตโยต้า นครสวรรค์ 1981
      รองชนะเลิศอันดับ 2             คุณศิริชัย กมลาไสย                    โตโยต้า ขอนแก่น

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • LAMBORGHINI PRIVATE VIEWING AT CHIANGMAI ร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแห่งขุมพลังไฮบริดจากลัมโบร์กินี และ The Last NA รุ่นไอคอนิกระดับตำนาน ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2568 ณ รีสอร์ท อนันตรา เชียงใหม่

    1 Min Read

    LAMBORGHINI PRIVATE VIEWING AT CHIANGMAI ร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแห่งขุมพลังไฮบริดจากลัมโบร์กินี และ The Last NA รุ่นไอคอนิกระดับตำนาน ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2568 ณ รีสอร์ท อนันตรา เชียงใหม่

    บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ จัดงาน Lamborghini Private Viewing at Chiangmai เอาใจเหล่าแฟนพันธุ์แท้วัวกระทิงดุ ร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแห่งขุมพลังไฮบริดในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ อย่าง Lamborghini Urus SE  ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 ทรงพลังด้วยกำลังเครื่องรวม 800 CV พร้อมประสิทธิภาพและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในคลาสตามแบบฉบับลัมโบร์กินี และ The Last NA รุ่นไอคอนิก ระดับตำนาน อย่าง Lamborghini Huracan Tecnica รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V10 (NA) สุดคลาสสิกของแบรนด์ ซึ่งนับเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งแรกที่ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2568 ณ รีสอร์ท อนันตรา เชียงใหม่

    เรนาสโซ มอเตอร์ มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์การขับขี่และบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับท่านเจ้าของรถลัมโบร์กินี ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารงานด้านการบริการลูกค้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดของรถลัมโบร์กินีทุกคันก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้าคนสำคัญเสมอ

    ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างมาตรฐานใหม่ในทุกการเดินทาง เปิดตัวที่สุดแห่งมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างมาตรฐานใหม่ในทุกการเดินทาง เปิดตัวที่สุดแห่งมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT

    บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ทางไกลบนสองล้อ ด้วยการเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ตัวท็อปรุ่นใหม่ของตระกูล RT ที่สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยนวัตกรรมรอบด้าน ทั้งระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นใหม่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อันชาญฉลาด และรูปลักษณ์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกปราดเปรียว แต่ยังคงปกป้องผู้ขับขี่จากสภาพแวดล้อมได้ยอดเยี่ยม ทั้งหมดนี้ผสมผสานกันเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกมิติ ให้ความสะดวกสบายกับทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับความแม่นยำในการควบคุมตลอดทุกห้วงเวลาบนท้องถนน

     

    “การขับขี่ทางไกลเป็นโจทย์ที่ทดสอบความสามารถของมอเตอร์ไซค์ทุกคันได้ดีที่สุด และเราเชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณสำหรับทุกบททดสอบบนเส้นทางที่คุณเลือก รุ่นล่าสุดในตระกูล RT ของเรา พร้อมให้นักบิดทุกคนได้สัมผัสกับที่สุดของคุณภาพและความล้ำสมัยจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในแทบทุกด้าน นับตั้งแต่ความสบายขณะเดินทาง การปกป้องผู้ขับขี่จากสภาพแวดล้อมภายนอก สมรรถนะเพื่อการขับขี่ที่ราบรื่น ไปจนถึงงานออกแบบที่สง่างาม” มร. สเวน เยิร์ก ริทเทอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าว

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ (Impulse)
    ราคา: 1,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

     

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ (Option 719 Camargue)
    ราคา: 1,569,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พัฒนาขึ้นเพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ทางไกลในสไตล์ทัวริ่งพันธุ์แท้ พร้อมโลดแล่นไปกับคุณด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่เพรียวลมกว่า RT รุ่นใหญ่คันอื่นๆ เพื่อให้คล่องตัวและง่ายต่อการควบคุมมากยิ่งขึ้น

    แชสซีของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมีหัวใจสำคัญเป็นเฟรมหลักของตัวถังที่ทำจากเหล็กกล้า ทั้งมีขนาดกะทัดรัดกว่าและแข็งแกร่งกว่า RT รุ่นก่อน เมื่อนำตัวถังนี้ไปจับคู่กับเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นให้มีขนาดเล็กลงเช่นกัน จึงทำให้ R 1300 RT ใหม่ มีจุดศูนย์ถ่วงที่พอดีกับรูปทรงของ ตัวรถมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ควบคุมรถได้แม่นยำและมั่นคงกว่าเดิม ส่วนแผงบังลมด้านข้างตัวรถสามารถปรับองศาการทำมุมได้ เพื่อเลือกระหว่างความเย็นสบายจากกระแสลมที่ไหลผ่านตัว หรือกางออกเพื่อเบนกระแสลมและหยดฝนให้ออกห่างผู้ขับขี่ ขณะที่แผงบังเครื่องยนต์ด้านข้างช่วยปกป้องส่วนรองเท้าและข้อเท้าให้ไม่โดนน้ำ แม้จะต้องออกเดินทางกลางฝน

    ทั้งแฮนด์รถ ที่วางเท้า และเบาะนั่งของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ผ่านการปรับแต่งและวางตำแหน่งให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่ โดยขยับตัวผู้ขับมาทางส่วนหน้ารถมากขึ้นกว่าใน RT รุ่นก่อนๆ เพื่อให้ส่วนหน้ารถตอบสนองต่อทุกการควบคุมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสริมให้ตัวรถคล่องแคล่วกว่าในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยที่ยังคงความแม่นยำและนุ่มนวลไว้เช่นเคยสำหรับวันสบายๆ ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระในรุ่นนี้ มีเคสเก็บของขนาด 27 ลิตรสองชิ้นติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยแต่ละเคสสามารถปรับขยายพื้นที่ภายในให้มีความจุได้สูงสุด 33 นิ้ว ซึ่งจะทำให้ตัวรถกว้างขึ้นเล็กน้อย ส่วนท็อปเคสด้านบน มีมาให้สองใบเช่นกันที่ความจุ 39 และ 54 ลิตร ขณะที่รุ่นพิเศษ Option 719 Camargue มีท็อปเคสขนาดใหญ่พร้อมพนักพิงติดระบบทำความร้อนเพิ่มมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

    ตัวถังที่ออกแบบใหม่ พร้อมด้วยคุณสมบัติครบครันทั้งหมดนี้ ติดตั้งอยู่บนระบบช่วงล่างที่ใช้เทคโนโลยี Dynamic Chassis Adaption (DCA) ซึ่งใช้ระบบไฟฟ้าปรับความแข็งของสปริงและระบบกันกระเทือน ทั้งยังปรับตั้งค่าตัวรถให้ทำมุมเอียงกับพื้นได้สองโหมด โดยโหมดมาตรฐานจะตั้งค่ามาให้แผงคอของตัวรถขนานไปกับพื้นถนน เพื่อเสริมความนุ่มนวลและมั่นคงในการขับขี่ ส่วนโหมดที่สองจะตั้งค่าให้ตัวรถยกสูงขึ้น โดยช่วงท้ายรถจะยกขึ้นสูงกว่าส่วนหน้า พร้อมด้วยสปริงและระบบกันกระเทือนที่ปรับให้แข็งกว่าโหมดแรก ซึ่งทำให้ตัวรถตอบสนองกับการควบคุมได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

    ด้านหน้าของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ มีชุดไฟหน้า LED ที่ส่องสว่างเพื่อเสริมความปลอดภัยในทุกเส้นทาง พร้อมด้วยแพ็คเกจ Headlight Pro ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับตลาดไทย เพิ่มความสามารถในการปรับองศาของไฟหน้าให้ก้มหรือเงยตามมุมกดของตัวถังรถ จึงช่วยให้ไฟหน้ารักษาระยะทางการส่องสว่างให้สูงสุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นขณะเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว หรือการปรับองศาตัวรถผ่านระบบช่วงล่าง DCA

    นอกจากตัวถังที่ออกแบบใหม่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ยังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เช่นกัน โดยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 1,300cc รุ่นนี้นับเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดจากสายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู ให้พละกำลังสูงสุดที่ 107 กิโลวัตต์ / 145 แรงม้า ที่แรงบิด 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตัวนี้ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ 6 สปีดและคลัทช์แบบเปียกที่มีฟังก์ชันป้องกันล้อหลังล็อกมาในตัว แต่ยังขับง่ายด้วยระบบ Shift Assistant Pro ที่ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้งานคลัทช์ ส่วนในรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue เสริมความสะดวกไปอีกขั้นด้วยระบบ Automatic Shift Assistant (ASA) ที่ควบคุมทั้งคลัทช์และเกียร์แบบอัตโนมัติในทุกขั้นตอน

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ติดตั้งแพ็คเกจ Riding Modes Pro มาให้เป็นมาตรฐาน จึงมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 โหมด เริ่มจากโหมด “Rain” และ “Road” ที่ปรับการทำงานของตัวรถให้เข้ากับสภาพถนนและอากาศในขณะนั้น โหมด “Eco” ที่นำเทคโนโลยี BMW ShiftCam มาช่วยเค้นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้เดินทางต่อไปได้ไกลที่สุดด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว และโหมด “Dynamic” และ “Dynamic Pro” ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานคู่กับช่วงล่างเทคโนโลยี Dynamic Chassis Adaption (DCA) สามารถปรับความสูงของตัวรถ ความแข็งของสปริง และระบบกันสะเทือน เพื่อความคล่องตัวสูงสุดขณะขับขี่

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ รับรองความนุ่มนวลและปลอดภัยบนท้องถนนด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Cruise Control (DCC) พร้อมฟังก์ชันช่วยเบรก ระบบ Active Cruise Control (ACC) ที่สามารถกำหนดระยะห่างจากรถคันหน้าได้ ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning (FCW) และระบบช่วยการมองด้านข้าง Side View Assist (SVA) ที่ใช้เรดาร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ ฟังก์ชันทั้งหมดนี้ พร้อมด้วยระบบนำทางและการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ สามารถเรียกใช้งานได้ผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ติดตั้งชุดเครื่องเสียง Audio System ที่ให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยชุดลำโพงทิ่ติดตั้งมาในตัว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารของผู้ขับขี่ด้วยเช่นกัน ส่วนรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงไปอีกขั้นด้วยชุดเครื่องเสียงจากแพ็คเกจ Audio Pro ด้วยชุดลำโพงคุณภาพสูงที่สามารถควบคุมเสียงเบสและเทรเบิลแยกจากกันได้ สามารถเซฟการตั้งค่าเสียงเป็นโปรไฟล์ได้ และมีฟังก์ชัน Dynamic Volume Control ที่ปรับระดับเสียงเพลงแบบอัตโนมัติตามความจำเป็นในแต่ละสถานการณ์

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พร้อมให้นักบิดทั่วไทยเป็นเจ้าของได้ในสองรุ่นย่อย ได้แก่รุ่น Impulse กับลุคโฉบเฉี่ยวสะดุดตาในสีน้ำเงิน Racing Blue metallic และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว และรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue ที่สง่างามไปอีกระดับในสีน้ำเงินอมเขียว Blue Ridge Mountain metallic ชุดแต่ง Option 719 Shadow Milled Parts ล้อแบบสปอร์ตในขนาดเดียวกัน ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Automated Shift Assistant (ASA) ชุดเครื่องเสียงแบบอัปเกรด Audio Pro ไฟหน้า LED พิเศษเพิ่มอีกหนึ่งดวง และท็อปเคสขนาดใหญ่อีกหนึ่งใบ

    ผู้สนใจสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ และมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้ที่ www.bmw-motorrad.co.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Motorrad Thailand หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • NEW GWM TANK 300 DIESEL สร้างปรากฏการณ์! ผ่าน 3 บทพิสูจน์ความสำเร็จ ยอดขายเติบโต เปิดเวทีส่งออก และขับเคลื่นชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง

    1 Min Read

    NEW GWM TANK 300 DIESEL สร้างปรากฏการณ์! ผ่าน 3 บทพิสูจน์ความสำเร็จ ยอดขายเติบโต เปิดเวทีส่งออก และขับเคลื่นชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุดความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ได้รับเสียงชื่นชมอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงเพราะเป็นรถที่ลุยนอกเมือง เดินทางท่องเที่ยวได้ แต่ยังตอบโจทย์ชีวิตประจำวันบนถนนไทย ตั้งแต่ซอยแคบ ฝนหนัก น้ำท่วม ไปจนถึงลานจอดในห้างสรรพสินค้า นำมาสู่ 3 บทพิสูจน์ที่ชี้ชัดความสำเร็จ ได้แก่ 1.) ยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง 2.) เดินหน้าผลิตเพื่อส่งออก ศักยภาพการผลิตในประเทศไทยในมาตรฐานสากลที่ส่งออกแล้วทั่วโลก และ 3.) ชุมชนผู้ใช้จริงหรือ TANKER CLUB ที่แข็งแกร่ง การันตีด้วยเสียงจริงจากผู้ใช้งานจริง จนกลายเป็นรถออฟโรดทรง Boxy ที่ครองใจผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง

    3 บทพิสูจน์ที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ในไทย

    • บทพิสูจน์ที่ 1 ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง: ความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ไม่ได้เกิดจากกระแสชั่วคราว แต่จากการใช้งานจริงที่ตอบโจทย์ความชื่นชอบและการใช้งานจริงของคนไทย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4T เจนเนอเรชันล่าสุดที่โดดเด่นด้านสมรรถนะ การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากมาย ประกอบกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และราคาที่จับต้องได้ คุ้มค่าคุ้มราคากับสิ่งที่ได้รับ สื่งสำคัญที่สุดคือการมาพร้อมกับการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี) สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างยอดเยี่ยม โดยตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบัน GWM (Thailand) ได้ส่งมอบรถยนต์รุ่นนี้ไปแล้วเกือบ 6,000 คัน และล่าสุดขึ้นแท่นอันดับ 2 ในกลุ่ม PPV ในประเทศไทย 6 เดือนติดต่อกัน (พฤษภาคม – กันยายน 2568) และสามารถครองยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่ม C-SUV ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 และยังคงรักษาความร้อนแรงได้จวบจนถึงสิ้นเดือนกันยายนอีกด้วย

    • บทพิสูจน์ที่ 2 ผลิตในไทย ส่งออกไปจริง: GWM (Thailand) เริ่มทำการส่งออก GWM TANK 300 ตั้งแต่ปี 2567 โดยเริ่มประเดิมส่งออก GWM TANK 300 HEV สู่ประเทศอินโดนีเซีย และขยายตลาดสู่ประเทศ ภูฏาน แอนติกา จาเมกา เซนต์ลูเซีย และบาร์เบโดส และในปี 2568 ได้เริ่มส่งออก NEW GWM TANK 300 DIESEL ไปยังประเทศอินโดนีเซีย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ GWM ในการผลักดันให้โรงงานอัจฉริยะที่จังหวัดระยอง เป็นฐานการส่งออกที่สำคัญของ GWM ไปยังทั่วโลก ยืนยันศักยภาพในการผลิต และคุณภาพฝีมือแรงงานไทยของสายการผลิตในประเทศไทย เน้นย้ำมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพไว้ครบถ้วน พร้อมกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดที่ได้มาตรฐานสากล โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา NEW GWM TANK 300 DIESEL ได้ส่งออกไปแล้วเกือบ 500 คัน

    • บทพิสูจน์ที่ 3 การรันตีคุณภาพจากผู้ใช้งานจริง ผ่าน TANKER CLUB คอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง และคุณภาพบริการหลังการขายที่ผู้ใช้ไว้วางใจ: NEW GWM TANK 300 DIESEL ได้รับการพัฒนามาจากเสียงของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่ง GWM ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพถนนเมืองไทยและพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย รถยนต์คันนี้จึงไม่เพียงโดดเด่นด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แต่ยังเป็นรถยนต์ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งที่รักและมั่นใจในคุณภาพและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมี TANKER CLUB ชุมชนผู้ใช้งานจริงที่แข็งแกร่ง สร้างมิตรภาพที่เหนียวแน่นผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยขน์สู่ GWM โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนางานบริการหลังการขายที่ GWM ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อมอบการบริการที่รวดเร็ว ฉับไว โปร่งใส และใส่ใจ สู่การบอกต่อประสบการณ์ดี ๆ ของผู้ใช้จริงต่อบุคคลรอบข้าง สร้างผลลัพธ์เชิงบวกและการเติบโตของยอดขาย ในวงกว้าง ตอกย้ำความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง

     

    เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ในทุกก้าวของความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL เราเห็นชัดว่าพลังสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหรือสมรรถนะของรถ แต่คือ ‘ความไว้วางใจของลูกค้า’ ที่เกิดจากการใช้งานจริงบนถนนไทย ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จนรถรุ่นนี้เติบโตขึ้นจากยอดขายเพียงช่วงเปิดตัว สู่การเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่พบเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างแท้จริง เสียงสะท้อนจากกลุ่มผู้ใช้จริงใน TANKER CLUB คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่า GWM ไม่ได้แค่ขายรถ แต่กำลังสร้าง ‘ชุมชนของคนที่เชื่อในคุณภาพเดียวกันและมีจิตวิญญาณเดียวกัน’ และเราจะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ไกลขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขยายตลาดส่งออกจากประเทศไทยไปยังประเทศใหม่ ๆ ทั่วโลก รวมถึงการเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อก้าวสู่การเป็น “อันดับ 1 ด้านบริการหลังการขายของแบรนด์จากประเทศจีน” ผลักดันให้ NEW GWM TANK 300 DIESEL ประสบความสำเร็จในขั้นต่อไป เพื่อให้ GWM ขึ้นสู่การเป็น “แบรนด์จากประเทศจีนที่คนไทยไว้วางใจมากที่สุด” หรือ “The Most Trusted Chinese Brand in Thailand” อย่างแท้จริง”

    #GWM #GWMThailand #GWMTANK #TANK300 #TANK300DIESEL #NEWGWMTANK300DIESEL #DIESEL #MotorExpo2025


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment