-
News Car1 Min Read
จับตา! “GWM WEY” แบรนด์ลักชัวรี่ใหม่จาก GWM และ “GWM WEY G9” รถ MPV ระดับไฮเอนด์รุ่นแรก เตรียมเปิดตัวในไทย 28 พฤศจิกายนนี้
GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” เตรียมปักหมุดหมายใหม่ของยานยนต์ลักชัวรี่ในไทย ด้วยการเปิดตัว “GWM WEY (จีดับเบิ้ลยูเอ็ม เวย์)” แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์ที่ผสานพลังเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับงานออกแบบและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อมอบทางเลือกใหม่ให้ผู้ใช้ที่กำลังมองหาความหรูหราและความสะดวกสบายระดับไฮเอนด์ สมรรถนะและความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ รวมถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ในทุกวัน
GWM WEY คือแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ระดับลักชัวรี่จาก GWM ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของผู้ก่อตั้ง Jack Wey ซึ่งทำให้ WEY เป็นแบรนด์ยานยนต์จีนระดับหรูแบรนด์แรก และเป็นแบรนด์แรกที่ใช้ชื่อของผู้ก่อตั้งเป็นชื่อแบรนด์ สะท้อนถึง “เกียรติยศ ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่น” ของ แจ็ค เวย์ (Jack Wey) ที่มีต่อคุณภาพและนวัตกรรมของยานยนต์จีน โดย GWM WEY ยึดพันธกิจ “Making Luxury Accessible” หรือ “ทำให้ความหรูหราเข้าถึงได้” โดย GWM ใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มเพื่อสร้างแบรนด์นี้ขึ้นอย่างพิถีพิถัน มุ่งสู่ตลาดรถยนต์พรีเมียมระดับกลางถึงสูง และเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการ “ท้าทายการผูกขาดของแบรนด์ต่างชาติในตลาด SUV หรู” โดยท่านประธานแจ็ค เวย์ “นี่คือแบรนด์ที่ผมเดิมพันด้วยนามสกุลของผมเอง” และ”ผมจะปกป้องเกียรติของแบรนด์ เหมือนที่ผมปกป้องเกียรติของครอบครัว”
GWM WEY G9 ก้าวแรกของยนตรกรรมลักชัวรี่สู่ตลาดไทย
การเปิดตัว GWM WEY G9 (จีดับเบิ้ลยูเอ็ม เวย์ จีไนน์) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของแบรนด์ GWM WEY ในประเทศไทย และเป็นรถยนต์ MPV รุ่นแรกที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งยนตรกรรมลักชัวรีอัจฉริยะได้อย่างครบถ้วน ทั้งความปลอดภัยขั้นสูง สุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะ และความจริงใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบจนถึงงานบริการ มอบสมรรถนะ เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างเหนือระดับ เพื่อรองรับหลากหลายบทบาทของผู้ใช้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ การใช้รถในชีวิตประจำวันของครอบครัว หรือเวลาส่วนตัวที่ต้องการพื้นที่แห่งความผ่อนคลาย GWM WEY G9 จึงเป็นมากกว่ารถ MPV แต่คือประสบการณ์การเดินทางที่หรูหรา สะดวกสบาย พร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิตอย่างแท้จริง
GWM WEY G9 ขับเคลื่อนด้วยระบบ Hi4 Technology ที่ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างลงตัว เพื่อส่งมอบการขับขี่ที่มั่นคง ปลอดภัย นุ่มนวล และราบรื่นในทุกสภาพถนน สามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่องทั้งการติดต่อธุรกิจหรือการพักผ่อนกับครอบครัว หมดกังวลกับการหยุดแวะชาร์จไฟฟ้าในระหว่างทาง โดยเทคโนโลยี Hi4 ของ GWM ได้รับรางวัลใหญ่ระดับประเทศ “Grand Prize of the Science and Technology (S&T)” จากสมาคมวิศวกรยานยนต์จีน (China SEA) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีที่นวัตกรรมด้านระบบขับเคลื่อนไฮบริดได้รับรางวัลสูงสุดนี้ ตอกย้ำมาตรฐานระดับโลกของ GWM ในด้านนวัตกรรม สมรรถนะ และความปลอดภัยของระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะสี่ล้อ พร้อมเติมเต็มความหรูหราในห้องโดยสารด้วยรายละเอียดที่ใส่ใจผู้ใช้อย่างครบครัน อาทิ เก้าอี้นั่ง Zero Gravity ที่ช่วยรองรับสรีระอย่างเป็นธรรมชาติ มอบความสบายขั้นสุด ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ Coffee OS 3.3 ที่เชื่อมต่อทุกฟังก์ชันในรถให้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทุกช่วงเวลาของการเดินทางเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย ความสะดวกสบาย และความประณีตในแบบลักชัวรี่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle2 Min Read
ไทยแถลงความพร้อม! เจ้าภาพ “โมโตจีพี 2026” สนามเปิดฤดูกาล ใหญ่ขึ้น-สนุกขึ้น-ผู้ชมมากขึ้น ตั้งเป้าเป็นสนามที่ดีที่สุดและน่าจดจำที่สุดในปฏิทินแข่งขัน
รัฐบาลไทย นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” สนามประเทศไทย ประจำปี 2569 ภายใต้ชื่อ “PT Grand Prix of Thailand 2026” ซึ่งได้รับเกียรติสูงสุด ขึ้นแท่นสนามเปิดฤดูกาล เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ตอกย้ำก้าวสำคัญสู่ปีที่ 7 ที่แข็งแกร่งของไทยบนแผนที่มอเตอร์สปอร์ตโลก พร้อมเดินหน้า สานต่อความสำเร็จ ดันไทยสู่ “ฮับมอเตอร์สปอร์ตภูมิภาค” และสร้างต้นแบบเมืองกีฬาอาเซียน จุดพลุคอนเซ็ปต์ ‘More Than a Race’ จัดใหญ่-สนุกขึ้น ตั้งเป้าเป็นสนามแข่งที่ดีที่สุดและน่าจดจำที่สุดในปฏิทิน MotoGP ลุ้นสร้างสถิติใหม่ผู้ชมสูงสุดทำลายสถิติเดิม พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรวันแรก กระแสตอบรับดีเยี่ยม ที่นั่งแกรนด์สแตนด์ Sold Out ด้วยเวลา 3.21 นาที
11 พ.ย. 2568 ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) : แถลงข่าวจัดการแข่งขันและเปิดจำหน่ายบัตรชม ศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” รายการ “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” (PT Grand Prix of Thailand 2026) โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล หรือ Pre-Season Test วันที่ 21-22 ก.พ. และ สนามที่ 1 เปิดฤดูกาล ระหว่าง วันที่ 27 ก.พ. – 1 มี.ค. 2569 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพ พร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), ดอร์น่า สปอร์ต, จังหวัดบุรีรัมย์, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ร่วมแถลงข่าว รวมทั้งตัวแทนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์) ทัพสื่อมวลชนและผู้ร่วมงานมากกว่า 400 คน ถือเป็นงานแถลงข่าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของไทย
ภายในงานยังได้มีการเปิดจำหน่ายบัตรชมการแข่งขัน โมโตจีพี สนามประเทศไทย ประจำปี 2569 อย่างเป็นทางการ โดยปีนี้ปรับเวลาการจัดจำหน่ายให้เร็วขึ้นกว่าทุกปี รวมทั้งมีการเพิ่มกิจกรรมความสนุก ลุ้นรางวัลของที่ระลึกมากมาย รวมทั้งความพิเศษของบัตรชมการแข่งขัน ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษ ‘3-in-1 Global Exclusive’ ในการเข้าชมฟรี 3 กิจกรรมหลักทั้ง Pre-Season Test, Main Race และเป็นบัตรแอดมิชชั่นร่วมกิจกรรมบันเทิง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังเปิดจำหน่าย บัตรแกรนด์ สแตนด์ Sold Out ด้วยเวลา 3.21 นาที
รัฐบาล‘เดินหน้า’ สานต่อ ThaiGP ดันไทยสู่ ‘ฮับมอเตอร์สปอร์ตภูมิภาค’
ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพการจัดงาน กล่าวว่า การที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพ MotoGP เป็นปีที่ 7 และได้เป็นสนามเปิดฤดูกาลถึง 2 ปีติดต่อกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการทำงานอย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง คือเอกลักษณ์ ความเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่น และการสร้างบรรยากาศที่แฟนๆ ไม่มีวันลืม เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสเสน่ห์ไทยอย่างแท้จริง และสร้าง “ภาพจำ” ที่แตกต่างจากทุกสนามทั่วโลก
“ ThaiGP เป็นมากกว่าสนามแข่งขัน แต่เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่าน “Sport Tourism” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการท่องเที่ยว โรงแรม ขนส่งและซัพพลายเชนต่างๆ นี่คือ ผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่ประเทศได้รับจากการเป็นเจ้าภาพ MotoGP”
“จากผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ไทยต่อสัญญาเป็นเจ้าภาพออกไปอีก 5 ปี (พ.ศ. 2570–2574) สะท้อนว่า รัฐบาลมีเจตนาชัดเจนในการ “เดินหน้าต่อ” เพราะ ThaiGP เป็นทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน โดยมอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ฮับของมอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาค” ผ่านการสนับสนุนการแข่งขัน การพัฒนานักแข่งเยาวชน และการใช้ Soft Power สื่อสารภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ของประเทศไปทั่วโลก”
ThaiGP คือ ‘การลงทุนในอนาคตของวงการกีฬาไทย’ สร้างต้นแบบเมืองกีฬาอาเซียน
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กองทุนฯในฐานะหน่วยงานหลักที่ให้การสนับสนุนการจัดงาน MotoGP ได้เห็นถึงพัฒนาการและผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมของการจัดการแข่งขัน ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 25,000 ล้านบาท และดึงดูดนักท่องเที่ยวรวมแล้วกว่า 1.2 ล้านคน ชี้ให้เห็นว่าการจัดการแข่งขันระดับโลกนี้ คือ “เครื่องยืนยันถึงศักยภาพของประเทศ” ไม่เพียงในมิติของกีฬาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระดับโลก
การจัดการแข่งขันโมโตจีพีในประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงการจัดกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ยังเป็น “การลงทุนในอนาคตของวงการกีฬาไทย” สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน สร้างอาชีพใหม่ในอุตสาหกรรมกีฬา และส่งเสริมเศรษฐกิจของพื้นที่ในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในต้นแบบของเมืองกีฬาในภูมิภาคอาเซียน และเป็นเวทีที่ช่วยต่อยอดศักยภาพของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ดอร์น่า ชู ThaiGP คือ “ประสบการณ์ครบวงจร” เป็นหนึ่งในสนามที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในปฏิทินโมโตจีพี
ด้าน อัมปาโร ปอร์โต ผู้อำนวยการอาวุโส ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน ได้กล่าวแสดงความขอบคุณประเทศไทย ผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย สำหรับความร่วมมืออันยอดเยี่ยมและมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ThaiGP โดยต่อสัญญาไปอีก 5 ปี พร้อมทั้งขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้การแข่งขันประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
“ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากของโมโตจีพีในภูมิภาคนี้ ด้วยฐานแฟนกีฬาที่แข็งแกร่งและมีความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต อีกทั้งยังมีศักยภาพในการขยายฐานผู้ชมได้อีกมาก โดยการแข่งขัน ThaiGP ถือเป็นหนึ่งในสนามที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในปฏิทินโมโตจีพี และประสบการณ์ของแฟน ๆ ในสนามก็เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของความสำเร็จในด้านการจัดงาน โดยพื้นที่แฟนโซนของประเทศไทย มีความโดดเด่นด้านกิจกรรม ความบันเทิง อาหาร และพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้การแข่งขัน ThaiGP เป็น “ประสบการณ์แบบครบวงจร” ทั้งในและนอกสนาม สะท้อนแนวคิดของโมโตจีพีที่มุ่งให้แฟน ๆ ได้สนุกตลอดช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขัน และบุรีรัมย์ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้ประสบการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
PTG ทุ่มสุดตัว! มอบประสบการณ์ ‘PT GO FOR MAX’ ไตเติ้ล สปอนเซอร์ปีที่ 3
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ในฐานะ Title Sponsor ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 เปิดเผยว่า “การสนับสนุนนี้เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เราเห็นผลลัพธ์เชิงบวกอย่างชัดเจน ทั้งการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ขยายโอกาสทางธุรกิจที่จับต้องได้, สร้างคุณค่าร่วมกันให้กับประเทศและคนไทย”
“ด้วยสโลแกน ‘PT GO FOR MAX’ เราตั้งใจมอบประสบการณ์พิเศษมากมายให้กับแฟนๆ เพื่อให้ได้รับความสุขแบบ ‘MAX’ ตั้งแต่ก่อนเริ่มงานไปจนถึงวันงาน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก PT Max Card Plus บัตรแดง หรือ สมาชิก PT Max Card Plus EV บัตรเขียวอ่อน รับส่วนลดซื้อบัตรเข้าชม 25% และ PT Max Card บัตรเขียว รับส่วนลด 20% นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษทั้ง ลด แลก แจก ช็อป จากทางผลิตภัณฑ์ในเครือ ไม่ว่าจะเป็น PT Maxnitron กาแฟพันธุ์ไทย ศูนย์บริการ Autobacs และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งสินค้าลิขสิทธิ์สุดพิเศษเอาใจแฟนมอเตอร์สปอร์ตให้เลือกซื้อมากมาย นอกจากนี้ ยังมีไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรม Fan Zone, Hero Walk และ Meet and Greet ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ที่ PT Pavilion ที่เดียวเท่านั้น เราจะทำให้การมาเยือนสนามช้างฯ เป็นมากกว่าการชมการแข่งขัน แต่เป็นการได้รับประสบการณ์ที่ครบถ้วนทั้งความมันส์ ความคุ้มค่า และความประทับใจที่แฟน ๆ ไม่มีวันลืม”
บุรีรัมย์ พร้อม 100% ชี้ MotoGP สร้างงานกว่า 46,000 ตำแหน่ง
นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเจ้าบ้าน กล่าวถึงความพร้อมในการจัดงานว่า “ความสำเร็จของ MotoGP นั้น ไม่ได้วัดเพียง 3 วันของการแข่งขัน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน บุรีรัมย์ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ยังยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และที่สำคัญคือการกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ไปกว่า 46,000 ตำแหน่ง ในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
ในฐานะเจ้าบ้าน เมืองหลวงแห่งมอเตอร์สปอร์ต จังหวัดบุรีรัมย์พร้อม 100% แล้ว ทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับระบบสาธารณูปโภค การรักษาความปลอดภัย และหัวใจการเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่น เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจที่สุดให้กับผู้มาเยือนจากทั่วโลก เราจะยังคงเดินหน้าต่อยอดสิ่งนี้ให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งการได้เป็นสนามเปิดฤดูกาลอีกครั้งคือโอกาสสำคัญที่ใช้ผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเต็มที่”
จุดพลุคอนเซ็ปต์ ‘More Than a Race’ จัดใหญ่-สนุกขึ้น ลุ้นสร้างสถิติใหม่ผู้ชมสูงสุด
ปิดท้ายด้วย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวว่า สำหรับ ThaiGP 2026 จัดในคอนเซ็ปต์ ‘More than a race’ สะท้อนบทบาทของสนามช้างฯ ที่เป็นมากกว่าสนามแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่เคียงข้างชุมชนในทุกช่วงเวลา ทั้งศูนย์พักพิงช่วงโควิด-19, ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย ฯลฯ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมหลายรายการ โดยการจัดในปีนี้จะยกระดับให้ “ยิ่งใหญ่และสนุกขึ้น” ด้วยกิจกรรมเสริม เต็มรูปแบบตลอด 3 วัน ดังเช่นที่ดอร์น่ายกให้เป็นสนามที่มีกิจกรรมเสริมดีที่สุด โดยจะขยาย Fan Zone ให้ใหญ่และสนุกขึ้น จัดเต็มคอนเสิร์ตระดับประเทศจาก Chang Music Connection และยังคงรักษาความคุ้มค่าด้วยโปรโมชั่นตั๋ว MotoGP ที่ถูกที่สุดในโลก พร้อมสิทธิพิเศษในการเข้าชม Pre-season Test ฟรี ตั้งเป้าเป็นสนามแข่งที่ดีที่สุดและน่าจดจำที่สุดในปฏิทิน MotoGP และคาดหวังว่า ปีนี้จะเป็นปีที่สามารถล้มสถิติจำนวนผู้ชมสูงสุด 226,655 คน เมื่อปี 2019 ให้ได้” พร้อมตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีกในสัญญาใหม่ต่อจากนี้ไม่น้อยกว่า 5 ปี
ทั้งนี้ “บัตรเข้าชม โมโตจีพี สนามประเทศไทย 2026” แบ่งเป็น 4 ประเภท เข้าชม Pre-Season Test ได้ฟรี และชม Main Race ได้ทั้ง 3 วัน ได้แก่ 1.แกรนด์ สแตนด์ (Grandstand) 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม) 2.ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand) 3,000 บาท สำหรับกองเชียร์นักแข่ง ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์ (พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักบิดคนโปรด) 3. ไซด์ สแตนด์ (Side Stand) 2,000 บาท 4.แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand ) 2,000 บาท สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์ Honda, YAMAHA (พร้อมสิทธิ์ลุ้นชิงโชคและรับของที่ระลึกจากผู้สนับสนุน) โดยบัตร Honda Stand รับของที่ระลึก ได้แก่ Cheering Kit มูลค่ากว่า 800 บาททุกที่นั่ง ประกอบด้วย เสื้อยืดสุดพิเศษจากไทยฮอนด้า, หมวก, กระเป๋า, กระบองลมและพัด ส่วน บัตร YAMAHA Stand ลุ้นรับรางวัลใหญ่ 2 รางวัล ได้แก่ 1.รถจักรยานยนต์ออล นิว ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ และหมวกกันน็อกพร้อมลายเซ็น ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร 2.รถจักรยานยนต์ออล นิว ยามาฮ่า แอร็อกซ์ และหมวกกันน็อกพร้อมลายเซ็นของ อเล็กซ์ รินส์ รวมมูลค่าของรางวัล 238,700 บาท
ส่วนผู้ชมที่ต้องการซื้อเฉพาะ บัตรชม Pre-Season Test ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล 21-22 ก.พ.2569 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท ต่อวัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดจำหน่าย บัตร ‘VIP Lounge โค้ง 12‘ ครั้งแรก! ราคา 20,000 บาท ซึ่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ เห็นทุกจังหวะตัดสินแชมป์ในโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ด้วยห้องรับรองติดแอร์ พร้อมอาหารระดับพรีเมียม เครื่องดื่มไม่อั้น Wi-Fi และทีวีถ่ายทอดสดแบบชิดติดสนามและสิทธิ์เข้าชม Pre-Season Test ฟรี! รวมทั้งยังมีการเปิดจำหน่าย “บัตร Paddock Pass” เข้าสู่โซนรับรองของนักแข่งระดับโลกอย่างใกล้ชิด ขอลายเซ็น และถ่ายรูปแบบเอ๊กซ์คลูซีฟ ในราคา 15,000 บาท ซึ่งเมื่อซื้อพร้อมบัตร Main Race จะได้รับส่วนลดพิเศษ 15% เหลือเพียง 12,750 บาท และสิทธิ์เข้าชม Pre-Season Test ฟรี!
สำหรับ ส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ยังคงจัดเต็มเช่นเคย โดย PTG มอบส่วนลดในการซื้อบัตรชมการแข่งขัน เพื่อเติมความสุขอย่างเต็ม Max ไม่ว่าจะเป็น บัตรแดง PT Max Card Plus เพียงโชว์บัตรที่ จุดจำหน่าย รับส่วนลด 25% ,บัตรเขียว PT Max Card ลด 20% และยังมีกิจกรรมพิเศษ ลด-แลก-แจก-ช้อปภายในงาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในเครือ PT Maxnitron กาแฟพันธุ์ไทย ศูนย์บริการ Autobacs ฯลฯ และยังมีของที่ระลึกโมโตจีพีลิมิเต็ดมากมาย ติดตามได้ที่แฟนเพจ PT Station หรือสิทธิ์ส่วนลด 20% จากผู้สนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ Chang International Circuit Friend Club, กุญแจรถจักรยานยนต์ Honda, กุญแจรถจักรยานยนต์ YAMAHA
แฟนความเร็วซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์ allticket ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
ฮอนด้า ยืนยัน! เตรียมนำเข้า “Honda STEP WGN e:HEV ใหม่” จากญี่ปุ่น คัมแบ็กให้สัมผัส พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ ทั้งในงาน Motor Expo 2025 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ 28 พ.ย. นี้
เซอร์ไพร์สส่งท้ายปี! จากบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันเตรียมนำเข้าและจำหน่าย “Honda STEP WGN e:HEV ใหม่” รุ่นประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เตรียมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าเพื่อเป็นเจ้าของพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 นี้ และสัมผัสคันจริงได้ที่บูทฮอนด้า (A08) ในงาน Motor Expo 2025 ที่เดียวเท่านั้น ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นับเป็นการกลับมาของรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว (MUV) ขนาด 7 ที่นั่ง เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ ชูจุดเด่น ‘Japanese Quality’ มาตรฐานการผลิตคุณภาพสูง พร้อมความมั่นใจด้านบริการหลังการขาย ด้วยความพร้อมของอะไหล่และทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ จากเครือข่ายโชว์รูมฮอนด้าที่ได้มาตรฐาน
กว่า 222 แห่งทั่วประเทศHonda STEP WGN เป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว MUV ขนาด 7 ที่นั่งประตูสไลด์ ที่เคยนำเข้าและเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2555 และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยตัวถังแบบ Life Expander BOX กับจุดเด่นห้องโดยสารที่โปร่งโล่ง กว้างขวาง และพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เพียงสะดวกสบาย แต่ยังมอบความสนุก ทรงพลัง มั่นใจ และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไฮไลต์ข้อมูล Honda STEP WGN e:HEV รุ่น e:HEV SPADA (ประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น)
- ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อมอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่ง
- เบาะโดยสารหนังสังเคราะห์แบบ Prime Smooth และเบาะผ้าเทคโนโลยี FABTECH อเนกประสงค์
ปรับได้หลากหลายรูปแบบ- เบาะนั่งแถว 2 แบบปรับแยกอิสระ พร้อมเบาะรองน่อง Ottoman
- เบาะนั่งแถว 3 ปรับพับ 60:40 พร้อมพับแบบแบนราบ
- ฟังก์ชันการใช้งานและเทคโนโลยีความปลอดภัย เพื่อความสะดวกสบายและความมั่นใจของทุกคนในครอบครัวตลอดการเดินทาง
- ประตูข้างแบบสไลด์ไฟฟ้า ซ้าย-ขวา
- ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri- Zone พร้อมระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร Plasmacluster
- ระบบเกียร์ไฟฟ้า
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light)
- มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 2 นิ้ว
- เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
- สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี มาพร้อมภายในห้องโดยสารสีดำ
- สีใหม่! สีดำทไวไลต์มิสต์ (มุก)
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
- สีดำคริสตัล (มุก)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
การนำเข้า Honda STEP WGN e:HEV จากประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือเป็นการตอบรับเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ และสาวกฮอนด้าที่รอคอย โดยรายละเอียดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะประกาศให้ทราบในโอกาสต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
“ซาร์โก” โชว์ฟอร์มมั่นใจคว้าอันดับ 9 “ก้อง-สมเกียรติ” บิดคันเร่งเต็มที่ จบเรซที่ 17 โมโตจีพี โปรตุเกส
“โยฮันน์ ซาร์โก” ยอดนักแข่งชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 พารถแข่ง Honda RC213V เซฟผลงานกลุ่มหน้าหลังคว้าอันดับ 9 พร้อมเก็บแต้มสำคัญจากศึกโมโตจีพี สนามที่ 21 รายการ โปรตุกีส กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ออกตัวกริด 21 จบเรซอันดับ 17 ที่สนามอัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
การแข่งขันรอบ “เมนเรซ” ดวลความเร็วทั้งสิ้น 25 รอบสนาม โดยผลปรากฏว่า “โยฮันน์ ซาร์โก” นักบิดชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 เจ้าของรถแข่ง Honda RC213V จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 6 ก่อนจะบิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 9 ด้วยเวลารวม 41 นาที 34.656 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 21.040 วินาที
ด้าน “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียนหมายเลข 10 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ออกตัวจากกริดที่ 13 ขยับขึ้นมาจบเรซในอันดับ 11 ตามหลังผู้ชนะ 28.226 วินาที ส่วนทีมเมทชาวสเปนอย่าง “โจอัน เมียร์” หมายเลข 36 ไม่จบเรซจากปัญหาด้านเทคนิค
ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 นักบิดขวัญใจชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 21 เจอสถานการณ์ท้าทายเรื่องเบรก แต่ยังฮึดสู้บิดเข้าป้ายในอันดับ 17 ในเรซสุดหินด้วยเวลารวม 42 นาที 15.615 วินาที
สำหรับการแข่งขัน โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายนนี้ ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม ประเทศสเปน ในรายการ บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจะเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #PortugueseGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) มอบข้อเสนอสุดพิเศษ Motor Expo 2025 ส่งท้ายปี กับส่วนลดสูงสุด 400,000 บาท เริ่ม 1 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 2568 ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ และในงาน Motor Expo 2025
เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จัดโปรโมชัน Motor Expo 2025 พร้อมมอบข้อเสนอและแพ็กเกจคุ้มครองแบบจัดเต็มส่งท้ายปี ครอบคลุมรถยนต์ทั้ง 4 รุ่นหลัก ได้แก่ The Kia Carnival ทั้ง 2 ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ The Kia Carnival Diesel และ The new Kia Carnival HEV 7-seater เอ็มพีวีรุ่นเรือธงโฉมใหม่ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา The Kia EV5 The Kia EV9 และ The Kia Sorento PHEV AWD โดยเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) พร้อมมอบโปรโมชันสุดคุ้มให้กับผู้ที่สนใจได้เลือกพิจารณา The Kia Carnival Diesel SXL (11 ที่นั่ง) มอบส่วนลดพิเศษมูลค่า 300,000 บาท The Kia Carnival Diesel SXL Luxury (7 ที่นั่ง) มอบส่วนลดพิเศษมูลค่า 400,000 บาท The Kia Sorento PHEV AWD มอบส่วนลดพิเศษมูลค่า 350,000 บาท และ The Kia EV5 Air มอบส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ผ่อนเริ่มต้น 8,863 บาท และมอบแพ็กเกจความคุ้มครอง โดยโปรโมชั่นสำหรับแต่ละรุ่นย่อยจะมีข้อเสนอแตกต่างกันไป อาทิ การรับประกันคุณภาพ ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) สำหรับรถกลุ่มอีวี (EV) ไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เป็นต้น โดยเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) พร้อมมอบข้อเสนอสุดคุ้มค่าให้ผู้สนใจตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จนถึง 31 ธันวาคม 2568 ณ โชว์รูมเกียทั่วประเทศ และยังสามารถพบข้อเสนอสุดพิเศษเดียวกันนี้ได้ที่งาน Motor Expo 2025 โดยเกียได้ยกขบวนรถเอสยูวีและเอ็มพีวีอีกหลากหลายรุ่นครอบคลุมทุกไลน์อัปไปจัดแสดงที่งาน ผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสยนตกรรมและสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ ณ บูทเกียหมายเลข A24 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2568
The Kia Carnival – รถเอ็มพีวีรุ่นเรือธงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่” ที่ได้รับการตอบรับที่ดี
มายาวนานกว่า 20 ปี จากครอบครัวไทย การันตีความนิยมด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 2 ล้านคัน ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวที่ต้องการทั้งความอเนกประสงค์และความหรูหรา มอบประสบการณ์การขับขี่อันดีเยี่ยมสำหรับการเดินทางทั้งชีวิตประจำวันหรือสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว โดยปัจจุบัน The Kia Carnival จำหน่ายในไทยทั้งหมด 2 ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ The Kia Carnival Diesel และ The new Kia Carnival HEV 7-seaterThe new Kia Carnival HEV 7-seater เอ็มพีวีรุ่นใหม่ล่าสุดที่เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) นำเข้ามาเติมเต็มไลน์อัปของ The Kia Carnival มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury และ The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium
- ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54 kWh และเกียร์อัตโนมัติ
6 สปีด ให้กำลังรวมสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร - ดีไซน์ภายนอก ใหม่ มาพร้อมกระจังหน้า Tiger Nose อันเป็นเอกลักษณ์ของเกีย ผสานไฟหน้า–ไฟท้าย LED Star Map และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว เพิ่มความหรูหราและพรีเมียมยิ่งขึ้น
- โดดเด่นด้วยจอโค้งพาโนรามิกขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกับหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัส 3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมระบบ Infotainment & Climate Switchable Controller ที่ให้ผู้ขับสามารถ สลับควบคุมระหว่างระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบปรับอากาศได้ในสัมผัสเดียว
- ฟังก์ชันความอเนกประสงค์ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ด้วยทางเดิน Walkthrough Access ที่กว้างขวาง ช่วยให้ผู้โดยสาร เข้าถึงเบาะแถวสามได้อย่างสะดวก
- เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีแฮนด์ฟรี ทั้งประตูสไลด์ไฟฟ้า Smart Power Sliding Door ฝากระโปรงท้าย อัจฉริยะ Smart Tailgate และเบาะแถวสามแบบ Flat Folding Seats ที่พับเรียบเสมอพื้นภายใน 5 วินาที เพื่อเพิ่มพื้นที่ เก็บสัมภาระ
โปรโมชันสำหรับ The new Kia Carnival HEV 7-seater สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
- อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน [1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [2]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร [3]
- พิเศษ! สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty) ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (รวมเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร) [4]
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [5]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [6]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [7]
หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร , ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ,บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด และธนาคารทหารไทยธนชาต*กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
[3] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] โดยชื่อเจ้าของรถคันเดิมและชื่อเจ้าของรถคันใหม่จะต้องเป็นชื่อเดียวกัน หรือเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน (บิดา มารดา พี่น้อง สามี ภรรยา และบุตร) ใช้สิทธิเพียงแสดงเอกสารยืนยันได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาเล่มทะเบียนรถ หรือแสดงเอกสารยืนยันความสัมพันธ์(กรณีชื่อเจ้าของรถคันเดิมและคันใหม่เป็นบุคคลในครอบครัวตามเงื่อนไข) ประกอบการใช้สิทธิ ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ
[5] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[8] สิทธิประโยชน์ข้อ [2], [3] และ [5] มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 85,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
The Kia Carnival Diesel มาพร้อมเครื่องยนต์ Smartstream ดีเซล 2.2 ลิตร มาตรฐาน EURO 5 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ให้ความมั่นใจและประสิทธิภาพสำหรับการเดินทางไกล มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่
The Kia Carnival LX, The Kia Carnival EX และ The Kia Carnival SXL ซึ่งเป็นแบบ 11 ที่นั่ง และ The Kia Carnival SXL Luxury ซึ่งเป็นแบบ 7 ที่นั่ง- มอบความนุ่มนวลทุกการขับขี่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift
- ในรุ่น 11 ที่นั่ง ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ให้สามารถเดินทางไปพร้อมกันได้ มาพร้อมถังน้ำมัน 72 ลิตร วิ่งได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อหนึ่งถัง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง
- ในรุ่น 7 ที่นั่ง มอบประสบการณ์หรูหราแบบ “1st Class Lounge” ด้วยเบาะแถวที่สองพรีเมียมปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมเบาะรองขา ระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ รองรับโหมด Relaxation ที่ปรับเอนอัตโนมัติในสัมผัสเดียว พร้อม Dual Sunroof เพิ่มความโปร่งสบายตลอดการเดินทาง
- มั่นใจทุกเส้นทางด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง ADAS (Advanced Driver Assistance System) ครบครัน
โปรโมชันสำหรับ The Kia Carnival Diesel LX (11 ที่นั่ง) สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ราคาพิเศษ 1,599,000 บาท (ราคาจำหน่ายปกติ 1,892,000 บาท หักส่วนลดมูลค่า 293,000 บาท)
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
โปรโมชันสำหรับ The Kia Carnival Diesel EX (11 ที่นั่ง) สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ราคาพิเศษ 1,999,000 บาท (ราคาจำหน่ายปกติ 2,234,000 บาท หักส่วนลดมูลค่า 235,000 บาท)
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
—- หรือ —-
- เงินเพิ่มมูลค่ารถคันเก่า 100,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
- อัตราดอกเบี้ย 0% 4 ปี [6]
โปรโมชันสำหรับ The Kia Carnival Diesel SXL (11 ที่นั่ง) สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลดมูลค่า 300,000 บาท (จากราคาจำหน่ายปกติ 2,594,000 บาท)
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
—- หรือ —-
- เงินเพิ่มมูลค่ารถคันเก่า 160,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
- อัตราดอกเบี้ย 0% 4 ปี [6]
หมายเหตุ:
[1] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับรุ่น LX, EX, SXL และ SXL Luxury โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[2] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย) โดยไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย
[5] สิทธิประโยชน์ข้อ [1], [2] มีมูลค่า 50,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[6] อัตราดอกเบี้ยต้นงวดพิเศษ 0% 4 ปี สำหรับรุ่น EX, SXL เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ ธนาคารไทยธนชาต พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน และอัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
โปรโมชันสำหรับ The Kia Carnival Diesel SXL Luxury (7 ที่นั่ง) สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลดมูลค่า 400,000 บาท (จากราคาจำหน่ายปกติ 2,990,000 บาท)
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
—- หรือ —-
- เงินเพิ่มมูลค่ารถคันเก่า 250,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี [1]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
- อัตราดอกเบี้ย 0% 4 ปี [6]
หมายเหตุ:
[1] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับรุ่น SXL Luxury โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[2] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย) โดยไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย
[4] สิทธิประโยชน์ข้อ [1], [2] มีมูลค่า 50,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[6] อัตราดอกเบี้ยต้นงวดพิเศษ 0% 4 ปี สำหรับรุ่น SXL Luxury เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ ธนาคารไทยธนชาต พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน และอัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
The Kia EV5 – รถเอสยูวีขนาดกลาง ไฟฟ้า 100% โดดเด่นทั้งในด้านพื้นที่ ดีไซน์ สไตล์การขับขี่ และความอเนกประสงค์เต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางของครอบครัวยุคใหม่อย่างครบครัน มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ได้แก่ The Kia EV5 Light, The Kia EV5 Air, The Kia EV5 Earth Long Range, The Kia EV5 Earth AWD และ The Kia EV5 GT-Line AWD
- มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 64 และ 88 kWh สามารถวิ่งได้สูงสุด 665 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (ในรุ่น The Kia EV5 Earth Long Range)
- ดีไซน์ภายนอกล้ำสมัย ด้วยไฟหน้าและไฟท้าย LED Starmap กระจังหน้าแบบ Tiger Face มือจับประตูแบบ Flush type และฝาท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
- ภายในสะดวกสบายและผ่อนคลายด้วยเบาะนั่งคนขับแบบ Relaxation ปรับไฟฟ้า พร้อมระบบนวด AirCell 6 จุด ระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ โต๊ะแบบพับเก็บได้ ช่องเก็บของพร้อมฟังก์ชันทำความเย็น-ความร้อน และแผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์ปรับเป็นโต๊ะหรือชั้นวางของได้ มีระบบจ่ายไฟภายนอก V2L
- เชื่อมต่อเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดด้วยจอ Panoramic Wide Display ขนาด 6 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto และเครื่องเสียง Harman Kardon
- ความปลอดภัยเหนือระดับที่มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS (Advance Driver Assistance System)
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV5 Light สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลดพิเศษ 200,000 บาท (จากราคาจำหน่ายปกติ 1,299,000 บาท)
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [1]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [2]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [3]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [4] ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
- ชุดพรมปูพื้นรถยนต์ [5]
หมายเหตุ:
[1] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[2] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[3] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] สำหรับ The Kia EV5 Light สิทธิประโยชน์ข้อ [1], [3] และ [5] มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 50,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV5 Air สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท + ผ่อนเริ่มต้น 8,863 บาท [1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [3]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[4]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[5]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[6]
—- หรือ —-
รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมส่วนลด 50,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย 0% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[2]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[3]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[4]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[5]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[6]
หมายเหตุ:
[1] ผ่อนเริ่มต้น 8,863 บาท สำหรับ 10 เดือนแรก หลังจากหักช่วยผ่อน 5,000 บาทต่อเดือน เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 84 เดือน คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด โดยแคมเปญ Kia ช่วยผ่อนสำหรับรถยนต์ EV5 Air จะได้รับการหักค่าผ่อนชำระค่างวดลดลงเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 10 เดือน รวมมูลค่า 50,000 บาท กรณียกเลิกสัญญาหรือมีการโอนสิทธิ์เช่าซื้อให้แก่บุคคลอื่นระหว่างระยะเวลาการผ่อนนี้ หรือ ไม่มีการผ่อนในช่วง 10 รอบการช่วยผ่อนชำระ จะถือว่าสิ้นสุดการช่วยผ่อนทันที
[2] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับรุ่น Kia EV5 (Air, Earth, Earth AWD, GT-Line) พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% สำหรับรุ่น Kia EV5 ทุกรุ่น พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[3] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[4] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV5 Earth Long Range สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
เพิ่มมูลค่ารถคันเดิม 100,000 บาท + Kia ช่วยผ่อน 5,000 บาท นาน 10 เดือน [1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[3]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 45,000 กิโลเมตร[4]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (รวม 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร) สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty)[5]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[6]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[7]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[8]
—- หรือ —-
รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมส่วนลด 50,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย 0% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[2]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[3]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 45,000 กิโลเมตร[4]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (รวม 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร) สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty)[5]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[6]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[7]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[8]
หมายเหตุ:
[1] แคมเปญ Kia ช่วยผ่อนสำหรับรถยนต์ EV5 Earth Long Range จะได้รับการหักค่าผ่อนชำระค่างวดลดลงเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 10 เดือน รวมมูลค่า 50,000 บาท กรณียกเลิกสัญญาหรือมีการโอนสิทธิ์เช่าซื้อให้แก่บุคคลอื่นระหว่างระยะเวลาการผ่อนนี้ หรือ ไม่มีการผ่อนในช่วง 10 รอบการช่วยผ่อนชำระ จะถือว่าสิ้นสุดการช่วยผ่อนทันที
[2] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับรุ่น Kia EV5 (Air, Earth, Earth AWD, GT-Line) พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% สำหรับรุ่น Kia EV5 ทุกรุ่น พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[3] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[4] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 45,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] โดยชื่อเจ้าของรถคันเดิมและชื่อเจ้าของรถคันใหม่จะต้องเป็นชื่อเดียวกัน หรือเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน (บิดา มารดา พี่น้อง สามี ภรรยา และบุตร) ใช้สิทธิเพียงแสดงเอกสารยืนยันได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาเล่มทะเบียนรถ หรือแสดงเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ (กรณีชื่อเจ้าของรถคันเดิมและคันใหม่เป็นบุคคลในครอบครัวตามเงื่อนไข) ประกอบการใช้สิทธิ ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ
[6] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[8] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV5 Earth AWD สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลด 200,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[3]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[4]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[5]
—- หรือ —-
รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมส่วนลด 100,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย 0% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 45,000 กิโลเมตร[3]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (รวม 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร) สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty)[4]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[6]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[7]
หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับรุ่น Kia EV5 (Air, Earth, Earth AWD, GT-Line) พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% สำหรับรุ่น Kia EV5 ทุกรุ่น พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 45,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] โดยชื่อเจ้าของรถคันเดิมและชื่อเจ้าของรถคันใหม่จะต้องเป็นชื่อเดียวกัน หรือเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน (บิดา มารดา พี่น้อง สามี ภรรยา และบุตร) ใช้สิทธิเพียงแสดงเอกสารยืนยันได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาเล่มทะเบียนรถ หรือแสดงเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ (กรณีชื่อเจ้าของรถคันเดิมและคันใหม่เป็นบุคคลในครอบครัวตามเงื่อนไข) ประกอบการใช้สิทธิ ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV5 GT-Line AWD สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลด 222,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[3]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[4]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[5]
- ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า[6]
—- หรือ —-
รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมส่วนลด 120,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย 0% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[3]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[4]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[5]
- ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า[6]
หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับรุ่น Kia EV5 (Air, Earth, Earth AWD, GT-Line) พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% สำหรับรุ่น Kia EV5 ทุกรุ่น พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] Kia Home Charger 7kw 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 45,000 บาท ตามเงื่อนไขการติดตั้งที่บริษัทฯกำหนด
The Kia EV9 – รถเอสยูวี 6 ที่นั่ง ไฟฟ้า 100% ที่ได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย อาทิ รางวัล World Car of the Year และ World Electric Vehicle จากงาน World Car Awards ประจำปี 2024 รางวัล ‘Best of the Best’ จาก Red Dot Award: รางวัล IDEA โกล์ด จากงาน International Design Excellence Awards และล่าสุดกับ Woman Worldwide Car of the years
- สมรรถนะทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Dual motor ขนาด 8 kWh ให้กำลังรวม 384 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร เร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที
- ภายในห้องโดยสารหรูหรา เบาะนั่งด้านหน้าและแถวที่ 2 แบบ Relaxation ปรับเอนนอนและเลื่อนด้วยไฟฟ้า พร้อมเบาะรองขา ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ และระบบนวดสำหรับเบาะแถว 2
- เทคโนโลยีล้ำสมัย จอ Panoramic Wide Display ขนาด 6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เชื่อมต่อไร้สาย พร้อมกล้อง Surround View Monitor แบบ 3 มิติ และระบบเครื่องเสียง Meridian 14 ตำแหน่ง
- ระยะทางขับขี่ยาวไกล มีระยะการเดินทางสูงสุดถึง 647 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC สำหรับ The Kia EV9 GT-Line AWD พร้อมระบบชาร์จเร็วพิเศษ 350 กิโลวัตต์
- ความปลอดภัยเหนือระดับมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS (Advance Driver Assistance System)
โปรโมชันสำหรับ The Kia EV9 GT-Line AWD สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
- อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน [1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [2]
- ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า [3]
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 105,000 กิโลเมตร [4]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [5]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [6]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [7]
หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] Kia Home Charger 22kw 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 69,000 บาท ตามเงื่อนไขการติดตั้งที่บริษัทฯกำหนด
[4] เงื่อนไขค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 105,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของ ฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
The Kia Sorento PHEV AWD– เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียมแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูที่ผสาน สุนทรียะและฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างครบครัน
- ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ Smartstream Turbo 1.6 ลิตร ให้กำลังรวมสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Shift-by-Wire พร้อมระบบขับเคลื่อน All Wheel Drive รองรับการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าสูงสุด 66 กิโลเมตร
- ห้องโดยสารออกแบบเพื่อความสบายตลอดการเดินทาง เบาะทั้ง 3 แถว รองรับการนั่งอย่างสะดวก เบาะคู่หน้ามาพร้อม ระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ ส่วนเบาะแถวสองแบบ Captain Seat ปรับได้อิสระ และสามารถเข้า–ออกแถวสาม ได้ง่าย
- มอบความเย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิแยก 2 โซน พร้อมช่องแอร์ครบทั้ง 3 แถวที่นั่ง
- เสริมความทันสมัยด้วยหน้าจอแสดงผลการขับขี่ Digital Supervision 12.3 นิ้ว พร้อม Head-up Display และพอร์ต USB ครบทุกตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง
- มอบความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบช่วยขับขั้นสูง ADAS (Advanced Driver Assistance System) ครบครันในทุกการเดินทาง
โปรโมชันสำหรับ The Kia Sorento PHEV AWD สำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
ส่วนลด 350,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน [1]
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [2]
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [3]
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [4]
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [5]
หมายเหตุ:
[1] ] อัตราดอกเบี้ย (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) *กรณีลูกค้าจัดไฟแนนซ์ ธนาคาร/ลีซซิ่งอื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านประกันภัย
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของ ฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทฯ
- สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568
- โปรโมชันสำหรับการซื้อผ่านผู้จำหน่าย Kia อย่างเป็นทางการทั่วประเทศไทย
- เฉพาะผู้จำหน่าย ฯ ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น
- ไม่รวมรถแท็กซี่, รถเช่า, รถที่ขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษ, และลูกค้ารถเช่า
- ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจะทำการแจ้งผ่านช่องทางสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อผู้จำหน่าย Kia ใกล้ท่าน หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.kia.com/th
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
- ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54 kWh และเกียร์อัตโนมัติ
-
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัว new Continental GT Supersports พฤศจิกายนนี้
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมในตำนาน รุ่น new Continental GT Supersports พฤศจิกายนนี้ new Continental GT Supersports ถือเป็นยนตรกรรม รุ่น Supersports รุ่นที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์หลังจากการถือกำเนิดรุ่น Supersports เมื่อ 100 ปีที่แล้ว สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่นี้จะเป็นรุ่น Continental GT ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังรุ่นแรกที่มีน้ำหนักตัวถังที่เบาที่สุด ประกอบกับการเน้นผู้ขับขี่ด้วยการมอบการมีส่วนร่วมในการขับสูงสุด โดยรุ่น new Continental GT Supersports จะเข้าสู่สายการผลิตด้วยจำนวนจำกัด
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัว new Continental GT Supersports อย่างเป็นทางการ ณ มหานครนิวยอร์กในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 20:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 01:30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอังกฤษ
สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
มาสด้าขยายการรับประกันคุณภาพ เพิ่มความคุ้มครองนาน 7 ปี ยกระดับความสะดวกให้ลูกค้าด้วย “MAZDA MOBILE SERVICE” ศูนย์บริการมาสด้าเคลื่อนที่
มาสด้าต่อยอดสิทธิประโยชน์ Mazda Family มุ่งมั่นเอาใจใส่ดูแลลูกค้าและยกระดับประสบการณ์บริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการครอบครองรถยนต์มาสด้าในระยะยาว ด้วยโปรแกรมสุดพิเศษ “MAZDA WARRANTY PLUS ใหม่” โปรแกรมพิเศษ ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่ เฟสที่ 2 คุ้มครองเพิ่มเติม จาก 3 ปี เป็น 7 ปี* คุ้มค่า พร้อมเพิ่มการดูแลลูกค้าในทุกพื้นที่ กับความสะดวกสบาย ด้วยบริการ “MAZDA MOBILE SERVICE” ศูนย์บริการมาสด้าเคลื่อนที่ โดยให้บริการและเข้าถึงลูกค้า ด้วยบริการตรวจเช็กตามระยะและซ่อมบำรุงรถยนต์นอกสถานที่ โดยทีมช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมอบสิทธิพิเศษเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย สำหรับงานซ่อมทั่วไป ด้วยโปรแกรมผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน** และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% เมื่อนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกการดูแลรถยนต์มาสด้าเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย อุ่นใจ และคุ้มค่ามากที่สุด
นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่มาสด้ายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด คือการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่งภายใต้แนวคิด Customer-Centric ที่มุ่งมั่นให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด มาสด้าจึงได้พัฒนาและต่อยอดการบริการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพงานบริการหลังการขาย ให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถมาสด้า โดยเฉพาะการบริการที่ครอบคลุม สะดวก รวดเร็ว และช่วยให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง เพิ่มความสบายใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดูแลรักษารถยนต์มาสด้า ภายใต้โปรแกรม Mazda Family พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าครอบครองรถมาสด้าได้อย่างมั่นใจและไร้ความกังวล อันเป็นสิทธิพิเศษที่มาสด้าตั้งใจมอบให้เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่เลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้าและไว้วางใจให้มาสด้าดูแล”
เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์เหล่านี้ และเพื่อให้การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล มาสด้าจึงต่อยอดโปรแกรม “MAZDA WARRANTY PLUS” เพื่อเพิ่มสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์เพิ่มเติมจากเดิม 3 ปี เป็น 7 ปี* ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้ามาสด้า โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์ https://family.mazda.co.th/warranty_plus/RegistrationWAPlus/index หรือ ผ่าน Line Mazda Sky Journey ที่ @Skyjourney
รายละเอียดและเงื่อนไขการเข้าร่วมโปรแกรม “MAZDA WARRANTY PLUS ใหม่ โปรแกรมพิเศษ ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่ เฟสที่ 2 คุ้มครองเพิ่มขึ้น จาก 3 ปี เป็น 7 ปี*”
- อายุรถไม่เกิน 7 ปี หรือ ระยะทางไมล์สะสมไม่เกิน 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- มีประวัติการเข้ารับบริการเช็กระยะอย่างสม่ำเสมอ ทุก ๆ 6 เดือน หรือ ทุก ๆ 10,000 กม. ตามคู่มือการใช้งานของรถยนต์แต่ละรุ่น* หรือขาดการเช็กระยะไม่เกิน 2 ครั้ง และการขาดการเช็กระยะดังกล่าวต้องไม่เกิดขึ้นติดต่อกันภายในระยะเวลา 12 เดือน*
- ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ขยายการรับประกันมีดังต่อไปนี้ เครื่องยนต์ท่อนตรง (Partial Engine) เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา (Gear Box) เทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) และคาปาซิเตอร์ (Capacitor)*
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้ยกระดับประสบการณ์ด้านการบริการ ด้วย “MAZDA MOBILE SERVICE” หรือศูนย์บริการมาสด้าเคลื่อนที่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้ารับบริการเช็กตามระยะและซ่อมบำรุงรักษา โดยทีมช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการฯ จะเดินทางไปอำนวยความสะดวกและให้บริการตรวจเช็กระยะในพื้นที่หรือจังหวัดที่ลูกค้าต้องเดินทางไกลหรือไม่สะดวกเดินทาง ซึ่งลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารได้จากโชว์รูมมาสด้าในพื้นที่หรือในจังหวัดใกล้เคียง เพื่อทำนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการ ทั้งนี้ ลูกค้าที่เข้ารับบริการจากศูนย์บริการมาสด้าเคลื่อนที่จะได้รับการบริการตรวจเช็กสภาพทั่วไป ฟรี 20 รายการ ตรวจเช็กเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ M-MDS รับประกันอะไหล่แท้จากมาสด้า โดยลงประวัติการบำรุงรักษาเช่นเดียวกับการเข้าศูนย์บริการตามปกติ
ทั้งนี้ มาสด้ายังได้มอบข้อเสนอการบริการหลังการขายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้ลูกค้าในทุกการซ่อม กับการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน** พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% สำหรับการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ อีกด้วย
ลูกค้าที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมบริการหลังการขายของมาสด้า สามารถสอบถามได้กับที่ปรึกษาการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Mazda Speedline โทร 02-030-5666 หรือ Mazda official website ที่ www.mazda.co.th
มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพเกี่ยวกับการดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นด้วยโปรแกรมหลังการขายข้างต้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า และให้รถยนต์มาสด้าเป็นเสมือนเพื่อนรู้ใจ ที่มอบความสุขทั้งในด้านการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน ตั้งแต่วันแรกที่ครอบครองรถไปตลอดอายุการใช้งานรถยนต์มาสด้าคันโปรดของคุณ
หมายเหตุ:
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th
**เงื่อนไขผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน เฉพาะ Shopee SPaylater
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เปิดตัวครั้งแรกของโลก กับ TOYOTA HILUX รถกระบะที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนาน ภายใต้ชื่อใหม่ TOYOTA HILUX TRAVO และ HILUX TRAVO-e กับคอนเซ็ปต์ “GREATER TOGETHER…สู่ความยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”
มร.ไซม่อน ฮัมฟรีส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านแบรนด์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น / มร.นิค โฮจิออส ผู้จัดการอาวุโส โตโยต้าดีไซน์ ประเทศออสเตรเลีย / ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม / ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม / นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม / นางสาวจิรัฐิติกาล จันทราทิพย์ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี / นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ และ มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมกับ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นางสาวอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และ มร.ฮาคุโฮ โช เจ้าของแชมป์กีฬาซูโม่ระดับโยโกสุนะ (Yokozuna) ชื่อดัง ลำดับที่ 69 จากประเทศญี่ปุ่น ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวรถกระบะมหาชนรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยกับ TOYOTA HILUX TRAVO และ HILUX TRAVO-e เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
ในประเทศไทย รถกระบะสะท้อนความผูกพันอันลึกซึ้ง เสมือนเพื่อนร่วมเดินทาง ที่อยู่เคียงข้างกันมาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบันเราจะเห็นรถกระบะในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะใช้ในการประกอบอาชีพ ขนส่งสินค้า เดินทางในชีวิตประจำวัน หรือเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงกล่าวได้ว่า สำหรับคนไทย รถกระบะไม่ใช่แค่พาหนะ แต่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
จุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญที่โตโยต้า และคนไทยได้ร่วมกันสร้างขึ้น คือ โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) เมื่อปีพ.ศ. 2547 โดย IMV คือโครงการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน ภายใต้ชื่อรถกระบะ ไฮลักซ์ (รุ่นที่ 7) รถยนต์อเนกประสงค์ ฟอร์จูนเนอร์ (และรถมินิแวน อินโนวาในต่างประเทศ) รวมถึงเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออก ด้วยมูลค่าการลงทุน ณ ขณะนั้น 30,000 ล้านบาท ภายใต้วัตถุประสงค์ที่จะผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยรถยนต์ในโครงการดังกล่าวได้ผ่านการทุ่มเท วิจัย และพัฒนา เพื่อให้ได้รถที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในทุกภูมิภาคทั่วโลก
โครงการ IMV ได้ทำให้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปลี่ยนบทบาทจากฐานการผลิตที่เน้นตลาดภายในประเทศ สู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถกระบะ ในปัจจุบัน HILUX ที่ผลิตในไทยได้ถูกส่งออกไปยัง 133 ประเทศทั่วโลก มียอดส่งออกสะสมกว่า 4.6 ล้านคัน มีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศด้วยสัดส่วนสูงสุดถึง 95% ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับคนไทย ผ่านการจ้างงานกว่า 275,000 คน ทั้งพนักงานในเครือ พนักงานของผู้แทนจำหน่ายฯ 153 แห่ง และผู้ผลิตชิ้นส่วนกว่า 290 แห่งทั่วประเทศ ส่งผลให้ HILUX มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย คิดเป็นกว่า 30% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด และมีส่วนช่วยสร้าง GDP ให้ประเทศไทยมากถึง 3% ต่อปี สะท้อนถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจอันมหาศาลตลอดห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่า HILUX ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะ แต่คือ “รถกระบะมหาชน” ที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง
และในวันนี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ภูมิใจนำเสนอรถกระบะไฮลักซ์รุ่นใหม่ เจเนอเรชันที่ 9 เป็นครั้งแรกของโลก (World Premiere) ภายใต้ชื่อ “TOYOTA HILUX TRAVO” ด้วยการนำทีมของวิศวกรชาวไทย HILUX TRAVO ได้รับการพัฒนาผ่านการรับฟังเสียงของผู้ใช้ชาวไทยอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ พร้อมนำข้อมูลมาปรับปรุงและต่อยอดการพัฒนา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้อย่างดีที่สุด
ด้วยดีไซน์ใหม่ ทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน ภายใต้ดีไซน์คอนเซ็ปต์ “Tough & Agile” ที่ผสาน ”ความแข็งแกร่ง เข้ากับ ความคล่องตัว” มาพร้อมกับการออกแบบด้านหน้าด้วยแนวคิด “Cyber Sumo” ที่เป็นท่าเตรียมพร้อมในการต่อสู้ Shikiri Pose เพื่อแสดงให้เห็นถึงความ แข็งแกร่ง (Stable) แข็งแรง (Strong) และ มั่นคง (Steady) การออกแบบภายในใช้แนวคิด “Robust Simplicity” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ทุกฟังก์ชันใช้งานได้จริง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และ ทันสมัยที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชันล่าสุด และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอีกมากมาย
HILUX TRAVO ได้ให้ความสำคัญกับการบังคับควบคุม และความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นพิเศษ จึงได้แนะนำเทคโนโลยี “Dynamic Cloud” ในการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ที่ส่งผลต่อการขับขี่ เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล บังคับควบคุมแม่นยำ และทรงตัวเยี่ยม
และ HILUX TRAVO ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับขุมพลัง GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูง และมีการปรับปรุงความประหยัดน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น โดยประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร สูงสุดถึง 5.8% และมากกว่าเครื่อง 2.8 ลิตร รุ่นเดิมถึง 7.5%
นอกจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล โตโยต้า นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกตามหลักคิด Multi-Pathway กับรถกระบะไฟฟ้า “HILUX TRAVO-e” ซึ่งเป็นการแนะนำรถไฟฟ้าแบบ Body-on-frame รุ่นแรกของโตโยต้าที่มีการวางจำหน่ายจริง พัฒนาขึ้นโดยยึดถือหลักการ QDR (Quality-Durability-Reliability) อันเป็นหัวใจของโตโยต้า และยังคงสมรรถนะ ความทนทานตามมาตรฐานรถกระบะ HILUX และเสริมด้วยเทคโนโลยี “Diamond Guard” ช่วยปกป้องแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า ช่วยให้คุณใช้งาน TRAVO-e ได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย ทั้งการใช้งานส่วนบุคคล การบรรทุกและการขับขี่แบบออฟโรด
ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเปิดงานแถลงข่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ไม่เพียงแต่ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรที่ร่วมพัฒนาบุคลากรไทย ถ่ายทอดเทคโนโลยี และสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็น ฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญระดับโลก
การเปิดตัว HILUX รุ่นใหม่ ในวันนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึง ศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของโตโยต้าในประเทศไทย ที่สามารถออกแบบ พัฒนา และผลิตยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการของผู้บริโภค และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ปล่อยมลพิษต่ำ และรองรับเชื้อเพลิงสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนประเทศ สู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive Industry)
กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานสะอาด (Green Mobility) และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักตามเป้าหมาย “Carbon Neutrality 2050” ของประเทศไทย การที่โตโยต้าเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีในทิศทางเดียวกัน จึงเป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ทั้งให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ Supply Chain อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์สมัยใหม่อย่างยั่งยืน (Next-Generation Automotive Industry) ทั้งในด้านการผลิตชิ้นส่วน เทคโนโลยี ระบบโลจิสติกส์ และบุคลากรที่มีทักษะสูง การที่โตโยต้าลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ Hybrid รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือเทคโนโลยีไฮโดรเจน ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างระบบนิเวศการผลิตภายในประเทศให้แข็งแกร่ง เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ยั่งยืนของภูมิภาค
ผมเชื่อมั่นว่า การเปิดตัว Toyota HILUX รุ่นใหม่ ในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโตโยต้าในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย ความคุ้มค่า และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นของโตโยต้าที่มีต่อประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งภูมิภาค”
มร.ไซม่อน ฮัมฟรีส์ แถลงข่าวแนะนำ ไฮลักซ์ ทราโว่ ว่า “โตโยต้ามีความผูกพันอันยาวนานกับประเทศไทย มากกว่า 60 ปี ซึ่งความผูกพันนี้ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนทางธุรกิจ แต่คือหุ้นส่วน ที่กลายเป็นมิตรภาพ ซึ่งโตโยต้ากล่าวถึงแนวคิด “Best in Town” อยู่เสมอ และประเทศไทยคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของปรัชญานี้ ในฐานะประเทศแรกในทวีปเอเชียที่โตโยต้าผลิตรถยนต์ นอกประเทศญี่ปุ่น
เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพที่เราเริ่มปลูกไว้เมื่อ พ.ศ.2506 ได้รับการฟูมฟักโดยคนไทย นับตั้งแต่การสนับสนุนจากรัฐบาลไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าของเรา ทำให้ประเทศไทยในปัจจุบัน กลายเป็นศูนย์กลางด้านการผลิต ด้านนวัตกรรม และเหนือสิ่งอื่นใดคือการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นำไปสู่ความสำเร็จระดับโลก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่า เกิดจากรากฐานความแข็งแกร่งจากประเทศไทย ซึ่งผู้คนใน 133 ประเทศทั่วโลกได้รับประโยชน์จากผลลัพธ์ของความร่วมมือครั้งนี้ จากการที่รถยนต์โตโยต้ากว่า 14 ล้านคันได้ถูกผลิตขึ้นที่นี่ ประเทศไทย
มร. อากิโอะ โตโยดะ ประธานคณะกรรมการบริหารของโตโยต้า ได้เล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรทุกท่านเป็นอย่างดี จากประสบการณ์ที่เขาได้ร่วมทำงานกับทีมงาน (IMV project) ในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพื้นฐานความเป็นผู้นำ นั่นคือ การเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น และให้ความสำคัญกับการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่าง มร. อากิโอะกับประเทศไทยได้ดีที่สุด นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการ IMV เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่า เรื่องราวของ HILUX ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2511 หากแต่ในปี พ.ศ. 2547 ภายใต้การนำของ มร.อากิโอะ ในฐานะหัวหน้าภาคพื้นเอเชีย ทำให้ HILUX กลายเป็นส่วนหนึ่งของ IMV ซีรีส์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกอย่างแท้จริง และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด Best in Town และจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ (Monozukuri) ของโตโยต้า เป็นที่มาของโครงการ IMV ที่นำพาให้ HILUX เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
กล่าวได้ว่าคงไม่มีรถยนต์รุ่นใดที่ดีไปกว่า HILUX ที่จะแสดงถึงความสำคัญของประเทศไทยที่มีต่อโตโยต้าได้ เราภูมิใจที่ได้ยินว่าหลายคนเรียก HILUX ว่าเป็นรถกระบะมหาชนอย่างแท้จริง
ที่โตโยต้า เรายึดมั่นในแนวคิด “การขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” (Mobility for All) โดยเชื่อว่า การขับเคลื่อนคือการมอบโอกาสให้ผู้คนได้ออกสำรวจ ทำงาน ติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิต อันเป็นปรัชญาที่ IMV ยึดถือนับตั้งแต่วันแรก นั่นคือ ความมุ่งมั่นเพื่อสร้างยานยนต์ที่มีส่วนส่งเสริมชุมชน และร่วมเสริมสร้างพลังให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่ใช้ยานพาหนะเพื่อขนส่งผลผลิต หรือครอบครัวที่ใช้รถเพื่อเดินทางไกล รวมทั้ง ผู้คนที่ทำงานเพื่อร่วมสร้างการเติบโตของชุมชนที่ทุกคนอยู่อาศัยรอบตัว โดยผู้ใช้งานต่างยอมรับในชื่อเสียงของ HILUX ทั้งในด้านคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ ด้วยความเป็นรถกระบะที่แข็งแกร่ง สำหรับการใช้งานที่ไซต์ก่อสร้าง ให้ความอุ่นใจด้วยความปลอดภัย สำหรับการเดินทางของทุกครอบครัว และเป็นยานพาหนะที่ได้รับความไว้วางใจทั่วโลก”
HILUX ใหม่ ที่เราประกาศในวันนี้ คือเจเนอเรชันที่ 9 ของรถระดับตำนาน ซึ่งในแต่ละเจเนอเรชัน HILUXได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการพัฒนาจากการใช้งานจริงบนท้องถนน ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเหล่าวิศวกร และที่สำคัญที่สุด คือการรับฟังเสียงของลูกค้าทั่วโลก โดย HILUX เป็นรถกระบะที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทที่หมุนเปลี่ยนไปของโลกและสังคมเช่นเดียวกัน
โตโยต้ารับฟังเสียงตั้งแต่คนงานในเหมืองที่ต้องการความทรหด ครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น เจ้าของธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องความประหยัดน้ำมัน ไปจนถึงนักผจญภัยรุ่นใหม่ที่ต้องการดีไซน์และเทคโนโลยีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ ไปสู่ยานพาหนะที่อุ่นใจและไว้วางใจได้ พร้อมเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับโอกาสต่างๆ ด้วยยนตรกรรมที่แข็งแกร่ง เรียบง่าย และทนทาน
เมื่อมองไปข้างหน้า โตโยต้ากำลังมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่ไม่จำกัดเพียงหนทางใดหนใดหนึ่ง หากแต่มุ่งนำเสนอทางเลือกอันหลากหลาย (Multi-Pathway) เพราะความจริงคือ ไม่มีภูมิภาคใดหรือลูกค้าคนใด ที่เหมือนกัน ความหลากหลายนี้ครอบคลุมถึงระบบขับเคลื่อน รูปแบบตัวรถ และความสามารถในการปรับแต่ง…ทั้งหมดเพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยที่โตโยต้าได้พัฒนา HILUX แต่ละรุ่นให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้คำมั่นสัญญาที่ยังคงเดิม นั่นคือ HILUX คือเพื่อนคู่ใจและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
มร.ไซม่อน กล่าวถึง มร.อากิโอะ โตโยดะ ที่เชื่อว่ารถยนต์และการผลิตรถยนต์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสังคมและความเจริญทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยยังเป็นเสมือน “บ้านหลังที่สอง” ทั้งในระดับอาชีพและระดับส่วนตัว จากสายสัมพันธ์ดังกล่าวได้เติบโตเป็นมิตรภาพที่งดงาม ดังนั้น มร. โตโยดะ มักกล่าวเสมอถึงความตั้งใจในการ “ตอบแทนประเทศไทย” ตลอดระยะที่ผ่านมา และความสัมพันธ์กับประเทศไทยได้เติบโต เกินกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ ไปสู่การแลกเปลี่ยนทางวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
ปัจจุบัน มร. โตโยดะ ในฐานะประธานสหพันธ์ซูโม่สากล ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น เริ่มจากกีฬาซูโม่สากล และได้เชิญ มร. ฮาคุโฮ โช อดีตโยโกสุนะ นักซูโม่ชื่อดัง ตลอดกาล ด้วยสถิติสูงสุด คว้าแชมป์ถึง 45 รายการ และยังได้รับการบันทึกใน กินเนสส์บุ๊กจากชัยชนะรวม 1,187 ครั้ง ทั้งหมดนี้ทำให้เขา…เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด…ตลอดกาล มาเยือนกรุงเทพฯ และร่วมงานแถลงข่าว
มร. ฮาคุโฮ โช กล่าวบนเวทีในการเปิดตัวครั้งนี้ว่า “เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสมาเยือนประเทศไทย เพื่อเผยแพร่กีฬาซูโม่สู่เวทีโลก ในการกลับมาประเทศไทยครั้งนี้ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อ มร.อากิโอะ ชวนผมมาร่วมงานนี้ ผมก็ไม่ลังเลที่จะตอบทันที ซึ่งต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่เชิญผมมาร่วมงานเปิดตัวรถระดับโลก ทั้งยังตั้งใจที่เผยแพร่ซูโม่สู่เวทีโลกเช่นกัน ทั้งนี้ กีฬาซูโม่คือความบริสุทธิ์ เป็นการฝึกฝนไม่เพียงแต่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจด้วย ผมเชื่อว่าการส่งเสริมซูโม่จะช่วยสร้างความหวังในการขจัดการเลือกปฏิบัติและอคติทั่วโลก ผมเป็นชาวมองโกเลียโดยกำเนิด และในฐานะชาวมองโกเลียที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่นบนเวทีโลก ผมรู้สึกใกล้ชิดกับชาวไทยที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่นบนเวทีโลกผ่านโตโยต้า”
มร.ไซมอน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะชาวอังกฤษที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่คุณพูด! ทั้งในมุมประวัติศาสตร์และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม…ตอนนี้เราจะก้าวไปสู่อีกขั้น กับการยกระดับของ HILUX รุ่นใหม่ ที่เป็นผลงานที่ผมมีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานในฐานะหัวหน้าฝ่ายออกแบบ”
นางสาวอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย จำกัด กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่า “วันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเริ่มประวัติศาสตร์บทใหม่สำหรับ HILUX และยังนับเป็นบทใหม่สำหรับการวิจัย พัฒนา และการผลิตของเราในประเทศไทย สำหรับดิฉันแล้ว นี่คือผลลัพธ์จากความทุ่มเทตลอดหลายปี จากบุคลากรผู้มีความสามารถและความเชี่ยวชาญจากกลุ่มประเทศในเอเชีย และกลุ่มประเทศโลกใต้ ภายใต้การทำงานใกล้ชิดกับสำนักงานใหญ่ของ Toyota ที่ประเทศญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการรับฟังคำแนะนำจากเสียงของลูกค้า ทั้งจากประเทศไทยและจากทั่วโลก
HILUX ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานจริงจาก 7 ใน 8 ภูมิภาคทั่วโลก สำหรับ HILUX รุ่นใหม่นี้ พวกเราได้เดินทางไปทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่ทะเลทรายในตะวันออกกลาง ที่ราบสูงในอเมริกาใต้ ทุ่งหญ้าในแอฟริกา ไปจนถึงพื้นที่ห่างไกลของออสเตรเลีย และพื้นที่หนาวจัดของยุโรป
แต่ละตลาดต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราได้เรียนรู้จากสภาพท้องถนน ภูมิอากาศ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แตกต่างกัน แล้วนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้นมาพัฒนาเป็น แม่แบบในการพัฒนา (Blueprint)
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราตั้งใจพัฒนาจากในระดับภูมิภาค เพื่อออกแบบรถให้สอดคล้องกับสภาพที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษามาตรฐานระดับโลกของโตโยต้าเอาไว้ ทั้งในด้านความปลอดภัยและสมรรถนะ ผลลัพธ์ก็คือรถยนต์ที่กลายเป็น “เพื่อนคู่ใจและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ HILUX รุ่นใหม่กำลังพัฒนาไปพร้อมกับยานยนต์ไฟฟ้า (electrification) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (connected technologies) และบริการดิจิทัล (digital services) โดยที่เรายังคงยึดมั่นในรากฐานเดิม ทุกองค์ประกอบตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการทดสอบ ล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างยานยนต์ที่น่าเชื่อถือ ยืดหยุ่น และพร้อมสำหรับอนาคต ความหลงใหลนี้ผลักดันให้เราสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในขณะที่ยังคงยึดมั่นในคุณค่าของ QDR (คุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ) ที่ลูกค้าคาดหวังจากโตโยต้า
ประการแรก ความน่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ลูกค้าของเราต้องการมากที่สุด จากเส้นทางภูเขาที่สมบุกสมบัน สู่ถนนในเมืองที่พลุกพล่าน HILUX รุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาให้พร้อมรับมือได้กับทุกสภาพถนน เพื่อให้สามารถเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ไฮลักซ์ใหม่ มีการเสริมความแข็งแกร่งของตัวถัง ปรับจูนประสิทธิภาพช่วงล่างให้เหมาะสม และนำระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS) มาใช้ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลลัพธ์คือ ยานยนต์ที่ไม่เพียงแค่ทนทานต่อสภาวะที่ยากลำบาก แต่ยังอยู่รอดได้ดีในสภาวะการ์ณเหล่านั้น เป็นการมอบความแข็งแกร่งและความทนทานที่ลูกค้าคาดหวังจากโตโยต้า
เป้าหมายของโตโยต้าคือไม่เพียงสร้างรถที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังฉลาดขึ้นด้วย HILUX ใหม่ออกแบบให้มีความสดใหม่ทั้งรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมรองรับการตกแต่งเพิ่มเติมเองได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละคน เรายังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เช่น Toyota Safety Sense 3 (TSS 3), Panoramic View Monitor (PVM) และ Multi-Terrain Monitor (MTM) นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มการปกป้องผู้ขับขี่ให้ดียิ่งข้นในสถานการณ์จราจรที่หลากหลาย นอกจากนี้ ระบบ PVM และ MTM ให้ภาพแบบเรียลไทม์ของพื้นที่รอบตัวและใต้ท้องรถ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถผ่านเส้นทางที่ท้าทายได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย — ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม
ในขณะที่โลกกำลังก้าวไปสู่สังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน โตโยต้ามีเป้าหมายชัดเจน “จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” โตโยต้าเชื่อว่าไม่มีทางออกเดียวที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งหมดได้ แต่เราต้องมี “ทางเลือกที่หลากหลาย” เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและวิถีชีวิตของแต่ละคน HILUX ใหม่พร้อมแล้วสำหรับความจริงนี้ ด้วยการพัฒนาให้ก้าวข้ามเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม เพิ่มทางเลือกใหม่ของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV – Battery Electric Vehicle) เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกตลาด ทุกลูกค้า และทุกความต้องการ แนวทาง Multi-Pathway นี้คือการสร้างโซลูชันการเดินทางที่ครอบคลุม ปฏิบัติได้จริง และยั่งยืนสำหรับทุกคน
HILUX BEV รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบให้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ขณะเดียวกันยังคงสมรรถนะของรถแบบ Body-on-Frame ไว้อย่างครบถ้วน — ทั้งความสามารถในการลุยออฟโรด การลุยน้ำลึก และการบรรทุกหรือการลากจูง เป้าหมายของเราคือทำให้ HILUX เป็นรถที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ใช้ในเมือง นักผจญภัย ไปจนถึงผู้คนที่ทำงานในอาชีพต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและสถานการณ์พลังงานของแต่ละประเทศ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนของโลก
นวัตกรรมทั้งหมดนี้ตอกย้ำบทบาทของ HILUX ในฐานะ “เพื่อนคู่ใจและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” พร้อมเติบโตไปด้วยกันกับเจ้าของรถ และคงคุณค่าไปตลอดอายุการใช้งาน ความหลากหลายและความยืดหยุ่นนี้ทำให้ HILUX ยังคงตอบโจทย์ทั้งความต้องการของวันนี้ และความท้าทายในวันพรุ่งนี้”
มร.นิค โฮจิออส ผู้จัดการอาวุโส โตโยต้าดีไซน์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวถึงแนวคิดในการออกแบบไฮลักซ์ ทราโว่ ว่า “ ผมเชื่อมั่นว่าลูกค้าทั่วโลกที่มีความต้องการในใช้งานที่หลากหลาย จะชอบ HILUX รุ่นใหม่ อย่างแน่นอน เพราะเป็นรถที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยดีไซน์ใหม่ของ HILUX มีความโดดเด่นและทรงพลัง พร้อมกล่าวถึงการร่วมมือระหว่างทีมออกแบบจากออสเตรเลีย และทีมวิศวกรจากประเทศไทย ว่าเป็นความร่วมมือระดับนานาชาติที่ยอดเยี่ยม ใช้เวลากว่า 10 ปีในการสร้างให้สำเร็จขึ้นมา
รถคันนี้พัฒนาขึ้นจากผู้ที่เข้าใจว่า ผู้ใช้ HILUX ทั่วโลกมีความต้องการอย่างไร เพื่อร่วมกันเพื่อสร้าง HILUX รุ่นใหม่ ที่จะนำมาซึ่งความภูมิใจในการครอบครองให้กับลูกค้าทุกคน ทั้งนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมพัฒนา HILUX ให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และยังสร้างรุ่นยอดนิยมอย่าง HILUX GR-S และ Rocco อีกด้วย และตอนนี้ เราได้นำประสบการณ์ทั้งหมดมารวมกัน เพื่อสร้าง HILUX รุ่นที่ 9 อันเป็นการเปิดตำนานใหม่ให้กับ HILUX ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของโครงการ เรามีตัวแทนจากหลายประเทศมาร่วมวางแนวทางของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน เพื่อกำหนดทิศทางของรถรุ่นใหม่นี้ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
มร.นิค กล่าวย้ำถึง HILUX ใหม่ว่า “ตัวตนที่แท้จริงของ HILUX” ประกอบด้วย โครงสร้างที่แข็งแกร่งห่อหุ้มด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและทรงพลัง เราตั้งใจสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้รถตอบรับกับทุกความต้องการของผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น กระจังหน้าแบบเรียวแต่ดูดุดัน และดีไซน์ด้านหน้าแบบสองชั้น ทำให้ HILUX ใหม่ดูโดดเด่น รวมถึงการใส่ตัวอักษร “T O Y O T A” ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในทุกรุ่นย่อย ซึ่งมิใช่แค่เพียงการสื่อถึงชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจ” เป็นดั่งคำสัญญาว่ารถคันนี้จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานได้ และเป็น “รถแห่งโอกาสไร้ขีดจำกัด” อย่างแท้จริง
ภายในของ HILUX ใหม่ ปรับเปลี่ยนให้ล้ำสมัยและใช้งานได้จริง เปรียบเสมือน”ชุดออกรบ ที่พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ กับดีไซน์ภายในที่ดูแข็งแรงแต่ทันสมัย อุปกรณ์ต่าง ๆ จัดวางอย่างเหมาะสม ใช้งานสะดวก และเทคโนโลยีก็พัฒนาไปอีกระดับ ทำให้ภายในของรถเป็นพื้นที่เหมาะสมกับ “ทุกการใช้งานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่”
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่คู่ควรกับชื่อ HILUX อย่างแท้จริง และนี่คือการตีความใหม่ของรถกระบะในตำนาน ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทีมงานที่เข้าใจลูกค้ามากที่สุด เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้คนทั่วโลก และเรื่องราวของ HILUX ยังไม่จบแค่นี้ เพราะตราบใดที่ความต้องการของลูกค้ายังพัฒนาไปข้างหน้า HILUX ก็จะพัฒนาไปด้วยเสมอ เพื่อรับใช้ผู้คนในทุกชุมชนบนโลก จากออสเตรเลีย อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ ไปจนถึงยุโรปและเอเชีย — HILUX คือรถในตำนาน เราทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบ HILUX รุ่นใหม่ ที่จะสืบสานตำนานนี้ต่อไปในอนาคต ขอให้ทุกท่านรอติดตามผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นจากเราต่อไปครับ”
นายศุภกร รัตนวราหะ แถลงกลยุทธ์ทางการตลาดว่า “ชื่อของ “TRAVO” ได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานคำว่า “travel” และ “voyage” สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว การสำรวจ และการผจญภัยเป็นเพื่อนร่วมทางของผู้ที่มีแรงขับเคลื่อนในชีวิต พร้อมปรับตัว และกล้าท้าทายสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงการเติบโตทั้งในชีวิตส่วนตัวและสายอาชีพ
และแน่นอนว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ระหว่างการพัฒนา HILUX TRAVO ทีมวิศวกรของเราได้ลงพื้นที่ศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้ง เพื่อทำความเข้าใจว่า ‘รถกระบะในอุดมคติ’ สำหรับคนไทยควรเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบผสมผสาน ทั้งด้านโลจิสติกส์ การเดินทาง หรือการใช้ส่วนตัวเพื่อท่องเที่ยว ทีมงานได้สำรวจตลาด รับฟังเสียงจากลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างใกล้ชิดกับพี่ๆ สื่อมวลชนสายยานยนต์
ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ HILUX ประกอบด้วย 3 รุ่นหลัก ได้แก่ HILUX REVO / HILUX TRAVO และ HILUX CHAMP
- HILUX REVO จะเน้นการใช้งานเชิงธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์ และผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ
- HILUX TRAVO เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้ง Off road และ Urban Lifestyle ขณะที่ HILUX TRAVO-e เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพระดับพรีเมียม และองค์กรที่มีวิสัยทัศน์
- HILUX CHAMP จะเน้นไปที่ตลาด Conversion ตอบโจทธ์ธุรกิจ และผู้ใช้ส่วนตัวที่รักการตกแต่งรถ
HILUX ทั้ง 3 รุ่นนี้ โตโยต้ายังคงยึดมั่น ในการที่จะไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มใดไว้ข้างหลัง เริ่มจาก HILUX TRAVO นำโดย รุ่น Overland รถเรือธงของเราที่เน้นลูกค้าส่วนบุคคลที่มองหาคู่หูที่ไว้ใจได้ พร้อมลุยทุกเส้นทาง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น และ ระบบการขับขี่ “Dynamic Cloud” ที่เพิ่มประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัวและสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลที่ดียิ่งขึ้น เสริมสร้างสมรรถนะในการขับขี่และความสบายในทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์จริง เราขอเชิญทุกท่านที่โชว์รูมโตโยต้าได้ตั้งแต่วันที่ 21–30 พฤศจิกายน
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถสัมผัส HILUX TRAVO ได้ที่งาน Thailand International Motor Expo ณ อิมแพค เมืองทองธานี และสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสสมรรถนะ 4×4 อย่างเต็มรูปแบบ ขอเชิญร่วมกิจกรรมทดลองขับที่สนามทดสอบใหม่ล่าสุด ณ Toyota ALIVE ในเดือนธันวาคมนี้
สำหรับรถกระบะไฟฟ้า TRAVO-e ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าระดับพรีเมียม และองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โตโยต้าได้เตรียมแผนการดูแลลูกค้าทุกมิติ ทั้งประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมแพ็กเกจการดูแลรักษารถ BEV แบบครบวงจร และการช่วยลดต้นทุนผ่านโปรแกรมการเช่าใช้ Kinto โดยเราได้จัดราคาพิเศษสำหรับลูกค้าประเภทองค์กรอีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนของประกันภัย โตโยต้าได้ร่วมมือกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ 7แห่ง จัดทำประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE PHYD เพื่อมอบความคุ้มครองที่คุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า และด้วยคุณภาพมาตรฐานจากโตโยต้า ทำให้บริษัทประกันภัยมั่นใจใน TRAVO-e ด้วยเบี้ยประกันที่ถูกที่สุดในตลาดรถยนต์ BEV สำหรับการต่ออายุประกันภัย ยังได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 40% และสามารถต่ออายุความคุ้มครองต่อเนื่องถึง 8 ปี นี่คืออีกหนึ่งความตั้งใจของเรา ที่จะทำให้การเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่าสำหรับลูกค้าทุกท่าน
นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว ลูกค้า BEV ของโตโยต้ายังสามารถมั่นใจได้ในบริการหลังการขายแบบครบวงจร เริ่มจากค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาต่ำกว่า ทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี เครือข่ายศูนย์บริการตัวถังและสีที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อะไหล่ที่พร้อมใช้งาน และมาตรฐานคุณภาพที่เชื่อถือได้ของโตโยต้า และนี่คือสิ่งยืนยันถึงความพร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกรูปแบบ”
สำหรับ HILUX REVO นายศุภกร กล่าวขออภัยลูกค้า ที่ยังไม่ได้เปิดตัวรุ่น Z Edition ใหม่ได้ในการเปิดตัวครั้งนี้ ทั้งนี้ HILUX REVO Z Edition ได้รับการปรับปรุงโฉมไปในปี พ.ศ. 2567 อย่างไรก็ตาม สำหรับ HILUX REVO มีการเพิ่มระบบความปลอดภัย ADAS ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า และระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่โดยยังคงราคาเดิม และนำเสนอชุดแต่งเวอร์ชันใหม่ของ Charismo ในชื่อ “Drift Package & Rock Package” ทั้งยังมาพร้อมแคมเปญที่น่าดึงดูดใจ โดยเน้นไปที่การเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยข้อเสนอผ่อนต่ำ ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมแคมเปญเฉพาะกลุ่มอย่างธุรกิจขนส่ง นอกจากนั้น ยังเข้าร่วมมาตรการค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” จากรัฐบาล และพิเศษ ลูกค้าโตโยต้าทุกรุ่น สามารถร่วมแคมเปญส่งท้ายปีเก่า อาริกาโตะ รับส่วนลดเมื่อซื้อรถโตโยต้า และลุ้นรางวัลต่อโดยมีมูลค่ารางวัลรวมกว่า 593 ล้านบาท
นายศุภกร กล่าวถึง HILUX CHAMP ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในตลาดรถกระบะ ซึ่งจากการสำรวจ พบว่า ลูกค้า HILUX CHAMP มีการใช้งานเชิงพาณิชย์ สูงถึงประมาณ 80% โดยลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ ตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้ เพราะเป็นกระบะท้ายเรียบ แบบเปิด 3 ทาง และคุ้มค่าการลงทุน ดังนั้นในไตรมาส 4 แคมเปญพิเศษ จะเน้นเจาะกลุ่มผู้ประกอบการ ในแต่ละรายอาชีพอย่างต่อเนื่อง และ 20% ของกลุ่มลูกค้า HILUX CHAMP เป็นตลาด Private ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายได้สูง ซื้อรถเพื่อไปตกแต่งตามความชอบ และ Lifestyle ทั้งนี้ ยังได้มีการแนะนำ HILUX CHAMP รุ่นช่วงล้อสั้นพิเศษ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตกแต่งเพิ่มเติม
นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้นำรถแต่งต้นแบบจากอู่แต่งพันธมิตร TJM ภายใต้ Concept Outdoor Escape และ SSS กับ Concept Mobile Service มาจัดแสดง พร้อมแนะนำ World of Hilux ที่จัดแสดงไฮลักซ์ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า HILUX ตอบสนองการใช้งานได้อย่างครอบคลุม ทั้งสำหรับไลฟ์สไตล์และการใช้งานเชิงพาณิชย์
นายศุภกร กล่าวย้ำถึงเจตนารมณ์ของโตโยต้าว่า “นี่คือเจตนารมณ์ของเรา — ที่จะจุดประกายตลาดการตกแต่งรถ และสนับสนุนธุรกิจชิ้นส่วนท้องถิ่นอย่างจริงจัง สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุน HILUX อย่างต่อเนื่อง โตโยต้าขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนคนไทย ไม่ใช่แค่ลูกค้าของเราเท่านั้น แต่รวมถึงพันธมิตรและผู้ประกอบการท้องถิ่นด้วย จากวันนี้เป็นต้นไป โตโยต้าจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือให้กับคนไทย สมกับที่ได้รับการยอมรับให้เป็น “รถกระบะมหาชน” อย่างแท้จริง”
สัมผัสและทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่ Toyota ALIVE บางนา
โดยสามารถจองทดลองขับได้ที่ https://www.toyota.co.th/alive/testdrive-reservation
และที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศพบกับกิจกรรมต่างๆ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2568 ได้ที่
– HILUX TRAVO GREATER TOGETHER FEST ที่จะให้คุณได้สัมผัสกับ HILUX TRAVO ครั้งแรก
ระหว่างวันที่ 21 – 30 พฤศจิกายน 2568 ณ โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ– งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 Thailand International Motor Expo 2025
ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี- TOYOTA HILUX TRAVO พร้อมส่งมอบตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
- HILUX TRAVO-e พร้อมส่งมอบตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
ไอเทมสะสมระดับโลก! ไทยเปิดตัว คอลเลกชันบัตร MotoGP 2026 สนามแรกฤดูกาล สวยงาม น่าสะสม
ฝ่ายจัดการแข่งขันฯ โมโตจีพี สนามประเทศไทย เผยโฉมบัตร ThaiGP คอลเลกชัน 2026 ที่จะเปิดจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก 11 พ.ย. นี้ สวยงาม น่าสะสม ออกแบบด้วยเทคนิคคอลลาจและกราฟิกศิลปะร่วมสมัย ถ่ายทอดอารมณ์ ความทรงจำ และประสบการณ์ของการแข่งขัน ThaiGP ในฐานะเทศกาลมอเตอร์สปอร์ตที่เป็น “มากกว่าสนามแข่ง” ผสานสองแนวคิดหลัก More Than A Race และ Thailand to The World เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าภาพหลัก ได้เปิดเผยโฉม “บัตรเข้าชมการแข่งขัน” รถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2026” อย่างเป็นทางการ โดยเป็นเจ้าภาพ Pre-Season Test (การทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล) วันที่ 21-22 ก.พ. และ สนามเปิดฤดูกาล ระหว่างวันที่ 27 ก.พ. – 1 มี.ค. 2569 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยเตรียมเปิดจำหน่าย 11 พ.ย. นี้ เวลา 14.00 น. พร้อมกันทั่วโลก
ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความสำเร็จของโมโตจีพี สนามประเทศไทย หรือ ThaiGP ไม่ได้มีเพียงแค่ความเร้าใจของการแข่งขันในสนาม แต่เป็น ‘เทศกาลมอเตอร์สปอร์ต’ ที่มีเป็นแหล่งรวมความสนุก ความประทับใจ ความยิ่งใหญ่ ด้วยสีสันและเสน่ห์ในแบบไทย
“ThaiGP เป็น “มิติของประสบการณ์” ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขัน แต่คือบรรยากาศ ความทรงจำ และเสน่ห์แบบไทยที่อยู่ในทุกช่วงเวลา รวมถึง “บัตรเข้าชมการแข่งขัน” ที่กลายเป็นของสะสมทรงคุณค่าและเป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงออกและนำเสนออัตลักษณ์ที่งดงามสู่คนทั่วโลก”
“ในเวทีโลก ประเทศต่างๆ ก็มีการออกแบบบัตรเข้าชมแตกต่างกัน เพื่อแข่งขันด้านดีไซน์และสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะที่บัตร ThaiGP ก็มี เสน่ห์การออกแบบที่มี “เส้นเรื่อง” เฉพาะตัวที่ครองใจและแฟนทั่วโลกเฝ้ารอคอย กลายเป็น ของสะสมล้ำค่า ที่บ่งบอกถึงประสบการณ์แห่ง World Event ที่ประเทศไทย”
ในปี 2026 นี้ ทีมงานนักออกแบบได้สร้างสรรค์ลวดลายบนบัตร ให้กลายเป็น คอลเลกชันล้ำค่า โดยสื่อสารด้วยการผสาน 2 แนวคิดหลัก More Than A Race และ Thailand to The World นำเสนอว่า ThaiGP ไม่ใช่เพียงเกมความเร็วในสนาม แต่คือเทศกาลมอเตอร์สปอร์ตที่มีตัวตน ความรู้สึก และประสบการณ์ร่วมของแฟนๆ ทั่วโลก
ดีไซน์บัตรในปีนี้จึงเป็นดั่ง ‘แคปซูลแห่งความทรงจำ‘ ที่บรรจุทุกองค์ประกอบสำคัญของ ThaiGP ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยก้าวออกจากกรอบอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการใช้เทคนิค คอลลาจ (Collage) และกราฟิกแบบ ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับ Key Visual ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีก่อนหน้า โดยในบัตรได้บรรจุ
- มิติการแข่งขัน : บรรจุภาพนักบิดซูเปอร์สตาร์ อาทิ มาร์ค มาร์เกซ และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และนักแข่งคนอื่นๆ รวมถึงถ้วยรางวัล สื่อถึงการช่วงชิง และเกียรติยศแห่งบัลลังก์เจ้าความเร็ว
- ประสบการณ์ที่จับต้องได้ : สะท้อนบรรยากาศสุดพิเศษอย่าง พิตวอล์ค (Pit Walk), ฮีโร่ วอล์ค (Hero Walk), และ ไรเดอร์ แฟน พาเหรด (Rider Fan Parade) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความใกล้ชิดระหว่างนักบิดกับแฟนคลับ ภาพจำของแฟนคลับที่เนืองแน่น รอยยิ้มและสีสันแห่งกองเชียร์ รวมถึงตัวแทนคนไทยที่ได้รับเกียรติโบกธงตราหมากรุก ด้วยความภาคภูมิ
- ความบันเทิงและวัฒนธรรมไทย : ความมันส์จาก คอนเสิร์ต และศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ที่เติมเต็มประสบการณ์ในคอนเซ็ปต์ ‘More Than A Race’ ผสานอัตลักษณ์ไทยสู่สากล มีการนำ “ธงชาติไทย” และ “วัฒนธรรมท้องถิ่น” มาจัดวางร่วมกับภาพความตื่นเต้นในสนาม ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ThaiGP ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขัน แต่เป็น ประตูบานแรก ที่นำ Soft Power ของไทย เข้าสู่สายตาแฟนความเร็วมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก
จากกระแสตอบรับที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างมากในการนำเสนอบัตรชมการแข่งขัน กลายเป็นไอเทมสะสมที่แฟนทั่วโลกเฝ้ารอทุกปี และถูกจับตามองในด้านความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่จับตามองของสื่อทั่วโลกด้วยเช่นกัน
บัตรชมการแข่งขัน ThaiGP จึงไม่ใช่แค่บัตรผ่านประตู แต่คือ ของสะสมสุดล้ำค่า ที่บรรจุพลังและถ่ายทอดเรื่องราวในที่เป็นเสน่ห์ของไทยสู่ World Event ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซด์ allticket วันที่ 11 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ 14.00 น. เป็นต้นไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส แถลงความคืบหน้า Beyond100+ พร้อมแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก และรถยนต์รุ่นลิมิเต็ด
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส แถลงความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Beyond100+ ที่ได้สะท้อนถึงความต้องการของตลาดและลูกค้าในปัจจุบัน โดย ดร. แฟรงค์-สเตฟเฟน วอลลิเซอร์ (Dr. Frank-Steffen Walliser) ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด ได้สรุปแผนการพัฒนารถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นใหม่ที่รวมถึงการขยายเวลาการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายในและรุ่นปลั๊กอินไฮบริด
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยว่า ‘World’s First True Luxury Urban SUV’ พลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจะสร้างเซกเมนต์ใหม่ของรถยนต์แบบอเนกประสงค์ระดับหรูสำหรับการใช้งานในเมือง (Luxury Urban SUV) รถยนต์เบนท์ลีย์โฉมใหม่นี้ได้รับการออกแบบ พัฒนา และประกอบ ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2569 และเริ่มต้นการส่งมอบสู่ตลาดภายในปี 2570 รถยนต์โฉมใหม่นี้จะเป็นการต่อยอดจากรถยนต์แบบอเนกประสงค์ รุ่น Bentayga ในปัจจุบันด้วยความยาวตัวถังที่น้อยกว่า 5 เมตร มอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบฉบับรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างแท้จริง พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยงานฝีมืออันประณีตที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ และความสามารถในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่ไวด้วยเวลาเพียง 7 นาทีที่จะมอบพิสัยการเดินทางกว่า 160 กิโลเมตร โดยมีรถยนต์ต้นแบบที่กำลังเดินหน้าโครงการทดสอบสมรรถนะอยู่ในขณะนี้
นอกเหนือจากความคืบหน้าในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์เบนท์ลีย์แบบเครื่องยนต์ไฮบริดทั้งเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance และ High Performance ในรุ่น Continental GT, Continental GT Convertible, และ รุ่น Flying Spur จะยังคงเดินหน้าสายการผลิตต่อถึงอย่างน้อยปี 2578 ซึ่งหมายความว่าเป้าหมายเดิมในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบภายในปี 2578 อาจจะต้องเลื่อนออกไป โดยเบนท์ลีย์ มอเตอร์สเพิ่งได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในอีกหนึ่งรุ่น นั้นก็คือ Bentayga Speed เมื่อกลางปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดแบบเครื่องยนต์สันดาปภายในสมรรถนะสูงรุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่นกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ยังไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ที่จะผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในในอนาคตเพื่อรักษาทางเลือกที่ยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดทั่วโลก
ดร. แฟรงค์-สเตฟเฟน วอลลิเซอร์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด กล่าวว่า “การปรับกลยุทธ์ Beyond100+ ของเราในวันนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเบนท์ลีย์ในการพัฒนาอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน เรากำลังพัฒนารถยนต์ของเราให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของโลกและตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยการขยายแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และยังคงผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์ไฮบริดไปจนถึงอย่างน้อยปี 2578 เราจึงมั่นใจว่าลูกค้าของเบนท์ลีย์ทุกคนจะได้สัมผัสสมรรถนะและงานฝีมือของเราได้อย่างเต็มที่
“รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเรา ซึ่งเป็นรถยนต์แบบ SUV หรูสำหรับการใช้งานในเมืองรุ่นแรกแรกของโลก ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเบนท์ลีย์สู่ความหรูหราอย่างยั่งยืนและความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีด้วยความสามารถในการชาร์จพลังงานที่รวดเร็ว พร้อมด้วยเอกลักษณ์และดีไซน์อันโดดเด่นของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ นับเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแบรนด์ของเราที่อนาคตถูกกำหนดด้วยนวัตกรรม งานฝีมือ และความยั่งยืน”
Beyond100+ ยังสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตของโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส พร้อมสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ในยุคใหม่อย่างยั่งยืน
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์ ณ โรงงาน เมืองครูว์ขึ้นมาใหม่ โดยได้สร้างโรงงานที่ได้รับการรับรองด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นแห่งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในชื่อ A1 ที่กำลังเตรียมการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก ณ Dream Factory ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์
โครงการลงทุนด้วยเม็ดเงินทุนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ยังคงเดินหน้าต่อด้วยการสร้างศูนย์ทำสีแห่งใหม่ที่ทันสมัย ซึ่งมีกำหนดเปิดในปี 2569 หลังจากการเปิดศูนย์ออกแบบและศูนย์โลจิสติกส์แบบบูรณาการแห่งใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยได้เปลี่ยนโฉมอาคารอายุกว่า 87 ปีให้กลายเป็นสถานที่ประกอบยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าด้วยมาตรฐานใหม่ในด้านการผลิตแบบดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและมีมูลค่าสูงที่สุดของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส
สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine






























































































