• มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนสัมผัสประสบการณ์ ”Xperience the Force” กับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี พร้อมทัพยนตรกรรม และข้อเสนอดอกเบี้ยสุดพิเศษ ภายในงาน BIG MOTOR SALE 2025

    1 Min Read

    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนสัมผัสประสบการณ์ ”Xperience the Force” กับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี พร้อมทัพยนตรกรรม และข้อเสนอดอกเบี้ยสุดพิเศษ ภายในงาน BIG MOTOR SALE 2025

    บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขนทัพยนตรกรรมสุดยิ่งใหญ่ พร้อมข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษมามอบให้ลูกค้าทุกท่าน ภายในงาน “BIG MOTOR SALE 2025” ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พร้อมชูรุ่นไฮไลต์ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีฟูลไฮบริดอันล้ำสมัย Mitsubishi e:Motion ผสานสมรรถนะอันทรงพลัง ความนุ่มนวลในการขับขี่ และความปลอดภัยไว้ในหนึ่งเดียว สะท้อนถึงดีเอ็นเอของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) และความเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไทยที่มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมจัดโปรโมชันสุดพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 1 ปี และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายภายในงาน

    มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ทุกรุ่นที่มิตซูบิชินำเสนอในงาน BIG MOTOR SALE ครั้งนี้ ล้วนสะท้อนถึงความเป็น Mitsubishi Motors-ness อย่างชัดเจน ซึ่งเกิดจากการพัฒนาและสร้างสรรค์ยนตรกรรมเพื่อเติมเต็มชีวิตแห่งการเดินทางยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไฮไลต์ภายในงานนี้คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อยานยนต์ของมิตซูบิชิ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีไปพร้อมกับความยั่งยืนของเรา”

    สำหรับไฮไลต์ภายในงาน ได้แก่ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี รถยนต์คอมแพกต์เอสยูวี ไฮบริดรุ่นล่าสุด จากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส  ที่จะพาทุกท่านมาสัมผัสกับแนวคิด “Xperience the Force” โดดเด่นด้วยการมอบ ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ และมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง โดยมาพร้อมกับ 3 สุดยอดเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิดMITSUBISHI e:MOTION ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control – AYC) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจแต่ยังคงความนุ่มนวลเหนือระดับ พร้อมการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งสไตล์และฟังก์ชันที่ครบครัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มยานยนต์ไฮบริด

    อีกหนึ่งไฮไลต์ ที่เราขนทัพมาจัดแสดงภายในงาน คือ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตพรีเมียม ชุดแต่งสีดำรอบคัน หลังคาสีดำ กระจกมองข้างสีดำ คิ้วขอบกระจกประตูสีดำ กระจังหน้าตกแต่งไดนามิกชิลด์สีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ และล้ออัลลอยสีดำ มอบลุคสปอร์ตพรีเมียม พร้อมผสานสมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยสะท้อนตัวตนของครอบครัวรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความทันสมัยและไลฟ์สไตล์แอ็กทีฟ มาให้ชมภายในงานอีกด้วย

     

    เพื่อความพิเศษที่มากกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่ซื้อ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เลือกรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท พิเศษ เฉพาะ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท ภายในงาน

     

    ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ มิตซูบิชิ หลากหลายรุ่น พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากแคมเปญพิเศษมากมาย อาทิ ข้อเสนอผ่อนชำระดอกเบี้ยพิเศษ และ ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive ได้ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A18) งาน BIG MOTOR SALE 2025 ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคมคม 2568 ฮอลล์ EH 101 – 104 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

     

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามข้อมูลข่าวสารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดงาน ‘XPENG VISION NIGHT THAILAND’ แสดงวิสัยทัศน์ด้านการขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้แนวคิด ‘LIVE THE NEXT, NOW’ พร้อมเปิดตัว XPENG ‘New G6’

    1 Min Read

    เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดงาน ‘XPENG VISION NIGHT THAILAND’ แสดงวิสัยทัศน์ด้านการขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้แนวคิด ‘LIVE THE NEXT, NOW’ พร้อมเปิดตัว XPENG ‘New G6’

    เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ‘เอ็กซ์เผิง’ ร่วมมือกับบริษัท เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดงาน ‘XPENG VISION NIGHT THAILAND’ นำเสนอนวัตกรรมการขับเคลื่อนแห่งอนาคต พร้อมเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปี ของ เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว
    ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ เอ็กซ์เผิง ‘New G6’ ณ ยูโอบี ไลฟ์ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์

    มร. เจมส์ วู รองประธาน เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง มองอนาคตผ่านสองเสาหลักใหญ่ คือ AI และพลังงาน เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลการขับขี่จริงมหาศาล ทำให้รถเรียนรู้และขยายศักยภาพไปได้ทั่วโลก ขณะเดียวกันเราก็ยกระดับ ด้านพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ที่ประจุไฟได้เร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่เคย ทั้งหมดนี้ ไม่หยุดอยู่ที่รถยนต์ แต่ยังต่อยอดไปถึงหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์และยานยนต์บินได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์เดินทางและใช้ชีวิตในอนาคต เป้าหมายของ เอ็กซ์เผิง คือ การทำให้ทุกคน รวมถึงลูกค้าในประเทศไทย ได้สัมผัสอนาคตตั้งแต่วันนี้ สอดคล้องกับคอนเซปต์  ‘LIVE THE NEXT, NOW’

    อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “XPENG VISION NIGHT THAILAND ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองความสำเร็จในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ด้วยยอดส่งมอบรถร่วม 3,000 คัน และการมียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 1 ประเภทรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมจีน ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการประกาศถึงวิสัยทัศน์ และทิศทางของ เอ็กซ์เผิง ในการนำประเทศไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยเทคโนโลยี AI Mobility ยุคใหม่”

    เตรียมพบกับซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ ที่ล้ำสมัยที่สุด

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาซอฟต์แวร์อันล้ำสมัย โดยระบบปฏิบัติการเวอร์ชันถัดไปที่จะเปิดให้ใช้งานในเร็วๆ นี้ จะถูกทยอยปล่อยอัปเดต เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัมผัสฟังก์ชันใหม่ๆ อาทิ โหมดสัตว์เลี้ยง (Pet Mode) ที่ช่วยให้สามารถจอดรถ เปิดระบบปรับอากาศ และล็อกประตูเพื่อให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในรถได้อย่างปลอดภัย แอปพลิเคชัน ‘Karafun’ ที่มอบความสนุกในการร้องคาราโอเกะ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไมโครโฟน การปรับปรุงระบบช่วยเหลือผู้ขับ ให้ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำยิ่งขึ้น การปรับอุณหภูมิต่ำสุดของระบบปรับอากาศ จาก 18 องศาเซลเซียส เป็น 16 องศาเซลเซียส รวมถึงการอัปเกรดด้านความบันเทิง และเพิ่มความความเสถียรของระบบอื่นๆ ซึ่งการทยอยปล่อยฟังก์ชันใหม่ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความใส่ใจในคุณภาพและความมั่นใจ ว่าทุกการอัปเดตได้รับการทดสอบและปรับปรุง เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของผู้ใช้งาน

    เปิดตัว XPENG ‘New G6’, The NEXT Intelligent SUV

    เอ็กซ์เผิง ‘New G6’, โฉมใหม่ของเอสยูวีไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่พร้อมนำพาทุกท่าน ทะยานสู่อนาคตอย่างมั่นใจ ครั้งแรกกับการใช้แบตเตอรี่ 5C ทุกรุ่นย่อย รองรับกระแสไฟสูงสุด 451 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 12 นาที* ปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร รูปลักษณ์ด้านหน้ามาพร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลท์ดีไซน์ใหม่แบบ Galaxy Light Wing พาดยาวเป็นเส้นเดียว พร้อมโลโก้เอ็กซ์เผิง บนฝากระโปรง เปลี่ยนดีไซน์ฝาท้ายแบบ Ducktail และกันชนหลังแบบ C-Ring ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เข้ากันกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่ ห้องโดยสารติดตั้งจอกลางและจอหน้าผู้ขับแบบใหม่ ขนาด 15.6 และ 10.25 นิ้วตามลำดับ ขณะที่พวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้กลมกลืนกับห้องโดยสารมากขึ้น เปลี่ยนมาใช้ช่องแอร์แบบปรับมือ ตามความต้องการของลูกค้าในไทยและต่างประเทศ กระจกมองหลังสามารถแสดงภาพ จากกล้องได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารแบบ Starlight Rhythm Matrix โดย New G6 มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อย คือ ‘Long Range’ และ ‘AWD Performance’ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ G6 ที่ติดตั้งมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ (All-wheel Drive) กำลังสูงสุด 486 แรงม้า (PS) แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.13 วินาที สำหรับรุ่น ‘Long Range’ มีให้เลือก 4 สี คือ ม่วง (Stellar Purple), ขาว (Arctic White), เทา (Graphite Gray) และดำ (Midnight Black) ส่วนรุ่น ‘AWD Performance’ มาพร้อมสีดำ (Midnight Black) ในสไตล์ ‘Black Edition’ ผสานล้ออัลลอยรมดำ ดุดันเต็มพิกัด

    นอกเหนือจากการนำเสนอวิสัยทัศน์ นวัตกรรม และยานยนต๋ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นล่าสุด เอ็กซ์เผิง ‘New G6’ เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ยังได้จัดแสดงหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ‘IRON’ และชิปประมวลผลอัจฉริยะ ‘TURING AI CHIP’ ภายในงาน

    XPENG ‘IRON’ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อัจฉริยะ

    เอ็กซ์เผิง ‘IRON’ เป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่นล่าสุดของ เอ็กซ์เผิง ใช้เวลาพัฒนากว่า 5 ปี มีข้อต่อมากกว่า 60 จุด พร้อมความสามารถในการเคลื่อนไหวกว่า 200 องศาอิสระ มือของ IRON มีขนาดเท่ามือมนุษย์แบบ 1:1 และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ 22 องศา โดย ‘IRON’ มีความสูง 178  เซนติเมตร หนัก 78  กิโลกรัม ปัจจุบันได้มีส่วนช่วยทำงานในสายการผลิตของ เอ็กซ์เผิง โดยใช้เทคโนโลยี AI และระบบควบคุมการเคลื่อนไหว ที่อิงจากโมเดลขับขี่อัตโนมัติ สามารถหยิบจับสิ่งของ ประกอบ และเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ วางแผนเริ่มผลิต เชิงพาณิชย์ในปี 2569 และตั้งเป้าขยายการใช้งาน สู่สำนักงาน ร้านค้า รวมถึงครัวเรือนในอนาคต

    XPENG ‘TURING AI CHIP’ ศักยภาพในการประมวลผล เพื่อการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

    เอ็กซ์เผิง TURING AI CHIP คือ ชิปอัจฉริยะรุ่นแรกที่พัฒนาโดย เอ็กซ์เผิง สำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (Autonomous Driving Level 4) มาพร้อม 40-Core Processor ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าเดิม 3 เท่า และสามารถประมวลผลข้อมูลได้ถึง 30,000 ล้านพารามิเตอร์ โดยไม่ต้องพึ่งพาการคำนวณจากคลาวด์ (Cloud-Free Intelligence) ช่วยให้การตัดสินใจของรถ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยมากขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ผ่านเทคโนโลยีที่ เอ็กซ์เผิง พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด

    สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง เอ็กซ์เผิง ‘New G6’ และ เอ็กซ์เผิง ‘X9’ ภายในเดือนสิงหาคม 2568

    • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมพรบ. นาน 1 ปี*
    • ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง*
    • ฟรี สายชาร์จฉุกเฉิน 1 ชุด*
    • รับประกันคุณภาพรถยนต์ นาน 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร*
    • รับประกันแบตเตอรี่ และมอเตอร์ขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*
    • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*
    • พิเศษ คะแนนสะสม MOBILIFE 6,000 คะแนน สำหรับ ‘New G6’ และ 9,000 คะแนน สำหรับ ‘X9’*

    XPENG VISION NIGHT THAILAND เป็นงานที่แสดงถึงความมุ่งมั่น ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ของการเดินทาง ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ ระบบขับขี่อัตโนมัติ AI แพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะสมรรถนะสูงและบริการเชื่อมต่ออัจฉริยะ เพื่อมอบประสบการณ์เดินทางที่สมบูรณ์แบบ ให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

    สัมผัสยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ เอ็กซ์เผิง ‘NEW G6’ และ เอ็กซ์เผิง ‘X9’ ได้ที่งาน BIG Motor Sale 2025 ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา และโชว์รูม เอ็กซ์เผิง ทั่วประเทศ

    *เมื่อชาร์จไฟกับ XPENG Supercharger, เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Honda CBR Series ยกทัพทีมแซทเทิลไลท์ระเบิดความมันส์ ล่าชัยชนะต่อเนื่อง ในศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 2

    1 Min Read

    Honda CBR Series ยกทัพทีมแซทเทิลไลท์ระเบิดความมันส์ ล่าชัยชนะต่อเนื่อง ในศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 2

    ไทยฮอนด้า ส่ง 4 ทีมแซทเทิลไลท์ร่วมทำการแข่งขันใน 3 รุ่นท็อป เพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมแข่งไทย เปิดโอกาสให้นักบิดไทยได้พัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์ให้กับทัพนักบิด Honda CBR Series จากทีมแซทเทิลไลท์ หลังจากโชว์ศักยภาพคว้าชัยชนะในสนามเปิดฤดูกาลที่พร้อมเต็มอัตรา ในการแข่งขันศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 2 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

    โดยรุ่นใหญ่ที่สุดใน รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) บิด Honda CBR1000RR-R “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี หมายเลข 10 สังกัดทีม โปร ฮอนด้า บริดจสโตน อันเดรียนี เบกดิกซ์ เอเอ็น เรซซิ่ง ทีม ใช้ประสบการณ์ในการตัดสินใจเลือกยางที่ถูกต้อง คว้าชัยชนะมาครองได้อย่างสุดมันส์ และนักบิดอีกคนจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส หลังจากที่เรียนรู้และทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เป็นโอกาสที่ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 คว้าอันดับที่ 4 ในสนามแรก

    รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ดาวรุ่งนักบิดเสริมประสบการณ์ด้วยการลงสนามกับสุดยอดรถแข่ง Honda CBR600RR สนามแรกพบกับความท้าทายอย่างมากเมื่อต้องลงแข่งขันกลางสายฝน แต่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม คว้าชัยชนะมาครองได้อย่างยอดเยี่ยม และ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส สามารถคัมแบ็คกลับมาคว้าท็อป 4 ได้สำเร็จ

    ขณะที่รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) บิด Honda CBR250RR จาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง ฮอนด้ามอบโอกาสให้กับดาวรุ่งไทยได้เก็บประสบการณ์ โดยมี “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 คว้าแต้มได้ทันทีจากสนามแรกด้วยท็อป 7 และทีมเมท “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 เก็บประสบการณ์ในการแข่งขันระดับประเทศ พร้อมลงสนามเพื่อพัฒนาผลงานอีกครั้ง

    ทั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขัน ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 2 จะดวลความเร็วกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีคิวซ้อมแรกในวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม และควอลิฟายเพื่อหาอันดับการออกสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ก่อนแข่งขันชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2568 นี้

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • คาวาซากิเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เอาใจสายแคมป์ปิ้ง และสายลัดเลาะในเมือง

    1 Min Read

    คาวาซากิเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เอาใจสายแคมป์ปิ้ง และสายลัดเลาะในเมือง

    คาวาซากิเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ KLX230 Sherpa ปี 2026 ที่มาพร้อมกับล้อหลังใหม่และยางแบบ Tubeless ให้คุณลุยได้อย่างไร้กังวล และยังมี Z500 SE ปี 2026 เน็กเก็ตพันธุ์ดุ ที่จะพาคุณลัดเลาะไปยังถนนต่างๆในเมืองอันแสนวุ่นวาย

    KLX230 Sherpa ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่คาวาซากิ ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007  คำว่า “Sherpa” คือคำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัยและชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน”จากเมืองสู่ธรรมชาติ”

    ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA

    พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 135 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน “RIDEOLOGY THE APP”  ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย

    และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด

    และในปี 2026 นี้ KLX230 SHERPA พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยยางหลังแบบ Tubeless ไม่ต้องกังวลเรื่องยางแบนเมื่อยามเดินทาง และยังซ่อมแซมได้อย่างง่ายดาย พร้อมสีใหม่ Medium Cloudy Gray สีเทาคล้ายวันฟ้าหม่น ทำให้ KLX230 SHERPA คันนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นคู่หูออกเดินทางเพื่อหลีกหนีไปยังโลกแห่งธรรมชาติที่ใจใฝ่หา มาพร้อมกับราคาใหม่สุดพิเศษ 139,900 บาท พร้อมคูปองเงินสด 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี พร้อมทะเบียน พรบ. บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ

    นอกจากนี้ คาวาซากิยังเอาใจสายมุด กับ Z500 SE เน็กเก็ตพันธุ์ดุ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์พัฒนาใหม่ ขนาด 451 ซีซี ที่ให้พละกำลังในช่วงรอบต่ำถึงกลางได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่ในย่านความเร็วสูงก็ทำความเร็วสูงสุดได้อย่างง่ายดาย และด้วยกำลังที่สมดุลและอัตราเร่งที่แข็งแกร่งตลอดทุกรอบเครื่องยนต์ ผสานเข้ากับแชสซีน้ำหนักเบาจึงเหมาะกับการขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์รวมถึงในชีวิตประจำวัน เพราะคาวาซากิมุ่งหวังให้นักขับขี่เข้าถึงตัวรถได้ง่ายที่สุด คาวาซากิจึงทุ่มเทให้กับการออกแบบแชสซี ที่นอกจากน้ำหนักที่เบาแล้ว ยังคล่องแคล่วและมีจุดศูนย์ถ่วงที่สมดุล ให้ความมั่นใจในการขับขี่แก่นักบิดมือใหม่และมือเก๋า

    คาวาซากิประเทศไทย คัดเลือกรุ่น Special Edition มาให้ผู้ขับขี่ขาวไทยได้สัมผัสกับเทคโนโลยีสูงสุด ที่มาพร้อมหน้าจอ TFT จอสีคุณภาพสูงที่ให้การมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปรับตั้งสีพื้นหลังได้เอง และความสว่างหน้าจอปรับอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ “RIDEOLOGY THE APP” ที่ให้คุณได้สื่อสารกับตัวรถเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่มาพร้อมกับรุ่น SE นี้อีกด้วย

    โดยรูปลักษณ์ของ Z500 SE ยังคงความดุดัน แข็งแกร่งในสไตล์ Sugomi ของตระกูล Z รถเน็กเกตที่พร้อมให้คุณโดดเด่นกว่าใครบนท้องถนน ด้วยไฟหน้า 3 ดวงที่ออกแบบมาใหม่ ให้รูปลักษณ์ที่เข้มยิ่งกว่าเดิม

    Z500 SE จึงเป็นรถจักรยานยนต์ที่สนุกทุกครั้งที่ได้สัมผัส ด้วยน้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย พร้อมพละกำลัง เทคโนโลยี และรูปลักษณ์ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น กับสีใหม่ปี 2026 ที่ดุดันยิ่งกว่าเคยกับสี Golden Blazed Green/ Metallic Carbon Gray/ Ebony สีดำแซมเทาพร้อมแถบสีและวงล้อสีเขียวสุดจี๊ดแบบห้ามใจไว้ไม่อยู่ ด้วยราคาเพียง 219,800 บาท พร้อมคูปองเงินสด 5,000 บาท และฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน พรบ.

    ทั้ง 2 รุ่น พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

    รายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.kawasaki.co.th/th/motorcycle/klx230-sherpa
    https://www.kawasaki.co.th/th/motorcycle/z500se

    ติดตามเราได้ที่

    Website: https://www.kawasaki.co.th/
    Facebook: https://www.facebook.com/KawasakiMotorsThailand
    Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7
    Youtube: https://www.youtube.com/@kawasakitha
    Instagram: https://www.instagram.com/kawasakitha/


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ทำไม PHEV ถึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ในประเทศไทย

    2 Min Read

    ทำไม PHEV ถึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ในประเทศไทย

    GWM (Thailand) มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก โดยยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” โดยท่ามกลางยุคที่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ากำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการยานยนต์ รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของคนไทย มอบโซลูชันเพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรถไฟฟ้าโดยไม่มีความกังวลเรื่องระยะทาง ด้วยการผสานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และพลังงานจากเชื้อเพลิง ทำให้ขับในเมืองได้อย่างประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความมั่นใจเมื่อต้องเดินทางไกล ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดความกังวลใจในการชาร์จเมื่อไม่สะดวก เหมาะกับสภาพการขับขี่และโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย

     

    5 ข้อได้เปรียบของรถยนต์พลังงาน PHEV สำหรับคนไทย

    1. พลังงาน 2 รูปแบบ – ยืดหยุ่นทุกการเดินทาง

    รถยนต์ PHEV เหมาะทั้งการขับขี่ในเขตเมืองและนอกเมือง ด้วยการผสานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และพลังงานจากเชื้อเพลิง พร้อมรับมือทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ สำหรับการขับขี่เขตเมืองก็สามารถเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในการเดินทางไกลเข้าไปในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ในอำเภอรองเขตต่างจังหวัดที่ไม่มีตู้ชาร์จไฟไว้รองรับ หมดกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จตลอดเส้นทางเมื่อแบตเตอรี่มีไฟที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

    1. ประหยัดจริงในชีวิตประจำวัน

    ในช่วงที่น้ำมันมีราคาสูงและมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง การใช้รถยนต์ที่มีระบบพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับคนไทยยุคใหม่ รถ PHEV หลายรุ่นมีระยะทางไฟฟ้าล้วนที่ยาวกว่า HEV ตัวอย่างเช่น GWM HAVAL H6 ที่มีระยะทางไฟฟ้าล้วนที่ยาวที่สุดในบรรดารถ PHEV ทั้งหมด เกิน 150 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เป็น BEV ได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีไฟฟ้ามาช่วยในการขับเคลื่อน จึงทำให้รถยนต์ PHEV มีความประหยัดมากกว่ารถยนต์ไฮบริดโดยทั่วไป ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขับขี่ต่อกิโลเมตรต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้โหมดไฟฟ้าล้วน และเมื่อไฟฟ้าหมด รถก็ยังสามารถใช้พลังงานจากน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งในการขับขี่ในชีวิตประจำวันที่มีระยะทางที่ไม่เกินระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน ยิ่งทำให้ประหยัด เสมือนการขับขี่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า

     

    1. รักษ์โลก รักษ์เมือง

    เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ PHEV ที่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน จะมีการปล่อยเขม่า ฝุ่น PM 2.5 และแก๊สพิษออกสู่บรรยากาศที่น้อยกว่า ช่วยรักษาคุณภาพอากาศในเมืองให้ดีขึ้น อีกทั้งยังขับเงียบ ลดมลพิษทางเสียง ส่งเสริมบรรยากาศการขับขี่ที่ราบรื่นต่อผู้ขับและทุกคนบนถนน

    1. เหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย

    ในปัจจุบันพฤติกรรมคนไทยได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน รถยนต์เป็นพาหนะคู่ใจที่ใช้ในการทำงานและใช้พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และการเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่คนไทยชื่นชอบเป็นอันดับต้น ๆ ดังนั้น รถยนต์จึงควรสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางไกลในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจุดหมายปลายทางจะอยู่ที่ใด รถยนต์ PHEV ถือเป็นระบบพลังงานที่เหมาะสมกับความต้องการดังกล่าวของผู้ใช้งาน มอบการขับขี่ที่ไร้กังวลกับการชาร์จไฟ ขับขี่ได้ในระยะทางไกล ไม่ว่าจะเหนือสุดหรือใต้สุด ก็สามารถไปถึงได้อย่างไร้รอยต่อ อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

    1. ก้าวสู่อนาคตแห่ง EV เต็มรูปแบบได้อย่างมั่นใจ

    ยังมีผู้ขับขี่อีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่พร้อมกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 100% กับข้อจำกัดเกี่ยวกับการเดินทางได้ในระยะทางที่จำกัด และต้องเสียเวลาสำหรับการหาตู้ชาร์จและรอการชาร์จไฟ ดังนั้นรถยนต์ PHEV จึงเป็นคำตอบที่ช่วยลดข้อกังวลดังกล่าว ช่วยให้ผู้ใช้คุ้นเคยกับการชาร์จไฟและการขับโหมดไฟฟ้า 100% ก่อนก้าวสู่การใช้รถไฟฟ้าล้วนในอนาคต เหมาะกับช่วงที่โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จยังอยู่ระหว่างการขยายตัว

    ตารางเปรียบเทียบ PHEV vs BEV vs HEV vs ICE ในบริบทของประเทศไทย โดยคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐาน, ค่าครองชีพ, และพฤติกรรมผู้ใช้รถในไทย

    คุณสมบัติ / ประเภท

    รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV)

    รถยนต์ไฟฟ้า 100%

    (BEV)

    รถยนต์ไฮบริด (HEV)

    รถยนต์สันดาป

    (ICE)

    ความสะดวกด้านการใช้งาน ใช้ไฟฟ้าสำหรับเดินทางระยะสั้น และใช้น้ำมันสำหรับเดินทางไกล เหมาะกับสภาพจราจรติดขัดในเมืองไทย ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เติมน้ำมันปกติและประหยัดกว่ารถน้ำมันล้วน  เติมน้ำมันง่าย สถานีมีทั่วประเทศ
    ระยะทางไฟฟ้าล้วน 40 – 150 กม. ต่อการชาร์จ (HAVAL H6 PHEV มีระยะทางไฟฟ้าล้วนยาวที่สุดในรถ PHEV ที่ 150 กม.) 200 – 600 กม. ระยะทางไฟฟ้าล้วนจำกัด (1-5+ กม.)
    ระยะทางขับขี่รวม
    (ขึ้นอยู่กับรุ่นและพฤติกรรมการขับขี่)
    700 กม. ถึงมากกว่า 1,000 กม. ต่อการชาร์จ + เติมน้ำมัน (แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อรถยนต์) ประมาณ 200 – 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยเฉลี่ย 700 – 900 กม. โดยเฉลี่ย 500 – 800 กม.
    ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง /ไฟฟ้า เมื่อวิ่งด้วยไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่าย ~0.7 – 1.3บาท/กม. และในโหมดไฮบริด ~1.8 – 2.2 บาท/กม. เมื่อวิ่งด้วยไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่าย ~0.7 – 1.3บาท/กม. โหมดไฮบริด ~1.8 – 2.2 บาท/กม. สูงสุด (เฉลี่ย 3–5 บาท/กม.)
    การปล่อยมลพิษ ต่ำกว่าระบบไฮบริด และเป็นศูนย์เมื่อวิ่งในโหมดไฟฟ้า ศูนย์ ปานกลาง สูง
    โครงสร้างพื้นฐานในไทย พร้อมใช้งาน ยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัดและเขตห่างไกลจากตัวเมือง พร้อมใช้งาน พร้อมใช้งาน
    เหมาะกับใคร คนเมืองที่ใช้เดินทางระยะสั้น ๆ ในวันทำงาน และขับทางไกลในวันหยุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จต่าง ๆ คนเมืองที่มีจุดชาร์จที่บ้าน/คอนโด และขับในเส้นทางที่ชัดเจน และมีจุดชาร์จที่ชัดเจน ผู้ใช้ทั่วไปที่อยากประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ต้องการชาร์จไฟ ผู้ที่มีการใช้รถที่หลากหลาย และยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระบบพลังงานใหม่

    ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV คือตัวเลือกที่สมดุลระหว่างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ตอบโจทย์ครบทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลอย่างมั่นใจ โดดเด่นด้วยระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่สูงสุดในเซกเมนต์ถึง 150 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และเมื่อบวกกับน้ำมัน 1 ถัง สามารถเดินทางได้ระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว เพียงพอสำหรับการเดินทางในเมืองในแต่ละวัน ขณะเดียวกันยังมอบความคล่องตัวเมื่อต้องออกต่างจังหวัดด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์น้ำมันที่พร้อมทำงานต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ แต่เมื่อต้องทำการชาร์จ รถยนต์คันนี้ก็มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ 27.54 k โดยใช้พอร์ต CCS Type 2 combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 41 kW โดยเวลาในการชาร์จจาก 0-80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที  รวดเร็วทันใจในการชาร์จกว่ารถยนต์ PHEV ในเซกเมนต์เดียวกัน พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด ได้แก่ ปกติ สปอร์ต ประหยัด และพื้นหิมะ รวมถึงโหมดที่ให้ผู้ขับสามารถเลือกการขับขี่แบบไฮบริดหรือแบบไฟฟ้าล้วน ช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ช่วงล่างยังได้รับการพัฒนาใหม่ให้ตอบโจทย์สภาพถนนและสไตล์การขับขี่ของคนไทยโดยเฉพาะ

    ยิ่งไปกว่านั้น ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV ยังมีจุดเด่น 4 ด้าน ตอบรับไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้ง 1.) ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม โดยภายนอกอัปเกรดใหม่ สปอร์ตหรูด้วยกระจังหน้า Smoke Chrome, ไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ไฟท้าย LED Light Strip, ล้ออัลลอย 19 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง (เฉพาะรุ่น PHEV ULTRA) 2.) เทคโนโลยีภายในล้ำสมัย ด้วยห้องโดยสารอัปเกรดด้วยจอดิจิทัล 10.25 นิ้ว, Head-up Display, หน้าจออินโฟเทนเมนต์ 14.6 นิ้ว พร้อม Coffee OS 3.0, Snapdragon, ระบบนำทาง Petal Map ของ Huawei, ระบบเสียง Amor luxury hifi และที่ชาร์จไร้สาย 50W เพิ่มความสะดวกสบายและอรรถรสในการเดินทางสำหรับทุกคนในครอบครัว 3.) สมรรถนะทรงพลัง มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ปลั๊กอิน-ไฮบริด มอบพละกำลัง 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ตอบสนองทันใจแม้ในการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง 4.) ความปลอดภัยล้ำหน้า เพราะครอบครัวคือสิ่งล้ำค่าในชีวิตของทุกคน ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV จึงมอบระบบความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ ทั้ง First-in-class และ Best-in-class เช่น กล้องรอบทิศทาง 540°, ระบบช่วยควบคุมและรักษาเลน, ระบบเตือนและช่วยเบรกจุดอับสายตา, โครงสร้างตัวรถที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีช่วยขับขั้นสูงเพื่อความมั่นใจในการขับขี่ตลอดการเดินทาง

    ด้วยฟีเจอร์ที่น่าประทับใจทำให้ ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ GWM ขอขอบคุณผู้ใช้ชาวไทยในโอกาสครบรอบ 4 ปีในประเทศไทย ด้วยแคมเปญ GWM HAVAL H6 4th Anniversary พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ 3 ทางเลือกสำหรับรุ่น PHEV ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และพิเศษสำหรับลูกค้า GWM เดิมที่จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท นอกเหนือจากโปรโมชั่นด้านล่าง:

    1. สำหรับสายชิล ผ่อนเบา เพียง 5,000 บาทต่อเดือนนาน 12 เดือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 95% (เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) และส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท
    2. สายอัปเกรด นำรถเก่ามาแลกใหม่ รับส่วนลดสูงสุด 60,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษที่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นหลัก ทั้งส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท และดอกเบี้ยเริ่มต้น 95% (เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน)
    3. สายมองไกล เลือกรับบริการ GWM Pro Service Inclusive ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามระยะทางสูงสุดถึง 10 ครั้งใน 5 ปี หรือ 100,000 กม. รวมทั้งบริการติดตั้ง GWM Home Charger ฟรี พร้อมส่วนลดเงินสดสูงสุด 80,000 บาท และดอกเบี้ยพิเศษ 95%

    ด้วยจุดเด่นทั้งหมดนี้ ALL NEW HAVAL H6 PHEV จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยและสอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตอย่างยั่งยืน

    ทดลองขับและสัมผัส ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV ได้แล้ววันนี้ที่ GWM Partner Store กว่า 72 แห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน GWM, เว็บไซต์ www.gwm.co.th หรือโทร GWM Contact Center 02-668-8888

    #GWMHAVALH6PHEV #ALLNEWGWMHAVALH6 #GWMHAVALTHAILAND
    #GWMTHAILAND #HavalH6 #H6 #PHEV


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ เนรมิต Bentayga เฉดสีพิเศษ Candy Pink พร้อมตัวเลือกอีกกว่า 111 เฉดสีสู่การรังสรรค์ยนตรกรรมในฝันอย่างไร้ขีดจำกัด

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ เนรมิต Bentayga เฉดสีพิเศษ Candy Pink พร้อมตัวเลือกอีกกว่า 111 เฉดสีสู่การรังสรรค์ยนตรกรรมในฝันอย่างไร้ขีดจำกัด

    เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ได้เนรมิตสุดยอดยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์รุ่น Bentayga Extended Wheelbase (EWB) ด้วยเฉดสีชมพู Candy Pink ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ โดยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นจากความต้องการของลูกค้าชาวอเมริกันรายหนึ่งที่ต้องการรถยนต์คันใหม่ในเฉดสีชมพูที่เป็นสีโปรดของเธอ ซึ่งเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ก็ได้เติมเต็มความฝันของเธอด้วยการรังสรรค์ยนตรกรรมในเฉดสีพิเศษนี้ขึ้น

    สำหรับ Bentayga EWB เฉดสีพิเศษ การตกแต่งภายนอกตัวถังได้ผสานเข้ากับภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยหนังและด้ายเฉดสี Cherry Blossom พร้อมด้วยโลโก้แบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ที่ปักลายบนเบาะโดยสาร โดยลูกค้าเลือกติดตั้งช่องเก็บความเย็น Mulliner Bottle Cooler ที่มากับฝากระจกฝ้าแบบ Soft Close ระหว่างเบาะโดยสารแบบ Airline Seat Specification ภายในห้องโดยสารเพื่อความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

    Bentayga ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเทรนด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์ที่ต้องการการออกแบบเฉพาะบุคคล โดยกว่า 70% ของลูกค้าต้องการออปชันจากมูลินเนอร์อย่างน้อยหนึ่งออปชันในการตกแต่งรถยนต์เบนท์ลีย์ของตน

     

    การปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล

    นอกเหนือจากรายละเอียดและข้อกำหนดในการปรับแต่งนับหมื่นล้านรายการจากรายการออปชันของเบนท์ลีย์ ลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์ยังได้มีส่วนร่วมในการออกแบบยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่เรียกว่า “Co-Creation” โดยทีมนักออกแบบและช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จะร่วมมือกับลูกค้าในการรังสรรค์ยนตรกรรมในฝันในเวิร์กช็อปด้วยโทนสีที่สดใส วัสดุที่สั่งทำพิเศษ และคุณสมบัติที่ปรับแต่งได้

    การตกแต่งด้วยเฉดสีภายนอกมีให้เลือกสรรถึง 111 เฉดสี ซึ่งมีทั้งสีพื้น สีเมทัลลิก สีมุก สีซาติน และตัวเลือกเฉดสีอื่นอีกมากมาย โดยเฉดสีชมพูเป็นเฉดสีที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษด้วยความเชี่ยวชาญของทีมเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์และวิสัยทัศน์ของลูกค้าที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีชีวิตชีวาผ่านเฉดสีชมพู Candy Pink พร้อมกับการตกแต่งด้วยชุดแต่ง Blackline Specification ที่ได้มอบความคอนทราสต์แบบร่วมสมัยให้กับภายนอกของตัวรถบริเวณมือจับประตู ท่อไอเสีย ไบรท์แวร์ กรอบโคมไฟ กระจังหน้าและกระจังหน้าส่วนล่าง ราวหลังคา และช่องระบายอากาศด้านข้างที่ล้วนตกแต่งด้วยเฉดสีดำเงา พร้อมกระจกความเป็นส่วนตัวที่จะช่วยเสริมรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

    ภายในห้องโดยสารแสดงให้เห็นถึงความประณีตและความวิจิตรบรรจงของงานฝีมือด้วยการใช้หนังและด้ายในเฉดสี Cherry Blossom ที่จะมาช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับภายนอกของตัวรถ โดยหนังในเฉดสี Cherry Blossom ได้ถูกนำมาตกแต่งบริเวณเบาะโดยสาร คอนโซลกลาง ประตู คันเกียร์ และพวงมาลัย สำหรับขั้นตอนการผลิต Bentayga EWB ใช้เวลาราว 132 ชั่วโมง โดยใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการพ่นสีขาวตัวถัง และอีก 18 ชั่วโมงในการตกแต่งภายในห้องโดยสารอันสวยงาม

    รูปแบบเฉดสีภายในห้องโดยสารที่ออกแบบพิเศษช่วยให้สามารถใช้ด้ายเฉดสีชมพู Cherry Blossom กับทุกส่วนของห้องโดยสารที่รวมถึงการปักโลโก้แบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ หรือแม้แต่ขอบพรมปูพื้นที่ทำจากขนสัตว์แท้ 100% ก็ยังสามารถตกแต่งด้วยหนังเฉดสี Cherry Blossom ได้ สำหรับพรมปูพื้นผลิตจากขนสัตว์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อความสะอาดและความบริสุทธิ์ของสีที่ผ่านการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานด้านคุณภาพก่อนนำไปใช้งานจริง

     

    ความหรูหราภายในห้องโดยสาร

    Bentayga EWB มอบความหรูหราแบบเหนือระดับสำหรับผู้โดยสารในตอนหลังด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน พร้อมด้วยคุณสมบัติที่หรูหราที่สุดที่ได้รับการสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ

    ประการแรก คือ คุณสมบัติ Airline Seat Specification ซึ่งเป็นเบาะโดยสารที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเบาะโดยสารแบบพิเศษนี้สามารถปรับได้ถึง 22 ทิศทาง พร้อมติดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิและเทคโนโลยีปรับท่านั่งแบบอัตโนมัติที่สามารถปรับแรงดันลมได้ 177 ระดับ ใน 6 โซนอิสระตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมงเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดความเหนื่อยล้าในขณะเดินทาง

    Mulliner Bottle Cooler หรือช่องเก็บความเย็นระหว่างเบาะโดยสารตอนหลังยังได้รับการติดตั้งสำหรับแช่ขวดเครื่องดื่มขนาด 750 มิลลิลิตร พร้อมฝากระจกฝ้าแบบ Soft Close และแก้วคริสตัล Cumbria ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ จำนวน 2 ใบ

    Bentayga EWB ได้ยกระดับความบันเทิงภายในห้องโดยสารตอนหลังไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งระบบความบันเทิงสำหรับห้องโดยสารส่วนหลัง และระบบเสียงจาก ‘Bang & Olufsen for Bentley’ โดยลำโพง B&O มีดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยอะลูมิเนียมและรูเสียงที่มีหลายขนาดและหลายมุมตามรูปแบบ Fibonacci ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรูที่ทำมุมถูกจัดวางให้แน่นหนาที่สุดเพื่อให้ได้เสียงที่ใส และสร้างความโดดเด่นตัดกับพื้นผิวกระจกมุกแบบมันเงา

    ปัจจุบัน เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ดำเนินงานในฐานะแผนกออกแบบพิเศษของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สที่ให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การตกแต่งรถยนต์แบบเฉพาะบุคคลไปจนถึงการผลิตตัวถังรถยนต์ โดยมอบบริการแบบส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ต้องการรังสรรค์รถยนต์ในฝัน โดยร่วมกันออกแบบคุณสมบัติพิเศษและตกแต่งให้ตรงกับรสนิยมเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล

    Rich Pepe, Bentley Palmyra ลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์ได้เผยความประทับใจที่มีต่อการออกแบบรถยนต์ในฝันของเธอว่า “การร่วมมือกับมูลิเนอร์เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก และผมตั้งตารอที่จะได้สั่งทำเบนท์ลีย์ในฝันรุ่นต่อไปแล้ว”

     

    ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับการออกแบบยนตรกรรมในฝันให้มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • OMODA & JAECOO เปิดตัว JAECOO 5 EV นำเสนอวิสัยทัศน์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมสำหรับตลาดไทย

    1 Min Read

    OMODA & JAECOO เปิดตัว JAECOO 5 EV นำเสนอวิสัยทัศน์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมสำหรับตลาดไทย

    OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก เปิดตัว “JAECOO 5 EV” ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากธรรมชาติหรือที่เรียกว่า “Origin of nature” พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้นที่ 629,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และเริ่มต้นที่ 679,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max

     

    พิเศษสำหรับลูกค้า JAECOO 5 EV 1,000 ท่านแรก ที่จองและรับภายใน 30 กันยายน 2568 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max

    คุณบิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “JAECOO 5 EV คือการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหายานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ JAECOO 5 EV ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และบริการหลังการขายที่ต่อเนื่องและครอบคลุม เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่คุ้มค่าที่สุด”

    JAECOO 5 EV มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ JAECOO 5 EV Long Range Max และ JAECOO 5 EV Long Range Dynamic โดยรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในด้วยเบาะหนังสังเคราะห์พรีเมียม เบาะปรับไฟฟ้า หน้าจอสัมผัสขนาด 13.2 นิ้ว ไฟเรืองแสงปรับได้ 64 สี กล้องรอบคัน 540° หลังคาพาโนรามิค (Panoramic Fixed Glass Roof) ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1.45 ตร.ม. มีสีภายนอก 5 สี และสีภายใน 2 สี (ขึ้นอยู่กับ combination ของแต่ละสีรถภายนอก) ในขณะที่รุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic มาพร้อมเบาะผ้า หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว กล้องรอบคัน 360° มีสีภายนอก 3 สี และสีภายใน 1 สี ที่มาพร้อมระบบความบันเทิงครบครัน รวมถึงโหมดคาราโอเกะในรถ

    ด้านสมรรถนะ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ให้ระยะวิ่งไกลถึง 461 กิโลเมตร มาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS 19 ฟังก์ชัน และโครงสร้างตัวถังที่ใช้เหล็กกำลังสูงถึง 77% นอกจากนี้ JAECOO 5 EV ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย เงียบสงบ และมีระบบช่วยการขับขี่อัจฉริยะ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างสบายใจ

    ห้องโดยสารออกแบบเพื่อความสะดวกสบายด้วยพื้นที่เหนือศีรษะด้านหน้า 992 มม. และด้านหลัง 997 มม. พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการออกแบบที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ด้วยวัสดุหุ้มเบาะที่ทนทานและจุดยึด ISOFIX สำหรับที่นั่งสัตว์เลี้ยง

    OMODA & JAECOO มุ่งมั่นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยการมอบบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (โทร 02-0208888 กด 1) ฟรี นาน 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการเป็นเจ้าของ JAECOO 5 EV

    OMODA & JAECOO ได้สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาดไทย โดยสามารถสร้างยอดขายกว่า 4,000 คันภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือน พร้อมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 45 แห่ง ในเดือนสิงหาคม 2568 และตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 70 แห่งภายในปี 2568 นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จของแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2568 ด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกที่ทะลุ 570,000 คัน ความสำเร็จในประเทศไทยยังรวมถึงการจัดตั้งโรงงาน OMODA & JAECOO ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และการได้รับการตอบรับอย่างดีจากงาน Motor Expo 2567 ด้วยยอดจองถึง 1,008 คัน ตามด้วยความสำเร็จจากการเปิดตัว JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ในงาน Bangkok International Motor Show ที่สามารถทำยอดจองทั้งหมดทุกรุ่นได้ถึง 2,568 คัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยที่มีต่อแบรนด์

    พิเศษสำหรับลูกค้า JAECOO 5 EV 1,000 ท่านแรก ที่จองและรับภายใน 30 กันยายน 2568 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max รับฟรี WALL CHARGE พร้อมติดตั้ง ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.78% พร้อมการรับประกันตัวรถ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*

    ด้วยการเปิดตัว JAECOO 5 EV ในครั้งนี้ OMODA & JAECOO มุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำในการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทย ด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวไกลไปอีกขั้น

    สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ JAECOO 5 EV ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ OMODA & JAECOO ทั่วประเทศ เงื่อนไขต่าง ๆ ข้อกำหนดทั้งหมด และรายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติม สามารถดูได้บนเว็บไซต์ www.omodajaecoo.co.th/th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” คว้าท็อป 6 ด่านสุดหิน โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ สนาม 6 ที่ สปีลเบิร์ก

    1 Min Read

    “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” คว้าท็อป 6 ด่านสุดหิน โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ สนาม 6 ที่ สปีลเบิร์ก

    “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 85 ยอดนักบิดดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำผลงานรอบคัดเลือกได้อย่างยอดเยี่ยม คว้ากริดที่ 7 โดยเกมการแข่งขันในเรซแรกมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเกมการแข่งขันเริ่มต้นก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักจนแทร็กเปียก และเพียงรอบแรกของการแข่งขันก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงประกาศธงแดงให้เกมหยุดลงชั่วคราว

    หลังจากกลับมาแข่งขัน “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” สามารถแสดงทักษะและศักยภาพในการขี่บนแทร็คเปียกได้อย่างยอดเยี่ยม แม้เรดบูล ริง จะเป็นสนามที่ยาก แต่นักบิดดาวรุ่งไทยก็สู้แย่งชิงอันดับได้อย่างดุเดือด ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยด้วยอันดับที่ 6 ตามหลังผู้นำ 10.425 วินาที เก็บคะแนนเพิ่มเติมไปอีก 10 คะแนน

    จากนั้นตามต่อด้วยการแข่งขันในเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ก็ยังคงต่อสู้ในสนามได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถจบการแข่งขันอันดับที่ 15 ตามหลังผู้นำ 10.401 วินาที เก็บคะแนนสะสมเพิ่มเติมไปอีก 1 คะแนน ทำให้มีคะแนนสะสมรวม 57 คะแนน และเป็นการเก็บคะแนนสะสมต่อเนื่องเป็นเรซที่ 7 ติดต่อกัน

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #RoadToMotoGP #TheNextSuccessor #RookiesCup #Maikiw #Maikiw85 #KS85


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ต่อเนื่องกับฤดูกาลความสนุก พร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ไปกับ Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 2 จ.ภูเก็ต

    3 Min Read

    ต่อเนื่องกับฤดูกาลความสนุก พร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต  ไปกับ Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 2 จ.ภูเก็ต

    มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้สนับสนุนรายการอย่างเป็นทางการ และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าจังหวัดภูเก็ต เปิดการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 2 ที่จัดขึ้นในวันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จ.ภูเก็ต จัดเต็มกิจกรรมสุดมันส์โดนใจวัยรุ่นชาวภูเก็ตตลอดทั้งสองวัน กระหึ่มไปด้วยเสียงเชียร์และความสนุกของผู้ชมรอบสนาม

                   นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า ขอขอบคุณทางจังหวัด หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น ห้างร้าน รวมทั้ง พี่น้องชาวภูเก็ตทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับ เข้าร่วมกิจกรรม และสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ปีนี้ เป็นปีที่โตโยต้าดำเนินกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเป็นปีที่ 39 ในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับคนไทย โดยสนามภูเก็ต เป็นสนามที่ 2 ของการแข่งขันนี้จะทำให้ท่านสนุกสนาน เร้าใจ ภายใต้แนวคิด Make Ever-Better Car From Circuit to the road กับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “Toyota One Make Race” ทั้ง “ยาริส วันเมคเรซ” “ยาริส เอทีฟ เลดี้ วันเมคเรซ” “ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ” และ “โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต วันเมคเรซ”

                รวมทั้ง ในช่วง HOT LAP เราได้ขนขบวนรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ตระกูล GR ครบทุกรุ่น มาให้ทุกท่านได้สัมผัส นำโดย GR SUPRA TRACK EDITION รุ่นใหม่ มาโชว์สุดยอดสมรรถนะในตำนาน เป็นครั้งแรก และยังมีรุ่นอื่นๆ ทั้ง GR 86, GR COROLLA, GR YARIS รวมถึงรถยนต์ในรุ่น GR SPORT ร่วมท้าทายขีดจำกัด ซึ่งท่านจะได้นั่งไปกับนักแข่งจากทีม Toyota Gazoo Racing Thailand

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 20 รอบ)

    เปิดรายการแรกด้วยสมรรถนะ และความปราดเปรียวของรถยนต์ YARIS Hatchback เรียกเสียงเชียร์จากแฟนๆ นักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ป๊ายปาย โอริโอ้” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ลงสนามด้วย YARIS One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก บรรยากาศการแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน ตลอด 20 รอบการแข่งขัน ผู้ที่คว้าตำแหน่งแชมป์สนามสองได้แก่ หมายเลข 68      ศิริภากรณ์ แยบยนต์ จากทีม TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 68 ศิริภากรณ์ แยบยนต์ TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3
    2 23 Abdul Migail 23 Motors Racing Team
    3 22 Komura Toshiki RUK Team Nexzter PMC 52
    4 27 เอกชัย อิทรจินดา B-Quik Racing Team
    5 42 กวินท์ ปฏิภาณประเสริฐ Modern Bug Racing Runstop Ozawa AFV GJ

     

    ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 20 รอบ)

    เร้าใจต่อเนื่อง มันส์ไม่แพ้ Division 1 สำหรับแชมป์สนามสองตกเป็นของ หมายเลข 8 Warauyo Hinjiranan จากทีม Men’s Health Masterpiece x Nexkart Racing    

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 8 Warauyo Hinjiranan Men’s Health Masterpiece x Nexkart Racing
    2 15 Boonchoke Thiratarakorn Liqui Moly Thailand By Prakin Racing xHGRxVG
    3 99 Tinnasit Isarapongporn Lenso Motorsport by WootBangbon3
    4 39 Clement Leung
    5 5 Jongchai Wongsaithong

     

    ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

                เพลิดเพลินไปกับนักแข่งสาวสวยในรายการ โดยนักแข่งดาวรุ่งจาก Toyota Racing Star Team  “มิย่า พิชชา ทองเจือ” ลงสนามด้วย YARIS ATIV One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก และสามารถชิงอันดับที่ 4 ขึ้นยืนโพรเดียมได้ในสนามนี้ จบการแข่งขันผลปรากฏว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 135 Piyawadee Phuettisan จากทีม  A Motorsport Racing Team

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 135 Piyawadee Phuettisan A Motorsport Racing Team
    2 107 Sitanun Pikulkajorn Bfin Racing Compact Wise the Hub
    3 195 Khemisara Khonpdusa Burgundi Motorsport
    4 198 Pitcha Miya Thongchua TOYOTA Racing Star Team
    5 114 Lunlana Greeut ATECH & PSD DRIVING SCHOOL

     

     

    ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

    กระหึ่มสนามไปกับรายการแข่งขันชิงเจ้ากระบะ โชว์สมรรถนะของเครื่องยนต์ GD Super Power 2,400 ซีซี ผลการแข่งขัน ตำแหน่งแชมป์สนามนี้ ตกเป็นของ หมายเลข 4 Naruchit Kiatmaneesri จากทีม              TD Racing by SP Auto

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 4 Naruchit Kiatmaneesri TD Racing by SP Auto
    2 3 Kittisak Seangsalak BKC x Voltronic By House Of Cars x Vangarg Garage
    3 49 Pongsatorn Ownon KM Racing
    4  55 Perk Lertwangpong
    5 19 Nirut Sutcharit

     

    ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR Sport One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

                เข้มข้น เร้าใจสุดๆ ปีนี้ ยังคงมีนักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” ดารานักแข่งสุดหล่อ เข้าร่วมแข่งขัน และสามารถชิงอันดับที่ 2  ขึ้นยืนโพรเดียมได้ในสนามนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนคลับ จบการแข่งขันปรากฎว่า  หมายเลข 17 Rotor Thongchua จากทีม Superclub Racing Team คว้าแชมป์อันดับ 1 ไปครอง

     

    อันดับ หมายเลข นักแข่ง ทีม
    1 17 Rotor Thongchua Superclub Racing Team
    2 10 Akalavut Mankalasut TOYOTA Racing Star Team
    3 9 Sittichai Kungnimir SpeedRev Racing By NCL Service
    4 66 Srithana Mitaree Lenso Motorsport Sinthorn B88 Wrap X Treme by VG
    5 3 Kentaro Chiba ORC Racing Motul

    นอกจากการแข่งขันรถยนต์สุดมันส์ ยังมีกิจกรรมสำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตได้ร่วมสนุก

    • กิจกรรมพิเศษ GR EXPERIENCE สำหรับลูกค้าจาก GR Garage ทั้ง 6 แห่ง ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ กับรถสปอร์ต ตระกูล GR Series ในช่วง HOTLAP และได้ร่วมพูดคุยกับ CAR GURU อย่าง คุณเบียร์ ใบหยก
    • การจัดแสดงรถยนต์ GR SUPRA TRACK EDITION รุ่นใหม่
    • กิจกรรม WALK ABOUT ON TRACK / PIT WALK ที่มีทั้งนักแข่ง รถแข่ง ที่ทุกคนได้ไปสัมผัส
    • สนุกกับคอนเสิร์ต จากพิธีกรสายฮา ซานิ นิภาภรณ์ และร็อคสุดมันส์ จากวงไททศมิตร
    • GR FAST FUN SHOW ขับโดยนักแข่งจาก จากทีม Toyota Gazoo Racing Thailand และ GR TRIPLE DRIFT SHOW โดยนักขับมืออาชีพ ระดับแชมป์ อย่าง เป้, ปอนด์ และ พีท ทองเจือ ที่เรียกเสียงความมันส์ได้อย่างสะใจ
    • โซนจัดแสดงนิทรรศการ Make EverBetter Cars From Circuit to the Road จัดแสดงรถ GR Model อาทิ GR Supra และ GR Corolla รวมไปถึงยนตกรรม เชื้อเพลิงทางเลือก Carbon Neutral Fuel เพื่อเสริมสร้าง ความเป็นกลางทางคาร์บอน
    • กิจกรรมการประกวดถ่ายภาพ และ TIKTOK Contest
    • กิจกรรม Pit Service Challenge ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ เยาวชนได้ร่วมแข่งขันและใช้ทักษะในการเปลี่ยนยางได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
    • การเปิดพื้นที่แสดงดนตรีสด โดยวงดนตรีจากสถานบันศึกษาในจังหวัดภูเก็ต
    • กิจกรรม Balance Bike Kids (จักรยานขาไถ) สำหรับน้องๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับความสนใจและเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
    • บูธของที่ระลึกจาก GR Collection ที่จับมือกับแบรนด์ CARNIVAL จัดแสดงสินค้าเป็นครั้งแรกในงาน
    • สินค้าอุปกรณ์ตกแต่ง พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ จากบูธสปอนเซอร์ต่างๆ
    • เหล่า Car Club และแฟนมอเตอร์สปอร์ต พร้อมรถแต่งจัดเต็ม ร่วมพูดคุย Meet & Greet กับศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง อย่าง เบียร์ ใบหยก
    • พบข้อเสนอสุดพิเศษ ภายในบูธผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าในจังหวัดภูเก็ต และพันธมิตร

    มันส์กันต่อกับ Toyota Gazoo Racing Thailand สนามที่ 3 และ 4

    13-14 กันยายน นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

    แฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ห้ามพลาด!


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายต่อเนื่อง จับมือกลุ่มอารีมิตรเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ ครอบคลุม 3 จังหวัด สร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจในภาคอีสาน

    1 Min Read

    มาสด้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายต่อเนื่อง จับมือกลุ่มอารีมิตรเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ ครอบคลุม 3 จังหวัด สร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจในภาคอีสาน

    มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับกลุ่มอารีมิตร กลุ่มธุรกิจรถยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่อีสานเหนือ และเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2560 ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ทำเลศักยภาพสูงเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ในจังหวัดมหาสารคาม รองรับการบริการลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือครอบคลุมทั้งจังหวัดมหาสารคาม, กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด พร้อมส่งมอบบริการภายใต้ปรัชญา “Enjoy the Moment with Areemit Mazda” เน้นสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักในทุกการปฏิบัติงาน พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเนื่องในโอกาสเปิดโชว์รูมใหม่ เมื่อจองรถมาสด้าที่อารีมิตร รับโชค 2 ต่อ รวมมูลค่า 190,000 บาท ต่อที่ 1 ลุ้นรับโชครางวัลมูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท ต่อที่ 2 รับบัตรน้ำมันรวมมูลค่า 140,000 บาท และเมื่อนำรถมาสด้าเข้ารับบริการที่อารีมิตร ลุ้นรับโชคคูปองส่วนลดทันที มูลค่าสูงสุด 500 บาท ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 สิงหาคม 2568  นอกจากนี้ มาสด้า อารีมิตร ยังมีแผนในการเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ในจังหวัดร้อยเอ็ดที่พร้อมเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้

    นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มจำนวนสาขาเท่านั้น แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน ทั้งในด้านการบริการที่ได้มาตรฐานเดียวกัน ความสะดวกสบายในการเข้ารับการบริการ และการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งความร่วมมือกับกลุ่มอารีมิตรในครั้งนี้ถือเป็นการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในจังหวัดมหาสารคาม จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนาเครือข่ายของมาสด้า ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันรวมถึงในอนาคต ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกลุ่มลูกค้ามาสด้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

    จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจรถยนต์มาอย่างยาวนาน ทำให้กลุ่มอารีมิตรมั่นใจกับแบรนด์มาสด้าเป็นอย่างมาก ประกาศเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้ทุ่มเงินลงทุนในจังหวัดกาฬสินธุ์ 120 ล้านบาท และในจังหวัดมหาสารคามอีก 100 ล้านบาท และในเร็ว ๆ นี้ เตรียมขยายไปยังจังหวัดร้อยเอ็ดโดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนตุลาคมนี้ ด้วยการเพิ่มการลงทุนอีก 100 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักการบริหารงาน คือ การมุ่งมั่นสร้างยอดขาย ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาคุณภาพของการบริการหลังการขายสู่ความเป็นเลิศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุก ๆ ด้าน ผ่านแนวคิด ”ความพึงพอใจสูงสุด คือมาตรฐานการทำงานของเรา” โดยได้วางกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างผ่านการยกระดับมาตรฐานโชว์รูมในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด พร้อมมุ่งสร้างแบรนด์ให้ก้าวสู่ระดับพรีเมียม โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากกว่า 10%

    “ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์มากกว่า 30 ปี ของ บริษัท อารีมิตร กรุ๊ป จึงทำให้มีความชำนาญในการดูแลลูกค้า รวมถึงความพร้อมด้านบุคลากร ช่างซ่อม ทีมงานขาย และการให้บริการแบบมืออาชีพ ตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจรถยนต์มาสด้าก็คว้ารางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย ทั้งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม หรือ Mazda Dealer of Excellence Award ถึง 4 ปี ติดต่อกัน เราจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ที่ดำเนินงานภายใต้มาสด้าอารีมิตร จะส่งมอบการประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการได้อย่างแน่นอน” นายธีร์ กล่าว

    นางพิกุล อุตรนคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด กล่าวว่า โชว์รูม มาสด้า อารีมิตร สาขา มหาสารคาม ตั้งอยู่บนพื้นทั้งหมด 3,600 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่โชว์รูมและพื้นที่ส่วนงานบริการ ที่สามารถรองรับงานเช็กระยะและงานซ่อมได้กว่า 500 คันต่อเดือน โดยตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพซึ่งเป็นย่านชุมชนและเขตเศรษฐกิจหลักของจังหวัดมหาสารคาม อยู่บนถนนสายหลักมีความสะดวกสบายในการเดินทาง และอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญของจังหวัด เช่น เทศบาลเมืองมหาสารคาม ถนนนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเชื่อมต่อไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด และยังมีระยะห่างจากจังหวัดร้อยเอ็ดเพียง 30 กม. ทำให้ลูกค้าในจังหวัดร้อยเอ็ดสามารถเดินทางมารับบริการที่โชว์รูมได้ใกล้ขึ้น ซึ่งส่งผลให้โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งนี้จะเป็นจุดเชื่อมต่อที่สามารถรองรับลูกค้าจากทั้งสองจังหวัดได้

    นายณัฐพล อุตรนคร กรรมการผู้จัดการขาย บริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด กล่าวว่า ที่มาสด้า อารีมิตร เรายึดหลักแนวคิด “Enjoy the Moment with Areemit Mazda” ที่สะท้อนถึงปรัชญาการทำงานที่เน้นสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เมื่อลูกค้ามารับบริการกับเราจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุก ๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การติดต่อประสานงาน การเข้ารับบริการ รวมถึงมีความพร้อมของห้องรับรองลูกค้า ที่พร้อมให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและอบอุ่นในระหว่างรอรับรถ และในส่วนของงานบริการก็เช่นกัน เรามีทีมช่างและพนักงานที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐาน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ เราจึงมั่นใจว่าโชว์รูมแห่งใหม่จะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด ได้เป็นอย่างดี

    “มาสด้า อารีมิตร มุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอน ทั้งด้านการขาย การบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีและตัวถังมาตรฐานแบบครบวงจร โดยยึดมั่นในคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน ทุกบริการของเราดำเนินการโดยทีมช่างผู้ชำนาญและพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมมอบความมั่นใจด้วยการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่สูงสุดถึง 20,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปีเต็ม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าเราจะให้การดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว เพราะลูกค้าทุกคนคือคนพิเศษสุด เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจและกลับมาใช้บริการกับเราตลอดไป” นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติม

    มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ มาสด้า อารีมิตร พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เพื่อแทนคำขอบคุณที่เลือกใช้มาสด้าเป็นรถยนต์คู่ใจไปตลอดการเดินทาง โดยลูกค้ามาสด้าทั้ง 3 จังหวัด หรือพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ารับการบริการได้แล้วทั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment